แปลงไฟล์ RAW กัน (ตอน 1 เบสิ๊กกก เบสิก)

เรื่องแปลง RAW นี่ คงไม่ได้มีปัญหาอะไรสำหรับคนที่ถ่ายรูปมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่สำหรับมือใหม่ที่หัดใช้ RAW ก็อาจจะสับสนนิดหน่อย ที่จริงพวกเทคนิคต่างๆ ก็มีสอนกันเยอะแยะครับ อันที่ดูแล้วเข้าใจง่ายผมแนะนำวิดีโอของพี่หาว
ถึงจะมีคนทำหลายคนแล้ว แต่จะเอามาเล่าอีกครั้งก็ยังเป็นประโยชน์อยู่ดี เพราะเรื่องการแปลง RAW แต่ละคนก็มีเทคนิคเฉพาะตัวต่างๆ กันไปในการเลือกตั้งค่า ดังนั้นถ้ารู้วิธีการของหลายๆ คน ก็จะได้เอามารวมๆ กัน ประยุกต์ให้เป็นของตัวเองได้


ในบทความตอนนี้ผมจะใช้ Adobe Bridge กับ Photoshop สาธิต ซึ่งในโปรแกรมอื่น อาจจะมีวิธีการทำงานที่ต่างไป แต่โดยหลักการพื้นฐานแล้วก็จะเหมือนกัน

เพื่อให้มีกำลังใจในการทำ และการอ่าน ผมจะใช้รูปสาวสวยเป็นตัวอย่างสาธิต ส่วน EXIF กับ file detail ดูได้ตามรูปเลยครับ




เริ่มจากเปิดไฟล์จาก Adobe Bridge ขึ้นมาใน Adobe Camera Raw ที่เป็นปลั๊กอินในโฟโต้ช็อปก่อน




ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น คลิ๊กเพื่อเซ็ตค่าตรงนี้ก่อน แถบตัวหนังสือสีน้ำเงิน อยู่ที่ด้านล่างสุดของจอ
ผมจะทำไฟล์เพื่อโพสลงเว็บ ดังนั้นใช้แค่ sRGB 8 บิท ไฟล์ขนาดเล็กก็พอ
ถ้าหากจะเอาไปใช้งานอย่างอื่นก็ปรับค่านี้เอาตามความเหมาะสม โดยหลักพื้นฐานก็คือ เหลือดีกว่าขาด ถ้าไม่แน่ใจ ก็ปรับ Adobe RGB 16 บิทก็ได้ แต่มันก็ต้องใช้กำลังประมวลผล ใช้แรม ใช้ฮาร์ดดิสก์เยอะขึ้น

มีสิ่งที่ควรทำอยู่ ก็คือ ปรับ sharpen ให้เป็น None หากต้องการเอาไฟล์ไปแต่งต่อ แต่หากต้องการจะเอาไปใช้เลยจะชาร์พเพ่นในขั้นตอนนี้เลยก็ได้
สำคัญกว่านั้นคือควรติ๊ก Open in Photoshop as Smart Objects เพื่อเปิดโอกาสให้เราย้อนกลับมาใช้ ACR ได้อีกครั้งระหว่างการแต่งภาพ เวลารู้สึกว่าอะไรๆ มันชักจะไม่ถูกต้องระหว่างการแต่งภาพ แล้วต้องการกลับมาปรับปรุงต้นฉบับอีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องเริ่มการแต่งภาพใหม่ตั้งแต่ขั้นแรก





ขั้นตอนต่อไปแล้วแต่ถนัดครับ ว่าใครถนัดเริ่มตรงไหนก่อน ผมถนัดเริ่มจากการปรับไวท์บาล้านซ์ให้ถูกต้องก่อน แล้วจัดการค่าแสงทีหลัง จากนั้นก็ย้อนกลับมาปรับสีให้ถูกใจโดยละเอียดอีกที

ภาพนี้ค่าไวท์บาล้านซ์จากกล้องก็ตรงดีปรับนิดหน่อยก็ใช้ได้

ส่วนค่าแสง Exposure ดูจากฮีสโตแกรมประกอบ ก็ประมาณได้ว่าโอเวอร์ไปนิดหน่อยประมาณครึ่งสต็อป
ผมอยากให้ภาพดูสว่างๆ โอเวอร์นิดๆ แต่ครึ่งสต็อปมันทำให้รายละเอียดส่วนสว่างหายมากไปหน่อย ผมว่าปรับลงสัก -0.3 EV น่าจะดี

