Blogger Reader Writer Runner
Incomparable



ผมพบตัวเองนั่งอยู่ในบาร์เล็ก ๆ ริมถนนพระอาทิตย์ ผมมาที่นี่ไม่บ่อย แต่วันที่ผมไม่มีปลาย ทางแน่ชัดก็มักจะพบตัวเองอยู่ที่ร้านนี้ อีกอย่าง บรรยากาศร้านนี้ก็ไม่เลวนักกับอารมณ์ของผมขณะนี้ ได้เบียร์เย็นเยียบอีกสักหน่อยผมก็ไม่ต้องการอื่นใดอีก แต่แท้จริงเหตุผลที่ผมเลือกร้านนี้เป็นเพราะเธอ ผมเป็นเพื่อนชายคนเดียวที่เธอมี แต่เธอเป็นคนรักคนเดียวที่ผมมี

... ผมคิดถึงเธอ ...

ผมสั่งเบียร์เพิ่ม ร่างกายผมยังสามารถรองรับปริมาณเบียร์ได้อีก วันนี้เธอยังไม่ได้โทรศัพท์หาผม เพียงแต่ผมแน่ใจว่าหากเธอโทรเข้ามา เธอมักจะนัดเจอผมที่ร้านนี้ ทุกครั้งที่เธอจะโทรหาผมในช่วงเวลานี้ เธอมักจะมีปัญหาหรือไม่ก็ทะเลาะกับคนรักของเธอ และทุกครั้งก็จะเป็นผมที่นั่งตรงข้ามกับเธอ เพื่อรับฟังเรื่องราว เธอไม่ได้ต้องการคำปรึกษาหรือแม้กระทั่งคำปลอบโยน เธอต้องการเพียงคนรับฟังเพียงเท่านั้น ผมค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะรับฟังเธอมากกว่าจะให้คำปรึกษา และในทุกทุกครั้งหลังจากหมดประโยคจากเธอ เรามักจะดื่มกันจนถึงที่สุด ราวกับปลดปล่อยตัวตนไปกับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ตามมาด้วยความเจือจางของสติ สุดท้ายผมก็จะลากเธอขึ้นแท็กซี่ เปิดประตูคอนโด โยนเธอลงเตียง ปิดห้อง แล้วก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้เสมอ หลายปีผ่านมา เรื่องราวความใกล้ชิดของเราก็ยังดำเนินไปในแบบนี้ สลับกับการไปดูหนังเป็นเพื่อนเธอบ้างในวันที่คนรักของเธอไม่ว่างจะมาเจอ แต่ผมราวกับว่าจะว่างเพื่อเธอแทบจะทุกวัน เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยปฏิเสธเธอเลยนอกเสียจากผมจะไปอยู่นอกโลกที่คงจะบินกลับมาหาเธอไม่ทัน นอกนั้นผมราวกับจะโคจรอยู่รอบตัวเธอโดยที่เธอไม่แม้แต่จะรู้ตัว เธอบอกผมในคืนนึงที่บาร์นี้ว่า ผมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ผมยิ้มรับ และก็เพียงเท่านั้น

ผมนั่งรำลึกไล่เรียงเรื่องราวที่ผ่านมา เธอถามผมในวันนึงว่าผมรักเธอรึเปล่า ในวันที่เธอร้องไห้อย่างสาหัสราวกับความทุกข์ทั้งหมดที่เธอแบกไว้เริ่มกดทับเธอจนแทบจะล้มลง พร่ำเพ้อว่ารักของเธอไม่เห็นจะสวยงามเลิศเลออย่างที่หวังวาดเอาไว้และสิ่งที่เขาทำกับเธอมันแย่แค่ไหน ผมรู้ในทันทีว่าสิ่งที่เธอต้องการจากผมคืออะไร แต่ที่เธอถามผมมานั้น เธอคงไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงตัวเองที่ถาม ผมทำได้แต่เพียงอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้ ไม่มีเรื่องราวใดใดหลุดจากปากเธออีก หลังจากถ่ายเทเอาเรื่องราวย่ำแย่ของความรักระหว่างเธอกับเขาออกมาวางกองตรงหน้าเสียงของเธอขาดหายไปราวกับเครื่องเสียงถูกดึงปลั๊กออกแล้วผมก็หลุดออกจากโลกของเธอโดยสิ้นเชิง ผมเฝ้ามองเธออย่างเงียบงัน ยกเบียร์ขึ้นดื่มเป็นระยะ สั่งเพิ่มเมื่อปริมาณพร่องลง เราสลับกันยกเบียร์ขึ้นดื่มเป็นระยะแต่ไม่มีถ้อยคำใดระหว่างเรา ปล่อยให้เสียงเพลงแผ่วเบาในร้านโอบล้อมความเงียบระหว่างกัน

