พร่ำบ่นหม่นหมอง... ทำไมโอลิมปัส E-5 ต้องทำกะเค้าอย่างนี้ด้วย (น้ำตาตกใน จากหัวใจแฟนบอย)
คำเตือน: นี่คือเอนทรี่ขนาดยาวที่สุดในชีวิตผม
โปรดทำใจล่วงหน้าก่อนอ่าน ว่าอาจกินเวลาในชีวิตของท่านโดยเปล่าประโยชน์

และหากไม่ได้อยู่ในวงการนักเล่นกล้อง อาจจะไม่เข้าใจที่ผมเล่า
แต่.. ทิ้งคำถามไว้ได้ หากอยากรู้เพิ่มเติม

แต่ (กว่านั้น)... อย่าไปสนใจมากเลย เป็นแค่เรื่องบ่นบ้าของแฟนบอยโอลิมปัสคนหนึ่ง
(ที่ใช้นิคอน และเชียร์แคนอน) เท่านั้น
หลังจากที่โอลิมปัสประกาศเปิดตัวกล้องตัวท็อป Olympus E-5
ที่ทำเอาแฟนๆ จุกกันไปเป็นแถว

===================================================

Olympus เปิดตัวกล้องโปรสุด Top(ละ)Line, Flagship (หาย)
Olympus E-5 แล้ว โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง มันมาแว้วววว
เสียอย่างเดียว..สายไปปีนึง

แต่ทันทีที่สเป็คหลุดออกมา โอลิมปัสแฟนบอยถึงกับกระอักเลือดเป็นแถว
ลุงแมวเหมียวพุงป่องเคยบอกไว้ว่า บร๊ะเจ้าแห่งเทือกเขาโอลิมปัส พูดจริงทำจริง ไม่เกรงใจสาวก

บอกว่าไม่พัฒนาอย่างอื่น จะทำแค่คุณภาพไฟล์อย่างเดียว

มันก็ทำจริงด้วยเว้ยเฮ้ย

โอลิมปัสคุยว่าดีที่สุดในบรรดากล้อง APS 12 ล้านพิกเซลด้วยกัน

...ว่าแต่นอกจากกล้อง New Entry DSLR มันมีกล้องอะไร 12 ล้านพิกเซลมั่งฮึ

ดีนะเนี่ย ที่มันยังอุตส่าห์ใส่วิดีโอ HD มาให้ ผมละลุ้นมาเป็นปี ว่ามันจะมีวิดีโอหรือเปล่า
ตอนแรกไม่หวังถึง HD ด้วยซ้ำ ขอให้มีหน่อยเหอะ..

โอ... ในที่สุดบร๊ะเจ้าก็ประทานวิดีโอมาให้ (อย่างเสียไม่ได้)
แต่ให้มาจุ๋มจิ๋ม แค่พอให้สาวกไปถ่ายหมาแมวลูกเมียที่บ้าน จะได้ไม่เอาระเบิดไปเขวี้ยงบริษัทเท่านั้น

รูปประกอบไม่ต้องดู หน้าตาเหมือนเดิม E-3 ยังไง E-5 ก็อย่างงั้น
ปรับการจัดวางปุ่มเล็กน้อยเท่านั้น

สเป็คก็ไม่ต้องไปต้องไปสนใจมาก ประมาณ Nikon D3100 หรือ Canon 450D นั่นแหละ
อันที่จริงมันคือ E-3 เวอร์ชั่นที่ทำเสร็จแล้ว และควรจะออกตลาดเมื่อปีครึ่งที่แล้วนั่นเอง

ถ้าไม่ใช่แฟนบอย ไม่ต้องไปสนใจเปิดสเป็คดู.. เสียเวลา เปลืองค่าเน็ต
เอาเงินหกหมื่นห้า (เฉพาะบอดี้) ไปซื้อ Canon 550D หรือ Nikon D5000 พร้อมเลนส์ และอุปกรณ์ครบชุดดีกว่า


