|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
6 สิงหาคม 2551
|
|
|
|
รัก..ไม่ได้ออกแบบ2
กานต์ ดาวเต็มฟ้าเลยอยากให้ได้เห็นจัง จิราอยู่ไหน โทร.หาสองสามครั้งทำไมไม่ติด ที่ร้านก็ไม่แวะมา แล้วนี่โทร.มาจากไหน ดาวที่ไหนเต็มฟ้า โห
ถามซะยาว ตอนนี้นอนดูดาวอยู่บนดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศนะ รู้ปะที่ไหน ติ๊กตอก ติ๊กตอก ผิดค้าบ
อ้าวยังไม่ตอบเหรอ รู้ปะๆ ฉันนอนหัวเราะล้อกานต์เล่น ไม่รู้ บอกมาเลยยัยเบอะ ดอยฟ้าฮ่มปก หรือดอยผ้าห่มปกไง อยู่ที่อำเภอฝาง อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง เคยมายัง ยังล่ะซี้ อุ๊ยๆๆๆ ดาวตกๆ ว้า!ยังไม่ทันได้อธิษฐานเลย ว้าๆๆ หา..ดอยผ้าห่มปก ไปกับใคร ยังไง จิรา อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิกานต์ เดี๋ยวคิดนะ คนยิ่งกำลังโลนลี่อยู่นะ เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวคิดจริงๆด้วย เสียงกานต์จุ๊ปาก อุ๊ยๆๆดาวตก ขอให้โลกสงบสุข ขอให้คนไทยรักกัน เพี๊ยง หลังคำอธิษฐาน ฉันได้ยินเสียงใครสองสามคนทำเสียงโอ๊กอ๊าก และตามมาด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน ฉันคงอธิษฐานเสียงดังไปหน่อยหลายคนคงอิจฉา ไปกันหลายคนเหรอได้ยินเสียงหัวเราะ ไม่ชวนเลยนะจิรา ไม่มีแผนไงกานต์ อยากมาก็มาเลยชวนไม่ทันขอโทษนะกานต์กานต์ พอดีเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนึง มีอยู่สักสิบคนน่าจะได้ ทุกคนน่ารักมาก แล้วไปเจอกับเขาได้ไง ขับรถมาไงจอดไว้ข้างล่างแล้วก็ขอเกาะขึ้นมา โถ กานต์จะห่วงอะไรนักหนา พรุ่งนี้เย็นๆก็กลับแล้วนะ พรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าจะไปเก็บตะวันบนยอดดอยโน่น ต้องนอนแล้วนะกานต์ พรุ่งนี้จะโทร.หาอีกละกันนะ ฝากจุ๊บแก้มคุณทศทีนึง ห้ามเกินนี้นะ อิอิ แล้วฉันก็ตัดสายไม่ปล่อยโอกาสให้กานต์ถามอีก ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตีสามตามที่เพื่อนใหม่ที่เกาะมาด้วยบอก ไหว้พระไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา ซุกตัวเข้าถุงนอนนอนอุ่นๆในคืนที่หนาวเย็น
ใครนะใครถึงได้เข้าใจมาตั้งชื่อ ม่อนวัดใจ เส้นทางเดินขึ้นเขาเส้นนี้ ม่อนวัดใจ ถ้าใจไม่ถึงก็ถอยกลับไปซะเถิด เดินมาแค่ไม่กี่สิบเมตร ฉันก็หอบลิ้นห้อยเส้นทางมืดๆ มีสองสามคนเดินนำอยู่ข้างหน้า และมีคนอีกสี่ห้าคนกำลังเดินตามมาข้างหลัง คิดถึงกานต์กับคุณทศจัง ถ้าสองคนหรือคนใดคนหนึ่งมาด้วยก็คงจะดี คงไม่เหงาอย่างนี้ นี่ฉันตัดสินใจผิดอีกแล้วรึไงนะยัยจิรา
