เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 28

๒๘

ตามหาผู้ดูแล


แสงแดดอ่อนยามเช้าส่งผ่านความอบอุ่นแตะผิวกายนวลขาวแม้ความสว่างจะนำพาความสดใสมีชีวิตชีวามากับวันใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ทว่าทุกอย่างไม่อาจดึงความสนใจของหญิงสาวที่เดินเยื้องย่างออกจากคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกย่ำแย่แววตาตำหนิและท่าทีเดียดฉันท์ของญาติผู้ใหญ่ทำให้ศศิชายิ้มไม่ออกแม้จะเห็นเพื่อนสนิทยืนคอยอยู่เบื้องหน้า เธอยังมีสีหน้าละเหี่ยใจแทนรอยยิ้มที่ควรปรากฏ


นลัทลุกจากเก้าอี้หินอ่อนด้วยรอยยิ้มบางๆพร้อมยกมือทักทายเพื่อนสนิทที่มีแววตาเจือความเศร้าชัดเจน แม้ศศิชาจะละอายใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันแต่เธอก็พร้อมเผชิญกับคำถามเพื่อคลี่คลายให้ทุกฝ่ายยุติความสงสัยแคลงใจ


“งอแงหรือไงเลดี้ตาปูดตาบวมแต่เช้าเลย” เพียงคำพูดฝืนยิ้มของนลัทก็กระตุกจิตใจสั่นไหวจนน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งเริ่มจะกลับมาอีกครั้งยิ่งเพื่อนสนิทแกล้งหยอกล้อให้สบายใจมากเท่าไร ก็ยิ่งเจ็บจุกในอกจนน้ำใสๆ ค่อยๆเอ่อรื้นตรงขอบตา


ความแข็งแกร่งที่เคยกัดฟันทนรับแรงกดดันจากทิพปภาเมื่อครู่ถูกทำลายย่อยยับตั้งแต่เห็นนลัทยืนรอคอยศศิชาโผเข้ากอดเพื่อนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ใบหน้านวลเนียนซบลงตรงไหล่อบอุ่นพร้อมก้มหน้าปิดบังรอยน้ำตาที่ค่อยๆไหลริน วงแขนกระชับรอบเอวของนลัทไว้แน่นจนคนถูกกอดยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง


“ตอนนี้ดี้กลายเป็นตัวน่ารังเกียจของคนในบ้านไปแล้ว”เสียงอู้อี้พยายามเปล่งดังเพื่อให้เพื่อนได้ยินชัดๆ ว่าเวลานี้เธอเริ่มทนไม่ไหวต่อแววตาที่มีแต่คำถามและสีหน้าเหยียดหยามของบุคคลที่เรียกว่าสมาชิกในครอบครัว


นลัทค่อยๆยกมือโอบกอดตอบเมื่อคลายความตกตะลึงได้บ้าง แม้จะรู้สึกดีอยู่ในใจลึกๆ ที่คนสำคัญยอมระบายความอัดอั้นเสียใจให้รับฟังแต่ใจอีกส่วนกลับรวดร้าวเมื่อเห็นเธอคนนี้เจ็บปวด พาลนึกโกรธตัวต้นเหตุที่ก่อเรื่องหนำซ้ำยังไม่คิดจะรับผิดชอบต่อสิ่งใด


“มีใครว่าอะไรอย่างนั้นเหรออย่าคิดมากน่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เรื่องทุกอย่างมีหนทางแก้ไขเสมอ”แม้นลัทเองจะยังเคลือบแคลงใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่ากำลังใจเท่านั้นคือสิ่งที่เพื่อนต้องการเวลานี้


ศศิชาครางฮือๆพร้อมระบายความเจ็บช้ำออกมาเป็นน้ำตา“เพราะนายบ้านั่นทำให้ทุกคนเข้าใจดี้ผิดแบบนี้ รวมทั้งซีด้วย”นลัทยกมือลูบศีรษะของคนในอ้อมกอดที่พยายามพูดจาแข่งกับเสียงสะอื้นไห้ของตัวเอง


“หยุดร้องเถอะน่าปกติแกเป็นหญิงแกร่งไม่ใช่หรือไง วันนี้ทำไมอ่อนแอซะล่ะ” นลัทกล่าวอย่างอ่อนโยน


“ดี้ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้”ร่างบอบบางสั่นเทาพร้อมกระชับวงแขนกอดเพื่อนสนิทแน่นกว่าเดิมทำให้นลัทต้องตบหลังปลอบประโลม


หากจะถามไถ่ถึง ‘นายบ้า’ ที่เพื่อนสนิทหมายถึงคงไม่เป็นการเสียมารยาทใช่ไหมนลัทถามตนเองก่อนเอ่ยพูดจา “ว่าแต่ใครทำให้แกเป็นแบบนี้”