นาฬิกาข้อมือผมบอกเวลาเที่ยงคืน อันที่จริงเธอไม่ได้ติดต่อผมมาเกือบเดือนแล้ว หลังจากค่ำคืนนั้น หลังจากคำถามว่าผมรักเธอไหมหลุดออกมาจากปาก ผมจำไม่ได้ว่าในคืนนั้นผมตอบเธอไปว่าอย่างไร แต่ผมคิดว่าในเรื่องความรักนั้น คำพูดง่ายกว่าการกระทำเสมอ การขาดติดต่อจากเธอนั้นไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายสำหรับผมมากนัก บางทีเช้าหลังจากคืนนั้นเธออาจจะกลับไปคืนดีกับคนรัก หรือไม่ก็เธอคงอยากได้เวลาสำหรับตัวเองสักพัก

... แต่ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน ...

สายฝนด้านนอกพรมถนนพระอาทิตย์จนชุ่มฉ่ำและเริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ บางส่วนถูกลมพัดให้ปะทะกับผนังกระจกหน้าร้าน กลายเป็นหยาดน้ำสายเล็กไหลลงอาบแก้มที่แนบชิดกระจกอีกด้านของสายฝน หญิงสาวคนนั้นเผลอเอามือลูบแก้มตัวเอง และกลับไปเหม่อมองสายฝนด้านนอกต่อ ผมหันกลับมาเพ่งมองหน้าจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ว่างเปล่า ไม่มีสายเรียกเข้าจากเธอ ผมสั่งอาซาฮีขวดเล็กเพิ่มอีกขวดจากบาร์เทนเดอร์และตั้งใจให้เป็นขวดสุดท้ายสำหรับคืนนี้ เวลาในค่ำคืนนี้กำลังจะหมดลงแล้ว แต่เวลาสำหรับรอคอยการกลับมาของเธอดูเหมือนจะยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ ผมหวนกลับมาคิด หากช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอ ผมทำในสิ่งที่ต่างออกไป เหตุการณ์ขณะนี้จะต่างออกไปหรือไม่ แต่เมื่อคิดทวนซ้ำอีกที ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเธอไม่เคยรักผมเลย ผมเป็นเพียงผู้ปลดปล่อยความเหงาสำหรับเธอ เป็นเพียงนักฟังที่เก่งกาจ เป็นเพิงพักยามเธอเหนื่อยล้าสาหัส เป็นได้ในทุก ๆ อย่างสุดแล้วแต่เธอต้องการ ยกเว้นเพียงคนรัก ที่เธอสงวนไว้ให้ใครบางคนที่ไม่ใช่ผม อาซาฮีขวดเล็กจากบาร์เทนเดอร์วางตรงหน้าผมเรียบร้อย ผมหันกลับไปมองหญิงสาวที่ผนังกระจกหน้าร้านอีกครั้ง แล้วภาพเดียวกันนี้เมื่อหลายปีก่อนก็ถูกฉายซ้ำ ต่างเพียงสถานที่และหญิงสาวคนนั้น

ผมเจอเธอครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เป็นเย็นวันนึงของฤดูฝนอันโหดร้าย สายฝนกระหน่ำแทบจะวันเว้นวัน เย็นนั้นเป็นเย็นวันอาทิตย์ ผมอยู่ที่ร้านกาแฟร้านประจำตั้งแต่ช่วงบ่ายกับหนังสือเล่มบางสองสามเล่ม ผู้คนในร้านเริ่มหนาตาขึ้นตอนช่วงเย็น เนื่องจากส่วนใหญ่เลือกที่จะเข้ามารอฝนหยุดในร้านกาแฟนี้ ทุกโต๊ะในร้านจึงถูกจับจอง ผมละสายตาจากหนังสือหลังจากเล่มแรกจบลง ไปสะดุดตากับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่นั่งของเธออยู่ติดผนังกระจกหน้าร้าน เธอนั่งเอามือเท้าคางและแก้มแนบกระจก สายฝนจากด้านนอกถูกลมพัดปะทะผนังกระจกกลายเป็นสายน้ำค่อย ๆ ไหลอาบแก้มที่แนบชิดอยู่ด้านตรงข้าม เธอเผลอเอามือลูบแก้มเพื่อเช็ดหยดน้ำ แต่เมื่อเห็นว่ามันยังแห้งเหมือนเดิมเธอก็กลับไปเหม่อมองสายฝนด้านนอกต่อ จากนั้นไม่นานฝนด้านนอกหมดหน้าที่ของวัน แล้วเธอก็เดินออกจากร้านไปในมือมีหนังสือเล่มบาง และนั่นคือครั้งแรกที่ผมได้พบกับเธอ

