ไปไหนไปกัน..คว้ากล้อง.. ส่องเลนส์..

นอนค้างกลางเขา .. ทาเตยามะ .. ที่ไรโจโซ Raichoso

นอนค้างกลางเขา .. ทาเตยามะ .. (Tateyama Mount) ภูเขา 1 ใน 3 ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น



ตามที่เห็นโดยทั่วไปคนที่มาเที่ยวเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route มักจะมาเป็น one day trip มาเช้าเที่ยวบนเขาแล้วกลับลงไปนอนด้านล่าง ... บ้างก็เลยต่อไปมัตสึโมโต้ หรืออีกฝั่งก็จะเป็นเมืองทาเตยามะ หรือในเมืองใหญ่อย่างโทยามะ (Toyama) ไปเลย

แต่ไหน ๆ เราก็ทุ่มทุนสร้าง ซื้อตั๋วเดินทางแบบไปกลับ บนเขาตามที่เล่ามาแล้ว มีเวลาใช้งานบนตั๋วตั้ง 5 วัน ... ทำไมไม่นอนค้างบนเขาซะเลย

ค่อย ๆ เที่ยว .. อาจได้เก็บแสงเช้า แสงเย็น เดินเที่ยวบนเขาเป็นเวลา 2 วัน (เอาเข้าจริง ๆ ทุกอย่างถูกหั่นครึ่ง .. ได้เที่ยวแค่วันเดียว เพราะแดดออกวันเดียว อีกวันฝนตก ได้เก็บแค่แสงเย็น.. เพราะแสงเช้าไม่มีเนื่องจากฝนตก .. )

พักค้างคืน ตอบโจทย์ที่สุดแล้วค่ะ ...



มีที่พักที่ปรากฎในเวปจองที่พักยอดนิยม อย่าง Booking.com , Agoda, Japanican แต่ว่าเกินงบของเราค่ะ .. ออกจะหรูหราเกินไป ..

อยากได้แบบธรรมดา .. ติดดิน ประหยัดงบ ตอนนั้นเจอที่เดียว (ที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษให้ค้นหาต่อได้) คือ Raichoso อยู่ในพ้นที่ที่ต้องเดินไปอีก 30 นาที (ของคนญี่ปุ่น ... แต่่คูณสองสำหรับพี่ไทย และคูณสามสำหรับตัวเอง) ...

ตอนที่จองคิดแค่ว่า ได้เดินก็ดี เดินเล่นบนเขา ถือว่าเป็นการเดินเที่ยวไปด้วย มีโอกาสได้พบเจออะไร ๆ ระหว่างทาง คงเดินได้เพลิน ๆ ...


จากภาพถ่ายที่ถ่ายมาให้ชม จะเห็นได้ว่า 2 สาวต้องแบกเป้ พกกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยตลอดเส้นทาง ... (เตือนคุณน้องขาแล้วว่าให้ใช้เป้ จะได้คล่องตัว แต่คุณน้องไม่ถนัด สาวสวยไม่แบกเป้ สะพายกระเป๋า 2 ใบเอง .. )




แค่เห็นวิวก็บอกว่าผ่านค่ะ ... แต่สังเกตเส้นทางเดินนะคะ ... คดไปเคี้ยวมา ระยะทางที่เห็น ..เวลาเดินจริง ไกลมาก คดไปโค้งมา มองเท่าไหร่ จุดหมายก็ยังอยู่ที่เดิม .. เดินไม่ถึงสักที



เราเดินทางออกมาจากสถานีกระเช้าไฟฟ้าในรอบสุดท้ายของที่นั่น ลงสถานีมูโรโด (Murodo station) เป็นเวลา 5 โมงกว่า ๆ .. ถ้าใครจะเดินทางต่อก็ยังไปต่อได้ค่ะ แต่เราพักค้าง... ทันได้เห็นแสงตะวันลา (แสงไม่จัด.. แต่พอจับได้)




ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่กลุ่มสุดท้าย .. เดินเที่ยวอย่างเร่งรีบบนมูโรโด .. แสงเที่ยง กับแสงเย็น ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน





ทำเอาคุณน้องขา แทบไม่ก้าวเท้าไปไหน นางก็เซลฟี่ของนางไปเรื่อย



แต่ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องเร่งแล้ว แสงจะหมดแล้ว ถ้ามืดแล้วเรายังไม่ถึงที่พักจะลำบาก เพราะไม่มีเสาไฟส่องสว่างระหว่างทาง มือถือก็แบตจะหมดแล้ว จะใช้แอ๊ฟไฟฉายก็คงลำบาก



ผ่านบึงมิโดริกะ .. ดูดวิญญาณได้อีก ... สวยจนต้องหยุดถ่ายภาพ



น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ตกเขาในช่วงที่มองไม่เห็น หลบมุมภูเขาลูกไกล ๆ โพ้น ...