“ถ้าดี้บอกซีคงไม่เชื่ออยู่ดีขนาดคุณยายยังนึกขำและคิดว่าดี้กุเรื่องขึ้นมาเพื่อปิดบังความจริง” ศศิชาผละออกห่างจากนลัทพร้อมยกมือปาดเช็ดน้ำตาและพูดคุยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนสะอื้นเบาๆ


“แล้วแกกุเรื่องจริงหรือเปล่าล่ะ”คนถามจ้องมองเข้าไปในแววตาจริงจังที่ไม่ส่อพิรุธใดว่าเธอจะโป้ปดมดเท็จสักนิด


“ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะซันเซ็ท”ศศิชากล่าวอย่างหนักแน่น


“ซันเซ็ท?”นลัทถามย้ำเมื่อชื่อของซาตานที่ศศิชาเคยเล่าให้ฟังบ่อยครั้งผ่านเข้าหู โดยไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริงความพิสดารอย่างนั้นคงไม่น่าเกิดขึ้นบนโลกนี้ หากศศิชาไม่ใช่เพื่อนรักหรือเป็นคนไม่มีเหตุผลมากมายคงได้จับส่งโรงพยาบาลบ้าโทษฐานเล่าเรื่องเพ้อเจ้อให้ฟังนลัทคิดเช่นนั้นมาโดยตลอดตั้งแต่ได้ยินเรื่องราวของซันเซ็ท


“ซีจำงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของดี้ได้ไหม”นลัททวนความคิดกลับไปยังคืนนั้นพร้อมพยักหน้าตอบ“ฟาโรที่ปรากฏตัวในงานไม่ใช่ตัวจริงแต่เป็นซันเซ็ทใช้มนตราพรางสายตาทุกคนให้เห็นว่าเป็นฟาโร”


คำพูดของศศิชาทำให้นลัทนิ่งคิดถึงท่าทางของฟาโรที่เคยถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ชั่ววินาทีแรกที่สีหน้าและแววตาของฟาโรดูสับสนกังวลคล้ายมีคำถามว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นได้อย่างไร


“มันจะเป็นไปได้ไง”นลัทยังไม่อยากปักใจเชื่อเสียทีเดียวคงต้องรอฟังคำอธิบายเพิ่มเติม ศศิชาจึงเล่าต่อเมื่อเธอได้หายออกจากงานเลี้ยงคืนนั้นก็ถูกนอร่านำตัวไปอยู่ในโลกรัตติกาลและมีปีศาจร้ายอย่างเอียนตามล่า


“ซันเซ็ทคอยวนเวียนอยู่ใกล้ดี้มานานมากนานจนไม่น่าเชื่อ และดี้ก็เคยเป็นคนรักของเขามาก่อนเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วแต่เหตุผลที่ตั้งท้องซันเซ็ทบอกแค่ว่าเพื่อปกป้องดี้เท่านั้น”


“นี่แกกุเรื่องเพื่อปิดบังผู้ชายที่ทำแกท้องอย่างที่คุณยายคิดหรือเปล่ามันจะมีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เหรอเลดี้”นลัทถามย้ำอีกครั้งถึงความพิสดารที่เพื่อนสนิทบอกกล่าวให้ฟัง


“ทุกอย่างคือความจริงนะซี”นลัทจ้องมองเพื่อนที่แสดงสีหน้าขึงขังใจหนึ่งก็นึกขำที่เธอดูตึงเครียดจนเป็นจริงเป็นจัง แต่อีกใจกลับกังวลแปลกๆว่าทุกสิ่งที่ศศิชาเล่าให้ฟังอาจเป็นความจริง


ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้นร่างสูงซึ่งเดินตรงมาหาก็ดึงความสนใจให้นลัทเลื่อนสายตามองพร้อมสะกิดให้ศศิชาหันหลังกลับเพื่อสนใจต่อชายหนุ่มที่คล้ายมีอะไรบางอย่าง


“พี่ขอขัดจังหวะหน่อยได้หรือเปล่า”วศินลอบถอนใจเมื่อเห็นดวงตากลมโตที่เคยสดใสของน้องสาวเวลานี้มีแต่คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนจนเขาเองก็ไม่รู้ต้องปลอบอย่างไรให้เธอสบายใจ


“พี่วินมีอะไรคะ”ศศิชาถามเสียงสั่น


เมื่อเห็นแววตาใคร่รู้จากหญิงสาวทั้งสองทำให้วศินลืมเรื่องอยากปลอบประโลมไว้ชั่วคราวเพื่อเอ่ยบอกในสิ่งที่สำคัญกว่า“คุณย่าให้มาตามเราสองคนขึ้นไปพบเดี๋ยวนี้ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับซี”


นลัทและศศิชามองหน้ากันอย่างประหลาดใจก่อนจะหันกลับไปมองวศินอีกครั้งด้วยความงุนงงสับสนแต่ก็ไม่ได้ถามไถ่สิ่งใดออกไปทั้งสามเดินกลับเข้าคฤหาสน์อีกครั้งตามความประสงค์ของคุณศจี


====

“ไม่ได้นะคะคุณแม่! ทำไมถึงด่วนตัดสินใจโดยไม่ถามไถ่คุณพี่สักคำว่ายินดีกับความคิดของคุณแม่หรือไม่”บริเวณที่นั่งพักผ่อนใกล้เรือนกระจกซึ่งอยู่ด้านหลังคฤหาสน์ถูกกระแสความเกรี้ยวกราดปกคลุมรอบพื้นที่เมื่อทิพปภาได้ยินถึงความต้องการของคุณศจีที่คล้ายเห็นเธอและสามีเป็นหัวหลักหัวตอเรื่องสำคัญและใหญ่โตของครอบครัวจึงไม่ปรึกษาหารือกับบุตรชายแต่อย่างใด


“ฉันไม่จำเป็นต้องขอความคิดเห็นจากใครในเมื่อเลดี้คือหลานสาวของฉันแล้วอีกอย่าง...เลดี้ก็ไม่ใช่ลูกสาวของเธอนะทิพปภาถึงจะได้มาต่อว่าดุด่าหรือตบตี”


คุณศจีเน้นเสียงดังชัดถ้อยชัดคำพร้อมเหล่มองลูกสะใภ้ที่นิ่งอึ้งหลบสายตาด้วยอาการเลิ่กลั่กหันหาสามีที่วางตัวนิ่งเฉยไม่ออกความคิดเห็นใดๆนอกจากถอนใจเบาๆ ทิพปภาไม่คิดมาก่อนว่ามารดาของสามีจะล่วงรู้ถึงพฤติกรรมที่แสดงออกต่อหลานสาวในหลายครั้งแม้ทุกอย่างจะเป็นการว่ากล่าวตักเตือนซึ่งอาจรุนแรงไปบ้างก็เท่านั้น ทว่าสีหน้าและแววตาของคุณศจีก็แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนจนทิพปภารู้สึกเกรงกลัวต่อแววตาตำหนิคู่นั้น


“แต่ผมเห็นว่าเรื่องใหญ่อย่างนี้คุณแม่ควรปรึกษาเลดี้ก่อนดีกว่าว่าหลานต้องการรับข้อเสนอหรือไม่”ทินกฤตชิงตัดหน้าก่อนที่ทิพปภาจะต่อต้านจนเกิดมีปากเสียงขึ้นมาอีกครั้ง


“แกก็รู้ว่ารายนั้นต้องปฏิเสธเสียงแข็งต่อความคิดของแม่อย่างแน่นอนเพราะเลดี้ไม่เคยมักใหญ่ใฝ่สูงหรือต้องการมีทรัพย์สมบัติมากมายติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรหากแม่ไม่ตัดสินอย่างนี้คงไม่จบเรื่องครหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไม่ใช่ว่าแม่แคร์สื่อดังที่จะโจมตีครอบครัวของเรา แต่แม่อยากรู้อะไรบางอย่าง”


สิ้นเสียงคุณศจีไม่ทันไรทิพปภาก็กระแทกกายพิงโซฟาด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดรู้สึกไม่พอใจต่อความต้องการของมารดาสามีเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจโต้เถียงอะไรได้เมื่อท่านยืนกรานอย่างนั้นแม้แต่บุตรชายที่เสนอความคิดเห็นคุณศจียังมีเหตุผลมาแย้งจนทินกฤตถึงกับไปต่อไม่ได้เช่นกัน


“คุณยายมีอะไรกับซีเหรอคะเห็นให้พี่วินไปตาม” ศศิชาถามไถ่เมื่อเดินมาถึงจุดนับพบและความเงียบกริบกับท่าทางแปลกๆของญาติผู้ใหญ่ทำให้บรรยากาศอึมครึมชอบกล


คุณศจีปรับสีหน้าและอารมณ์ด้วยการแย้มยิ้มน้อยๆพร้อมมองทางนลัทที่ยกมือไหว้ทักทายตนเองและบุตรชายกับสะใภ้อย่างนอบน้อมก่อนจะนั่งตรงเก้าอี้ที่ท่านผายมือเชื้อเชิญรวมถึงหลานทั้งสองด้วยเช่นกัน


“มากันเกือบครบถ้วนขาดก็แต่ยายวีสินะ ไม่เป็นไร กลับมาถึงเมื่อไรค่อยให้ทิพปภาส่งข่าวก็แล้วกัน”ผู้อาวุโสที่สุดกล่าวถึงหลานสาวอีกคนที่พอทราบมาบ้างว่าหล่อนออกไปทำธุระตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับเข้ามายังคฤหาสน์“พร้อมช่วยเหลือยายไหมล่ะซีหากยายขอร้องให้ช่วยอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเหนือบ่ากว่าแรง”