ผมเจอเธออีกครั้งที่ร้านกาแฟเดิม เธอนั่งอยู่ที่เดิมติดผนังกระจกหน้าร้าน ต่างเพียงแต่วันนี้ไม่มีหยาดน้ำไหลอาบแก้มเธอจากด้านนอก มันเป็นวันที่อากาศขมุกขมัวยังไม่มีฝนแต่ก็ใกล้เต็มที่ เมฆดำตั้งเค้ารอท่าอยู่ ผมจำเธอได้แทบจะทันทีจึงละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ จากมุมที่ผมนั่งมองเห็นสายตาเธอได้ชัดเจน ไม่นานนักเธอหันมาสบตากับผม ช่วงขณะเวลานั้นผมรู้สึกราวกับว่าความโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา เปล่าดาย ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกลายเป็นสิ่งเล็กน้อยด้อยความหมาย นัยน์ตาของเธอสะท้อนความหมายของสิ่งเหล่านั้นออกมาอย่างโจ่งแจ้งแต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสงสารหรือเห็นใจกลับรู้สึกราวกับมีพลังลึกลับบางอย่างดึงดูดผมไม่ให้ละสายตาจากเธอ หากจะกล่าวให้ชัด เธอเป็นหญิงสาวนัยน์ตามูราคามิ

เธอเดินตรงเข้ามาหาผม ในมือเธอถือกาแฟถ้วยเล็กและหนังสือเล่มบาง เรากล่าวทักทายกันเล็กน้อย จากนั้นเธอบอกกับผมว่าเธอเห็นผมอ่าน Pinball 1973 และผมก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าหนังสือเล่มบางในมือเธอคือ Hear The Wind Sing เธอบอกกับผมว่ามีผู้คนมากมายที่อ่านและพูดถึงงานของมูราคามิ แต่เมื่อเธอมองไปตามร้านกาแฟที่ผู้คนมักทอดเวลาด้วยการนั่งอ่านหนังสือกลับพบว่าไม่แม้สักครั้งที่จะเจอใครอ่านมูราคามิ เมื่อเธอเห็นผมอ่าน Pinball 1973 จึงไม่รีรอที่จะเข้ามาทักทาย ขณะพูดเธอยกหนังสือขึ้นโบกไปมาและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขล้นสวนทางกับนัยน์ตามูราคามิของเธอ และเธอเล่าให้ผมฟังต่อไปอีกว่าเธอเห็นผมตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหน้า เพียงแต่วันนั้นเธออยู่อารมณ์ที่ไม่อยากจะทักทายใครไม่แม้แต่กับตัวเอง เป็นเพราะสายฝน ทุกครั้งที่ฝนตกเธอจะนั่งเงียบเฝ้ามองมันโรยตัวลงจากก้อนเมฆครึ้มดำ เฝ้ามองอยู่อย่างนั้นเฝ้ามองการแสดงเริงระบำของสายฝน จนกว่าการแสดงนั้นจะจบลง เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้เฝ้ามองการแสดง เธอบอกว่าชื่อของเธอมีความหมายถึงสายฝน

หลังจากวันที่เราได้ทักทายกันผ่านการแนะนำของมูราคามิ ทุกสัปดาห์เราจะเจอกันที่ร้านกาแฟบางครั้งเราพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงหนังสือที่ได้อ่าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังสือของมูราคามิที่ผมและเธอชื่นชอบ บางครั้งต่างคนต่างจมหายไปในหนังสือของตัวเอง เราเรียนรู้กันและกันผ่านหนังสือที่อ่าน เราไม่เคยแตะต้องเรื่องส่วนตัวของกัน พื้นที่นั้นเป็นราวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างรู้ว่ามิควรก้าวข้ามผ่านเข้าไป แต่ด้วยความสัตย์จริง ผมเริ่มรู้สึกว่าผมรักเธอเหลือเกิน แต่โอกาสที่ผมจะได้บอกสิ่งที่รู้สึกกับเธอดูเหมือนจะยังมาไม่ถึง หากจะกล่าวให้ชัด ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเธอถูกพัฒนาผิดรูปไปเสียแล้ว ผมกลายมาเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของเธอ อันที่จริง ผมเป็นเพื่อนชายเพียงคนเดียวของเธอต่างหาก แต่เธอ เธอเป็นคนรักเพียงคนเดียวของผมเสมอมา

... ความคิดถึงน่าเย้ายวนก็จริง แต่ก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดดุจเดียวกัน ...