…..บร๊ะสาวกทั้งหลายไม่ต้องรีบซื้อ ถ้ารุ่นนี้ขายดีผมยอมให้ตื้บ
ไม่เกินปีคงลดเหลือครึ่งราคา ค่อยไปช้อนซื้อตอนนั้นยังทัน
ตอนนี้หาซื้อเลนส์มือสองไปก่อน ช่วงนี้ผู้ใช้ทั่วไปคงขายเลนส์ ZD หนีตายกันให้วุ่น
ค่อยๆ เก็บไปน่าจะได้ราคาต่ำติดดิน

==================================================

ที่จริงไม่ใช่แฟนโอลิมปัสไทยในพันทิปอย่างเดียวหรอกครับ ที่ไม่พอใจอย่างแรงกับ E-5
ผมไล่อ่านในฟอรั่มของ Olympus User ในต่างประเทศ ก็มีความเห็นในทำนองเดียวกัน
คือด่า มากกว่าชม

ขอพูดแทนแฟนบอยของโอลิมปัสหน่อย ว่าทำไมคราวนี้ฟอรั่มโอลิมปัสทั่วโลกถึงเดือดขนาดนี้
เพราะคนอื่นอาจจะงง ว่าแฟนบอยเกิดอะไรขึ้น ถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเป็นพิเศษกับ E-5
ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงโอลิมปัสก็ไม่ได้ทำกล้องได้โดดเด่นจนใครๆ อยากซื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่สิ่งที่ E-5 พิเศษ และมีความหมายต่อ Olympus User Community ยิ่งกว่า E-1 หรือ E-3 หรือ DSLR ใดๆ คือ
ขณะนี้โอลิมปัสอยู่ ณ จุดเปลี่ยน มีทางแยกสองทางระหว่าง Micro Four Thirds และ Four Thirds
หลังจากเปิดตัว PEN จนขายดีถล่มทลาย แฟนๆ ก็ไม่มั่นใจว่าโอลิมปัสจะเอายังไงกับ 4/3 เดิมต่อไป

หลังจากดีเลย์มาปีนึง E-5 ก็ออกมาในสเป็คที่ตรงกับ E-3 Mark II ในข่าวลือ “เมื่อปีก่อน” ทุกประการ
ซึ่งข่าวลือว่า Mark II ถูกเลื่อนออกไปปีนึงเพราะ PEN ขายดีจนโอลิมปัสรับมือไม่ทัน

สเป็คนั้นคือ เพิ่มจาก 10 เป็น 12 ล้านพิกเซล (ตอนนี้เซนเซอร์นั้น อายุ 2 ปีแล้ว อยู่ใน E-30 และ PEN)
มี HD Video เปลี่ยน Engine ให้ทันสมัยขึ้น เพิ่มความไวแสงขึ้น 1 สต็อป
เปลี่ยน xD เป็น SD และใส่อาร์ตฟิลเตอร์ (xD สูญพันธุ์อย่างแน่นอนแล้ว)
ทั้งหมดนี้คือการเอาเครื่องในของ PEN (อายุ 1 ปีครึ่ง) ที่อัพเดทซอฟท์แวร์ กับวงจรอิเลคทรอนิคส์ เรียบร้อยแล้ว
มาใส่ในเปลือกเดิมของ E-3 (อายุ 3 ปี) ที่ปรับแก้ Ergonomic และข้อบกพร่องของฮาร์ดแวร์ขึ้นมาอีกนิดหน่อย

พูดอีกอย่าง E-5 มันคือ E-3 Mark II ที่เป็นเวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ ตัวเดียวกับที่ควรจะออกเมื่อปีที่แล้วเลย
ที่จริงต้องบอกว่ามันคือ “E-3 ที่ทำเสร็จแล้ว” นั่นเอง

