มิอาจเปลี่ยนใจ Unchanged บทที่ 13 (YURI)
๑๓ หลังหล่อนชิมเอแคลร์ไปหลายคำ ขณะที่ใบหน้าสวยดูร่าเริงไม่ต่างจากเด็กๆ ที่ได้ของถูกใจ “อร่อย” ทำท่าแบบนี้นึกว่าเพิ่งเรียนจบ คนอะไรหน้าเด็กชะมัด นาราคิดชื่นชมในใจ หลังมีโอกาสสำรวจหน้าของโฉมสะคราญชัดๆ “ทานได้แบบนี้ แปลว่าหายดีแล้ว” รุจรวีเคี้ยวหมดคำ กลืนแล้วจึงตอบ “จริงๆ เมื่อวานก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มึนหัวเฉยๆ” “ถึงขั้นหลุดสารภาพรักออกมาได้ ดื่มไปเท่าไหร่ล่ะ?” ร่างสูงถามเรื่องที่คาใจ ถามทำไมเนี่ย เจ้าของห้องเบนสายตาหนี ไม่คิดว่าจะโดนซักไซ้เรื่องนั้นซึ่งหน้า ตั้งใจจะทำเป็นลืมๆ แล้วปล่อยผ่าน เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น “พูดเรื่องอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง” “ทำเป็นไก๋แบบนี้ อยากฟังไหมคะ เผื่อจะจำได้ว่า เมื่อคืนพูดอะไรไว้” เธอชูมือถือของตน คนสวยเม้มปากแทบเป็นเส้นตรง แม้จะเมาแต่ก็จำได้ลางๆ ว่าพูดอะไรออกไป วงหน้ารูปไข่เห่อร้อน รู้สึกเหมือนโดนแบลค์เมล์ “รีบลบทิ้งไปเลย” “เรื่องอะไรจะลบ ฉันจะเก็บไว้ฟังอีกนานๆ” “ชิส์” หล่อนเบ้ปาก แล้วหันไปสนใจขนมแทน สาวหน้าคมสำรวจผู้หญิงสวยตรงหน้า ที่ดูผ่อนคลายกว่าปกติ หยุดจ้องริมฝีปากที่มีสีสวยนานเป็นพิเศษ แล้วผุดยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ “ขอทานบ้างสิ” “อือ” สาวสวยยื่นกล่องขนมให้ตรงหน้า แต่เธอไม่สนใจ โน้มหน้าไปใกล้ครอบครองเรียวปากที่เคลือบสีแดงสดแทน ...ใครจะไปสนใจขนมกัน ในเมื่อมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่า หา! หล่อนทำตาโต ผละออกห่าง แต่ฝ่ามือของเธอก็ประคองหลังคอของตนไว้เสียก่อน จนส่วนหน้าของร่างกายแนบชิดบดเบียดกัน เพียงไม่นานก็เคลิบเคลิ้มคล้อยตาม สาวหวานหลับตาพริ้มแล้วจูบตอบ พออีกคนเม้มเรียวปากล่างเบาๆ หล่อนยอมเปิดทางอย่างว่าง่าย ลิ้นทั้งสองตวัดรัดรึงดูดดื่มแบบไม่มีใครยอมใคร จะ จูบเก่งไปนะ รุจรวีหลุดครางเสียงต่ำออกมา ยกสองแขนคล้องคออีกฝ่ายไว้ เหมือนไม่อยากให้จูบนี้จบลง “อือ...” ชอบล่ะสิ นาราพอใจยิ่งที่อีกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี บรรจงแลกลิ้นกับรุจรวีนุ่มนวลอ่อนโยนแต่ลึกซึ้ง ราวกับเป็นจุมพิตสุดท้าย จากที่คิดว่าจะแค่จูบเล่นๆ กลับลืมตัวไปเสียสิ้น มืออีกข้างเลื่อนต่ำลงไปลูบไล้ช่วงเอวคอดของหล่อนแล้วบีบเบาๆ กระตุ้นให้เสียงครางหลุดดังออกมาเป็นระยะ “อืม...” ลมหายใจของสองสาวหอบแรงหนัก จวนเจียนจะหายใจไม่ทัน เธอจึงเป็นฝ่ายผละออกก่อนอย่างเชื่องช้า ราวกับเสียดายสุดซึ้ง สายตาสองคู่จ้องกันอย่างมีความหมาย แววตาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชน ต่างฝ่ายต่างร้อนรุ่มไปด้วยแรงปรารถนา รุจรวีเผลอเลียริมฝีปากตัวเอง แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น สีหน้าท่าทางนั้นยั่วยวนอีกคนโดยไม่รู้ตัว เซ็กซี่ไปแล้วค่ะ สาวผมสั้นครวญครางในใจ เหมือนตบะใกล้จะขาดผึงไปทุกที ภูมิต้านทานเสน่ห์ของหล่อนต่ำเตี้ยเกินกว่าที่คิดไว้ ชอบกลิ่นตัวหอมที่แสนมีเสน่ห์ เหมือนต้องมนตร์สะกด “หวาน แล้วก็อร่อยมากค่ะ” เธอพึมพำ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “ขอทานอีกหน่อยนะคะ” เรียวปากทั้งสองสัมผัสกันเบาๆ แต่ก่อนที่บรรยากาศจะพาไปไกล เสียงโทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขัดจังหวะขึ้น กริ๊ง! “ดะ เดี๋ยว” เจ้าของเครื่องดันไหล่เธอไว้ แล้วคว้าโทรศัพท์มาดู ชื่อ ‘เขมทัต’ แสดงที่หน้าจอ หล่อนปรายตามองนาราแวบหนึ่ง แล้วกดรับ “สวัสดีค่ะพี่เขม” น้ำเสียงหวานกว่าปกติ “สวัสดีครับวี สบายดีไหมครับ?” “สบายดีแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” รองประธานสาวจงใจพูดหวานไพเพราะกว่าปกติ เพื่อยั่วคนข้างๆ เสียงหวานไปไหม ทำไมเวลาพูดกับฉันไม่เพราะแบบนี้บ้าง คนอายุน้อยกว่าคิ้วกระตุก พื้นเสียหลังรู้ว่าใครโทรมาขัดจังหวะ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ วางมือแปะลงบนกระโปรงทรงเอของคนงาม แล้วลูบเบาๆ อย่างถือวิสาสะ นาราต้องการเรียกร้องความสำคัญ ไม่อยากถูกมองข้าม ไม่อยากให้หล่อนมองคนอื่นนอกจากตน จะมากไปนะ! รุจรวีถลึงตาใส่นารา พร้อมขยับปากแบบไร้เสียง ‘อย่าแกล้งสิ’ ดูสิจะสนใจฉันมากกว่าหมอนั่นไหม เธอไม่ยอมทำตาม หรี่ตามองปฎิกิริยาของอีกฝ่าย ขยับมือเลื้อยสูงขึ้นไปตามขาอ่อนไล้เลื้อยขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะมีกระโปรงกั้น แต่ก็ชวนสยิวหวาบหวิวไม่น้อย ลวนลามกันจริงๆ ยายเด็กหื่น สาวสวยตะครุบมือซนนั้นไว้แน่น หลังมีกระแสความป่วนปั่นแปลกๆ ในช่องท้อง ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขมทัตพูดอะไรมาบ้าง เผลอหนีบขาเข้าหากันอย่างลืมตัว “วีครับ อยู่หรือเปล่าครับ?” “อะ อาค่ะ พี่เขมว่าอย่างไรนะคะ?” “วียุ่งหรือเปล่า? พี่กวนรึเปล่า?” “มะ ไม่ค่ะ” สาวผมสั้นฝืนมือไว้ บีบขาหล่อนเบาๆ พลางโน้มตัวไปใกล้จนซุกไซ้หัวไหล่อีกฝ่าย แล้วพรมจูบเบาๆ “อา...” เสียงครางหลุดรอดออกมา หล่อนรีบกระแอมเบาๆ กลบเกลื่อน “อะฮึ่ม” มีสมาธิหน่อยรุจรวี คนงามเตือนตัวเอง ไม่ให้สติหลุด “พี่เขมมีอะไรรึเปล่าคะ?” รีบถาม อยากวางสายโดยเร็วเพื่อเอาคืนยายตัวแสบ “คือพี่จะโทรมาบอกว่า เสาร์นี้คุณอารดาบอกให้เราไปงานเลี้ยงด้วยกัน” ประจบแม่มาสินะ ร้ายมาก หล่อนไม่ค่อยชอบข้ออ้างนี้นัก แต่ก็ต้องไว้หน้าของแม่บ้าง “วันเสาร์เหรอคะ...