เสียงนักร้องบนเวทีฉุดผมกลับสู่ห้วงเวลาปัจจุบัน ใกล้เวลาร้านปิดเต็มที เสียงนักร้องกล่าวบอกผู้ฟังในร้าน เพลงสุดท้ายของค่ำคืนกำลังจะถูกบรรเลง แล้วเพลงหาที่เปรียบมิได้ของวงกาเนช่าก็ขับกล่อมทุกคนในร้าน แต่เสียดแทงใจผมยิ่งนักจากเนื้อหาในเพลง ผมยกอาซาฮีขวดเล็กยกขึ้นดื่มจนหมด เพ่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ยังคงว่างเปล่า

ขณะนี้หนึ่งนาฬิกาในเช้าวันใหม่ ยังไม่ถึงเวลาทำงานของดวงอาทิตย์ ความมืดของค่ำคืนยังคงทำงานอยู่อย่างเคร่งครัด บรรยากาศหม่นมัวหลังฝนตกยังโรยตัวปกคลุมอยู่นอกร้าน ม่านหมอกสีเทาจางฉาบทาบทับไปทั่วความรู้สึกภายในจิตใจ ผมหยิบซองสีขาวขนาดห้าคูณเจ็ดนิ้วที่วางอยู่ด้านหน้าขึ้นมาพิจารณา หน้าซองพิมพ์ชื่อจริงนามสกุลจริงของผมไม่ผิดเพี้ยน ให้ความรู้สึกแปลกพิกลเมื่อมองเห็นชื่อจริงนามสกุลจริงของตัวเองพิมพ์ประทับหน้าซองแบบนี้ ผมไล่นิ้วลูบไปตามความยาวหยิบการ์ดขนาดพอดีซองออกมา ข้อความบนการ์ดพิมพ์รายละเอียดสั้นห้วนได้ความหมายตรงตามทุกตัวอักษร บรรทัดแรกและสองตัวหนังสือพิมพ์ตัวใหญ่หนาทึบแสดงความสำคัญ ผมไล่สายตาอ่านเรียงทุกตัวอักษร ข้อความบนการ์ดถูกผมอ่านมาแล้วนับไม่ถ้วนครั้ง “กำหนดการสวดพระอภิธรรมและฌาปนกิจ คุณพิรุณ วรรษวงศ์” การรอคอยการกลับมาของเธอนั้นไม่เคยเริ่มต้น, ที่จริงแล้วมันไม่เคยมีอยู่ด้วยซ้ำ.


ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องสั้นนี้หลังจากฟังเพลงหาที่เปรียบมิได้ Incomparable ของวงกาเนช่า ในคืนหนึ่งของฤดูหนาวอันหม่นมัว




Create Date : 01 ตุลาคม 2555
Last Update : 1 ตุลาคม 2555 20:32:49 น. 6 comments
Counter : 1557 Pageviews.

 
ชอบ!!!!!..ให้อารมณ์คิดถึงจิงๆ


โดย: kitty IP: 115.67.2.55 วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:23:18:49 น.  

 
คิดถึง บางทีถ้าเราควบคุมมันไม่ดี อาจกลายเป็นความโหยหาได้นะ


โดย: i.am.Victor วันที่: 1 ตุลาคม 2555 เวลา:23:21:39 น.  

 
ชอบตอนที่บรรยายความรู้สึกของ 'ผม' ที่มีต่อเธอคนนั้นนะ
อ่านแล้วได้อารมณ์หนักแน่นมาดๆ รู้สึกตามได้เลยล่ะ (:


โดย: le temps วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:9:29:35 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะครับ


โดย: i.am.Victor วันที่: 6 ตุลาคม 2555 เวลา:15:07:45 น.  

 
ชอบค่ะ อ่านแล้วรู้สึกต้องติดตามไปเรื่อยๆ
หญิงสาวนัยน์ตามูราคามิ เป็นยังไงค่ะ คุณ  Victor


โดย: PWP IP: 118.174.128.234 วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:12:35:43 น.  

 
คุณ PWP ครับ ลองหางานของเฮียมูมาอ่านเยอะๆ นะครับ แล้วจะรู้สึกได้เองว่า นัยน์ตามูราคามิ เป็นแบบไหน

ติดตามอ่านเรื่อย ๆ นะครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ


โดย: i.am.Victor วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:12:41:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

i.am.Victor
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





รักเร้นเร้นลับโลกคู่ขนาน
บันทึกแห่งนกไขลานหวามหวั่นไหว
แกะรอยหาแกะดาวคืนฝนปราย
ด้วยรักใจสลายแดนสนธยา




#สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความภายในบล็อคนี้
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน#




"Pain is inevitable, Suffering is optional"
Haruki Murakami
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i.am.Victor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.