รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
สภาวะธรรมแห่งการปล่อยวาง คือ อย่างไร

บทความนี้ เกี่ยวกับคำว่า การปล่อยวาง
เพราะมีคนพูดกันมาก แต่ยากจะเข้าใจได้ ส่วนมากก็จะพูดว่า
หนักก็ให้วาง จะแบกไว้ทำไม

ขอให้ดูจากภาพ (ขออภัยทีภาพเลอะหน่อย)


1..ทีวงกลมทีเส้นประ ทีเขียนว่า จิต จะมีเส้นลูกศรออกมาจากจิต 2 เส้น

เส้นที 1 เขียนว่า กระแสจิต
อีกเส้นเขียนว่า กระแสวิญญาณ

2..กระแสวิญญาณ คือ อะไร

เวลาทีชายมองเห็นหญิงสาวสวย จิตจะส่งกระแสไปทีระบบประสาทตา (อายตนะทางตา) แล้วกระแสทีผ่านอายตนะนี้ จะพุ่งออกไปจากอายตนะไปยังวัตถุทีมองคือหญิงสาว
กระแสนี้ คือ กระแสวิญญาณทางตา หรือ จักขุวิญญาณ

สาเหตุที่กระแสวิญญาณมันพุ่งออกจากจิตแล้วต่อไปทีตาแล้วต่อไปทีหญิงสาว เพราะกำลังแห่งตัณหา

พอเกิดกระแสวิญญาณขึ้นไหลออกจากจิต จิตจะเสียประสิทธิภาพการทำงานไปทันที

3..กระแสจิต คือ อะไร

กระแสจิต คือ กระแสทีไปสร้าง มโน ขึ้น

พอกระแสวิญญาณไปรับภาพหญิงสาวมาแล้ว กระแสจิตจะไปสร้าง มโน แล้วเกิดการปรุงแต่งต่อไป เป็นการตีความสิ่งทีเห็น หญิงสาวนี่สวยมาก หุ่นดี จิตก็ปรุงแล้วเกิดราคะขึ้น
เป็นความพอใจทีได้เห็น แล้วก็อาจปรุงแต่งต่อไปอีกหลายๆ อย่างตามมา

4..ทั้งกระแสจิต และ กระแสวิญญาณ เป็นไตรลักษณ์ พอทำงานเสร็จมันก็ดับลงไป
นีคือ ทุกข์ในอริยสัจจ์ 4 ข้อที 1 ซี่งหมายความว่า ทุกข์ คือ สิ่งทีไม่เที่ยง สิ่งทีแปรเปลี่ยนไปมาได้

แต่เนื่องจาก อายตนะภายใน(คือระบบประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ทำงานตลอดเวลา พอคนธรรมดาที่จิตมีตัณหาก็จะไปสร้างกระแสวิญญาณ แล้วก็ไปสร้างกระแสจิต เพื่อปรุงแต่งต่อไป ไม่รู้จบสิ้น

ปกติ กระแสวิญญาณไม่ทำให้ทุกข์ แต่กระแสวิญญาณทำให้จิตเสียประสิทธิภาพไป
ทำให้ขาดความรู้สีกตัว แล้ว โมหะก็มาครอบงำ แล้วก็เกิดการปรุงแต่งต่อใน มโน ด้วยกระแสจิตต่อไป

5..ในการปล่อยวางนั้น คือ การหยุดไหลออกของกระแสวิญญาณ และ การหยุดไหลออกของกระแสจิต

นี่คือ ข้อที 2 ของอริยสัจจ์4 ทีว่า ตัณหา คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะตัณหาไปทำให้เกิดการไหลออกของกระแสจิต/กระแสวิญญาณขึ้น

เมื่อกระแสวิญญาณหยุดตัวลง จิตไม่ไหลออกไปทีอายตนะกายใน แต่อายตนะทำงานอยู่ตามหน้าทีของเขา การปรุงแต่งทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็จะหยุดลง

แต่ถีงแม้ว่า อายตนะทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย หยุดลงไป
แต่กระแสจิตทีไปสร้าง มโน ยังทำงานได้อยู่ คนจึงมีการปรุงแต่งได้อีก ทีเป็นการนีกคิดเรื่องราวต่างๆ ทีพบมาในอดีต พอคิดก็จะเกิดอารมณ์ปรุงแต่งต่ออีก คือ ดีใจ เสียใจ ได้อีก