หลังจากที่โดนแสนบอกเลิก ชีวิตของฉันก็ดำเนินไปตามปกติ มีขาดๆเกินๆบ้างเช่น ต้องทานข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว บ่นคนเดียว แต่จะว่าไปกิจกรรมที่ว่ามาก่อนหน้านั้นก็เป็นอย่างนี้ น่าขำ คบกันกับแสนยังไงทำมั้ยทำไม ชีวิตมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งก่อนและหลัง .. มืดตึ๊ดตื๋อเลย พอเดินขึ้นมาถึงข้างบนมองไปที่ไหนก็มืด ต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไปทั่ว สามคนที่เดินออกก่อน หายไปตรงโค้งข้างหน้า ฉันหยุดยืนพักเหนื่อยและลังเลว่าจะเดินไปยังไงดี รอกลุ่มข้างหลังก่อนดีกว่า หันกลับมองไปด้านหลังก็ทำเอาใจหายวูบก็จู่ๆก็มีคนยืนอยู่ข้างหลัง มาเมื่อไหร่ไม่รู้เงียบเชียว
ช่วยแบกเป้มั้ยครับ ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ เป้ไม่หนักแต่คนน่ะ..เหนื่อย ฉันยิ้มให้ความมีน้ำใจของเขา จะมองเห็นรึเปล่าไม่รู้สิก็มันมืด รอกลุ่มหลังก่อนก็ได้ หรือจะเดินต่อ เดินตามทางไม่หลง แต่อาจจะหลอนนิดหน่อยเพราะมืด ฟังเขาว่าสินั่น แล้วฉันจะกล้ามั้ยเนี่ย ทำหน้าเริ่ดเชิดไว้ เหรอคะ งั้นฉันค่อยๆเดินไปก่อนละกัน เพราะฉันเดินช้า เดี๋ยวกลุ่มข้างหลังก็ตามทัน ฉันส่องไฟฉายนำทางแล้วออกเดินต่อ เดินไปสักพักมีเสียงสัตว์และแมลงกลางคืนร้อง ฉันตกใจเลยต้องหยุดยืน เดินถอยหลังสองสามก้าวและชนเข้ากับใครบางคนที่เดินตามหลังมา ได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ข้างหลัง หึ หึ พอหันกลับไปดูก็เจอผู้ชายคนเมื่อกี้ยืนอยู่ คนอะไรตัวก็ออกจะโตแต่เดินเบายังกับผี เฮ้ย..หรือจะไม่ใช่คน คิดเลอะเทอะไปได้ขนาดนั้นยัยจิรา เฮ้อ..ยัยจิราคิดอะไรเนี่ย
มาเถอะเดี๋ยวผมเดินนำ เขาว่าแล้วส่องไฟฉายเดินนำ ฉันมองไปข้างหลังเห็นลำแสงของไฟฉายหลายลำ เสียงพูดคุยแว่วมาให้ได้ยิน สิครับ เดี๋ยวไม่ทันดูแสงแรกของวันนะ เขาหันกลับมาเรียกเมื่อฉันยังไม่เดินตาม ฉันจึงฉายไฟส่องทางและเดินตามหลังเขาไป มีเสียงอะไรสักอย่างร้องขึ้นนั่นทำให้ฉันรีบก้าวตามเขา ระวังรากไม้นะครับ ระวังหัว หนามนะครับ เสียงบอกระวังนั่นนี่อยู่ตลอดเวลา ยิ่งเดินยิ่งสูง ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งสูงยิ่งเหนื่อย สาบานได้ว่าพยายามหายใจเบาๆแล้วแต่มันก็หอบดังจนคนเดินนำหน้าได้ยิน ก็เร่งเดินตามคนขายาวนั่นทำให้ฉันเหนื่อยมากๆ และเขาคงได้ยินเสียงหอบหายใจจึงหยุดพักและหันมาบอกกับฉันว่า พักก่อนก็ได้ครับพ้นดงไม้ข้างหน้าจะถึงที่โล่งแล้ว และเราจะเริ่มมองเห็นแสงรำไรบ้างแล้วล่ะ ฉันหยุดพักกำลังจะยกน้ำขึ้นมาดื่มนึกขึ้นได้จึงยื่นส่งให้เขาก่อนแต่เขาปฏิเสธ ท่าทางเหมือนไม่เหนื่อยเลย