แสดงว่า 3 ปีที่ผ่านมา โอลิมปัสไม่ได้พัฒนาอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมเลย
นอกจากอัพเดทฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ตามเวลา ตามวงจรชีวิตปกติของสินค้าอิเลคทรอนิคส์
และแสดงอีกด้วยว่า ทรัพยากร R&D ของโอลิมปัสถูกดึงออกจาก 4/3 ไป m4/3 อย่างที่เรากลัวกันมาตลอดปี
โดยไม่มีอะไรที่พัฒนาขึ้นมาให้เฉพาะฟอร์แมท 4/3 เลย จริงๆ ด้วย

แฟนๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ E-5 ว่ามันจะแย่จนรับไม่ได้ หรือราคามันจะแพงเกินไปจนซื้อไม่ไหว

เพราะระดับ E-3, E-30 ก็เพียงพอ จนถึงขั้นเหลือเฟือ สำหรับนักถ่ายภาพทั่วไปแล้ว
ต่อให้เป็นระดับมืออาชีพด้วย ก็มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่กล้องระดับนี้ (รวมทั้ง D90, 50D, 7D, D300s) จะตอบสนองไม่ได้
E-5 ยิ่งทันสมัยกว่า E-3/30/PEN/D90/50D ไปอีกปีหนึ่ง ย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
(สมาชิกในฟอรั่มโอลิมปัสบอกว่า Benchmark ของ E-5 คือ D300s)

ราคาก็อยู่ในระดับ E-3 เดิม หรืออาจจะต่ำกว่าลงมาอีกในเวลาขายจริง
เป็นราคาที่คาดหมายไว้นานแล้ว ว่ามันต้องระดับนี้ และคนที่ซื้อกล้องคลาสนี้จ่ายกันอยู่
ดังนั้นทั้งราคา และสเป็ค ก็ไม่ได้แปลกประหลาดอะไร

และคนใช้โอลิมปัสรู้ดีว่า สเป็คในกระดาษ มันบอกตัวตนของกล้องโอลิมปัสได้ไม่ครบหรอก
ที่ผ่านมาเราไม่ได้เป็นจริงเป็นจังกับมันนัก เพราะกล้องโอลิมปัสจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยู่ในสเป็ค
แต่เป็นตัวดึงดูดให้แฟน ยังคงเป็นแฟนอยู่ ซึ่งต้องไปลองจับลองใช้เอง ถึงจะรู้
ถึงจะเกลียดมันแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็ทิ้งไม่ได้ เพราะติดหนึบกับบางอย่างที่กล้องอื่นไม่มีให้
(เรียกว่าของเค้าแรง มนต์มืด ไสยศาสตร์มีจริง ลุง Yoshihisa Maitani เค้าทำไว้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่)

เราไม่ได้มีปัญหากับกล้อง

แต่เรามีปัญหากับ Olympus Corp.

สเป็คกล้องโอลิมปัส มีผลน้อยกับแฟนๆ แต่มีผลมากกับคนอื่นที่จะตัดสินใจซื้อกล้องโอลิมปัส
อย่างน้อยสินค้าควรจะให้เหตุผลแก่ผู้บริโภคได้สักอย่างหนึ่ง ว่าทำไมเราควรจะจ่ายเงินซื้อยี่ห้อนี้ ไม่ซื้อยี่ห้อนั้น
Maitani สร้างกล้องโอลิมปัสขึ้นด้วย Innovation และมันคือจุดขายตลอดมาของกล้องโอลิมปัส
อย่างอื่นดีบ้าง ไม่ดีบ้างไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ต้องมีความแปลกแตกต่าง และล้ำๆ แนวๆ หน่อย ก็ขายได้เรื่อยๆ
ไม่ว่า Live View, เขย่าฝุ่น, ฟอร์แมทกล้อง, อาร์ตฟิลเตอร์, ระบบการโฟกัส ฯลฯ

