รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 พฤศจิกายน 2561
 
All Blogs
 
วิธีหา ความเป็นปกติ ของใจ



คนทุกคน มีใจที่ปกติอยู่  แต่คนทั่วไป จะไม่รู้จัก
ใจทีปกติ คือ ใจทีเป็นธรรมชาติแท้ ๆ ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ อยู่
ถ้าจะบอกว่า ใจแท้ๆ ทีเป็นธรรมชาติ คือ สภาวะใจของพระอรหันต์นั้นเอง
.
เมื่อนักภาวนาได้ลงมือปฏิบัติมรรค8 ไม่ว่าด้วยวิธีใด สำนักใด
ซึ่งถ้าปฏิบัติได้ *** ตรงทางมรรค 8 ****
ก็จะมีการพัฒนาของ สติ สมาธิ ได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวเองจากการฝีกฝนปฏิบัติ
.
เมื่อกำลังของ สติ สมาธิ เพิ่มขึ้นมาในระดับหนี่งในการฝีกฝน
การเพิ่มขึ้นอีกของสติจะไม่เกิดขึ้นอึก ถ้ายังปฏิบัติอยู่แต่ในสำนัก
นักภาวนาต้องออกไปผจญภัย พบกับทุกข์ ดังเช่นในสมัยพุทธกาล
ทีพระจะออกปลีกวิเวก ไปธุดงค์ตามป่าเขา
สำหรับนักภาวนาในยุคปัจจบัน ก็ให้หาวิธีทางเอาเองว่า 
จะพบกับทุกขได้อย่างไร
.
จิตทีฝีกมาบ้าง มีสติ สมาธิ พอสมควรแต่เล็กน้อย
ยิ่งมีการพบทุกข์มาก และ ถ้าสามารถชนะทุกข์ได้บ่อย 
การเพิ่มขึ้นของสติยิ่งไปได้ดีมาก
การชนะก็คือ จิตปรุงแต่งจะพบเป็นไตรลักษณ์
แต่ถ้าไม่พบเป็นไตรลักษณ์ ก็คือ ยังไม่ชนะ
หรือถ้าจิตเฉยๆ ไม่ปรุงแต่ง เมื่อมีการกระทบ
การเพิ่มขึ้นของสติ ก็จะไม่มีเช่นกัน
.
จิตทีมีกำลังสติ สมาธิ เพิ่มมากขึ้น จะมีความสามารถเพิ่มขึ้น
ในระดับทีเรียกว่า มหาสติ กล่าวคือ ไม่ว่า จะทำงานในกิจวัตรประจำวัน
ต่างๆ ในชีวิต 
สติ จะสามารถรับรู้ ลมหายใจ ได้เอง พร้อมกับการทำงานทำการไปด้วยเสมอ
ถ้าท่านนักภาวนา เกิด มหาสติ ได้แล้ว ก็พร้อมทีจะรับรู้อาการทีเป็นปกติของใจได้แล้ว.
.
สติ ในระดับ มหาสติ มีพลังมากพอทีจะควบคุมจิตไม่ให้ปรุงแต่งฟุ่งซ่านทีเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
ซึ่ง จิตทีไม่ปรุงแต่งฟุ่งซ่าน โดยไม่มีการกระทำนี่แหละ คือ ใจทีเป็นธรรมชาติ
.
ผมจะยกต้วอย่าง การหาใจทีเป็นธรรมชาติ
.
1..การขยับตัวเอง ซี่งเป็นไปเองตามธรรมชาติ เมื่อนั่งอยู่แล้วเกิดเมื่อยล้าขึ้น
2..การกำลังหย่นก้นลงนั่งทีเก้าอี้
3..การกำลังยกก้นลุกขึ้นจากเก้าอี้
4...การเอนร่างกายลงนอน  ดังเช่น พระอานนท์พบธรรมะ
5.. การก้่มลงล้างหน้าทีก๊อกน้ำทีอ่างล้างหน้า
.
ซึ่งตัวอย่างข้างต้น จะต้องเป็นเองตามธรรมชาติ   แต่ถ้าตั้งใจทำขึ้นมา
ใจปกติจะไม่เกิดขึ้นเพราะเจือด้วยการจงใจทีไม่เป็นธรรมชาติ
.
ในนักภาวนาทียังไม่ได้ มหาสติ  
สติ จะยังไม่ว่องไวพอทีจะจับอาการของใจได้
ดังนั้น ท่านต้องฝีกฝนให้เกิด มหาสติ เสียก่อน
แล้วรอเวลาให้เกิดสภาวะธรรมชาติขึ้น แล้วให้ สติทีว่องไว ไปจับอาการของใจได้เอง 
การเกิดขึ้นของสภาวะธรรมชาตินี้ จะเกิดขึ้นเร็วมาก และ เพียงชั่วแว๊บเดียวเท่านั้นสั้น ๆ 

.
คำถามต่อไป ก็คือ ทำไมต้องพบอาการปกติของใจ
.
เมื่อพบอาการปกติของใจ รู้จักได้แล้ว นักภาวนาจะพบกับธรรมทีแท้จริง
ทีไร้การปรุงแต่ง ซี่งสภาวะแบบนี้ นักภาวนาจะพบว่า อาการความรู้สีกความเป็นตัวตนนั้น
มันได้หายไปด้วย ก็จะเป็นการได้ปัญญาแท้ของคนเราว่า ทีแท้ คนเรานั้นไม่มีตัวตน
นั่นเอง
.
เมื่อได้พบกับอาการใจปกตินี้ได้แล้ว ต่อไป จะสามารถพบอาการใจปกตินี้ได้บ่อยขึ้น
แต่ไม่ใช่พบได้ยาวนาน หรือ พบได้ทุกครั้งทีทำในสิ่งทีเขียนไว้ในข้อ 1 ถึง 5 ข้างบน
การพบได้จะเกิดในขณะทำอะไรอยู่ก็ได้ เช่น กวาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ อาบน้ำ หรือ อื่นๆ 
เช่นกัน การพบได้ จะเกิดแว๊บเดียวสั้น ๆ แล้วก็หายไปทันที
.
ประโยชน์อีกอย่างทีพบใจทีเป็นธรรมชาติได้ ก็คือ กำลังของสติ จะเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อ สติ เพิ่มขึ้นมากอย่างนี้ การควบคุมจิตปรุงแต่ง ยิ่งเป็นไปเองโดยอัตโนมัติได้มากขึ้น
เมื่อ สติ มีมากขึ้น ทุกข์ใด ๆ ก็ไม่อาจเข้ามากล่้ำกลายในจิตใจได้เลย



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 13:15:43 น. 0 comments
Counter : 582 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.