“หากซีช่วยคุณยายได้ซีจะช่วยอย่างเต็มที่เลยค่ะ” นลัทตกปากรับคำอย่างหนักแน่นโดยทุกคนบริเวณนั้นเกิดอาการใจเต้นตุ่มๆต่อมๆไม่ต่างกันอยากรู้ในสิ่งที่คุณศจีต้องการขอความช่วยเหลือ


“ยายอยากให้ซีหาทางประกาศกับสื่อต่างๆโดยมีข้อความว่ายายอยากตามหาชายหนุ่มที่จะมาดูแลเลดี้ได้เป็นอย่างดีโดยจะยกสมบัติในส่วนของยายทั้งหมดให้คนที่เลดี้เลือกเท่านั้น”


                ทุกสายตาจ้องมองคุณศจีอย่างตกตะลึงและงุนงงเป็นอย่างมากต่อความช่วยเหลือที่ร้องขอให้นลัทช่วยจัดการแม้สิ่งที่คุณศจีต้องการอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับบุคคลที่อยู่ในแวดวงการบันเทิงก็ตามแต่อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายคนที่นั่งอึ้งอยู่บริเวณนั้น และไม่เข้าใจต่อเหตุผลของความต้องการครั้งนี้


“ทำไมคุณย่าถึงอยากให้คนอื่นที่อาจหวังแต่สมบัติเงินทองเข้าใกล้เลดี้อย่างนั้นล่ะครับ”วศินร้อนรนจนต้องถามไถ่ออกไปอย่างใจอยากรู้


“หรือเราก็หวังแต่สมบัติเงินทองอย่างนั้นรึตาวิน”คุณศจียิ้มกริ่มเมื่อหลานชายทักท้วงโดยท่านก็ไม่ได้กำหนดกฏเกณฑ์มากมายในการคัดเลือกผู้ดูแลหลานสาว หากวศินเต็มใจจะเข้าร่วมท่านคงไม่ขัดข้องเนื่องจากการตัดสินใจขึ้นอยู่กับศศิชาแต่เพียงผู้เดียว


คุณศจีหวังเพียงการค้นหาผู้ดูแลครั้งนี้อาจส่งผลให้บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับศศิชาอย่างแท้จริงปรากฏตัวและได้รู้ว่าใครคือพ่อของเด็กในท้องของหลานสาวที่ปิดบังไม่ยอมเปิดเผยความจริงหนำซ้ำยังเอ่ยถึงซาตานและเรื่องราวแปลกประหลาดที่ไม่อาจทำให้ใครเชื่อได้อย่างเต็มใจเพียงแต่คุณศจีรับรู้ได้ด้วยใจว่าความลี้ลับของอีกโลกมีอยู่จริงอย่างที่อธิบายไม่ได้เช่นกันเข้าทำนอง ‘ไม่เจอกับตัวคงไม่รู้’ สิ่งอัศจรรย์หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่เชื่อหรือให้กล่าวลอยๆปากเปล่าคงไร้ใครสนใจ


เมื่อได้ยินคำพูดของคุณย่าอย่างนั้นก็ทำให้วศินยิ้มออกพร้อมรู้สึกโล่งอกไปกว่าครึ่งแม้มารดาของตนจะคอยขัดขวางและไม่เคยเข้าถึงต่อจิตใจของเขาที่รักและเอ็นดูน้องสาวคนละสายเลือดเกินกว่าพี่น้องมาแต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรทว่าคุณศจีกลับดูออกและเห็นถึงสายใยบางๆ นั้น ทำให้เขามีโอกาสได้เข้าร่วมต่อการหาผู้ดูแลศศิชาอีกคนแม้จะยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลของคุณศจีก็ตาม


“คุณยาย...ดี้ไม่...”


“ยายตัดสินใจแล้วต่อให้หลานไม่ต้องการก็คงห้ามความคิดของยายไม่ได้” น้ำเสียงแผ่วของหลานสาวไม่ช่วยฉุดดึงให้คุณศจีเปลี่ยนใจได้เลยสักทางการหาชายหนุ่มเพื่อมาดูแลเธอนั้นไม่น่าแปลกใจเท่ากับการที่ท่านจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว


“คุณยายต้องการให้ซีบอกสื่อตั้งแต่วันนี้เลยใช่หรือเปล่าคะ”นลัทถามไถ่พร้อมกับหลุบตาลงต่ำแม้เธอเต็มใจช่วยเหลือญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนสนิทแต่ภายในใจกลับสั่นสะเทือนเจ็บแปลบเมื่อคิดว่าศศิชาอาจต้องไกลห่างจากกันเมื่อเธอมีผู้ดูแลเป็นตัวเป็นตนหลังจากนี้โดยนลัทไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายหรือแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัว


ผู้อาวุโสพยักหน้าและส่งยิ้มอารีให้เพื่อนสนิทของหลานสาวคล้ายเป็นนัยขอบใจต่อความช่วยเหลือโดยไม่ใส่ใจสายตาแค้นเคืองของทิพปภาและทีท่าของทินกฤตที่คล้ายเกิดความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าและแววตาส่วนศศิชาได้แต่ทำสีหน้าละห้อยมองเพื่อนสนิทที่ตกปากรับคำคุณยายของเธออย่างเต็มใจคงมีเพียงวศินคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะสดชื่นกว่าใครเมื่อถูกเปิดโอกาสให้ทำในสิ่งที่ใจต้องการโดยมารดาก็ไม่อาจขัดได้


====

“คุณพี่คะ!ทำไมถึงไม่ห้ามปรามคุณแม่ ปล่อยให้ท่านหาสามีให้หลานสาวตัวดีอย่างนั้นได้อย่างไรแถมคิดจะยกสมบัติทั้งหมดให้ชุบมือเปิบอีก”ทิพปภาโวยวายเมื่อเดินตามสามีเข้าห้องส่วนตัว ทินกฤตแสดงท่าทางเฉยชาคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างไม่ใส่ใจเสียงของภรรยาที่แผดดังจนแสบแก้วหู “คุณพี่คะ!”ทิพปภากระแทกเสียงดังลั่นเมื่อสามีไม่สนใจจะพูดจากับตน


“คุณจะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมาในเมื่อคุณแม่ตัดสินใจไปแล้ว พรุ่งนี้ข่าวคงแพร่สะพัดไปทั่ว”ทินกฤตกล่าวระหว่างเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนออกมาพร้อมกับกางเกงทรงสแลคสีดำสนิทหลังจากเสียเวลานั่งฟังความต้องการของมารดาเงียบๆ อยู่นานจนเลยเวลาต้องออกไปทำงานตามหน้าที่


“คุณก็รีบจัดการสิคะ!ยังไงคุณแม่ก็น่าจะมีความเป็นธรรมบ้าง หากคิดจะสั่งเสียหลานด้วยวัยไม้ใกล้ฝั่ง ก็ควรแบ่งสมบัติให้เท่าๆกันถึงจะถูก ยังไงท่านก็มีหลานตั้งสามคน จะมายกให้หลานรักคนเดียวได้อย่างไร”จิตใจร้อนรนทำให้ทิพปภาเอ่ยบอกต่อความในใจที่เก็บงำไว้ตั้งแต่อยู่ภายในวงสนทนาชวนขัดใจเมื่อครู่นี้แม้อยากโต้แย้งต่อความคิดของคุณศจีแต่ก็ทำไม่ได้


“คุณจะให้ผมจัดการอย่างไรในเมื่อทุกอย่างล้วนเป็นความตั้งใจของคุณแม่” ทินกฤตเริ่มมีเสียงกระแทกกระทั้นพร้อมหันมองภรรยาด้วยสายตาดุดันจนทิพปภาผงะเล็กน้อยต่อแววตาจริงจังคู่นั้นไม่เคยสักครั้งที่สามีของตนจะแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองให้เห็นโดยส่วนใหญ่จะนิ่งเฉยไม่มีปากมีเสียงใดๆ นอกจากเห็นดีเห็นงามกับทุกเรื่องทว่าคราวนี้เขากลับมีอารมณ์ภายใต้ความนิ่งเงียบนั้น


“ก็พูดกับคุณแม่ยังไงล่ะคะเตือนท่านต่อความคิดแย่ๆ ที่เสนอหลานสาวให้กับผู้ชายซึ่งพร้อมฉกฉวยโอกาสในทรัพย์สมบัติมากมายของท่านกับแค่มารหัวขนที่มาเกิดโดยไม่มีใครรับผิดชอบ มันไม่คุ้มกันนะคะคุณพี่”ทินกฤตนิ่งคิดตามคำพูดของภรรยา “ทำไมยายเด็กตัวดีนั่นถึงไม่นั่งรถไปกับพ่อแม่ในวันที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อนนะคุณแม่ท่านจะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระและหนักใจอย่างวันนี้” ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับมาให้คิดถึงอีกครั้ง


เสียงโทรศัพท์ดังบอกเหตุร้ายในค่ำคืนอันหนาวเหน็บเสียงไซเรนและเสียงโหวกเหวกผ่านลอดเข้ามาตามสายโทรศัพท์ส่งข่าวว่าน้องสาวคนละสายเลือดและน้องเขยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในซากรถยับเยินที่ชนกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง


คำสั่งเสียสุดท้ายจากน้องสาวที่เอ่ยบอกก่อนเดินทางออกจากบ้านไปยังสนามบินเพื่อสำรวจธุรกิจในต่างประเทศ


‘พี่ชายคะน้องฝากดูแลเลดี้กับคุณแม่ด้วยนะคะ ตอนแรกคิดจะพาเลดี้ไปด้วย แต่กลัวคุณแม่ท่านจะเหงาเลยขอให้เลดี้อยู่ด้วยกันกับท่าน’ นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงของน้องสาว


ทินกฤตเดินทางไปรับผู้ประสบเหตุที่ไม่อาจช่วยเหลือได้ทันเมื่อทั้งสองเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจนไม่อาจกล่าวคำร่ำลา เสียงร้องไห้ครวญครางแทบขาดใจของมารดาและหลานสาวยังคงฝังตรึงในส่วนลึกของจิตใจจนไม่อาจลืมเลือนเรื่องราวในคืนนั้น


“คุณพี่คะ!”เสียงของภรรยาดึงให้ทินกฤตหลุดจากภวังค์ความคิดดวงตาเหม่อลอยกลับมาอยู่ยังปัจจุบันอีกครั้งพร้อมกับถอนใจหนักหน่วง“ทำไมไม่พูดกับดิฉันล่ะคะว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้”


“คุณควรปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปตามทางของมันในเมื่อคุณแม่ท่านคิดดีที่สุดแล้ว” ทินกฤตกล่าวโดยไม่หันมองภรรยาแต่อย่างใดเขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ราวแขวนพร้อมกับถือเสื้อผ้าเดินเข้าห้องทำเพื่อจัดการกับภารกิจส่วนตัว


ทิพปภามองตามหลังสามีพร้อมยกมือข้างที่กำแน่นด้วยอารมณ์โกรธจัดเมื่อไม่มีใครเข้าข้างทุบลงบนฝ่ามือของตนเองอย่างขัดใจและยืนใช้ความคิดอยู่อย่างนั้นต่อไป


====

“ขอโทษนะซีที่คุณยายใช้ให้ทำอะไรไม่เข้าเรื่องอย่างนี้”ศศิชาส่งสายตาเว้าวอนไปยังเพื่อนสนิทที่แย้มยิ้มให้หลังจากกล่าวลาญาติผู้ใหญ่และพี่ชายของเธอเพื่อไปบริษัทปฏิบัติหน้าที่โดยวศินเองก็แยกย้ายเดินทางออกไปทำงานเช่นกัน


“ซีว่าคุณยายคงมีเหตุผลอย่างอื่นมากกว่าจะทำไม่เข้าเรื่องอย่างที่แกเข้าใจหรอกนะเลดี้ซีเชื่อว่าท่านคงอยากได้หลานเขยที่เป็นพ่อของเด็กในท้องจริงๆ มากกว่าจะเลือกมัวซั่ว”


“ดี้ก็อธิบายทุกอย่างแล้วอย่างที่ซีรู้นั่นล่ะจะมีพ่อของเด็กได้ไงในเมื่อมันเป็นแค่เรื่องของมนตราที่ซันเซ็ทจัดการทั้งหมด”ศศิชาระบายลมหายใจเหนื่อยหน่ายต่อคำพูดที่ไม่มีใครอยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองและเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดอีกครั้งก็ทำให้เธอนึกถึงใครบางคนขึ้นมา“แล้วตอนนี้อาร์ตเป็นไงบ้าง”น้ำเสียงหวานแผ่วลงพร้อมมองนลัทที่ชะงักฝีเท้ายืนกับที่


“ตอนนี้อาร์ตไม่รับรู้อะไรเหมือนคนไร้สติเหม่อลอยและนิ่งเงียบไม่พูดจากับใคร” นลัทกล่าว


ศศิชาพยักหน้าเล็กน้อยคล้ายรับรู้ในสิ่งที่เพื่อนสนิทบอกเล่าภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเธอยังจดจำได้เป็นอย่างดีเมื่อเอียนปรากฏตัวอยู่ในที่เกิดเหตุทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคงมีปีศาจร้ายอย่างเอียนรู้เห็นอย่างแน่นอน กับความสงสัยใคร่รู้ในครั้งนี้เธอคงต้องหาทางติดต่อและถามไถ่เรื่องราวจากนอร่าแม้ต้องคาดคั้นก็ตาม


“ส่วนเรื่องลาออกจากบริษัทซีจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้แกควรทำใจให้สบายอย่าคิดมากจนสะเทือนถึงลูกในท้อง”รอยยิ้มจางๆ ของนลัททำให้ศศิชาเดินเข้าใกล้และจับมือเธอไว้แน่น