มีใครเห็นไหม ว่าตรงไหนของ E-5 ที่เป็น Innovation มั่ง

...ไม่มี…

ซึ่งการที่ไม่มี Killer Feature ไม่มีแม้กระทั่งในสิ่งที่ควรมีอย่าง Full HD (ถึงไม่ได้ใช้ แต่มันขายได้ในสเป็ค)
ย่อมไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ใหม่เข้ามาได้ จะมีแต่แฟนเก่าเจ้าประจำเท่านั้น ที่จะซื้อ
หากเป็นอย่างนั้นตลาดก็จะหดลง และจะกระทบต่อยอดขาย และต้นทุนการวิจัยพัฒนากล้องต่อไป
และอนาคตก็จะมืดมนสำหรับฟอร์แมทนี้

ดังนั้นสเป็คของ E-5 สามารถบอกในแง่มุมทางการตลาดได้ว่า Olympus Corp. กำลังจะถอนตัวจาก DSLR
แน่นอนแล้ว แน่นอนแล้ว และ แน่นอนแล้ว (ย้ำ 3 รอบ เพื่อแสดงความมั่นใจ)

เพราะทรัพยากรถูกย้ายไปให้ m4/3 หมด เหลือแค่พออัพเดทอุปกรณ์ตามเวลาเท่านั้น
ไม่เหลือแม้กระทั่งเพื่อสร้างจุดขายที่ควรจะมีตามปกติ

การมองเห็นอนาคต (หรือการมองไม่เห็นอนาคต) ของ 4/3 ผ่าน E-5 นี่แหละ ที่ทำให้แฟนบอยโอลิมปัสเดือด
ไม่ใช่เรื่องของตัวกล้อง E-5 เองแต่อย่างใด

ถ้ามันออกมาช่วงเวลาอื่น ในสเป็คต่ำๆ อย่างนี้ เราก็อาจจะบ่นพึมๆ พำๆ แล้วก็ซื้อมาใช้กันไปตามปกติ
แต่ไม่ใช่สเป็คแบบนี้ในช่วงเวลานี้

แต่…

ถ้าจะให้บอกว่าเป็นการปิดฉากของ Olympus ก็เหมือนจะดูถูกกันไปหน่อย

โอลิมปัสไม่ได้ปัญญาอ่อน ที่ออก E-5 สเป็คนี้มา
เช่นเดียวกับที่แคนอนไม่ได้โง่ ไร้สติ ที่ดาว์นเกรด 60D
และนิคอนไม่ได้เมพไปกว่าใครที่อัพ D7000 ขึ้นไป
ทุกอย่างมันมีเหตุผลทางการตลาดซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ทั้ง 3 สถานการณ์ เป็นการตอบโต้ และเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ตลาด Mirrorless Vs. DSLR Camera

แคนอนจับ 50D แปลงร่างเป็น 60D เพื่อปกป้องตลาด Consumer DSLR ที่กำลังถูก Mirrorless Camera รุกหนักจนตั้งตัวไม่ติด
ที่มี Sony NEX เป็นหัวขบวน ตามโดยพานาโซนิค G-Series และ โอลิมปัส PEN
และไม่มี Mirrorless (หรืออะไรที่เทียบเคียงได้) จะมาสู้ จึงต้องใช้อาวุธหนักมากู้สถานการณ์

นิคอนอัพ D90 เป็น D7000 เพื่อสู้กับแคนอนในตลาดมืออาชีพ ที่แคนอนการ์ดตกไม่สามารถเอาใจใส่ได้เหมือนเดิม
ซึ่งนิคอนมี Mirrorless ที่กำลังจะออกในปีหน้า มาสู้ในตลาด Consumer อยู่แล้ว เลยไม่ต้องห่วง

โอลิมปัสจะทำอะไรได้กับ DSLR ในเมื่อการเพียรพยายามเจาะตลาดมาตลอดเจ็ดแปดปี ชิงแชร์มาได้สัก 5% ได้มั้ง
แต่ m4/3 ทำได้ถึง 10% ในปีเดียวโดยใช้ความพยายามเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้าโอลิมปัสฉลาด ต้องทิ้ง 4/3 แล้ว โดดเข้าจับ m4/3 เต็มตัว เพื่อโจมตีที่จุดอ่อนของเจ้าตลาด

และผมว่าโอลิมปัสไม่โง่..