เส้นทางที่จะเดินไปที่พัก ต้องผ่านหุบเขานรกที่พร้อมจะพ่นแก๊สภูเขาไฟออกมาได้ทุกเมื่อ จะมีสถานีคอยดักจับแก๊สวัดระดับความรุนแรงของแก๊สที่พุ่งขึ้นมา ธงเขียวขาว (เล็ก ๆ ในรูปนั่น) เป็นตัวบอกทิศทางแก๊สและความรุนแรงของแก๊สที่พุ่งขึ้นมา ถ้าธงหกคะเมนตีลังกาไปมากเท่าไหร ไปทิศใด นั่นแหละเป็นเครื่องหมายบอกว่า ไม่ควรผ่าน


สำหรับยามนั้นของเรา .. ธงสงบค่ะ ..

ตอนจะจองที่พัก เค้าเตือนเราแล้วนะคะ ว่าจะมีแก๊สพุ่งขึ้นมาระหว่างทางเดิน คนที่เป็นโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบหรือมีโรคหัวใจ เด็กทารก หรือหญิงตั้งครรภ์จะต้องมีการป้องกันการได้รับแก๊สพิษเพิ่มเติม เช่นปิดปากปิดจมูกด้วยผ้า การเอาผ้าชุบน้ำปิดปากปิดจมูกจะช่วยลดอาการแสบตาแสบคอจากแก๊สภูเขาไฟได้มากเลยค่ะ



ยิ่งมืดขึ้นมา ก็ยิ่งทั้งสวยและน่ากลัว ..

ชื่อที่พักของเรา Raichoso .. มาจากนกไรโจ (นกสายฟ้า) อันเป็นนกขึ้นชื่อของที่นี่ ที่พักชื่อบึงนกไรโจ .. น่าจะเป็นเพราะถิ่นที่พักของไรโจ แต่เย็นนั้นตัวเองไม่เห็นนกไรโจ เห็นแต่เจ้านกตัวเล็ก ๆ แบบนี้ .. กระโดดไปมาบนพื้น (นางไม่ยอมบินค่ะ)





เดินตั้งนาน ไม่ถึงสักทีค่ะ แค่ระยะที่ตาเห็น แต่ต้องเดินขึ้นเขา ลงเขา สลับกันประมาณสัก 3 รอบ .. ถึงจะถึง



มาถึงที่พักแบบได้เวลากินข้าวเย็นพอดีเลยค่ะ .. เค้าเอากุญแจห้องให้เรา ให้ลายแทงที่พัก อันมีทางเดินไปห้องน้ำร่วม (แต่แยกชายหญิง) มีประจำทุกชั้น (ที่พักมี 3 ชั้น มีชั้นใต้ดิน -- จริง ๆ ต้องเรียกใต้เขา เป็นห้องอาบน้ำรวม และออนเซ็น)

ห้องกินข้าว ห้องพักสังสรรค์ ...



ขนาดของห้อง จุได้ 3 คน ... (แบบเต็มพื้นที่) แต่เราพัก 2 ยังมีที่โล่งให้กระจายสมบัติ



ตามปกติเวลาพักมินชุกุ หรือเรียวคังแบบญี่ปุ่น จะมีคนมาปูที่นอนให้เราตอนเราออกไปกินข้าว แต่ที่นี่ ... อยู่บนเขาสูง... แรงงานมีน้อย ใช้สอยต้องประหยัด .. เค้าให้เราปูที่นอนเอง ค่ะ มี ฟูก ผ้าห่ม ผ้านวมให้เสร็จ.. ปูยังไง อะไรก่อนอะไรหลัง ก็ตีกันเอง ..