“ขอบใจนะซีดี้ต้องขอโทษกับความเสียใจทั้งหมดที่ซีได้รับ” ศศิชาเข้าใจต่อแววตาเจ็บช้ำที่ซ่อนเก็บไว้ภายในอกแม้นลัทจะพยายามแสดงออกว่าร่าเริงอย่างฝืนยิ้มทว่าความเป็นเพื่อนสนิททำให้เธอรับรู้ได้ว่านลัทแสร้งทำเพื่อให้เธอสบายใจเท่านั้น


====

“ท่านจะปล่อยให้เรื่องราวเป็นอย่างนี้หรือ”น้ำเสียงห้าวจากสตรีทางด้านหลังทำให้บุรุษในชุดดำที่ยืนกอดอกมองลงมายังโลกมนุษย์ปรายสายตามองนางเล็กน้อยอย่างสนใจในคำถามนั้นที่เขาทราบดีว่าหมายถึงเรื่องใด“ข้ารู้สึกว่าท่านกำลังทำให้รอบกายของเซเลเน่เกิดความวุ่นวาย”นอร่ากล่าวต่ออย่างมั่นใจในสิ่งที่คล้ายตักเตือนซาตานผู้มีอำนาจสูงกว่า


“ทุกอย่างต้องจบลงเร็วๆนี้” ซันเซ็ทพูดจาทั้งที่ยังจดจ้องลงมาเบื้องล่างใต้โลกแห่งรัตติกาลที่มีเพียงแสงจากจันทราจุดความสว่างไสวเขามองดูศศิชาตลอดเวลาอย่างใกล้ชิดไม่คลาดสายตาแม้แต่เสี้ยววินาที เมื่อได้รับข่าวว่าเอียนกำลังส่งลูกสมุนให้ติดตามดูนางอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน


“ท่านคิดว่าเวทย์มนตร์ที่เสกร่ายไว้จะสามารถปกป้องนางจากเอียนได้อย่างนั้นหรือ”แม้ปีศาจร้ายจากแดนโลกรัตติกาลจะไม่สามารถทำร้ายมนุษย์โลกได้โดยตรงนอกจากสะกดจิตใจให้มัวเมาและปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้นทว่าความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเอียนอาจมากมายจนไม่ทราบว่าปีศาจร้ายจะมาไม้ไหนกันแน่


“อาจปกป้องไม่ได้ตลอดไปแต่ข้าจะทำทุกอย่างไม่ให้เอียนทำร้ายนางได้อีก”ซันเซ็ทหันกลับมามองนอร่าอย่างมั่นใจในคำพูดของตน


“ท่านเจ้าเมืองธีอาบอกข้าว่าทางเดียวที่จะทำให้เอียนไม่อาจตามรังควานเซเลเน่ได้คือท่านต้องปิดกั้นแดนโลกทั้งหมดไว้ตลอดกาลท่านเจ้าเมืองธีอารู้หรือไม่ว่าท่านคิดทำสิ่งใด”นอร่ามองลึกเข้าในดวงตาดุดันเสมือนอยากล้วงความคิดของซันเซ็ทออกมาให้รู้แจ้งต่อความต้องการของเขาพลันนัยน์ตาสีสนิทคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเฉยชากะทันหันจนดูน่ากลัว


“ข้าต้องทำในสักวันแต่เวลานี้มีบางอย่างที่ข้าต้องจัดการ” กล่าวจบบุรุษชุดดำก็สาวเท้าเตรียมเดินทางเพื่อจัดการกับบางอย่างตามที่ได้บอกกล่าวทว่านอร่ากลับขยับกายยืนขวางทาง


“ท่านจะไปไหน...”


“เอียนกำลังส่งพวกลูกสมุนทำร้ายเซเลเน่”ซันเซ็ทใช้สายตาจ้องมองสตรีเบื้องหน้าที่ยืนขวางทางให้ถอยห่างอย่างรวดเร็วที่สุดก่อนที่อารมณ์ฉุนเฉียวจะปรากฏให้พบเจอ


“ข้าอยากถามท่านและท่านต้องตอบคำถามก่อนไป” ซันเซ็ทเลิกคิ้วสูงคล้ายบอกว่าพร้อมแล้วกับคำถามจากนาง“มนุษย์ตนใดที่ท่านตั้งข้อเสนอให้กับเซเลเน่เพื่อแลกเปลี่ยนในสิ่งที่นางต้องการ”แววตาประหลาดใจต่อคำถามแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนกระตุกหัวใจของนอร่าอย่างจัง


“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”ซันเซ็ทเลี่ยงการตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวก่อนเดินจากไปจนสตรีเบื้องหน้าต้องรีบหลบทางให้และหันมองตามหลังเขาอย่างไม่เข้าใจถึงเหตุผลและข้อแลกเปลี่ยนระหว่างซันเซ็นกับศศิชา


