'*^-+...ไม่มีอะไรงดงาม เท่าความสงบสุข...+-^*'
ช่วงนี้กรุงเทพฯอากาศร้อนมากกกกกก~ก แดดก็แรงแผดเผาแถมยังร้อนแบบเหนียวเหนอะหนะ มวลอากาศก็อึดอัดอุดอู้ เรียกว่าร้อนแบบครบสูตร นอกจากจะเหนียวกายแล้วยังพาลให้เหนอะใจไปด้วย ฉันเลยหงุดหงิดไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว อะไร ๆ ไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด แค่ของหล่น คนขับแซง แมวร้องเสียงดัง ก็โวยวายอยู่ในใจตลอดเวลา แถมยังพาลไปยังคนรอบข้างเหมือนหมาบ้าที่เที่ยวไล่กัดคนอื่นน้ำลายไหลย้อย ยังดีที่โรคของฉันไม่ติดคนอื่นง่าย ๆ มิเช่นนั้นคนมีดุ่บดั่บบ้าผุดขึ้นรอบตัวฉันอีกเยอะ...รู้ตัวว่าหงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดีบ่อย ๆ ก็พยายามเอาตัวออกห่างจากสังคมในขณะที่สภาพอารมณ์ไม่ค่อยจะปกติและลุกขึ้นเห่าใครได้ง่ายดาย เป็นเวลาพอสมควรแล้วที่ฉันไม่ไปพบปะผู้คนแบบเฮฮาสมาคม เพราะกลัวว่าอาการจะออกจนบรรยากาศเสีย บางทีโทรศัพท์ก็ยังไม่รับถ้ากำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับอะไรบางอย่างอยู่ที่ไหนสักแห่ง แม้แต่เล่นเอ็มที่ดูเหมือนจะไม่ทำร้ายใครได้ก็ยังไม่วายพาลใส่ตัวอักษรของคนอื่นไปแล้วอีกเหมือนกัน พอได้อยู่บ้านกับตัวเอง วัน ๆ ไม่พูดจากับใคร เขียนแต่ไดอารี่ เสพสื่อฝ่ายเดียวแบบดูหนัง อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงโดยไม่ต้องตอบโต้ ก็เหมือนจะนิ่งได้มากขึ้น หงุดหงิดน้อยลงทั้งที่อากาศยังร้อนเท่าเดิม ก็คงเป็นเพราะไม่มีวัตถุจะให้ไปกัดใส่ด้วยนั่นแหละ และการหนีออกมาเยียวยาให้ตัวเองสงบจิตสงบใจแบบนี้ มันทำให้มานั่งดูข้อเสียของตัวเองได้เห็นชัดเจนขึ้นเยอะว่าที่ผ่านมา นอกจากจะมีอารมณ์หงุดหงิดไปพาลใส่คนรอบข้างมากมายแล้ว ยังมีอาการหมาบ้าอีกเป็นกระบุงโกยที่ฉันเห็นว่าตัวเองเป็น แต่ละเรื่องก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันไปสักเท่าไหร่ก็เลยถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มานั่งทบทวนถึงเสีย ๆ ของตัวเองอย่างเปิดเผย อย่างเช่น นิสัยปากร้าย ขี้โวยวาย เสียงดัง ชอบประชดประชัน เจ้าแผนการ เอาแต่ใจตัวเอง ขี้วีน ใช้คำพูดไม่ค่อยคิด ขี้ตำหนิ(ในใจ) พอใจอะไรยาก เรื่องมาก เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน ชอบตัดสินคนอื่น ทำตัวเป็นนางร้าย รวมไปถึงนิสัยเสียเล็ก ๆ อย่างไม่ชอบรับโทรศัพท์ ตอบเมล์ ตอบแมสเสจ ชอบดองหนังที่เช่าจนเลยกำหนดเวลา อ่านหนังสือหลายเล่มทีเดียวพร้อมกันและไม่จบสักเล่ม ข้าวของไม่เป็นระเบียบ(มากๆ) ซื้อของไม่ค่อยจำเป็นมาแล้วไม่ได้ใช้ สบถคำหยาบต่อหน้าสาธารณะชน โอ้วววว...ฯลฯ พอนึกถึงนิสัยแย่ ๆ ของตัวเองแต่ละอย่าง หลายครั้งก็มักจะมีภาพคนและเหตุการณ์ให้เห็นชัดเจนว่าไม่ค่อยมีใครพอใจนิสัยฉันนักหรอก เพียงแต่การเป็นเพื่อนกันก็มองข้ามกันไปได้ แต่มันก็น่าจะดีกว่าถ้าฉันได้ปรับปรุงตัวเองให้เป็นที่น่ารักมากกว่านี้สักหน่อย แม้จะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ต้องดูแลรักษาน้ำใจกันโดยการยอมปรับปรุงตัวเอง คนเราไม่ต้องรับกันได้ทุกมุมทุกเหลี่ยมที่เป็นก็ได้ เพียงแต่ยอมปรับเข้าหากัน ความสัมพันธ์ก็น่าจะยืดยาวขึ้นกระบวนการการปรับปรุงตัวเองก็เลยเริ่มต้นขึ้น เริ่มจากการออกมาจากสังคมเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ทำร้ายใครโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ส่วนกระบวนการที่เหลือต่อไปว่าจะทำตัวดีขึ้นยังไง ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะแค่ต้องใช้เวลารู้ตัวสักพัก แล้วกลับไปสู่สังคมอีกครั้งอย่างระมัดระวัง แบบภาคปฎิบัติทันทีเลยก็ได้ ระหว่างที่ยังคิดไม่ออกก็ขอนอนเสพสื่อข้างเดียวอยู่บ้านไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าอากาศดีขึ้น ฮอร์โมนดีขึ้น ฉันอาจจะดีขึ้นเองก็ได้ และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าฉันจะหนีสังคม เปล่า ฉันแค่ปิดปรับปรุง และถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากติดป้ายตัวใหญ่แปะอยู่บนหัวบอกทุกคนให้รับรู้ว่า "พื้นที่อันตราย อยู่ระหว่างปิดซ่อมบำรุง" เลยด้วยซ้ำ
เหมือนกันเน๊าะ ... พี่เองขนาดว่าอากาศไม่ร้อนแต่
อารมณ์ก็ไม่ค่อยดี อาจจะเพราะว่ามีอะไรหลายๆ อย่าง
เป็นปัจจัยน่ะค่ะ เลยทำให้พี่กลายเป็นคนอารมณ์
หลากหลาย ไม่ค่อยเก็บเท่าไหร่แล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน
นิ่งๆ ติ๋มๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
ได้เลยล่ะค่ะ อันนี้ต้องเรียกว่าเทียบให้เห็นภาพเลยว่า
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ ...
คาดว่ากว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็คงจะต้อง
ใช้เวลาเหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องพยายามหน่อยล่ะเน๊าะ
เพื่อความปลอดภัยทางอารมณ์ส่วนตัวค่ะ ...
อากาศร้อนจริงๆ นี่เดินเข้า เดินออกจากห้องนั่งเล่น
ไปห้องครัว เหงื่ออกเหมือนวิ่ง 100 เมตรแน่ะค่ะ