จ้อง VS ชำเลือง/รู้สีก/สังเกต
ความสำเร็จของการฝีกฝนการภาวนานั้น อยู่ที่ การรู้ความต่างระหว่าง จ้อง และ ชำเลือง/รู้สีก/สังเกต
1. จ้อง คำว่า จ้อง ผมว่าทุกคนรู้จักกันดี เช่น ผู้ชายเวลาจ้องมองผู้หญิง หรือ ผู้หญิงจ้องมองกระเป๋าถือใบงาม หรือ นักภาวนา ไปจ้องที่ปลายจมูกเพือ่รู้ลม การจ้องเท้าเวลาเดินจงกรม การจ้องมือเวลาเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียน การจ้องท้องเพื่อดูท้องพองยุบ
ลักษณะอาการของจ้อง คือ 1. เป็นวัตถุที่ตามองเห็นได้ จะอยู่นอกตัวก็ได้ อยู่ทีตัวก็ได้ อยู่ภายในตัวก็ได้ อยุ่นอกตัวก็เช่น เสื้อผ้า รถยนต์ ผู้หญิง ผู้ชาย อื่น ๆ อีกมาก อยู่ทีตัว เช่น ปลายจมูก แขน ขา ท้อง และ อื่นๆ อยู่ภายในตัว เช่น ปอด ลำไส้ อื่น ๆ จะมองเห็นได้ เมื่อมีการผ่าท้องออกมาให้ดู ทีนักเล่นอสุภะชอบทำกัน
2. เมื่อจ้องมองสิ่งใด จิตจะไหลออกไปจับยีดกับสิ่งนั้น เมื่อจิตจับยีด ก็จะมีแต่สิ่งนั้นให้สัมผัสได้ เช่น ชายจ้องมองหญิง ก็จะเห็นแต่หญิงอย่างเดียว ไม่เห็นสิ่งอื่นๆ นอกจากหญิงคนนั้น เมื่อจ้องปลายจมูก ก็จะมีแต่ปลายจมูก เมื่อจ้องมือ ก็จะมีแต่มือ เป็นต้น
3. ขอให้สังเกต เมื่อจ้องสิ่งใด ตาที่เคยเห็นกว้่าง ๆ ที่สอนในธรรมล้อมวง ก็จะไม่เห็นความกว้างนี้อีก เพราะจิตไหลออกไปยีดสิ่งทีจ้องมอง ทำให้ไม่เห็นความกว้างนี้
การจ้องนี้ ถ้าเป็นมือใหม่ภาวนา อย่าไปฝีกจ้อง เพราะจิตจะไหลออก แล้วการภาวนาจะไม่ได้ผล แต่ถ้า มือเก่าชำนาญงาน จ้องไม่มีปัญหา เพราะฝีกมาดีแล้ว จิตไม่ไหลออก
2.. ชำเลือง/ รู้สีก / สังเกต
คำ 3 คำนี้เหมือนกัน แต่มีผู้ใช้ 3 คำนี้มาจากต่างอาจารย์ที่สอนภาวนากัน
ลักษณะอาการของการ ชำเลือง /รู้สีก/ สังเกต 1..ไม่เป็นวัตถุทีตาธรรมดามองเห็นได้ คือ ตาธรรมดามองไม่เห็น จะรับรู้ได้ด้วยจิตหรือสติระลีกได้เท่านั้น 2..เมื่อ ชำเลือง/รู้สีก/สังเกต จิตจะไม่ไหลออกไปจับยีดเหมือนจ้อง จิตยังคงอยู่ที่ฐานทีตั้งของจิต 3..ขอให้สังเกต เวลา ชำเลือง / รู้สีก / สังเกต ตาที่มองจะเห็นกว้างๆ เหมือนทีสอนในธรรมล้อมวงได้ และ ภาพทีตามองเห็น วัตถุภายนอก จะมัวๆ นิดหน่อย แต่ถ้า ชำเลือง/รู้สีก/สังเกต หนัก ๆ ภายวัตถุภายนอกจะมัวมาก
4. ในขณะที ชำเลือง / รู้สีก / สังเกต จะสามารถรับรู้อาการทางกาย ทางใจได้หลายๆ อย่างพร้อมกันไป เช่น ตาก็มองเห็นวัตถุที่อยุ่ข้างหน้าได้กว้างๆ แต่อาจเห็นมัว ๆ ก็ไม่เป็นไร หูก็ได้ยินเสียงสิ่งแวดล้อม สามารถรับรู้ความรู้สีกทางกายได้ ก้นสัมผัสเก้าอี้ ก็รุ้สีกได้ เท้าสัมผัสพื้นก็รู้สีกได้ บางคนก็อาจรู้สีกได้ถึงหัวใจเต็น ลมหายในได้ด้วย และ อื่นๆ ที่กาย
*************** นี่คือ ความต่างระหว่าง สมาธิแบบฤาษี ทีใช้จ้อง และ สัมมาสมาธิที่ใช้ ชำเลือง /รู้สีก / สังเกต ให้ฝีก สัมมาสมาธิแบบนี้บ่อยๆ แล้วจิตจะตั้งมั่น รู้เห็นสภาวะธรรมได้ต่อไป เมื่อจิตตั้งมั่นพอเพียง
ใครทียังหาความต่างนี้ไม่พบ ให้หาความต่างนี้ก่อน รุ้จักก่อน มิฉะนั้น ฝีกไป ก็มีแต่ผิดทาง ไปเข้าทางฤาษีกันหมด ทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ
Create Date : 15 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 6:51:46 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1756 Pageviews. |
|
|