ตลาด Mirrorless เป็นสนามรบที่โอลิมปัสสร้างขึ้น การรบในพื้นที่ที่ตัวเองชำนาญ ย่อมดีกว่าจะไปรบในพื้นที่ศัตรู
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือทุ่มกำลังทั้งหมดมาลงที่ Mirrorless Camera

โอลิมปัส “กั๊ก” ไม่ยอมออกเลนส์โปร mZD มาตลอด และไม่มีใน Roadmap ด้วย
สาเหตุอย่างหนึ่งคือ mZD มีคุณภาพทางออพติกสู้ ZD ไม่ได้ ด้วยหลายปัจจัย ถ้าทำให้เท่า ก็จะมีขนาดพอๆ กัน
อีกอย่างหนึ่งคือ มีเลนส์โปรในซีรีส์ SHG กับ HG อยู่แล้ว ที่เอามาใส่กับ m4/3 ได้
สิ่งที่ขาดคือการใช้ ZD ร่วมกับ m4/3 ได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งต้องการการวิจัยพัฒนาต่อไป ซึ่งจะทำได้เร็วขึ้น
“ถ้าเอาทรัพยากรจาก 4/3 มา”

ผมว่าสิ่งที่โอลิมปัสกำลังทำอยู่ตอนนี้ คือสร้างถนนเพื่ออพยพผู้ใช้จาก DSLR มา Mirrorless
ไม่ว่า Modular Camera, Fixed Mirror ที่ปรับระดับการสะท้อนแสงได้ที่เป็นข่าวเร็วๆ นี้
(ปรับกระจกผลึกเหลวให้สะท้อนแสงบางส่วนไปที่ Phase Detector เพื่อโฟกัส แล้วปรับให้กระจกให้ใส เพื่อถ่าย)

E-5 จึงเป็นแค่ศาลาริมทาง เพื่อพักผู้ใช้เดิมที่จำเป็นต้องอัพเกรด E-3 ตามเวลาเท่านั้น ระหว่างการเดินทางไป m4/3
ไม่ใช่ของจริง ของโอลิมปัส (ไม่เหมือนตอน E-3 วางตลาด ที่เป็น Flagship ของจริง)
ของจริงคือ Micro Four Third ที่มีความสามารถสูงพอจะใช้งานทดแทน DSLR ได้ และใช้เลนส์ ZD ได้สมบูรณ์
ที่น่าจะมีข่าวอะไรออกมาบ้างในโฟโตคิน่า

ถึงแนวรบด้าน DSLR จะเงียบเหงา และ E-3 Mark II เอ๊ย E-5 จะเป็นกล้องโปรรุ่นสุดท้าย ก่อนถอนตัว
และไม่เห็นอนาคตของ 4/3 รุ่นรองๆ อีกต่อไป

แต่ฝั่ง Mirrorless ของโอลิมปัสกำลังจะมีอาวุธใหม่ออกมา และจะเป็นสนามรบหลักของโอลิมปัส
ผมคาดว่าเราจะได้เห็นกล้องกึ่งโปรรุ่นรอง m4/3 ในปีหน้า และมันอาจจะเป็นตัวแทน E-30 ที่ไม่มีกระจกสะท้อนก็ได้
และ ตัวแทน E-5 (ที่ไม่ใช่ DSLR อีกแล้ว) ในปีถัดไป
ผมไม่หวังว่าจะได้เห็น DSLR ตัวต่อไปของโอลิมปัส และไม่คิดว่าจะมี Innovation อะไรออกมาอีก
หรืออาจจะมีสัก 1-2 รุ่น ที่เป็นการอัพเดทตามเวลา พอแก้ขัด เช่นทำให้ถ่ายวิดีโอได้ ใช้ SD เพิ่มอาร์ตฟิลเตอร์