ในห้องมีปลั๊กเยอะมาก (แล้วเราแบกปลั๊กพ่วงมาทำไมให้เมื่อยตุ้ม) แต่ไม่มีพัดลมหรือแอร์นะคะ .. คาดว่า ถ้าฤดูหนาวมาก ๆ เค้าคงมี option เสริมคือเครื่องทำความร้อน



ไปจัดการอาหารเย็นค่ะ ค่าห้องเราจ่ายร่วมกับค่าอาหารเย็น (แน่นอน .. ออกไปหากินที่อื่นไม่ได้ ไม่มีขาย) และอาหารเช้า ในสนนราคา 11,700 เยนต่อคน ... ก็ไม่โหด



อาหารเย็นเซ็ตที่นั่งไว้ให้แขกตามรายชื่อเข้าพัก สิ่งที่เติมได้ไม่อั้นคือ ข้าว ซุปมิโซะและน้ำชา .. พนักงานที่นี่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงค่ะ ... มีความรู้สึกว่า อาหารฝืดคอไปหมด น่าจะเป็นเพราะหายใจเอาแก๊สภูเขาตอนช่วงเดินมาที่พักเข้าทางปากมากไปหน่อย (คือยิ่งเดินมาก ก็เหนื่อย หายใจไม่ทัน ออกซิเจนก็ยิ่งน้อยลง เลยต้องหายใจทางปาก ลืมเอาผ้าชุบน้ำปิดปากอย่างเค้าแนะนำ .. ผลคือ คอแห้งฝาก .. ทางเดินหายใจแห้งมาก...)

กลืนข้าวแทบไม่ลงค่ะ ...มื้อนี้เลยไม่อร่อยเลย

แขกที่มาพักรอบนี้ไม่ค่อยมีชาติตะวันตก (ปกติจะเยอะ) มีแต่คุณตาคุณยาย (อายุปูนนั้นเค้าก็ยังมาปีนเขาเล่นนะคะ) คุณลุงคุณป้า มากันเป็นกลุ่ม มีพี่ไทยแค่ 2 คนนี่ล่ะค่ะ

กินข้าวเสร็จ นอนตายพักขาที่อ่อนล้าไปสักพัก ค่อยคลานไปอาบน้ำ ใครไม่อาบน้ำรวมแบบญี่ปุ่น อาจไม่ชอบ ... แต่จริง ๆ ไม่ลงแช่อ่างน้้ำร้อนก็ได้ค่ะ อาบฝักบัวข้างบนก็ได้ แต่ที่ตะขิดตะขวงใจชาวไทยก็คือการแก้ผ้าอาบน้ำต่อหน้าคนอื่นนี่ล่ะค่ะ .. เอาน่า .. แค่หลับตาก็ไม่เห็นใครแล้ว



บ่อแช่น้ำมี 2 แบบ จะเป็นน้ำร้อนธรรมดา หรือน้ำพุร้อนจากใต้ดินก็ได้ค่ะ .. มีให้ 2 บรรยากาศ จัดการไปทั้งสองนั่นล่ะค่ะ

ทีแรก ตอนเค้าพูดถึงแก๊สภูเขาไฟ คิดถึงแก๊สกำมะถัน .. แต่ที่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด พอมีกลิ่นบ้าง แต่ไม่ฉุนมากเหมือนที่เบ็บปุ แต่ว่าไอ้ไม่มีกลิ่นนี่ดูอันตรายกว่า ดูตัวเองสิ หายใจทางปากไปตั้งนาน .. มารู้ตัวว่าได้แก๊สไปเต็ม ๆ ตอนที่ออกอาการคอแห้ง แสบคอไปหมด กินน้ำหมดเป็นเหยือก ๆ ก็ไม่ช่วย

ถ้าแรงดี .. ไปตั้งกล้องถ่ายทางช้างเผือก หรือหมุนดาวอะไรเทือกนั้นก็น่าจะดีนะคะ แต่เหนื่อยมากค่ะ ขอนอนพักขาดีกว่า .. ตี 2 ฝนตกค่ะ .. ตกยาวไปถึงวันรุ่งขึ้น ...



อาหารเช้าเป็นบุฟเฟต์ค่ะ อยากกินอะไร เชิญตักได้เลย ...มื้อนี้ค่อยยังชั่วค่ะ มีอาหารให้เลือกหลากหลายดี



ข้าวต้มเละ ๆ คล้ายโจ้กต้มใส่กับกระเจี๊ยบมอญเขียว ๆ นั่น ... จืดมาก เหนียวเป็นยางยืด ออกแหยะ ๆ สำหรับคนไม่ชอบอะไรตึ๋งหนืด (บ้านเราเวลาเอาเจ้ากระเจี๊ยบมอญมาปรุงอาหาร จะไม่ใส่ความร้อนนาน เพราะจะเหนียวเป็นยาง)



แช่ออนเซ็นก็แล้ว ละเลียดข้าวเช้าก็แล้ว .. จวนจะถึงเวลาเช็คเอ้าท์ 9.00 น. ฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก .. เลยต้องตัดใจ งัดอาวุธที่ตระเตรียมมาออกมาสู้ฝน ...