คุณเหนื่อยมั้ย เสียงถามขาดห้วง เขาหัวเราะหึ หึ ในคอ นิดหน่อยครับ ฉันพยักหน้าบอกเขาว่าไปต่อได้ เขาจึงเดินนำ พอพ้นดงไม้ก็เจอที่โล่งไม่กว้างเลย เป็นต้นหญ้าต้นใหญ่ๆ ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มมีแสงสว่างบ้างแล้ว เขาเดินนำขึ้นไปอีกไม่กี่เมตรก็ถึงที่หมาย จุดสูงสุดของยอดเขา จุดชมพระอาทิตย์และทะเลหมอก มีป้ายที่เจ้าหน้าที่ปักไว้เป็นหลักฐาน เราเจอสามคนที่เดินออกก่อน หลังจากทักทายกัน เขาเดินสำรวจสันเขารอบๆและเลือกพื้นที่ที่จะนั่งชมพระอาทิตย์ได้อย่างชัดเจนและเดินมาเรียกให้ฉันนั่งพัก เขาดึงผ้ายางผืนไม่ใหญ่มากพอนั่งได้สองสามคนออกมาปูและชวนฉันนั่ง ถึงเวลานี้ไม่มีอิดออด เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว เราดับไฟฉาย ลง เพราะเริ่มมีแสงสว่างบ้างแล้วแม้จะไม่ชัด ตีห้าครึ่ง พรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกาบอกอย่างนั้น
บนท้องฟ้ายังมีดาวบางดวงกระพริบ ดาวประจำเมืองสุกใส เสียงลมพัดใบไม้คล้ายเสียงดนตรี เสียงเฮของนักท่องเที่ยวที่ตามมา แต่ละคนต่างก็เดินหามุมนั่งพักรอชื่นชมการแสดงแสงสีของธรรมชาติ เสียงพูดคุยกันเบาๆ ฉันกับเขาเรานั่งกันเงียบๆฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร ไม่บอกก็ไม่ถามล่ะนะ ถึงแม้จะอยากรู้ก็ตาม ฉันเปิดเป้หยิบกระติกเก็บความร้อนที่ชงกาแฟใส่เมื่อเช้ามืด ไม่สิเมื่อตอนตีสามออกมา รินกาแฟใส่ในฝากระติกและยื่นให้เขา เขามองหน้าก่อนยิ้มออกมาและเปิดเป้หยิบกระติกออกมาเหมือนกัน แปลได้ว่าต่างคนต่างพกมา กลิ่นกาแฟหอมๆกาแฟร้อนๆที่ตอนนี้ช่วยให้บรรยากาศเย็น อุ่นขึ้น เราต่างนั่งกันเงียบๆ คนแปลกหน้าไม่มีเรื่องราวใดๆจะพูด บนเทือกเขาผีปันน้ำ ผู้คนหนึ่งหยิบมือนั่งเฝ้ารอการแสดงของธรรมชาติ มีแสงสีแดงระเรื่อที่ปลายฟ้า มีปุยนุ่นหนาล่องลอยไปมา แสงสีส้มแสดแดงค่อยๆกระจ่างตา อยากจะเป็นนักกวี อยากจะเป็นนักเขียน จะเก็บความงดงามเหล่านี้ไปฝากกานต์กับคุณทศ กล้องเล็กๆของฉันถูกหยิบขึ้นมากดเก็บความงดงามไว้ ฉันยิ้มให้ความงามที่เห็นเบื้องหน้า สวยจัง ใช่ สวยจัง คนที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นเบาๆ ฉันหันหน้าไปมองเขาก็พบว่าเขามองจ้องอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของฉันยังคงเปื้อนยิ้ม และยังยิ้มค้างเอื้อเฟื้อไปให้เขาด้วย
