รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 

จากนกน้อยสู่นกยักษ์

บทความนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวในการภาวนา
เขียนขี้นเพื่อแบ่งปันแก่นักภาวนา เพื่อเป้าหมายแห่งการพ้นทุกข์
จึงแนะนำให้อ่านพร้อมด้วยวิจารณญาณ

*****************************************************
ความลับของนิพพานนั้น แทบจะพูดได้ว่า เป็นความลับทีมืดมิด
มีครูบาอาจารย์ทั้งทีสิ้นไปแล้ว และ ยังมีชิวิตอยู่ พูดออกมาบ้าง
แต่ก็ยากทีจะให้ภาพรวมตั้งแต่ต้นจบว่า นิพพานนั้นเป็นเช่นไร
ทำให้มีการเอาความเห็นส่วนตัวเข้าไปสอดแทรกแล้วบอกต่อกันไป
จนก่อให้การเข้าใจผิดกันไปมากขึ้นไปเรื่อยๆ

0. ก่อนพบกับสภาวะนิพพาน

ในตำราพระไตรปิฏกเถรวาท ได้บรรยายว่า นิพพิทา คือการเบื่อหน่าย
เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด เมื่อคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น

สภาวะของการเบื่อหน่ายใน นิพพิทา คือ กุญแจด่านแรก
ทีจะนำนักภาวนาไปพบกับสภาวะนิพพานได้ต่อไป

สภาวะของนิพพิทานั้น นักภาวนาจะพบกับทุกข์ทีไม่ยอมดับลงไปได้ง่าย ๆ
แต่กลับจะค้างอยู่อย่างนั้น การค้างอยู่ของทุกข์ในนิพพิทา จะเป็นการพัฒนากำลัง
สัมมาสมาธิ และปัญญาญาณ ให้กล้าแข็งขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยทุกข์ทีไม่ยอมดับลงไปโดยง่าย
สภาวะนี้ นักภาวนาจะเหมือนกับการตกนรกทั้งเป็น

ต่อเมื่อ สัมมาสมาธิกล้าแข็งถีงจุดหนี่ง และ นักภาวนาหลุดออกจากนิพพิทาได้
ก็จะผ่านด่านแรก ก่อนเข้าพบกับสภาวะนิพพานได้ต่อไป


1..นิพพานเป็น big bang หรือ

นิพพาน ไม่ใช่ขบวนการของ big bang ทีพูดกันในการกำเนิดจักรวาล
ไม่มีการระเบิดอะไรทั้งสิ้นเพื่อทีจะพบกับนิพพาน

ในนิกายเซน ได้กล่าวว่า
ธรรมชาติแท้ทีไร้การปรุงแต่ง นั้นมีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร
แต่เพราะไปทำนี่ซิ กลับเป็นการปรุงแต่งขึ้นมาเสียอีก

ธรรมชาติแท้ที่ไร้การปรุงแต่งนั้นมีอยู่แล้ว นี่เป็นสิ่งทีถูกต้อง
แต่ทีคนไม่อาจพบได้ มีสาเหตุ 2 ประการ คือ
1.1 คนนั้นทำการปรุงแต่งขึ้นตลอดเวลา สิ่งทีไร้การปรุงแต่งจึงไม่เกิดขึ้น
1.2 คนไม่มีปัญญาญาณทีมั่นคงพอ ถีงแม้การเกิดขึ้นของสภาวะทีไร้การปรุงแต่ง มีอยู่ตลอดเวลา แต่เพียงสั้น ๆ ไม่ถีงวินาที คนทั่วไป จึงไม่อาจสัมผัสถีงได้

ในพระไตรปิฏก ได้กล่าวถีง พระอานนท์ทีได้ทุ่มเทพลังอย่างมากในการเดินจงกรมก่อนวันทำปฐมสังคยานาพระธรรมวินัย แต่ก็ไม่อาจพบกับธรรมชาติแท้ได้ แต่พอพระอานนท์เหนื่อยล้า คิดว่าจะพักสักหน่อย ในขณะทีกำลังเอนกายลงในท่ากี่งนั่งกี่งนอนเท่านั้น พระอานนท์ก็พบกับธรรมชาติแท้ในทันที

ทำไมพระอานนท์เดินจงกรมอย่างหนัก กลับไม่พบ แต่พอจะพักผ่อน เอนกายลง กลับพบได้ นี่เป็นคำถามทีมีมากในใจของนักภาวนาในไทย ทีต่างก็เชื่อกันว่า ต้องนั่งสมาธิติดต่อกันให้นาน ๆ ยิ่งนานยิ่งดี หรือ เดินจงกรมติดต่อกันให้นาน ยิ่งนานยิ่งดี จะทำให้พบธรรมได้