Recovery เอาไว้ดึงรายละเอียดส่วนสว่างที่หายไปให้กลับคืนมา ลองปรับไปเรื่อยๆ เพื่อหาจุดเหมาะสม ผมดึงกลับมาซัก 1/3 ของสเกลรู้สึกกำลังดี

Fill Light สำหรับการเพิ่มความสว่างในส่วนเงา แต่ว่าในภาพนี้ส่วนเงามันสว่างเกินไปหน่อยอยู่แล้ว ดังนั้นผมปรับไว้ที่ 0

Blacks เพื่อปรับความดำของส่วนมืด ปรับตรงนี้เลยก็ได้ว่าจะให้ส่วนดำมีปริมาณแค่ไหน ภาพนี้ผมว่า 10 น่าจะดี

Brigness จะใช้ตั้งค่ากลาง ว่าจะให้ภาพสว่างใส หรือมืดหม่นอย่างไร [ในทางเทคนิคคือจะเป็นการเลือกว่าจะใช้ค่าไหนเป็นค่ากลางของ Tone Curve]
ดูแล้วมันยากๆ ไม่ต้องสนใจมาก ลองปรับตามที่เห็นเหมาะ ภาพแนวนี้ให้สว่างนิดหน่อยจะดี ผมเลือกที่ 60

Contrast อันนี้เข้าใจไม่ยาก ปรับเอาตามชอบเลย

Clarity ใช้แยกความต่างระหว่างกลุ่มแสงสีโทนต่างๆ ผมปรับลดลงหน่อย เพื่อลดความคมชัดให้ภาพดูนุ่มนวลขึ้น

Vibrance กับ Saturation จะควบคุมความสด ความอิ่มตัวของสีเหมือนกัน แต่ใช้เทคนิคที่ต่างกัน และได้ผลลัพท์ไม่เหมือนกัน
Vibrance จะเพิ่มปริมาณสีนั้นในแต่ละแชนแนลสี และกำจัดสีรบกวนออกไป
Saturation จะปรับค่าส่วนผสม RGB ให้เข้าใกล้ค่าสี Primary และ Secondary มากขึ้น
ซึ่งรายละเอียดมันเยอะ ไม่ต้องสนใจมากก็ได้ เทคนิคที่ผมใช้ คือเริ่มจาก Vibrance ก่อน ถ้าปรับไปถึงครึ่งทางแล้วยังไม่ได้เรื่อง ก็ตามด้วยปรับ Saturation เพิ่มขึ้น แล้วก็ปรับส่วนผสมระหว่าง Vibrance กับ Saturation ให้ได้สีตามต้องการ
สัดส่วนระหว่าง สองอย่างนี้ไม่แน่ แล้วแต่ชอบ แล้วแต่ภาพ ในภาพทั่วไปจะเน้นปรับ Vibrance มากกว่า สีจะไม่เพี้ยนมากเหมือนปรับ Saturation




แสงสีได้ที่แล้วคราวนี้ก็ครอป กับหมุน
ใช้ Straighten Tool ปุ่มที่ 7 ด้านบนซ้ายของจอ

ลากเส้นตั้ง หรือเส้นนอนก็ได้ ผมเลือกใช้แนวเสาโคมไฟเป็นจุดอ้างอิง




พอปล่อยมือ ก็จะเข้าสู่ Crop Tool โดยอัตโนมัติ มีกรอบขึ้นมาให้เห็นว่าจะครอปตรงไหน ก็ปรับเลือกเอาตามใจชอบ




ปรับจนพอใจแล้วก็ Open Object ในโฟโต้ช็อปเพื่อจัดการต่อไปได้
หรือจะกด Done เพื่อเซฟการตั้งค่ากลับไปใน RAW และไฟล์ที่เก็บการตั้งค่าไว้ก็ได้
หรือจะ Save Images เพื่อเซฟออกมาเป็น Jpeg หรือ Tiff หรืออื่นๆไว้ก็ได้



เสร็จครับ แค่นี้เอง สำหรับการทำ RAW ทีละภาพ

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2555 8:00:11 น. Counter : 4897 Pageviews.		1 comments
Share Tweet