ฉันยังหวัง ยังเฝ้ารอ คุณจะกลับมา ฉันเชื่อแบบนั้น
คุณจากไปบ่อยครั้งขึ้น นานขึ้น ฉันเฝ้าสวดมนต์ภาวนาให้คุณปลอดภัย แม้ในวันที่สหายของคุณส่งข่าวฉันก็ไม่ปักใจเชื่อ ดื้อดึง และเลือกที่จะปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งใด ฉันเปิดแค่ใจรอรับคุณกลับมาเพียงเท่านั้น คุณไม่ใช่รักแรกของฉันคุณรู้ คุณเป็นเพียงรักเดียว และนั่นนำมาซึ่งความทุกข์ทรมาน การรอคอยนำฉันสู่ความเจ็บปวดเจียนตาย ทุกลมหายใจที่แผ่วออกกลัดติดด้วยเศษวิญญาณ ฉันหมดรักในตัวคุณไม่ได้ และนั่นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะฉันจะมีรักใหม่ เหมือนที่คุณพยายามพร่ำบอกกับฉันด้วยน้ำตาในการจากลาครั้งสุดท้ายที่คุณไม่กลับมา คุณจากไปพบกับคนรักอีกคนของคุณที่มีชื่อกำกับว่าอุดมการณ์ คุณปราถนาให้ฉันเชื่อมั่นในคุณดุจเดียวกับที่คุณเชื่อมั่นในอุดมการณ์ คุณบอกกับฉันว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน และพวกเราจะได้เห็นฟ้าสีทองผ่องอำไพ การเปลี่ยนแปลงนี้เรียกร้องความทุ่มเทและเชื่อมั่นมากมายมหาศาล บางครั้งคุณไปปรากฎตัวบนเวทีกลางสนามหญ้าในมหาวิทยาลัย บางครั้งหน้าโรงงานอุตสาหกรรมชานเมือง ร้ายที่สุดก็บนสถานีตำรวจ ฉันรับรู้และติดตามเรื่องราวของคุณผ่านคำบอกเล่าของสหาย บางห้วงเวลาที่คุณหายไปฉันได้พบสหายของคุณมากกว่าคุณเสียอีก ทุกข่าวคราวจากคุณนั้นกลับไม่มีคำว่ารักและคิดถึงรวมอยู่มีเพียงคุณสบายดีและมีชีวิตอยู่ สุดท้ายความจริงในโลกนี้มีได้เพียงหนึ่งเดียว ไม่อาจมีความจริงใดดำรงอยู่ร่วมสอง ภาพของคุณถูกตีพิมพ์บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ฉบับแล้วฉบับเล่า ร่างไร้วิญญาณถูกสัตว์ร้ายป่าเถื่อนรุมขย้ำสะบัดหัวฉีกทึ้ง สายธารโลหิตหลั่งไหลชุ่มตีนพวกมัน ร่างของคุณถูกลากจากประตูมหาวิทยาลัยไปยังฝูงให้เหล่าสัตว์ร้ายรุมขย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหนำใจ วิญญาณของคุณจากไป จากไปพร้อมกับอุดมการณ์ของคุณ เหล่าสหายร่วมอุดมการณ์หากไม่หนีเข้าป่าก็ถูกตั้งข้อหาสารพัดส่วนพวกนั้นยังลอยหน้าชูคอ สลอนส่งเสียงร้องโหยหวนส่งต่อรับรู้เฉพาะในฝูงตัวเอง เสียงร้องที่กรีดร้าวลึกลงในวิญญาณของฉัน บาดแผลที่ฉันไม่แม้แต่จะสมานมันได้ ฟ้าสีทองผ่องอำไพที่คุณบอกไม่อาจมองเห็นได้จากคนรุ่นเรา บางทีอาจต้องเฝ้ามองที่ขอบฟ้า ซึ่งคุณก็รู้ว่าเส้นขอบฟ้าไม่มีจริง อรชุน 7 ตุลา 19
1. คุณเกิดวันที่หกเดือนตุลาคมปีพ.