ก็ได้ค่ะ” คนสวยปรายตามองนารา ที่ยังคงพรมจูบตนอยู่ จึงรีบจบบทสนทนา “แค่นี้ก่อนนะคะพี่เขม คือวีมีธุระค่ะ” “ครับ ไว้ค่อยคุยกันนะ” “ค่ะ” หลังกดวางสายรุจรวีตวัดสายตามองสาวร่างสูง ที่ยังคงเกาะติดที่หัวไหล่ไม่ต่างจากตุ๊กแก แถมมือซุกซนยังวางบนโคนขาอีกด้วย ช่างเป็นอะไรที่ล่อแหลมมาก ...หากใครมาเห็นเข้า คงยากจะแก้ตัว “จะกอดไปถึงไหนกัน ปล่อยได้แล้ว” น้ำเสียงแฝงการประชด ไม่ใช่ไม่ชอบ แค่ไม่ชินกับความแนบชิดแบบนี้ แอบกลัวว่าตนจะเผลอตัวเผลอใจเกินเลย หลังอีกคนล่อหลอกเก่งเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะมือไวปากไวขนาดนี้ “อยากถึงสวรรรค์ชั้นเจ็ด ได้ไหมคะ?” สาวผมสั้นส่งสายตาเป็นประกายอย่างมีความนัยยะ พูดอะไรเนี่ย! “ทะลึ่ง!” หล่อนดันไหล่นาราให้ออกห่าง ขยับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “รีบไปทำงานได้แล้ว” เธอทำหน้ามุ่ย ไม่อยากอยู่ห่างอีกคน “ไล่อีกแล้ว ชอบไล่กันจัง” สาวสวยไม่อยากถูกเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “ถ้าเธออยู่ ฉันทำงานไม่ได้ งานฉันเยอะนะ” ก็เป็นรองประธานนี่นะ ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ สายตาคู่คมมองไปสะดุดยังเรียวปากสีสดที่ตนเพิ่งลิ้มรสไป “ว่าแต่คุณใช้ลิปสติกยี่ห้ออะไรคะ?” หล่อนทำหน้าสับสน ที่อีกคนเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเหรอ?” “สีสวย ติดทนดี จูบแล้วไม่หลุด” เด็กใหม่พูดหน้าตาเฉย แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “อยากรู้จังว่าจะติดนานขนาดไหน” จะย้ำทำไมเนี่ย คนฟังหน้าร้อนผ่าว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเอ่ยปากไล่ “พูดแต่คำทะลึ่งตลอด รีบไปเลย” “ไปก็ได้ค่ะ แต่คุณต้องบอกก่อนว่า วันเสาร์จะไปไหน?” รุจรวีถอนใจเบาๆ หลายวินาทีจึงตอบออกไป “ไปงานเลี้ยงน่ะ แม่พยายามจับคู่พี่เขมกับฉัน บอกว่าฉันควรแต่งงานกับเขา” ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังเธอ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จึงบอกตรงๆ แต่งงาน! นาราทำหน้าแตกตื่น หัวใจเหมือนจะหล่นไปกองกับพื้น ไม่คิดว่ารดาจะหักหาญน้ำใจลูกสาวขนาดนั้น “ละ แล้วคุณชอบเขาหรือเปล่า?” พูดโพล่งออกมาอย่างร้อนลน กลัวว่าหล่อนจะมีใจให้คนอื่นนอกจากตน รองประธานสาวส่งเสียงหึออกมา ตวัดตาดุมองเธอ “ถามแบบนี้หาเรื่องใช่ไหม?” “เปล่านะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น” คนอายุน้อยกว่าคว้ามือนุ่มมากุมไว้ จูบหลังมือเบาๆ “ถึงฉันจะนิสัยไม่ดี ชอบยียั่ว ชอบกวนประสาทคุณ แต่ฉันไม่คิดจะเลิกกับคุณหรอกนะ แค่เรื่องเดียวที่ฉันรับไม่ได้ก็คือ คุณชอบคนอื่นนอกจากฉัน” สาวสวยเลิกคิ้วเล็กน้อย หัวใจพองฟู แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้เอ่ยคำรักออกมา แต่ดีต่อใจไม่น้อย “ก็พอรู้” หล่อนพึมพำ คิดไม่ต่างจากอีกฝ่ายนัก ยกมือที่ว่างลูบหัวอีกคนเบาๆ อย่างเอ็นดู รุจรวีไม่เคยคิดว่าตนเองสมบูรณ์แบบ ก็แค่โชคดีเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย แต่เหตุผลที่สาวสวยเว้นระยะกับผู้คน จนดูเหมือนเย็นชาหยิ่งยโส เพราะมีประสบการณ์ไม่ดีเจอหลายคนเข้ามาตีสนิท เพื่อตักตวงผลประโยชน์ จึงตั้งการ์ดสูงไว้ป้องกันตัวเอง ...ซาบซึ้งใจเลยว่า รู้หน้าไม่รู้ใจเป็นอย่างไร สุดท้ายจึงมีเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ แค่หยิบมือเท่านั้น นาราขยับหัวคลอเคลียกับมือนุ่มนั้นแบบอ้อนๆ “ยายลูกแมวตัวแสบ” สาวสวยยิ้มบาง ต่อว่าแบบไม่จริงจัง “ไปทำงานเถอะ เข้าสายคนอื่นจะเขม่นเอาได้” “ก็ได้ค่ะ” เธอรับคำอย่างเข้าใจ คว้าถุงขนมที่วางอยู่ แล้วลุกยืน “ไปก่อนนะคะ” “อือ” รองประธานสาวรอให้นาราออกไปจากห้อง จึงลุกไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวใหญ่ เพื่อเซ็นเอกสารของวันนี้ ใบหน้าสวยผุดยิ้มน้อยๆ กับตัวเอง ยายเด็กบ้า! “ตกลงเรื่องรุจรวีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” ขจรเดช พ่อเขมทัตถามลูกชาย หลังอีกฝ่ายบอกว่าต้องการแต่งงานกับหล่อน แต่เขาไม่เห็นด้วยนักในตอนแรก มองว่าสาวสวยเป็นพวกหัวแข็ง ยากที่จะควบคุมเพื่อใช้ประโยชน์ ...เขาอยากได้ลูกสะใภ้หัวอ่อนว่านอนสอนง่าย แต่สุดท้ายต้องยอมใจอ่อน หลังทายาทเพียงคนเดียวยืนกรานหนักแน่น และทำสารพัดวิธีที่จะชนะใจสาวเจ้ามาเป็นเวลาหลายเดือน โดยไม่แยแสผู้หญิงคนไหน ผู้หญิงสวยๆ กว่ามีตั้งเยอะแยะ โง่ไปรึเปล่าลูกฉัน คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหัว กับความรักในอุดมคติของลูกชาย ที่ตามหารักแท้ เรื่องที่ขจรเดชในวัยห้าสิบกว่ามองเป็นเรื่องไร้สาระของเด็กๆ ที่จะหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าตัวเอง หากมองย้อนกลับไป เบื้องหน้าเขาตั้งบริษัทนำเข้าเครื่องประดับจากต่างประเทศ แต่เบื้องหลังคือพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ต้องการขยายตลาดในประเทศให้มากขึ้น โดยรับยาพิษนี้มาจากประเทศเพื่อนบ้านอีกทอด พ่อเขมทัตไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ที่ทำร้ายเพื่อนร่วมชาติของตน เขาสนใจแค่เงินก้อนโตเท่านั้น แถมยังมีความสุขมากเวลาที่ยอดเงินในบัญชีพุ่งสูงขึ้นหลักร้อยล้านในเวลาอันสั้น ...