เสียงกดชัตเตอร์ เสียงพูดคุยเสียงของความสุขดังทั่วยอดเขา รอจนหมอกเริ่มสลาย และพระอาทิตย์ดวงโตโผล่ขึ้นเต็มดวง เหล่านักท่องเที่ยวก็ชวนกันถ่ายรูปกับป้าย คุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ ฉันยื่นกล้องตัวเล็กให้ก่อนจะเดินเข้าไปขอรวมหมู่กับคนอื่นๆ เขาถือกล้องของฉันไปยื่นให้ใครอีกคนแล้วเดินเข้ามายืนข้างฉันและบอกว่า ถ้าผมกดให้แล้วเราจะมีรูปคู่กันได้ยังไง เขาว่ายิ้มๆ ฉันทำเสียงบางอย่างในคอ เหอะ.. เขายิ้มอีกแล้วคนอะไรยิ้มเก่งชะมัด มองกล้องครับมองกล้อง จะมามัวมองหน้าผมทำไม แล้วเสียงใครบางคนในกลุ่มก็พูดขึ้นว่า เอ้า ชีสสสสสส เป็นอันว่ารูปหมู่รูปนั้นฉีกยิ้มกันทุกคน
ทั้งที่สายแล้วแต่อากาศก็ยังเย็นจับใจ ขากลับมี กลุ่มเพื่อนใหม่ที่แสนจะน่ารักพากันเดินลงอีกด้านของเทือกเขามีเจ้าหน้าที่นำทาง ฉันเดินไปดูทางค่อนข้างชัน
คุณจะไปด้วยมั้ย คนตัวโต ผิวเข้ม ยิ้มสวย ใช่ๆยิ้มสวยยิ้มเก่ง เดินมายืนข้างๆฉัน และมีเพื่อนในกลุ่มชวนให้เขาไปด้วยกัน ฉันส่ายหน้า เขาจึงบอกเพื่อนๆว่าไม่ไปและชี้มาที่ฉันและบอกว่า เดี๋ยวไม่มีเพื่อนเดินกลับ เพื่อนๆในกลุ่มของเขาหัวเราะและส่งเสียงแซว ฉันจึงรีบหันหลังเดินกลับทางเดิมที่เดินขึ้นมา และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวทั้งที่อากาศเย็น และเพราะรีบจึงได้ลื่นไถลล้มบริเวณที่เป็นต้นหญ้า เขารีบเดินตามและยื่นมือให้ฉัน ฉันมองมือที่ยื่นให้และมองหน้าเจ้าของมือ ก่อนเหนี่ยวตัวลุกขึ้นยืน ถ้าคุณยิ้มหรือหัวเราะฉันจะโกรธคุณจริงๆด้วย บอกไว้ก่อนเลย ฉันว่า อ้าว
ไหงงั้นล่ะคุณ ฉันลุกขึ้นได้และเดินต่อนำหน้าเขา ได้ยินเสียงหัวเราะหึ หึอยู่ข้างหลัง บ้า น่าอาย สุ่มซ่ามที่สุดยัยจิราเอ้ย ถ้ากานต์รู้มีหวังพูดอย่างนี้แน่ๆ
. เราเดินลงเขาเงียบๆ ได้ยินเสียงนกร้องไพเราะมาก แต่มองหาตัวไม่เห็น คุณรู้มั้ยที่นี่เคยพบผีเสื้อหายากผีเสื้อไกเซอร์แต่ทุกวันนี้เข้าใจว่าคงสูญพันธุ์แล้ว ถ้าคุณอยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไงเดี๋ยวเข้าไปดูที่ที่ทำการฯข้างล่างนะ มีสต๊าฟไว้ให้ดู คุณเห็นนั่นมั้ย นั่งร้านเก่าๆไม้ผุพัง นั่นน่ะเอาไว้จับผีเสื้อ น่าเสียดายต่อแต่นี้เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นผีเสื้อสวยงามชนิดนั้นแล้ว ราคาคงแพงน่าดู น่าเสียดายเนอะโดนจับหมดแล้วไม่เหลือเผื่อเรา ฉันว่าและมองหน้าคนข้างๆ เขาส่ายหน้า