ศ.2519 เด็กที่ถือกำเนิดปีนั้นมีรอยแผลจางของคนรุ่นก่อนประทับอยู่ บาดแผลที่คนรุ่นหลังร่วมรับผิดชอบจากการกระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างโหดร้าย คุณเติบโตมาพร้อมกับกระแสสังคมที่เชี่ยวกราก ไหลพัดพาผู้คนไป ซ้าย ที ขวา ที ผู้คนในห้วงนั้นยังไม่อาจลืมเลือนเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้น มิตรสหายบางคนล้มหายตายจาก บางคนหลบหนีเข้าป่าด้วยความจำเป็น บางคนยังคงถูกคุมขังด้วยเหตุผลไร้สาระ พ่อของคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มนักศึกษาหลังรั้วมหาวิทยาลัยคราวนั้น หากแม่ไม่อุ้มท้องคุณก็คงจะเคียงไหล่สามีที่หน้าเวทีปราศรัยของกลุ่มนักศึกษา พ่อคุณจากไปด้วยคมกระสุนหนึ่งนัดตัดขั้วหัวใจเป้าหมายหนึ่งสำเร็จผล อีกหนึ่งร่วงหล่น คุณลืมตาขึ้นในค่ำวันนั้น วันที่พ่อของคุณล้มลง นับจากนั้นไม่มีเรื่องเล่าของเหตุการณ์ผ่านปากของแม่อีก การจากไปของพ่อราวกับใบไม้ร่วงหล่นและถูกกวาดเก็บนำไปเผาเช่นเดียวกับใบไม้ร่วมต้นอีกหลายใบที่ถูกปลิดจากต้นพร้อมพ่อ
แม่สอนให้คุณรู้จักรับฟังและให้เกียรติผู้อื่น ไม่มีความเชื่อและระบบใดดีครบถ้วนทั้งหมด คุณเติบโตมาด้วยการฟังมากกว่าพูด คุณไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวก่อนหน้าการเกิดของคุณจากแม่หรือคนรอบข้าง คุณได้รับข้อมูลจากหนังสือและสื่ออื่น ที่นับวันดูจะบิดเบือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจนคล้ายกับว่าเรื่องราวของพ่อและมิตรสหายไม่เคยเกิดขึ้นจริง คุณได้พบกับบันทึกของอรชุนโดยบังเอิญจากหีบเก็บหนังสือเก่าของพ่อส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่ถูกตีตราว่าต้องห้าม บันทึกแผ่นนั้นสอดอยู่กลางหนังสือจากโฮจิมินห์ถึง เปลื้อง วรรณศรี ชื่ออรชุนติดอยู่ในใจนับจากนั้น บาดแผลจากคนรุ่นก่อนเจ็บแปลบขึ้นไร้สาเหตุ คุณรู้สึกผูกพันกับเธอ ราวกับเคยพบหรืออาจจะได้พบในเวลาอันใกล้ เช้าหลังจากที่คุณได้จดจำชื่ออรชุนแม่ของคุณเปิดปากเล่าเรื่องราวแต่หนหลังเรื่องราวที่ซ่อนเก็บเอาไว้นานแสนนาน เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเช่นลิ่มที่ตอกอยู่กลางอกสร้างความเจ็บปวดมาตลอด แผลจากรอยลิ่มกลัดหนองซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณกำลังไล้มือลูบคล้ำไปตามรอยแผลนั้นรอยแผลที่ต่างจากรอยแผลจางของคุณ คุณอายุสิบหกปีขณะนั้น ห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งความคิด ยังมีความเป็นเด็กหลงเหลือ หากก็พร้อมลอกคราบโบยบินสู่ความเป็นผู้ใหญ่
2. แม่กับพ่อของคุณพบกันโดยบังเอิญในการชุมนุมครั้งใหญ่ของนักศึกษาช่วงเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2516 แม่คุณเป็นนักศึกษาปีหนึ่งเข้าร่วมชุมนุมด้วยการเป็นอาสาสมัครพยาบาล ส่วนพ่อคุณเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายและเป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยสม่ำเสมอ ก่อนการปะทะครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เขาถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขา เธอซึ่งเป็นอาสาสมัครพยาบาลได้ดูแลและทำแผลให้ ทั้งคู่หลงรักกันแทบจะทันทีที่ผ้าพันแผลถูกพันรอบขาเสร็จ แต่เขาไม่เคยรู้ว่าเธอเห็นและแอบรักเขามานานตั้งแต่เริ่มเข้าร่วมชุมนุม