คงไม่มีอาชีพสุจริตไหนรวยง่ายแบบนี้อีกแล้ว “ตอนนี้ดีครับ แม่ของวีท่าทางจะชอบผมมากด้วย” เขมทัตเล่าอย่างร่าเริง “งั้นเชียว” คนเป็นพ่อทำหน้าแปลกใจ ก่อนเลียบๆ เคียงๆ ถาม “แล้วอธิปล่ะว่าไงบ้าง?” ขจรเดชรู้จักอธิปมาหลายปี มองว่าอีกฝ่ายเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต หากรู้ว่าเขาทำทำธุรกิจผิดกฎหมาย คงไม่มีวันยกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกชายเขาแน่ “ก็โอเคนะครับ แต่ช่วงหลังอาอธิปจะไม่ค่อยเข้าบริษัท ให้วีรับผิดชอบเสียส่วนใหญ่ เข้าบริษัทแค่อาทิตย์ละสองสามวัน” ลูกชายเล่าตามที่รู้ ชายหนุ่มมีโอกาสได้คุยกับอธิปไม่กี่ครั้ง แต่ก็ตัวเกร็งมือไม้สั่นประหม่าไม่น้อย “งั้นเหรอ” คนฟังพึมพำ นิ่งประเมินสถานการณ์ เป็นไปได้มากที่อธิปใกล้จะวางมือ ยกบริษัทให้ลูกสาว...ถ้างั้นก็คงควรต้องทำอะไรซะแล้ว “เสาร์นี้วีจะไปงานเลี้ยงกับผมด้วย ผมจะใช้โอกาสนี้เปิดตัวด้วย ดีไหมครับ?” โธ่เอ๊ย! คิดได้แค่นี้ กว่าจะสำเร็จ ฉันคงชาติหน้าตอนค่ำๆ บิดานึกอ่อนใจกับลูกชาย ที่เหมือนจะเก่งหลายอย่าง แต่จีบสาวไม่ได้เรื่อง “ถ้าแกอยากได้ผู้หญิงคนนั้นจริงๆ พ่อมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น อยากฟังไหม?” ชายอาวุโสเอ่ยขึ้น เขมทัตทำหน้าสนใจแบบไม่ปิดบัง หลังมารดาเสียไปเกือบสิบปี บิดามีสาวๆ ข้างกายหลายคน แต่เขาไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอีกฝ่าย จึงอยากรู้เทคนิคเผื่อว่าจะเอามาใช้บ้าง “วิธีไหนครับ?” “มานี่สิ” ขจรเดชคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ กวักมือเรียกอีกคนไปใกล้ๆ แล้วกระซิบข้างหูของลูกชาย “แกก็เอา...” หนุ่มหล่อเบิกตาโต แต่ก็ตั้งใจฟังจนจบ “จะดีเหรอครับ?” “ต้องดีสิ” พ่อตบไหล่ลูกชาย แล้วพูดขำๆ “คุยเปิดอกบนเตียงง่ายกว่านะ หรือแกไร้น้ำยา” เขมทัตฝืนยิ้ม อย่างไรเสียเขาก็เป็นหนุ่มทั้งแท่ง ที่เคยรักสนุกมาก่อน กลอกตาคิดหนัก เพียงอึดใจก็เอ่ยขึ้น “ก็ได้ครับ” “ดีมากลูกพ่อ” คนเป็นพ่อแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ รวบหัวรวบหางลูกสาวซะ แค่นี้บริษัทนั้นก็ไม่พ้นมือฉันแน่ OoXoO สถานการณ์กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ต้องลุ้นกันต่อค่ะว่า พี่วี-น้องนาจะเอาตัวรอดได้อย่างไร? เรื่องนี้จะอัพถึงตอนที่ 14 เท่ากับโหลดฟรีใน MEB นะคะ ถ้าชอบก็โหลดซื้ออุดหนุนไรท์ได้ค่ะ ไรท์จะได้มีกำลังใจในการเขียนงานต่อไปค่ะ ป.ล.โหลดซื้อแล้ว อย่าลืมร่วมกิจกรรมชิงรางวัลของไรท์ด้วยนะคะ หมดเขต 20 เม.ย.64 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ และทุกหัวใจค่ะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 02 เมษายน 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 2 เมษายน 2564 21:46:42 น. |
Counter : 772 Pageviews. |
|
 |
|