คำตอบก็คือ ในขณะทีกำลังทำสมาธิไม่ว่านั่งหรือเดิน ตอนนั้นจิตมีการจงใจกระทำ อันเป็นสภาวะแห่งการปรุงแต่งอยู่ สภาวะแท้ทีไร้การปรุงแต่งย่อมไม่เกิดขึ้น จึงไม่อาจพบกับสภาวะธรรมชาติแท้ได้ พระอานนท์ได้เฝ้าอุปฐากพระพุทธองค์มาหลายปี ย่อมเป็นที่น่าเชื่อได้ว่า กำลังสัมมาสมาธิ และปัญญาญาณ ย่อมไม่ใช่ธรรมดาแล้ว และก็พร้อมทีจะพบกับสภาวะธรรมชาติแท้ได้แล้ว พอเอนกายลงจะพัก ธรรมชาติแท้ก็ปรากฏ พระอานนท์จึงพบพระธรรมได้ในตอนนั้น

สภาวะแห่งการไร้การปรุงแต่งทีเกิดในมนุษย์ จะเกิดตลอดเวลาสั้น ๆ ในขณะทีกำลังเปลี่ยนอิริยาบท เช่น จากนั่งแล้วลุกขึ้นยืน หรือ จากนั่งแล้วเบือนหน้าไปตามเสียงเรียกหา หรือ ในขณะทีหมุนตัวกลับในการเดินจงกรม และ อื่นๆ อีกมาก ขอเพียงนักภาวนาได้สะสมบารมีของสัมมาสมาธิและปัญญาญาณได้มากพอ ก็พร้อมทีจะพบกับธรรมชาติแท้ๆ ได้อยู่เสมอ

2..ทำไมครูบาอาจารย์ดังๆ ทีคนลือกันว่าถีงนิพพานแล้ว ยังต้องนั่งสมาธิ เดินจงกรมกันอยู่

การได้พบกับสภาวะของนิพพานดังพระอานนท์ สภาวะนี้ได้เพียงแว๊บเดียวไม่นานเลย แต่ก็เข้าใจได้ว่าอาการของสภาวะนี้เป็นอย่างไร ปัญหาอยู่เพียงว่า การรู้จักสภาวะแต่ไม่หมั่นเจริญสมาธิให้สามารถเข้าสู่สภาวะหรือให้สภาวะนั้นดำรงค์อยู่ได้นานหรือคงอยู่ได้ตลอดเวลา ยังเป็นสิ่งทีนักภาวนายังต้องฝีกฝน นี่คือ สาเหตุทีนักภาวนาทีพบกับนิพพานแล้วยังต้องหมั่นเดินจงกรม หมั่นนั่งสมาธิอยู่เสมอ ๆ เพื่อความคล่องแคล้วแห่งการเข้าสู่สภาวะได้อย่างเร็วและอยู่ในสภาวะได้อย่างนาน

การฝีกฝนนั่งสมาธิ เดินจงกรมในระดับนี้ จะต่างจากระดับธรรมดา ทีการฝีกฝนนั้นจะมาจากจิตใจทีไร้การจงใจกระทำ แต่การฝีกฝนในระดับธรรมดา เป็นการฝีกฝนทียังมีความตั้งใจในการกระทำ


3..จากนกน้อยสู่นกยักษ์

เมื่อนักภาวนาพบกับสภาวะของนิพพานได้เพียงแว๊บเดียว ก็เข้าใจความเป็นสภาวะของนิพพานได้แล้ว นี่เป็นการเกิดขึ้นของนกน้อย

จากนกน้อยทีเพิ่งเกิดและไร้ขนปกคลุมร่าง จะกลายเป็นนกยักษ์ทีตัวใหญ๋ โบยบินอย่างอาจหาญในท้องฟ้า ย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซี่งเหมือนกับนักภาวนาทีพบกับสภาวะนิพพานแล้ว เมื่อเข้าใจ แล้วหมั่นฝีกเปรือในกำลังจิต กำลังแห่งปัญญาญาณ ก็ย่อมมีความสามารถแก่กล้าเหมือนนกยักษ์

3.1 การพบกับสภาวะของนิพพานในครั้งแรกของชีวิต จะเป็นการ *เห็น*ด้วยปัญญาญาณ พบกับสภาวะของความว่างเปล่า และ การสิ้นไปของความรู้สีกว่ามีตัวตน ซี่งหลายคนมักคิดว่า ได้อย่างนี้ นี่คือการจบกิจการภาวนาแล้ว ไม่ต้องทำอีก ซ๊่งไม่เป็นความจริง

ในพระธรรมคำสั่งสอนได้บอกว่า สิ่งทีเกิดนั้นจะมาจากเหตุและปัจจัย ซ๊่งถูกต้อง แต่เพราะการไร้ประสบการณ์การเข้าสู่สภาวะนิพพานของนักภาวนาทีพบนิพพานแล้ว จะเป็นเหตุและปัจจัย ทำให้สภาวะของนิพพานทีเคยเกิดขึ้น กลับไม่เกิดขี้นอีก