หลังจากพบกันคราวนั้น เขาแวะเวียนไปหาเธอสม่ำเสมอ แทบไม่คลาดสายตาจากกัน ในเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่สิบสี่ของเดือนตุลาคม เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงกลุ่มนักศึกษาถูกปราบปรามอย่างทารุณ เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินวนอยู่เหนือศรีษะโปรยปรายห่ากระสุนลงมาดุจเดียวกับสายฝน เขาอยู่ในกลุ่มแนวหน้าที่มีการปะทะ หลังจากถอยร่นมาสู่นักศึกษากลุ่มใหญ่เขาได้พาเธอหนีออกจากการปะทะและไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านญาติที่ต่างจังหวัด ที่นั่นยังมีสหายอีกหลายคนที่เอาชีวิตรอดมาจากเหตุการณ์นั้นได้ บาดแผลของพวกเขาเริ่มจากตอนนั้น แม้สุดท้ายการเรียกร้องจะสัมฤทธิ์ผล หากก็เป็นเพียงการขุดหน้าดินมา กลบปัญหาพวกเขายังคงอยู่กันอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ยังมีการกวาดล้างจากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา
แม่จบเรื่องเล่าลงตรงนั้น บาดแผลอักเสบเกินกว่าจะสัมผัสมันอีก หลังจากพ่อคุณจากไปแม่ไม่เคยเข้าร่วมกับการเรียกร้องและอุดมการณ์ใดๆ มีเพียงหนึ่งชีวิตเกิดใหม่ให้ต้องดูแล สหายเก่าแก่ของพ่อแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ หากก็เริ่มหายไปทีละคนสองคน จนที่สุดไม่เหลือสหายเก่าแก่แวะเวียนมาอีก ผู้คนในอดีตต่างพากันจากไปสิ้น จากนั้นไม่นานแม่ล้มป่วยโดยหาสาเหตุแห่งโรคไม่พบราวกับกำลังใจในการมีชีวิตหดหายภายหลังจากผู้คนในอดีตพากันจากลา คุณแวะเวียนไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลชื่อของอรชุนถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ หากแต่คุณยังคงเก็บบันทึกแผ่นนั้นเอาไว้กับตัว หน้าที่ประจำของคุณคือนั่งอยู่ข้างๆเตียงของแม่ อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง พูดคุยสัพเพเหระ หลังอาหารเที่ยงแม่คุณก็จะหลับใหลยาวนาน หากคุณไม่หลับไปพร้อมกันก็จะกลับไปอยู่ที่บ้าน ก่อนจะกลับมาอีกทีช่วงเย็น วนเวียนอย่างนั้นทุกวัน หนังสือพิมพ์ที่คุณอ่านให้แม่ของคุณฟังนั้นส่วนใหญ่ตีข่าวการยึดอำนาจของกลุ่มคนที่กำกับชื่อตัวเองว่ารสช.ในปีก่อนและเหตุการณ์ต่อเนื่อง กงล้อประวัติศาสตร์มักจะหมุนวนไปแบบนั้น ไม่มีใครหลงลืมอดีต หากก็ไม่มีใครจะยับยั้งไม่ให้เกิดเรื่องราวซ้ำๆขึ้นอีก เมื่อคุณอ่านหนังสือพิมพ์ถึงข่าวนี้ แม่ของคุณจะโบกมือให้ข้ามผ่าน อุดมการณ์ที่เคยเข้มข้นเริ่มจางหายไปช้าๆ สีของฟ้าที่จะฉาบด้วยสีทองอย่างที่คนรุ่นก่อนพยายาม ดูราวกับจะปรากฎไม่เคยเต็มแผ่นฟ้าสักครั้ง
