มีจุดชมวิวสร้างเป็นศาลาไม้ไผ่ยื่นออกไปนอกตลิ่ง
เพื่อให้นักท่องเที่ยวมานั่งหรือนอนเล่นรับลมเย็นๆ
เมื่อมองลงไปด้านล่าง จะเห็นช้างกำลังพานักท่องเที่ยวเดินเลียบตลิ่งชมธรรมชาติ
เห็นเขานั่งก็อยากนั่งมั่ง แต่พอมองดูขนาดตัวพี่ชายแล้วกลัวจะไปทำช้างเขาหลังหัก
เลยตัดสินใจไม่นั่งดีกว่า สงสารช้าง เดี๋ยวเขาจะหาว่าทารุณสัตว์ อิอิ
ฝนตกปรอยๆ อากาศชื้นๆน่านอนดีจัง
เดินมาดูในส่วนของคอกที่ขังช้าง(ไม่รู้เขาเรียกแบบนี้รึเปล่า)
สามารถซื้อผลไม้เป็นอาหารเลี้ยงช้างได้ด้วย เห็นน้องช้างยื่นงวงมาขออาหาร
สงสาร เลยซื้อกล้วยให้ไปหลายหวี น้องช้างกินกล้วยได้น่ากลัวมาก
กล้วยหายวูบๆๆๆๆเข้าปากน้องช้าง แป๊บเดียวหมด เหอๆๆๆๆๆ

เป้าหมายต่อไปคือ ถ้ำกระแซ ก็งงๆว่าถ้ำอยู่ไหนหว่า
เพราะเห็นแต่รางรถไฟไกลสุดทาง
คุณพี่ชายหมดแรง บอกไม่เดินแล้ว นั่งรอซะงั้น
เออ งั้นไปคนเดียวก็ได้วะ เดินต๊อกๆๆๆๆตามรางรถไฟไปได้สัก 50 เมตร
มีทางเลี้ยวเข้าไปในภูเขา นี่ไง
ถ้ำกระแซ อยู่ตรงนี้เอง
ก็เป็นถ้ำเล็กๆ มีพระพุทธรูปให้คนเข้ามาสัการะบูชาได้
ด้านหลังมีถ้ำต่อออกไปอีก แต่ในตัวถ้ำก็ไม่มีอะไรนอกจากกลิ่นฉี่ค้างคาวเหม็นๆ
ตัดสินใจเดินออกมาไหว้พระ เสี่ยงเซียมซี อะไรก็ดีไปหมด ยกเว้นเรื่องคู่ครอง ปัดโถ่

มาเที่ยวจนเย็นแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับเข้ากรุงเทพซะที
แล้วตะลุยเมืองกาญของเราก็จบลงอย่างสวยงาม ประทับใจเราจริงๆ
ใครสนใจลองไปเที่ยวกันดูนะจ้ะ สนุกมาก

รูปที่ 6 นึกว่าคุณน้อง นอนให้ตาอ้วนเหยียบ
แบบว่า มองผ่านๆ มันคลับคล้ายคลับครา อิอิ