ระหว่างทางขากลับเขาชี้ให้ฉันดูดอกไม้ ต้นไม้และอธิบายให้ฟัง เสียงทุ้มนุ่มหูน่าฟัง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักไปเสียทุกอย่าง จนฉันสงสัยอยากรู้ว่าเขาทำงานอะไรกันแน่ อ๊ะ
หยุดเลยยัยจิราเธอจะอยากรู้ไปทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็แยกจากกันแล้ว รู้เรื่องราวให้น้อยๆเป็นดี ภูติจิราตัวน้อยๆร้องเตือนจากข้างในใจ
ทำไมมาคนเดียว จู่ๆคนที่เดินด้วยก็เปลี่ยนเรื่อง คุณมาคนเดียวอย่างนี้แฟนไม่ห่วงแย่หรือไง อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่านั่นเป็นคำถามที่ต้องการมากกว่าคำตอบที่จะตอบ แสดงว่าเมื่อคืนตอนที่ฉันคุยโทรศัพท์กับกานต์เขาไม่ได้ยิน ฉันตอบเขาอย่างสะใจตัวเองว่า ไม่ว่า ใครจะกล้าว่า ก็เลิกกับแฟนแล้วนี่นา อย่างหลังฉันพูดต่อในใจ ความจริงต้องบอกว่าแฟนบอกเลิก เฮ้อ..เซ็ง! หลังจากนั้นก็ไม่เห็นเขาพูดอะไรต่อ เราเดินกันเงียบๆลงมาถึงลานกางเต็นท์ กลุ่มเพื่อนๆของเขายังกลับมาไม่ถึง บริเวณนี้จึงมีเพียงเขา ฉัน เจ้าหน้าที่สองสามคนและเจ้าของรถกระบะที่พาเราขึ้นมาเมื่อวาน มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียว ถึงนาทีนี้อดที่จะรู้สึกหวั่นหวาดไม่ได้ ไม่เป็นไรสว่างแล้ว แดดแจ๋และมีเขาอยู่ด้วยทั้งคน เฮ้ย !นี่ฉันไปหวังพึ่งเขาได้ไงเนี่ย
ดูเหมือนเขาจะรู้ถึงความรู้สึกของฉัน เขาส่งยิ้มมาให้ มัน..อืม..อุ่นใจ ใช่รู้สึกอุ่นใจ
วันนี้จะกลับกันแล้ว ดั้นด้นมาไกลเพียงเพื่อชมพระอาทิตย์และทะเลหมอก อ้อ..ไม่สิ ทะเลดาวด้วย ก็เมื่อคืนดาวเต็มฟ้า เขาลงมือเก็บเต็นท์และสัมภาระของเขา ฉันเก็บเต็นท์และสัมภาระของฉันบ้างเหลือเตาแก้สกระป๋องเล็กๆไว้จุดเตาต้มน้ำร้อนและเปิดบะหมี่คัพสองถ้วย รินน้ำร้อนใส่ และถือไปให้เขา ทานรองท้องก่อนลงไปทานหนักๆข้างล่าง เขายิ้มอีกแล้วและไม่ปฏิเสธ สัมภาระถูกวางเรียงไว้ เรานั่งทานบะหมี่สำเร็จรูปเงียบๆในศาลา รอเพื่อนๆกลุ่มนั้นเดินกลับมา
