วิธีหา ความเป็นปกติ ของใจ
คนทุกคน มีใจที่ปกติอยู่ แต่คนทั่วไป จะไม่รู้จัก ใจทีปกติ คือ ใจทีเป็นธรรมชาติแท้ ๆ ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ อยู่ ถ้าจะบอกว่า ใจแท้ๆ ทีเป็นธรรมชาติ คือ สภาวะใจของพระอรหันต์นั้นเอง . เมื่อนักภาวนาได้ลงมือปฏิบัติมรรค8 ไม่ว่าด้วยวิธีใด สำนักใด ซึ่งถ้าปฏิบัติได้ *** ตรงทางมรรค 8 **** ก็จะมีการพัฒนาของ สติ สมาธิ ได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวเองจากการฝีกฝนปฏิบัติ . เมื่อกำลังของ สติ สมาธิ เพิ่มขึ้นมาในระดับหนี่งในการฝีกฝน การเพิ่มขึ้นอีกของสติจะไม่เกิดขึ้นอึก ถ้ายังปฏิบัติอยู่แต่ในสำนัก นักภาวนาต้องออกไปผจญภัย พบกับทุกข์ ดังเช่นในสมัยพุทธกาล ทีพระจะออกปลีกวิเวก ไปธุดงค์ตามป่าเขา สำหรับนักภาวนาในยุคปัจจบัน ก็ให้หาวิธีทางเอาเองว่า จะพบกับทุกขได้อย่างไร . จิตทีฝีกมาบ้าง มีสติ สมาธิ พอสมควรแต่เล็กน้อย ยิ่งมีการพบทุกข์มาก และ ถ้าสามารถชนะทุกข์ได้บ่อย การเพิ่มขึ้นของสติยิ่งไปได้ดีมาก การชนะก็คือ จิตปรุงแต่งจะพบเป็นไตรลักษณ์ แต่ถ้าไม่พบเป็นไตรลักษณ์ ก็คือ ยังไม่ชนะ หรือถ้าจิตเฉยๆ ไม่ปรุงแต่ง เมื่อมีการกระทบ การเพิ่มขึ้นของสติ ก็จะไม่มีเช่นกัน . จิตทีมีกำลังสติ สมาธิ เพิ่มมากขึ้น จะมีความสามารถเพิ่มขึ้น ในระดับทีเรียกว่า มหาสติ กล่าวคือ ไม่ว่า จะทำงานในกิจวัตรประจำวัน ต่างๆ ในชีวิต สติ จะสามารถรับรู้ ลมหายใจ ได้เอง พร้อมกับการทำงานทำการไปด้วยเสมอ ถ้าท่านนักภาวนา เกิด มหาสติ ได้แล้ว ก็พร้อมทีจะรับรู้อาการทีเป็นปกติของใจได้แล้ว. . สติ ในระดับ มหาสติ มีพลังมากพอทีจะควบคุมจิตไม่ให้ปรุงแต่งฟุ่งซ่านทีเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ซึ่ง จิตทีไม่ปรุงแต่งฟุ่งซ่าน โดยไม่มีการกระทำนี่แหละ คือ ใจทีเป็นธรรมชาติ . ผมจะยกต้วอย่าง การหาใจทีเป็นธรรมชาติ . 1..การขยับตัวเอง ซี่งเป็นไปเองตามธรรมชาติ เมื่อนั่งอยู่แล้วเกิดเมื่อยล้าขึ้น 2..การกำลังหย่นก้นลงนั่งทีเก้าอี้ 3..การกำลังยกก้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ 4...การเอนร่างกายลงนอน ดังเช่น พระอานนท์พบธรรมะ 5.. การก้่มลงล้างหน้าทีก๊อกน้ำทีอ่างล้างหน้า . ซึ่งตัวอย่างข้างต้น จะต้องเป็นเองตามธรรมชาติ แต่ถ้าตั้งใจทำขึ้นมา ใจปกติจะไม่เกิดขึ้นเพราะเจือด้วยการจงใจทีไม่เป็นธรรมชาติ . ในนักภาวนาทียังไม่ได้ มหาสติ สติ จะยังไม่ว่องไวพอทีจะจับอาการของใจได้ ดังนั้น ท่านต้องฝีกฝนให้เกิด มหาสติ เสียก่อน แล้วรอเวลาให้เกิดสภาวะธรรมชาติขึ้น แล้วให้ สติทีว่องไว ไปจับอาการของใจได้เอง การเกิดขึ้นของสภาวะธรรมชาตินี้ จะเกิดขึ้นเร็วมาก และ เพียงชั่วแว๊บเดียวเท่านั้นสั้น ๆ
. คำถามต่อไป ก็คือ ทำไมต้องพบอาการปกติของใจ . เมื่อพบอาการปกติของใจ รู้จักได้แล้ว นักภาวนาจะพบกับธรรมทีแท้จริง ทีไร้การปรุงแต่ง ซี่งสภาวะแบบนี้ นักภาวนาจะพบว่า อาการความรู้สีกความเป็นตัวตนนั้น มันได้หายไปด้วย ก็จะเป็นการได้ปัญญาแท้ของคนเราว่า ทีแท้ คนเรานั้นไม่มีตัวตน นั่นเอง . เมื่อได้พบกับอาการใจปกตินี้ได้แล้ว ต่อไป จะสามารถพบอาการใจปกตินี้ได้บ่อยขึ้น แต่ไม่ใช่พบได้ยาวนาน หรือ พบได้ทุกครั้งทีทำในสิ่งทีเขียนไว้ในข้อ 1 ถึง 5 ข้างบน การพบได้จะเกิดในขณะทำอะไรอยู่ก็ได้ เช่น กวาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ อาบน้ำ หรือ อื่นๆ เช่นกัน การพบได้ จะเกิดแว๊บเดียวสั้น ๆ แล้วก็หายไปทันที . ประโยชน์อีกอย่างทีพบใจทีเป็นธรรมชาติได้ ก็คือ กำลังของสติ จะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อ สติ เพิ่มขึ้นมากอย่างนี้ การควบคุมจิตปรุงแต่ง ยิ่งเป็นไปเองโดยอัตโนมัติได้มากขึ้น เมื่อ สติ มีมากขึ้น ทุกข์ใด ๆ ก็ไม่อาจเข้ามากล่้ำกลายในจิตใจได้เลย
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2561 |
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2561 13:15:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 582 Pageviews. |
|
|