====================================================

แต่เท่าที่่จับความจากข่าวต่างๆ ไม่ใช่การทิ้งฟอร์แมท 4/3 แล้วไป m4/3 แบบที่เคยเกิดครั้ง OM หรอกครับ
แต่จะเอา 2 ระบบนี้ รวมเข้าด้วยกัน

คืออุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเลนส์ แฟลช คอนเวอร์เตอร์ ทิวบ์ จาก DSLR จะยกมาใช้กับ Mirrorless ทั้งกระบิเลย
ผู้ใช้ก็อัพเกรดกล้องตามปกติเหมือนที่เคยทำมาเวลามี DSLR ออกใหม่ จาก E-1 เป็น E-3 และ E-5
เพียงแต่การอัพเกรดรอบหน้า กล้องใหม่จะไม่มีกระจกสะท้อนภาพแล้ว

ตอนนี้ผมเชื่อว่าโอลิมปัสกำลังทำการบ้านอยู่ ว่าทำยังไงให้อุปกรณ์เก่าใช้ได้กับระบบใหม่อย่างสมบูรณ์
และประสิทธิภาพเทียบเท่า หรือดีขึ้นเมื่อเทียบกับ DSLR เดิมของโอลิมปัส
และให้ระดับโปรยอมรับกล้อง Mirrorless ได้ ว่าไม่ด้อยไปกว่า E-5
ถ้าการไม่มีกระจก ไม่ทำให้กล้องด้อยลง โอลิมปัสทิ้งกระจกแน่ครับ ตามนิสัยประจำตัว

เพราะใช้เลนส์เก่า ประหยัดต้นทุนกว่าการออกเลนส์โปรใหม่ทั้งซีรี่ส์ SHG และ HG เพื่อใช้กับ m4/3
แล้วหลังจากรวมเรียบร้อยอยู่ตัวแล้ว ค่อยหาจังหวะออกเลนส์โปรใหม่ทีหลังในสัก 5-10 ปีต่อไปจากนี้ก็ได้
ถ้าพยายามถอดความจากคำให้สัมภาษณ์ ของคนในโอลิมปัสจะได้ประมาณนี้แหละครับ

และที่ผมเห็นคือระยะท้ายเลนส์ที่เหลือเยอะๆ ของ ZD มันยังสามารถใส่อะไรลงไปตรงนั้นได้อีก
แบบที่ mZD ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกระจกแบ่งแสง (วิธีแก้ปัญหาเรื่องโฟกัสแบบง่ายที่สุดที่โซนี่ทำ)
ปริซึมแบ่งแสง (แล้วใส่ตัวรับภาพได้ 3 ตัว แบบในกล้องวิดีโอ)
กระจกผลึกเหลว ที่แปลงร่างเป็นฟิลเตอร์ ND หรือ Graduate ได้ ทำ Real HDR ได้ในตัว

ผมถึงไม่คิดว่าโอลิมปัสจะทิ้ง ZD เพราะถ้าเก็บไว้ มันจะมีอะไรประหลาดๆ ให้ทำอีกเยอะ
และอาจจะใช้เป็นตัวแบ่งระหว่างกล้องโปร และไม่โปรของ m4/3 ได้ด้วย
เช่นถ้าใช้เทคนิคคล้ายๆ โซนี่ ZD จะสามารถใช้ Phase Detection ได้ แต่ mZD ทำไม่ได้

แต่โอกาสเห็นกล้องโปรท็อปไลน์แบบมีกระจกสะท้อนภาพจากโอลิมปัส เป็นอันเลิกหวังได้แล้ว

พูดถึง E-450 หรือ 620 ที่ออกมาหลังๆ นี่ยังดีนะครับ ถ้าเทียบกับ E-3
ที่ยังมีอะไรแปลกใหม่บ้าง (ไม่มีบ้าง) เช่น

ปุ่มกดมีไฟ

(- -')

(- -")