คุณมาจากเชียงใหม่ ? ฉันมองหน้าเมื่อเขาพูดขึ้นลอยๆแต่ลอยมาถามฉัน ผมเห็นทะเบียนรถ อ้อ ไม่รู้สิ ควรจะตอบด้วยคำนี้แหละ ถ้าไม่เจอกลุ่มเราคุณจะขึ้นมาที่นี่มั้ย คงไม่มั้ง ไม่รู้สิฉันไม่ได้เตรียมคำตอบไว้เผื่อคำถามนี้ เพราะยังไงซะตอนนี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันตอบเขาอย่างที่ฉันคิด เอ่อไม่สิไม่คิดต่างหาก อืม..คุณนี่แปลกดี เขาว่ายิ้มๆ ชมใช่มั้ยนั่น ฉันถือว่าเป็นคำชม เรานั่งด้วยกันเงียบๆ เขาเอาโปสการ์ดออกมาเขียน ส่วนฉันเอาสมุดบันทึกออกมาเขียน บางทีบางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมาเจอกัน หลบรอยยิ้มไม่ทัน กลุ่มเพื่อนๆของเขากลับมาใกล้ๆเที่ยง ต่างแยกย้ายเก็บเต็นท์เก็บสัมภาระ เขาเดินไปถามไถ่เพื่อนๆ มีบ้างบางคนที่หันมามองฉันและยิ้มให้ ทะยอยเก็บสัมภาระและขึ้นรถเตรียมตัวโขยกโยกเยกลงเขาไปยังที่ทำการฯข้างล่าง ฉันถูกหนุ่มๆจับเข้าไปนั่งในที่ว่างตอนหน้ากับสาวๆอีกสี่คน นั่งเบียดกันนิดหน่อยอุ่นดี ฉันฟังสาวๆพูดคุยถึงเส้นทางที่เดินลงจากยอดเขาขากลับ ฟังเพลินบางทีก็เผลอยิ้ม มีบางครั้งที่หันกลับมองไปด้านหลังรถกระบะที่บรรดาหนุ่มๆนั่งอยู่ ก็จะพบสายตาและรอยยิ้มที่คุ้นตาตั้งแต่เช้ามืดส่งยิ้มมาให้ ต้องรีบเก็บรอยยิ้มและสายตากลับคืนไม่กล้ามองอีก หวังว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นใบหน้าที่น่าจะแดงของฉัน
ก่อนจากกัน ฉันขอบคุณเพื่อนร่วมทางครั้งนี้ด้วยความซาบซึ้งใจ กลุ่มนี้จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อทำงานพรุ่งนี้ ฉันยืนส่งพวกเขาโบกมือลา สอดส่ายสายตามองหาคนตัวสูง เข้ม ยิ้มฟันขาวแต่ไม่เห็นคงนั่งอยู่ด้านใน รู้สึกน้อยใจนิดๆ บทจะไปก็ไปไม่มีโอกาสร่ำลา เป็นอะไรจิราเป็นอะไรของเธอเนี่ย.. ฉันฝืนยิ้มให้จนรถตู้เคลื่อนออกไป คนบ้า บทจะไปก็ทิ้งกันเลย คำเอ่ยลาคำขอบคุณยังไม่ได้บอกสักคำ
มีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ปลายตาฝั่งตรงข้าม ผู้ชายสูงเข้มคนนั้น ยืนยิ้มอวดฟันขาวให้ฉัน อ้าว
คุณ ผมอยู่เชียงใหม่ และขับรถมารอเพื่อนๆที่นี่ โน่นรถผม ฉันมองตามเมื่อเขาชี้ไปที่โฟร์วิลส์สีดำที่จอดใต้ต้นไม้ ไม่ได้ถามสักหน่อย ประโยคอยากเล่า ผมแค่อยากบอก รถคุณอยู่ไหน กลับกันเถอะ ผมจะขับตามหลังคุณนะ ก่อนแยกไปที่รถ เขายืมโทรศัพท์ของฉันบอกว่าจะโทรหาเพื่อนแต่บังเอิญเครื่องของเขาแบตหมด เห็นกดหมายเลขอยู่เป็นครู่แต่ไม่เห็นพูดว่าอะไร ยื่นคืนให้ฉันและบอกว่า สงสัยไม่มีสัญญาณ เดี๋ยวผมชาร์ตแบตในรถแล้วค่อยโทรใหม่ก็ได้ขอบคุณครับ แล้วก็เดินยิ้มๆไปขึ้นรถ