หน้าทางเข้าที่พักค่ะ ... ถือเป็นชั้น 2 ของตึก



ใคร ๆ เค้าก็เดิน .. เดินตามเค้าไปค่ะ ฝนตกแค่ไหนก็ไม่หวั่น ..





ผ่านบึงจิโนะ (บึงสีเลือด) .. ไม่สามารถละเลียดแวะข้างทางได้ค่ะ ฝนตกไม่มีหยุด





เดินมาถึงครึ่งทางก็เจอที่ที่น่าจะเป็นที่พักของเราในทริปหน้า ถ้ามีโอกาส (ยังไม่เข็ด) คือ Mikurigaike Onsen's ทำเลดี อยู่ริมบึงสวย ระยะเดินไม่ไกล แต่ว่ามีจำนวนห้องพักน้อย คนส่วนมากนิยมมาแช่ออนเซ็นแบบไปกลับ ไม่ค้างคืนมากกว่า ... เพราะจุคนเข้าพักได้แค่ 120 คน เราเลยไม่เห็นชื่อที่พักนี้ขึ้นในรายชื่อที่พักจองได้ ...



หรือถ้าจะเอาใกล้และห้องพักดูหะรูหะราขึ้นมากอีกหน่อย ก็เป็นที่นี่



Tateyama Murodo Sanso จุได้แค่ 70 คน ราคาก็ขยับขึ้น ยิ่งใกล้สถานีมูโรโด ยิ่งแพง





ในที่สุดก็เดินมาถึงสถานีมูโรโด มาจับรถบัสนั่งกลับไปยังสถานีบิโจไดระ .. แวะสถานีระหว่างทางไม่ได้ตามระเบียบ เพราะฝนไม่หยุดตก









ถึงฝนจะตกแต่ก็สวย... อยากถ่ายภาพเท่าไหร่ก็ยิงไปเลย รถโล่ง เพราะเป็นขาลง คนอื่นเค้าสวนขึ้นมา (ถึงพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตกบนเขา แต่ก็ยังมีคนมา .. กันเยอะ เพราะวันนี้เป็นวันหยุด และเป็นวันเปิดฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่วันแรก)

เดี๋ยวพากลับแล้วค่ะ แต่ยังไม่หมดเรื่องเล่า .. เป็นคนเรื่องเยอะค่ะ ..




ตอนแรก :
ภารกิจพิชิต Tateyama Alpine Route ต้นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี


ตอนที่ 2 :
ไปให้ถึงทางเริ่มต้นเส้นทางแอลป์ทาเตยามะคุโรเบะ


ตอนที่ 3 :
จากสถานีต้นทางเลยไปถึงทุ่งชุ่มน้ำมิดางะฮาระ


ตอนที่ 4 :
มูโรโด (Murodo Station) แห่งเส้นทางแอลป์ทาเตยามะคุโรเบะ



ตอนที่ 5 :
นั่งกระเช้าไฟฟ้าชมเขื่อนคุโรเบะ (Kurobe Dam)

ตอนที่ 6 :
นอนค้างกลางเขา .. ทาเตยามะ .. ที่ไรโจโซ Raichoso


ตอนที่ 7 : Tateyama - Toyama - Himi ... เส้นทางชิล ๆ ... เดินทางเพลิน ๆ





 

Create Date : 13 ตุลาคม 2559
2 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2561 20:15:06 น.
Counter : 3345 Pageviews.

 

แวะมาเยี่ยมชมบล็อก ดูหนัง ดูหนัง

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3392475 18 ตุลาคม 2559 15:54:19 น.  

 

ยินดีค่ะ ..

 

โดย: poongie 18 ตุลาคม 2559 20:06:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


poongie
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




มามะ มาเที่ยวกัน มามะ มาถ่ายรูปกัน..
I'm an one who fall in love with photographing and travelling, Let's travel by my photos together.
...การท่องเที่ยว คือกำไรของชีวิต.. ช่วงนี้เลย .. หัด .. ค้ากำไร .. เกินควร ถึงรูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะคะ
Visitor Map
Create your own visitor map!
New Comments
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2559
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ตุลาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add poongie's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.