......อย่าดูถูก

มันเป็น Killer Feature เชียวนะนั่น
เป็น DSLR กล้องแรกในโลกที่ปุ่มกดมีไฟทุกปุ่ม

โอ้ว.. ช่างน่าภูมิใจจริงๆ เก่งยังกะทอระสับมือถือแน่ะ

(แต่ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม DSLR ไม่ทำปุ่มมีไฟแบบนี้มาตั้งนานแล้ว)

====================================================

แต่อีห้านี่ ตอนเห็นสเป็คหลุดครั้งแรก ยังแปลกใจหน่อยๆ
เอ๊ะ.. ทำไมตัวเลขนี้ สเป็คนี้มันคุ้นๆ ตาหว่า เหมือนเคยเห็นมาเมื่อปีก่อน
แต่ใจคิดว่าคงมีของเล่นเพิ่มน่า.. ตามปกติของค่ายนี้
จะมากน้อย จะได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ก็ต้องมีซักหน่อย

พอเห็นรูปกล้อง พร้อมสเป็คจริง
อย่างแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ

“ชี๊บบบหายยยย... นี่มันมาร์คทูในข่าวลือปีก่อนนี่หว่าา
โอลิมป๊าดดด มึงหากินกันง่ายๆ งี้เลยเร๊อะ.."


ตอนเริ่มฟอร์แมท 4/3 โอลิมปัสจะตั้งเป้าทำเป็นกล้องไร้กระจกมาตั้งแต่แรกแล้วครับ
เมื่อ E-1 ออกใหม่รู้สึกว่าจะมีม็อคอัพกล้อง E-1RS ที่ไม่มีกระจกออกมาแล้วด้วย
แต่มันติดที่เทคโนโลยียังทำให้ดีไม่ได้

จนกระทั่งมีข่าว m4/3 จนมาถึง E-P1 เปิดตัว
ตอนนั้นผมยังเดาว่าโอลิมปัส น่าจะย้ายไปกล้องไร้กระจกที่ E-7
ส่วน E-5 ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม เพราะปกติค่ายนี้ทำอะไรช้าอยู่แล้ว
น่าจะขายกล้องคลาสเดียวกันสองระบบคู่กันไปในเจเนอเรชั่นนี้ก่อน แล้วค่อยย้าย

พอกลางปีก่อนสเป็คตัวแทน E-3 หลุดออกมา กลับไม่ใช่ E-5 ที่มีของเล่นใหม่
แต่เป็น E-3 Mark II ที่มีแค่อัพเกรดฮาร์ดแวร์ซอฟท์แวร์ประจำปี
ชักเอะใจ ถ้าใครไปเปิดดู Financial Report ของโอลิมปัส
จะรู้ว่าตอนนั้น DSLR ถูกทิ้งเรียบร้อยแล้ว

ไม่มี R&D ของ DSLR มาตั้งแต่มีนาคม 09
กล้อง E-620 เป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้งบวิจัย

แต่ยังคิดว่า E-5 ตัวจริงอาจจะเอาของเล่นใหม่จากทีม PEN มาใส่บ้าง ..แต่ไม่มี
ทีม DSLR คงไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ถึงได้เอาวัตถุโบราณของเจ้าคุณปู่มาขายแบบนี้
ผมถึงบอกว่า E-5 ที่จริงไม่ใช่ E-5 แต่คือ Mark II ตัวเดิม ในข่าวลือของปีก่อน

จุดเปลี่ยนคงอยู่ที่ตลาดมันโตเร็วมากกว่าที่ใครๆ คาดไว้ จนโอลิมปัสปรับตัวไม่ทัน
คงกะว่าทำน้อยขายน้อย กินเงียบๆ ไปเรื่อยๆ ก็สบายแล้ว ว่างๆ ก็ค่อยย้ายผู้ใช้ไป m4/3 ทีหลัง