ตลอดทางจากฝางเข้าเชียงใหม่ ทุกครั้งที่มองกระจกหลัง ฉันจะเห็นโฟร์วิลส์สีดำขับตามด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ไม่แซงหน้า จนกระทั่งอีกไม่กี่กิโลเมตรจะเข้าตัวเมือง เขาส่งสัญญาณไฟให้จอดข้างทาง ฉันรอให้เขาลงจากรถแต่เขาก็ไม่ลง ฉันกำลังจะลงไปถามเขาว่ามีอะไรแต่เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าพอดีจึงรับโทรศัพท์ก่อน หมายเลขไม่คุ้น สวัสดีค่ะ ผมเอง ถึงทางแยกข้างหน้าผมคงต้องแยกไปทางแม่สา คงส่งคุณได้แค่นี้ รู้เบอร์โทรของฉันได้ไง อ๋อ..ตอนนั้นน่ะเอง ร้ายนะยะ ค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากมายสำหรับความช่วยเหลือตลอดสองวันที่ผ่านมา ผมเจอคุณอีกได้มั้ย หอมกรุ่น กลิ่นกาแฟ ถ้าอยากเจอฉันคุณต้องหาร้านหอมกรุ่น กลิ่นกาแฟให้เจอ ฉันมักไปที่นั่นทุกเย็น เชียงใหม่คงไม่กว้างใหญ่จนคุณหาไม่เจอ ฉันบอกเขา เสียงหัวเราะหึ หึ ดังมาตามสาย เกลียดจริงเสียงอย่างนี้ เชื่อได้เลยตอนนี้คงยิ้มเต็มหน้าด้วยกระมัง ผมหาเจอแน่ สัญญากับคุณได้เลย อุปทานหรือเปล่า รู้สึกถึงความมุ่งมั่นในน้ำเสียง ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน โชคดีนะครับ ขับรถดีๆนะ แล้วเจอกัน ค่ะ แล้วเจอกัน คุณรู้แล้วนี่นาว่าจะหาฉันเจอที่ไหน ขอบคุณอีกครั้งนะคะ กดวางสาย เคลื่อนรถออกพร้อมกัน จนถึงทางแยกที่เขาว่า ฉันเลี้ยวซ้าย และเขาเลี้ยวขวา ฉันลดกระจกรถลงและโบกมือให้เขา เขาลดกระจกลงและส่งยิ้มให้ฉัน
ใครนะว่า ความสัมพันธ์ที่พบขณะเดินทางมักไม่ยั่งยืน คราวนี้ฉันคงได้พิสูจน์ประโยคที่ว่านั้นด้วยตัวเอง เอ
แล้วเขาชื่ออะไรนะ ทำไมไม่ถามยัยจิรา แล้วคนบ้านั่นไม่ยักจะบอก แปลกคน! ไม่เป็นไร ไว้เจอกันคราวหน้าค่อยถามก็ได้ โห
ยัยจิราคิดจริงๆเหรอว่าเขาจะหาร้านกาแฟเจอ เอ
ถ้าเขาหาไม่เจอล่ะจะทำไง ก็ไม่ได้เจอกันสิยัยบื้อ
เสียงภูติจิราตัวน้อยที่แอบอยู่ในใจของฉันว่าให้ ไม่เป็นไรๆ มีเบอร์โทรศัพท์เขานี่นา โทร.ไปบอกเขาดีมั้ย
เป็นเอามากๆ ยัยภูติจิราส่ายหน้า ไม่ดีกว่า เขาก็มีเบอร์โทรศัพท์เราเหมือนกันนี่ ถ้าเขาอยากสานต่อความสัมพันธ์ก็คงติดต่อมาเองล่ะ
กานต์คงแปลกใจพิลึกที่มีหนุ่มหล่อ คมเข้ม ยิ้มเก่งฟันขาว ไปนั่งรอฉันที่ร้าน ตายแล้ว
แล้วกานต์จะปิ๊งเขารึเปล่าเนี่ย คงไม่มั้ง
. อ้ากกกก ตายแล้ว ๆๆ ยัยจิราดันเลี้ยวผิดซอย สติหายไปไหนเนี่ย
เพราะนายคนเดียวนายเข้มที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้
.
