1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28
ความไม่ตั้งมั่นของจิต
ในพระไตรปิฏกเถรวาท สมาธิสูตร ได้กล่าวไว้ในทำนองนี้ว่า เมื่อเจริญสมาธฺิจนจิตตั้งมั่น จักรู้เห็นธรรมตามตามเป็นจริง . ดังนั้น ในการรู้เห็นธรรมตามความเป็นจริง จักต้องมีสมาธิจนจิตตั้งมั่น . อาการของจิตไม่ตั้งมั่น ในด้านการภาวนา จะมี 2 ระดับ .ระดับแรก ..เป็นความไม่ตั้งมั่นเนื่องมาจากการถูกครอบงำของโมหะ . ในคนทั่วไปนั้น หรือ นักปฏิบัติมือใหม่ แทบทั้งหมด จะมีความไม่ตั้งมั่นแบบนี้กันทุกคน ไม่มีใครเว้น เมื่อโมหะเข้าครอบงำ จิตจะถูกแรงของตัณหาเข้าไปเกาะยึดการสัมผัสทีผ่านเข้ามาทางอายตนะ เช่น เมื่อตามองเห็นวัตถุต่างๆ ทีปรากฏอยู่ จิตก็จะไหลออกผ่านทางอายตนะทางตา ไปเกาะติดทีวัตถุทีเห็นนั้น สำหรับ อายตนะอื่น ก็เช่นกัน เมื่อมีการสัมผัสทีผ่านเข้ามาทางอายตนะ ทีจะเป็นอาการไม่ตั้งมั่นอย่างนี้ จึงจะไม่ขอเขียนถึง . สำหรับ การอาการนึกคิด หร้อ อารมณ์ปรุงแต่ง ๆ ทีเกิดขึ้น ใน มโนทวาร เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็จะไหลไปเกาะติดการนึกคิด อารมณ์ปรุงแต่ง ต่างๆ ใน มโนทวาร .ระดับทีสอง... ความไม่ตั้งมั่นเกิดจากสติทีอ่อนแอลงไป เมื่อนักภาวนาได้ฝีกฝน การเจริญสติปัฏฐาน จนเกิดผลได้ดีในระดับหนี่งโมหะจะถูกลดทอนอำนาจลงไป แต่ยังมีเหลืออยู่บ้าง เมื่อ โมหะถูกลดทอนอำนาจลงไป นีคือ ผลของ สมาธิ ปัญญา ทีมีการพัฒนาตัวเองขึ้นและเกิดขึ้นในจิตในระดับหนี่ง . สติ ทีเกิดอยู่ทีเป็นธรรมชาติ ตราบเท่าทีสติ ยังเกิดอยู่ โมหะจะเกิดไม่ได้ แต่ถ้า เมื่อใด ทีสติ เกิดอ่อนแอลง อำนาจของโมหะก็จะเกิดขึ้นมาได้อีกครั้ง ถ้า สติเกิดอ่อนแอ มากขึ้น จนสติได้สลายตัวลงไป โมหะจะเกิดและมีอำนาจเต็มที ผลก็จะกลับเข้าสู่การไม่ตั้งมั่นแบบระดับที 1 อีกครั้ง . แต่ถ้า สติมีแต่เกิดอ่อนแอลงไป โมหะมีอำนาจเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มยังไม่เต็มที่ จะเกิดผลเป็นการเคลื่อนตัวของตัวจิตขึ้น เมื่อจิตเคลื่อนตัวขึ้น ก็คือ เกิดอาการของจิตไม่ตั้งมั่น . เมื่อจิตเกิดการเคลื่อนตัว ถ้า สติ จับอาการไม่ทัน ก็จะเกิดอาการไม่ตั้งมั่นแบบทีเขียนไว้ในแบบที 1 ชี้น แต่ถ้า จิตเกิดการเคลื่อนตัว แล้ว สติ จับอาการเคลื่อนตัวนี้ ทัน ถ้านักปฏิบัติ มี สมาธิ และ ปัญญา เป็นทุนเดิมอยู่ และ มากพอเพียง นักภาวนาจะเห็นการเคลื่อนตัวของจิตนี้ได้ แล้ว การเคลื่อนตัวจะหยุดลงแล้วจิตจะสลายตัวไปเป็นไตรลักษณ์ นักภาวนาทีเห็นอาการไตรลักษณ์ของจิตที่เคลื่อนตัวนี้ได้ จะเกิดภาวนามยปัญญาขึ้น 1 ครั้งต่อการเห็นไตรลักษณ์ 1 ครั้ง .จิตตั้งมั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อนักภาวนาเมื่อเห็นไตรลักษณ์ของจิตที่เคลื่อนตัวได้ 1 ครั้ง จะเกิดภาวนามยปัญญาขึ้น 1 ครั้ง เมื่อนักภาวนาเห็นไตรลักษณ์ของจิตได้หลาย ๆ ครั้งมากขึ้น จิตจะเกิดความตั้งมั่นมากขึ้นได้เอง อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ สมาธิ และปัญญา ทีเกิดขึ้นในจิต . นักภาวนาทีเห็นไตรลักษณ์ของจิตนี้ ได้ ยังไม่สามารถทำให้เกิดอาการจิตตั้งมั่นได้อย่างถึงทีสุด ต่อเมื่อ นักภาวนา สามารถผ่าน นิพพิทา ทีเกิดขึ้นในจิตได้ หลาย ๆ ครั้ง จิตจะยิ่งมีความตั้งมั่นมากขึ้น ซี่งทีว่า หลายครั้ง นั่นคือ กี่ครั้ง เรื่องนี้ ไม่สามารถระบุได้ แต่นักภาวนาทีผ่าน นิพพิทา แล้วรู้ตัวเองว่า บัดนี้ อาการจิตตั้งมั่นของตนได้ปรากฏขึ้นแล้ว นั่นแหละ นักภาวนาทีฝีกฝนจนได้จิตตั้งมั่น จะรู้ได้ด้วยตนเอง . เมื่อจิตตั้งมั่น นักภาวนาจะพบอะไร จิตทีตั้งมั่นอยู่ได้เองโดยธรรมชาติ ไม่ได้สร้างขึ้นมา จะเกิดจากการทีนักภาวนาได้ผ่าน นิพพิทา ได้หลาย ๆ ครั้ง จนเกิดอาการจิตตั้งมั่นขึ้น . เมื่อจิตตั้งมั่น เกิดขึ้น จะเกิดปรากฏการณ์ของจิตประภัสสรผ่องใสขึ้นทีตัวจิต นักภาวนาจะเห็นได้ด้วย ตาใน หรือ ตาปัญญา ของตนเอง จิตจะเงียบสงบ ถึงแม้ว่า โลกภายนอก จะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม ทุกขเวทนา ทางกาย และทางใจ จะไม่มี การปรุงแต่งที่เกิดเองจะไม่มี กล่าวคือ ไม่มี โมหะ โลภะ โทสะ สติปัฏฐาน จะสมบูรณ์พร้อมด้วย อาณาปานสติ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 31 มีนาคม 2562 9:29:49 น.
0 comments
Counter : 970 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****