3. บ่ายวันหนึ่ง คุณผละจากเตียงของแม่หลังจากได้เวลาหลับ เดินออกจากห้องตามปกติ จู่ๆ คุณรู้สึกแปลบที่หน้าอก ชื่ออรชุนถูกขานเรียกในใจซ้ำๆ คุณเดินผ่านกระดานรายชื่อผู้ป่วย พลันสายตาไปหยุดอยู่ที่รายชื่อผู้มาใหม่ น.ส.อรชุนไร้นามสกุลกำกับ คุณเดินไปยังเตียงที่ระบุหมายเลขบนกระดาน ที่นั่นมีหญิงสาวนอนหลับอยู่คุณคะเนอายุของเธอน่าจะราวสามสิบกว่าปีรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของคุณ เตียงของเธออยู่ใกล้หน้าต่างบานเกล็ดและประตูสู่ระเบียงที่เปิดอยู่ตลอดเวลามีเพียงประตูมุ้งลวดแผ่นบางกั้นอยู่ ห้องของเธอเป็นห้องผู้ป่วยรวมหญิงถัดจากห้องของแม่ คุณไม่แน่ใจ ไม่อาจแน่ใจ ว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงจะเป็นอรชุนที่เขียนบันทึกแผ่นนั้น แต่อะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับบาดแผลในตัวคุณนั้นเริ่มส่งอาการแสบปวด
หลังจากบ่ายวันนั้น คุณแวะเวียนไปที่เตียงของเธอทุกวันหลังจากแม่คุณหลับ คุณถือดอกกุหลาบหลากสีเปลี่ยนที่แจกันบนโต๊ะข้างเตียงของเธอทุกวัน คุณไม่เคยพบเธอขณะตื่น ราวกับการหลับใหลคืออาการป่วยของเธอ คุณจะเดินไปมาอยู่ที่ระเบียงใกล้ๆ เตียงของเธอ บางครั้งก็นั่งอ่านหนังสือที่บริเวณระเบียงไม่ไกลจากประตูมุ้งลวด บางครั้งคุณนั่งอยู่ข้างเตียงราวกับญาติมาเฝ้า ในห้องพักผู้ป่วยเหลือเธอเพียงลำพังบนเตียงนั้น ไม่เคยมีญาติของเธอมาเยี่ยม ไม่เคยพบเธอลืมตา สิ่งเดียวที่ทำให้คุณมั่นใจว่าเธอยังคงตื่นทุกวันนั่นคือหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ข้างเตียง ทุกวันที่คุณมาจะมีฉบับใหม่วางอยู่เสมอ ที่ข้อมือซ้ายของเธอมีผ้าปิดแผลปิดอยู่เหนือผ้าปิดแผลมีรอยแผลเป็นจากของมีคม คุณรู้สึกราวกับเริ่มหลงรักเธอ หญิงสาวที่ไม่เคยพูดคุยแม้สักครั้งไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงถึงเธอนอกจากบันทึกแผ่นนั้นที่อาจมีเพียงชื่อร่วมกัน บางสิ่งบางอย่างภายในเร่งเร้าให้คุณรู้สึกแบบนั้น
4. แม่ของคุณจากไปอย่างเงียบเชียบช่วงดึกกลางเดือนพฤษภาคม ร่างกายหยุดทำงานราวกับมีใครดึงปลั๊กออก ไม่มีอาการให้วิตกก่อนหน้า ไร้ซึ่งสัญญาณเตือน ทั้งหมอและพยาบาลต่างวิ่งวุ่นรอบเตียง ก่อนสุดท้ายไม่อาจยื้อประสงค์แห่งวงจรชีวิตเอาไว้เมื่อญาติของคุณมาถึงโรงพยาบาล คุณผละจากที่นั่นเดินไปที่เตียงของอรชุนทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงก้มหน้าแนบข้างลำตัวเธอ และปล่อยให้สายน้ำตาหลั่งรดจนชุ่ม เป็นครั้งแรกที่คุณรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างแท้จริง คุณไม่สามารถนึกภาพใครที่จะอยู่เคียงข้างได้ หายไปสิ้น คงเหลือเพียงหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหากแต่ไม่อาจรู้วันใดเธอจะตื่นมาพบคุณ