. ปล.1.อันที่จริง เขา มีชื่อนะคะ แต่บอกจิราไม่ทันอ่ะ 2.เรื่องนี้ไม่น่าจะหวาน เป็นเล่าไม่หวือหวาของจิรา มุขแป้ก สมองตื้อ ขอโทษนะคะถ้าไม่สนุก
Create Date : 06 สิงหาคม 2551 |
|
43 comments |
Last Update : 23 มีนาคม 2554 19:30:51 น. |
Counter : 502 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 7 สิงหาคม 2551 3:21:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.47 7 สิงหาคม 2551 11:19:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 7 สิงหาคม 2551 11:59:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 7 สิงหาคม 2551 20:34:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 7 สิงหาคม 2551 21:18:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: nikanda 7 สิงหาคม 2551 21:30:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: mangotip IP: 118.173.239.149 9 สิงหาคม 2551 13:45:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 61.7.133.179 9 สิงหาคม 2551 16:25:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 9 สิงหาคม 2551 19:40:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: โก้ (เซโก้4 ) 10 สิงหาคม 2551 1:06:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 10 สิงหาคม 2551 12:45:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: REAL_IN_MIND IP: 58.8.229.27 11 สิงหาคม 2551 16:36:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 124.122.210.59 12 สิงหาคม 2551 16:32:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 13 สิงหาคม 2551 20:34:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 15 สิงหาคม 2551 20:56:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 17 สิงหาคม 2551 1:50:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 17 สิงหาคม 2551 20:00:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: สิงห์อมบ๊วย IP: 119.42.82.134 18 สิงหาคม 2551 13:06:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 18 สิงหาคม 2551 20:24:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 19 สิงหาคม 2551 17:20:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: วรบรรณ 20 สิงหาคม 2551 18:37:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ploy666 IP: 124.157.237.21 20 สิงหาคม 2551 19:18:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 20 สิงหาคม 2551 20:19:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยางมะตอยสีชมพู IP: 58.181.141.208 21 สิงหาคม 2551 7:47:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: วรบรรณ 21 สิงหาคม 2551 8:30:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 21 สิงหาคม 2551 16:36:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: วรบรรณ (ลายปากกา ) 23 สิงหาคม 2551 7:47:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 23 สิงหาคม 2551 21:26:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง ณ (ลายปากกา ) 24 สิงหาคม 2551 20:31:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: PiCorn (Camille) IP: 71.81.178.101 12 มิถุนายน 2553 12:47:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋แดง IP: 223.206.189.163 25 พฤศจิกายน 2553 15:50:13 น. |
|
|
|
| |
|
|
สิงห์อมบ๊วย |
|
|
|
เรื่องสำคัญ ทำความเข้าใจกันก่อนงานเขียนใน "บล็อกสิงห์อมบ๊วย"
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน แม้ผลงานจะห่วย ก็เป็นสิทธิ์ของผู้เขียนนะคะ
ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่
โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นอาจมีความผิด ตาม
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
................................
|
|
|