ในวันที่ฉันป่วย :(
ความเหงามีหลายประเภท เหงาเพราะอยู่คนเดียว เหงาเพราะคิดถึงใครบางคน เหงาเพราะไม่มีใครเข้าใจ หรือเหงาเพราะไม่สบาย ฯลฯ
จริง ๆ ยังมีเหงาอีกหลายประเภทที่ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึง ณ ที่นี้เพราะเดี๋ยวจะเหงาไปกันใหญ่ เพราะเป็นเหงาประเภทโรคติดต่อ เหงาเพราะเห็นคนอื่นเหงา
ถ้ามีใครถามฉันว่าฉันเชี่ยวชาญในด้านไหน ฉันคงตอบอย่างไม่ต้องลังเลใจว่า 'ด้านความเหงา' อาจจะเป็นสาขาใหม่ที่ไม่ค่อยมีใครศึกษากัน หรืออาจจะศึกษากันโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้อีกหลายคน แต่ฉันรู้ตัวดีว่าฉันใกล้ชิดสนิทสนมและรู้จักกับความเหงาดีทั้งด้านหน้าด้านหลังด้านลึกด้านกว้าง แต่มีเพียงด้านเดียวที่ฉันไม่รู้จัก คือ ด้านปลาย ฉันยังศึกษาไปไม่ถึงว่า 'จะหาทางออกจากความเหงาได้อย่างไร'
เอาเป็นว่าฉันประสบกับความเหงามาในทุกรูปแบบจะดีกว่า
...................................
ตอนนี้ฉันกำลังประสบกับความเหงาในแบบสุดท้าย (ตามตัวอย่างข้างต้น)
ฉันไม่สบายค่ะ หนักด้วย มีไข้ ไอ จาม ปวดหัว น้ำมูกยืด สรุปง่าย ๆ ว่า "เป็นหวัด" ค่ะ
อาการทางกายยังไม่เท่าไหร่ แม้จะหนักหนาไม่ใช่น้อยก็ยังมีวิทยาการทางการแพทย์แก้ไขกันไป มีไข้ก็ทัมใจ ไอก็กินชวนป๋วยปี่แปกอ ปวดหัวก็ซาร่า ห่มผ้าหนา ๆ กินน้ำอุ่น ๆ นอนพักเยอะ ๆ ไม่อาบน้ำสระผม(อันนี้ชอบอยู่แล้ว...ได้โอกาสพอดี)
แต่ว่าอาการทางใจนี่สิคะ เกิดโรคแทรกซ้อน อาการ : ความเหงากำเริบ นอนน้ำตาไหล ทิชชูหมดไปกับน้ำตามากกว่าน้ำมูก และหดหู่จากการนอนซม!
...................................
สำหรับฉันแล้ว ไม่ว่าจะเหงาแบบไหนก็ไม่รุนแรงและร้ายกาจเท่ากับ "เหงาเพราะป่วย" อีกแล้ว
เนื่องจากอาการทางกาย ทำให้หัวสมองไม่ค่อยทำงาน จิตใจก็เลยพาลหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ยังต้องมาจมอยู่กับห้องสี่เหลี่ยมและเตียงนอนกับกองทิชชู่ตลอดเวลาด้วยแล้วมันเหมือนรวมทั้งหมดทั้งมวลความเหงามาอยู่รวมกัน!
พอต้องมานอนป่วยซมอยู่เฉย ๆ (ยิ่งในต่างแดน) ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่และบ้าน แม่ที่คอยมาห่วงใย คอยจับหัวว่าตัวร้อนไหม คอยหาน้ำหายาหาข้าวมาป้อนและบีบบังคับให้กิน พร้อมทั้งส่งสายตาวิตกกังวลเจือห่วงใยมาให้ตลอดเวลา...ฉันคิดถึงแม่จัง
และยิ่งไม่มี 'คนข้างข้างทางใจ' มาคอยดูแลทดแทนด้วยแล้ว มันยิ่งกลับรู้สึกว่างเปล่า ว้าเหว่และโหวงหวางไปกันใหญ่ บางขณะในช่วงเวลาร่างกายล้า ๆ และใจล้า ๆ ก็อยากแค่มีความห่วงใยจาง ๆ ส่งมาให้รับรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก หรือว่าความป่วยทางกายมันทำปฏิกิริยากับหัวใจเป็นพิเศษก็ไม่รู้
กระนั้นแล้ว คนรอบข้างที่คอยป้วนเปี้ยนไปมาให้เห็นหน้า ก็หัวเราะร่าเริงแจ่มใสกันเป็นปกติ เพราะไม่มีใครมาเข้าใจสถานการณ์ความป่วยซมที่ฉันเผชิญอยู่เป็นแน่ ความรู้สึกจึงเหมือนเผชิญกับช่วงเวลาที่อยู่ท่ามกลางคนมากมายแต่ไม่มีใครเข้าใจสักคน ยิ่งแย่หนักกว่าเก่า
ฉันจึงสรุปเอาเองพร้อมกับป้ายน้ำมูกออกจากจมูกง่าย ๆ ว่า
ฉันป่วย และ เหงา
........................................
จนกว่าอาการทางกายและทางใจจะดีขึ้น เราคงจะพบกัน
ในวันที่ฉันหายป่วย
นะคะ
Create Date : 23 กันยายน 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2551 7:57:33 น. |
Counter : 857 Pageviews. |
|
|
|