แต่ตลาด Niche มันดันกลายเป็นตลาด Mass ขึ้นมา ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ อย่างโซนี่ นิคอน แคนอน
ผมว่ากล้องทุกยี่ห้อ มีโครงการกล้อง Mirrorless อยู่ในมือแล้วทั้งสิ้น นานแล้วด้วย
ที่ผ่านมายังรีรอ ไม่กล้าออกอาวุธเพราะไม่แน่ใจว่าจะคุ้มหรือเปล่า
จะเลี้ยงปลาตัวโต ก็ต้องการสระใหญ่

พอแน่ใจว่าเจ้าใหญ่เอาจริงแน่ โอลิมปัสเลยต้องรีบร้อนเข้าไปหาที่ยืนให้ได้
ก่อนที่กล้องจากแคนอน นิคอนจะออกมา เป็นผลให้ E-5 ออกมาในรูปนี้

แต่ไม่ค่อยน่าห่วงหรอก ว่าโอลิมปัสมันจะเลิก ถึงจะขายน้อย
เพราะโอลิมปัสเป็นบริษัท Imaging ที่ธุรกิจส่วนใหญ่ ประมาณ 70-80% อยู่นอกตลาดกล้องถ่ายรูป
กล้องโอลิมปัส ถูกใช้เป็นสนามทดลองเทคโนโลยี ก่อนเอาไปใช้ในธุรกิจอื่น
ถ้ายังขายกล้องได้สัก 5% ของตลาดรวม มันก็คงทำไปเรื่อยๆ แบบที่เป็นมากับ DSLR

ปัญหาตอนนี้คือ ไม่มี DSLR
อนาคต m4/3 ยังสับสนอยู่
5% มันจะได้มั้ยฮึ

อนาคต.... อนาคตของแฟนๆ อยู่หนายยยย

.



Create Date : 17 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 7:42:26 น.
Counter : 3104 Pageviews.

2 comments
  
ขอขอบคุณเพื่อน ที่ให้ทิปหยอดกระปุกออมสินของผม
ถึงท่านจะไม่ประสงค์จะออกนาม แต่ก็เป็นกำลังใจให้ผมอย่างมาก
ที่จะเขียนบล็อกที่บล็อกแก๊งค์ต่อไป
หลังจากถอดใจไปแล้วหลายรอบ เพราะทนกับระบบบล็อกโบราณของที่นี่ไม่ไหว
จนไปทำบล็อกที่อื่นเป็นปีแล้ว

สัญญาว่าจะกลับมาอัพเดทบล็อกที่นี่เหมือนเดิมครับ

โดย: อะธีลาส วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:7:46:44 น.
  
5555555 ชอบคับ
โดย: Fp_Say วันที่: 22 ธันวาคม 2553 เวลา:23:59:11 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อะธีลาส
Location :
Sydney  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]



Photographer, photo educator, writer and more.......

อนุญาตให้ ใช้ ดัดแปลง แก้ไข ตัดต่อ ทำสำเนา เผยแพร่ อ้างอิง จำหน่าย จ่ายแจก ภาพ และบทความในบล็อกนี้ ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด เพื่อสาธารณะประโยชน์ เพื่อการศึกษา เพื่อกิจส่วนตัว และเพื่อการค้าได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต ตามสัญญาอนุญาตใช้งาน Creative Commons: Attribution.


Website
http://mister-gray.bloggang.com
https://twitter.com/nickdhapana
http://500px.com/NickDhapana
https://plus.google.com/+NickDhapana
http://nickdhapana.tumblr.com
http://instagram.com/nickdhapana
https://www.facebook.com/dhapana/about


Skype & Email
cmosmyp@gmail.com


Line
nickdhapana


My Project's Page

Public Telephone
https://www.facebook.com/PublicTelephoneProject

They didn't say that.
https://www.facebook.com/pages/They-didnt-say-that/116827521834600

Exposure to the RIGHT
https://www.facebook.com/pages/Exposure2the_RIGHT/538556252881951

Thailand Perspective Project
https://www.facebook.com/ThailandPerspective

Dead on Arrival
https://www.facebook.com/pages/Dead-on-Arrival/666461363385961
กันยายน 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
25
26
28
29
30
 
 
All Blog