วันที่สองหลังการจากไปของแม่ กงล้อประวัติศาสตร์หมุนมาหยุดที่จุดเดิม เหตุการณ์บนถนนราชดำเนินเต็มไปด้วยฝูงชนที่ออกมาเรียกร้องสิ่งที่เมื่อในอดีตได้ถูกเรียกร้องมาแล้วนับไม่ถ้วนครั้งคุณไม่ได้กลับไปที่โรงพยาบาลอีก คุณตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุม ไม่ใช่ด้วยอุดมการณ์ ไม่ใช่ต้องการเรียกร้องสิ่งใด หากแต่คุณคิดว่าหากพ่อและแม่คุณยังอยู่ก็คงจะเข้าร่วมเป็นแน่ คุณเป็นเพียงร่างทรงแห่งความต้องการของคนในรุ่นก่อนจึงพาบาดแผลในอดีตไปเพื่อให้ได้รับการบำบัด คุณตัดสินใจแวะไปที่โรงพยาบาลอย่างน้อยก็ควรจะไปร่ำลาอรชุน แต่ที่นั่นเหลือเพียงความว่างเปล่า หนังสือพิมพ์ถูกเก็บไปสิ้น ไร้ร่างหลับใหลของเธอ คุณเดินย้อนกลับมาสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงคนไข้ชื่ออรชุน ไม่มีคำตอบ ไม่มีข้อมูล ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับเธอเลย คล้ายเธอไม่เคยเอนกายลงบนเตียงในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยซ้ำ คุณจากมาด้วยความสับสนและเจ็บแปลบในอก คุณกลายเป็นเอกภพที่ว่างเปล่าอย่างแท้จริงไม่มีสิ่งใดโคจรใกล้คุณอีกต่อไป
5. คุณเข้าร่วมการชุมนุมช่วงเย็นก่อนการปะทะจะเริ่มขึ้น ผู้เข้าร่วมชุมนุมล้วนแต่เป็นคนรุ่นพ่อและแม่ของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยกลางคน ต่างจากการเรียกร้องเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดเสียงแกนนำตะโกนปลุกปลอบผู้เข้าร่วมตลอดเวลาทหารและตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์เตรียมพร้อมด้วยอาวุธครบมือ มีการปะทะเกิดขึ้นแล้วบางจุด ค่ำนั้นเป็นไปด้วยความหวาดระแวงถึงการเข้าปราบปรามข่าวลือถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วในหมู่ผู้ร่วมชุมนุม บางส่วนได้ออกจากบริเวณเพื่อกลับบ้านช่วงกลางดึก แต่ส่วนใหญ่ยังคงปักหลักในสิ่งที่มาร่วมเรียกร้องรวมถึงคุณซึ่งยังคงนั่งรวมกลุ่มอยู่ใกล้กับแกนนำที่ส่งเสียงผ่านไมโครโฟน ลุงที่นั่งข้างๆ ส่งข้าวกล่องและน้ำเปล่าให้ คุณนั่งสนทนาและเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ภาพการเจอกันของพ่อและแม่คุณเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนผุดขึ้นมาในความรู้สึกคงเป็นสถานการณ์เช่นนี้ที่ทั้งคู่ได้พบกัน
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบอาคารบนถนนราชดำเนิน คำสั่งถูกส่งมาถึงแนวหน้า การปราบปรามเริ่มขึ้นช่วงเช้ามืด เสียงหวีดหวิวของกระสุนเหล็กลอยพุ่งไร้ทิศทาง พวกมันถูกส่งจากเครื่องยิงไร้จิตใจและผู้ควบคุมที่ไร้วิญญาณ เป้านิ่งมากมายรอรับอาวุธสังหารเหล่านั้น ไร้ทางสู้ ผู้ร่วมชุมนุมมีเพียงโทรศัพท์มือถือในมือร้องบอกปลายสายเพื่อร่ำลา ร้องบอกความจริงถึงผู้อยู่เบื้องหลังว่าพวกเขาถูกกระทำอย่างไร ควันขโมงจากการเผารถยนต์และรถประจำทาง กลิ่นเหม็นของยางไหม้เจือกลิ่นคาวเลือด กลิ่นความอัปยศจากการสังหารผู้คนในเผ่าพันธุ์เดียวกันลอยคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ชีวิตต่อชีวิตปลิดปลิว ที่เหลือชีวิตหามหิ้วเหล่าสหาย โรงแรมรัตนโกสินทร์กลับกลายเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว คุณยืนนิ่งงันเสียงหวีดหวิวฉิวผ่านไปมา ชายคนหนึ่งพุ่งใส่ตัวคุณให้ล้มลงก่อนที่กระสุนสังหารจะถึงตัว ชายคนนั้นมีเลือดไหลพรูออกจากหน้าอกกลวงเปล่า สิ้นใจอยู่บนตัวคุณ รอยแผลจางจากคนรุ่นก่อนกลางอกมีเลือดซิบซึม บาดแผลถูกทำให้สมจริงขึ้นจากปลายกระสุนที่เจาะผ่านชายที่เอนทับร่าง คุณนึกถึงอรชุน ภาพเธอนอนบนเตียงหลับตาพริ้ม สายลมร้อนผ่านประตูมุ้งลวด ดอกกุหลาบหลากสีในแจกันบนโต๊ะหัวเตียง ร่างคุณกระตุกเกร็ง เลือดมากปริมาณพรั่งพรูจากบาดแผล สายตาพร่าเลือน คุณมาทำอะไรบนถนนนี้กันหนอ คุณถามตัวเองซ้ำไปมาในหัว ร่างทรงแห่งความต้องการของคนรุ่นก่อนปลดปล่อยวิญญาณเหล่านั้นออกจากร่างเมื่อความต้องการยังไปไม่ถึงจุดหมาย คุณจากโรงพยาบาลมาเร็วเกินกว่าจะทันได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอรชุน บันทึกอีกแผ่นของเธอถูกพบตกอยู่ใต้โต๊ะข้างเตียง ถูกหยิบขึ้นอ่านก่อนปลิวหายไปกับสายลมร้อนนอกระเบียง
บางเหตุการณ์อาจจะเกิดที่ขอบฟ้า ความเจ็บปวดบาดลึกลงสู่บาดแผลที่ปากแผลปิดสนิทไปแสนนาน คุณนอนหงายชุ่มเลือดบนถนนประวัติศาสตร์ทาบทับรอยร่างของผู้คนในรุ่นก่อน คุณเหม่อมองไปที่ขอบฟ้า เฝ้ารอบางเหตุการณ์ผุดโผล่ สายตาคุณจับจ้องแค่เพียงที่นั่น ผู้คนรายรอบกลับกลายเป็นเพียงภาพพร่ามัว รวมถึงร่างของคุณ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นไม่อาจเกิดขึ้น เส้นขอบฟ้าไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงนามสมมุติ และสีทองผ่องอำไพไม่เคยฉาบทาบทับเต็มฟ้าสักครา.
ฉันเกลียดคุณ เกลียดการเคยดำรงอยู่ของคุณ เกลียดนามกำกับที่มีความหมายถึงคุณ
ความรักใดใดที่ฉันเคยมอบให้ ฉันได้เรียกมันกลับคืนและจุดเผามันด้วยไฟโทสะ ฉันสาบานกับตัวเองไม่มีวันที่ฉันจะมอบหัวใจเปี่ยมรักให้ชายหน้าไหนอีกเป็นอันขาด คุณไม่เพียงทำลายความรักที่ฉันมีให้หากแต่คุณได้ทำลายความรักที่ผู้หญิงคนหนึ่งได้มีต่อโลกใบนี้ด้วย วันที่ภาพการจากไปของคุณแผ่หราบนหน้าหนังสือพิมพ์ฉันร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ และเมื่อความจริงอีกเรื่องได้ปรากฎน้ำตาที่หลั่งไหลท่วมท้นก็ได้แห้งเหือดหดหายกลับเข้าไปอยู่ภายในซอกหลืบดำมืดในหัวใจฉัน คุณพร่ำบอกฉันถึงอุดมการณ์ที่คุณและสหายศรัทธา พร่ำบอกถึงการเข้าร่วมการต่อต้านเรียกร้อง แต่นั่นเป็นแค่เพียงฉากบังหน้า เป็นบทบาที่คุณแสดงให้พวกพ้องได้เห็น อีกฉากสลับ คุณมอบความรักที่เคยมอบแด่ฉันเพียงผู้เดียวให้หญิงสาวอีกคน วันที่ฉันรู้ว่าหญิงสาวตั้งท้องและให้กำเนิดอีกชีวิตในค่ำวันที่คุณตายจาก ฉันเฝ้าภาวนาให้เด็กนั่นเกิดเป็นบุรุษ และสาปแช่งให้เติบโตขึ้นมาโดยไร้รักแท้ไม่ว่าจากผู้ใด และเมื่อมันเริ่มเรียนรู้ที่จะรัก ก็ขอให้มันค้นพบว่าสิ่งนั้นไม่เคยมีอยู่จริง ฉันจะรักษาชีวิตไว้จนกว่าคำสาปแช่งของฉันเป็นจริง อรชุน
|
โหดดดดดดดดดดด T_T
แต่ก็..เข้าใจได้นะ เหอๆ
โหวตให้ค่ะ