ถ้าอย่างนั้น นิพพาน ไม่เทียงอย่างนั้นหรือ
ซี่งไม่ใช่อย่างนั้นเช่นกัน สภาวะนิพพานไม่อาจบอกได้ว่าเทียงหรือไม่เทียง
เพราะเป็นสภาวะของความว่างเปล่าทีไม่มีอะไรเลย
แต่เพราะนักภาวนาทีไม่ชำนาญในการใช้สติควบคุมการปรุงแต่งในจิตของตนได้เก่งพอ
นี่คือเหตุและปัจจัย ทีทำให้สภาวะนิพพานไม่เกิดขึ้นอีก

งานของนกน้อยก็คือ ทำการฝีกฝนให้จิตมีความสามารถมากขึ้นในการหยุดการปรุงแต่งต่างๆ ในจิตใจ ยิ่งควบคุมได้เก่งขึ้น นกน้อยก็จะตัวใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ

3.2 จาก *เห็น* ไปสู่ *การเห็น*และ*การรู้สีกได้*

สภาวะแรกของการพบนิพพาน คือการเห็นสภาวะของนิพพาน
เมื่อนักภาวนาทีรู้จักและเห็นนิพพานได้แล้ว พยายามทีจะไปมองหาเพื่อจะเห็น
นิพพานจะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะนีคือความจงใจในการกระทำ อันเป็นการปรุงแต่ง

ทำอย่างไรจึงจะเห็นได้โดยไม่มีการจงใจทีในการกระทำ นี่เป็นปริศนาทีนกน้อยต้องขบคิด

ในครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น คือ หลวงปูดูลย์ อตุโล ได้สอนว่า พบจิตทำลายจิต พบผูู้ทำลายผู้รุ้ นี่เป็นปริศนาทีเป็นการใบ้ทางให้ของหลวงปู่ดูลย์

หลวงพ่อเทียนเป็นครูบาอาจารย์รูปหนี่งทีสอนการเจริญกรรมฐานด้วยการเคลื่อนไหว ได้สอนสั้นเพียงว่า ให้รู้สีก

ในสภาวะของนิพพานนั้น จะมีความรู้สีกอย่างหนี่ง คือ ความรู้สีกทีสงบเย็น ซี่งนักภาวนารู้จักแล้วตอนพบกับนิพพานครั้งแรกในชิวิต

เพียงแต่นักภาวนาไม่ต้องทำอะไร นั่งเฉยๆ เท่านั้น ความรู้สีกสงบเย็นของนิพพานจะปรากฏตัวขึ้นทันที เมื่อความรู้สีกสงบเย็นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สภาวะของนิพพานทีเป็นความว่างเปล่าและไร้ความรู้สีกของความเป็นตัวตนก็จะปรากฏตามมาเอง

ง่ายอย่างนี้เลยหรือ ???
ไม่ใช่ครับ ไม่ง่ายอย่างนั้น

เมื่อความรู้สีกสงบเย็นได้มาปรากฏตัวอีกครั้งหนี่ง สภาวะว่างของนิพพานอาจไม่ปรากฏตัวก็ได้ ถ้าจิตนักภาวนายังเจือด้วยการปรุงแต่งอีก แต่ถ้าให้การปรุงแต่งในจิตหายไป ลมหายใจต้องปรากฏด้วยพร้อมกับความว่างเปล่า

ในพระไตรปิฏกได้เขียนไว้ว่า เจ้าชายทรงใช้อาณาปานสติเป็นกรรมฐานจนพบกับนิพพานได้ ซี่งนักภาวนาทีพบกับนิพพานมาแล้วจะพบว่า ถ้าได้เจริญอาณาปานสติกรรมฐานก่อน เพียงไม่ถีงอีดใจ ความสงบเย็นก็จะปรากฏขึ้นในจิตทีรู้สีกได้ แล้วสภาวะความว่างเปล่าและการไร้ความรู้สีกถีงการมีตัวตนก็จะปรากฏขึ้นตามมาทันทีอย่างสายฟ้าแล็บ

ในอาณาปานสติได้กล่าวว่า สติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์เมื่ออาณาปานสติสมบูรณ์ นี่คืออย่างนี้
การสมบูรณ์ของสติปัฏฐาน 4 และ ปํญญาญาณ ความสงบเย็นของจิตใจ และ ความว่างเปล่าแห่งการไร้ความเป็นตัวตน นี่คือ ความสมบูรณ์

เมื่อเทียบกับความเข้าใจทีว่า เพียงดูลมทีปลายจมูกให้ชำนาญจะทำให้อาณาปานสติสมบูรณ์ นี่เป็นความเข้าใจทียังคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงแห่งอาณาปานสติทีสมบูรณ์

เมื่อนกน้อยหัดความสมบูรณ์ของสภาวะให้ชำนาญขึ้น การเดิบใหญ่ก็จะตามมา นกน้อยเปลี่ยนเป็นนกวัยรุ่น เมื่อชำนาญมากอย่างถีงทีสุด ก็จะเป็นนกยักษ์ทีจิตนั้นสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาด้วยสภาวะแห่งความสงบเย็นในจิตใจ




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2557
0 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2557 15:33:28 น.
Counter : 1172 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.