การหยุดกระแสวิญญาณ หยุดกระแสจิต นี่เองทีทำให้หยุดการปรุงแต่งทั้งหมดได้

6..เมื่อหยุดกระแสจิต กระแสวิญญาณ ก็จะเกิดสภาวะของการไม่ทุกข์
ที่มีการอธิบายกันมากมายในพุทธศาสนา แต่เนื้อแท้ คือ อาการแบบนี้

7..จะหยุดกระแสวิญญาณ กระแสจิตได้ ก็ต้องเดินมรรค 8
จนเกิด สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณ จนจิตเกิดญาณเห็นกระแสจิต(ทีไปสร้าง มโน ) เห็นกระแสวิญญาณทีไหลออก ฝีกฝนจนมีสมาธิกล้าแข็ง ควบคุมกระแสจิต กระแสวิญญาณได้อย่างดีเยี่ยม และ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ กล่าวคือ อยู่ในอำนาจแบบไม่ต้องควบคุม ทุกข์ก็จบลง และ จิตจึงเป็นอิสระ นีคือ การปล่อยวางของจิต

8..พูดในแง่การภาวนา

ถ้าตามองเห็นแต่ไม่จ้องสิ่งใด หูได้ยินเสียงแต่ไม่ได้สนใจฟัง จมูกได้กลิ่นแต่ไม่ได้สนใจรู้ว่ากลิ่นอะไร กายรู้สัมผัสทั่ว ๆ ได้หลาย ๆ อย่างในขณะเดียวกัน
ถ้าได้อย่างนี้ คือ กระแสวิญญาณได้หยุดลงไปแล้ว แต่ใหม่ๆ นักภาวนายังไม่รู้ในเรื่องนี้ เพราะมองไม่เห็นกระแสวิญญาณ (แต่ผมบอกให้ก่อนว่า กระแสวิญญาณได้หยุดแล้ว)

แต่กระแสจิตนี่ยังไม่หยุด (กระแสจิตจะหยุดเมื่อเป็นพระอรหันต์) ดังนั้น ความคิด การปรุงแต่งยังเกิดเสมอในจิตใจ นักภาวนาจึงมีสุข มีทุกข์ เพราะการปรุงแต่งอยู่

แต่การรู้สีกได้ถีงปรุงแต่งนี้เอง กลับไปสร้างกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้ดีขึ้น ถ้านักภาวนามีการฝีกฝนทีถูกทางอยู่เสมอ

กำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ที่ดีขึ้นนี้เอง จะส่งผลให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปเห็นไตรลักษณ์ของการปรุงแต่งได้ชำนาญขึ้น ยิ่งเห็นการปรุงแต่งทีเป็นไตรลักษณ์ได้ ยิ่งส่งผลให้กำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิแข็งแรงยิ่งขี้น วนเวียนอยู่เช่นนี้ไปตลอด จนจิตมีประสบการณ์ทีเห็นกลไกการทำงานของกระแสจิต กระแสวิญญาณได้ พอเห็นได้ เมื่อมีปัญญาพอก็จะควบคุมมันได้ต่อไป

นีคือสาเหตุว่า ทำไมการรู้สิ่งต่าง ๆ ทีเกิดขึ้นในจิตใจทีเป็นไตรลักษณ์ จึงเพียงรู้แล้วก็พอ ไม่ต้องไปใส่ใจ เพราะสิ่งทีรู้นั้น มันยังไม่ใช่หนทางดับทุกข์ แต่ถ้าไปใส่ใจ มันจะปรุงแต่งต่อไปอีก เมื่อปรุงแต่งต่อไปอีก นีคือการไหลออกของกระแสจิตทีไปสร้าง มโน ขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน

แต่การดับทุกข์ เราต้องการดับกระแสจิต เพื่อหยุดการเกิดขึ้นของ มโน

เมื่อจิตหยุดสร้างกระแสจิต กระแสวิญญาณ จะเหมือนกับคนทีเคยกางแขนออกไปจับสิ่งโน่นสิ่งนี้อยู่เสมอ แต่กลับหดมือกลับมา*กอด*อก*ไม่ยอมจับสิ่งใดอีก เมื่อมือไม่จับอะไรแล้ว เปรียบได้ดัง จิตก็เป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวงที่ไม่จับสิ่งใดเช่นกัน และ นี่คือ การปล่อยวางของจิต

ปรับปรุงจาก https://www.facebook.com/groups/namasikarn/permalink/677418765687640/ วันที 7 Sept 2014


Create Date : 06 กันยายน 2557
Last Update : 8 กันยายน 2557 15:07:45 น. 0 comments
Counter : 1875 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.