====

ยามตะวันคล้อยบ่ายภายในเรือนกระจกหลังจากอาหารมื้อกลางวันที่มีคุณศจีกับศศิชาร่วมรับประทานอาหารอย่างมีความสุขเนิ่นนานแล้วที่คุณศจีไม่ได้รับประทานอาหารมื้อกลางวันอย่างนี้กับหลานสาวตั้งแต่เธอออกไปทำงานนอกบ้าน


พืชพรรณดอกไม้นานาชนิดถูกเดินดูอย่างสำรวจด้วยรอยยิ้มของงยายหลานโดยพักเรื่องเครียดๆเอาไว้ก่อน แม้สีหน้าของศศิชาจะเผลอแสดงความวิตกกังวลอยู่บ้างแต่เธอก็ยังเก็บงำความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้เป็นอย่างดี


คุณศจีชวนหลานสาวมาเดินชมดอกไม้ที่ลงมือเพาะปลูกเองกับมือพร้อมอธิบายถึงวิธีการลงมือทำอย่างละเอียดจนครบทุกกระบวนการสีหน้าซีดเซียวบนใบหน้านวลเนียนส่งสัญญาณว่าควรถึงเวลาพักผ่อน เมื่อการเดินชมพืชพรรณกินเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว


“มาเก็บตัวอยู่ในเรือนกระจกนี่เองปล่อยให้วีตามหาซะทั่วเลยนะคะสองยายหลาน”วรดาเปิดประตูพร้อมชะโงกหน้าที่แต่งเติมเครื่องสำอางเข้มจัดเข้ามาส่งยิ้มทักทาย


ตั้งแต่กลับมาถึงคฤหาสน์ในช่วงสายของวันทุกคนในครอบครัวก็ออกไปทำงานกันหมด วรดากลับมาไม่เห็นใครจึงขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนหลังจากพบเจอฟาโรเมื่อคืนนี้


ในช่วงเวลาตีสองเศษผับหรูสถานที่พบเจอก็ปิดทำการแต่ด้วยเส้นสายที่รู้จักกับเจ้าของร้านทำให้ทั้งสองนั่งคุยกันต่ออีกหลายชั่วโมงจนถึงรุ่งเช้าจึงแยกย้ายกันกลับที่พักอาศัยทว่าวรดายังไม่ยอมกลับคฤหาสน์ หล่อนขับรถไปยังคอนโดหรูแห่งหนึ่งใกล้กับบริษัทเอสพีโมเดลลิ่งเพื่อรอคอยและเฝ้าดูใครบางคน


“มีอะไรอย่างนั้นรึหลานวี”คุณศจีถามไถ่ถึงความต้องการของหลานสาวอีกคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยย่างกรายมาถึงเรือนกระจกแห่งนี้จากการคาดเดาวรดาคงได้รับข่าวคราวจากทิพปภาถึงความประสงค์ของคุณศจีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“พอดีคุณแม่โทรหาวีเมื่อเช้านี้เกี่ยวกับเรื่องเซอร์ไพรส์แต่วีไม่เข้าใจเลยเดินมาหาคุณย่ากับเลดี้ค่ะ” วรดากล่าวยิ้มๆพร้อมพยักพเยิดส่งสัญญาณให้ศศิชาคล้ายขอคุยเป็นการส่วนตัว


“งั้นเลดี้ไปคุยกับวีก่อนก็แล้วกันยายขอชื่นชมดอกไม้อีกสักหน่อย”ญาติผู้ใหญ่ส่งยิ้มอารีให้หลานทั้งสองเมื่อรู้ถึงเหตุผลที่วรดาเดินมาเยือนยังเรือนกระจกแห่งนี้


“ค่ะดี้รอคุณยายในบ้านนะคะ” คุณศจีพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมมองส่งหลานสาวทั้งสองที่เดินเคียงคู่ออกจากสวนต้นไม้ของท่านไป


“จริงหรือเปล่าเลดี้ที่คุณย่าจะหาสามีให้เธอแล้วยกสมบัติทั้งหมดให้ด้วยวีได้ยินที่คุณแม่เล่าในโทรศัพท์ยังไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าคุณย่าจะลงทุนขนาดนี้”วรดาชำเลืองมองพร้อมยกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเอือมระอาเบื่อหน่ายของญาติสาวด้านข้าง


“อย่างที่คุณป้าเล่าดี้ก็ไม่เข้าใจเหตุผลหรอกนะ ไว้วีรอถามคุณยายเองแล้วกันถ้าอยากรู้”ศศิชาผ่อนลมหายใจเบาๆ


“วีก็แค่แปลกใจพอดีเมื่อคืนวีไปคุยกับฟาโรมา เห็นเขาบอกเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำเธอท้อง วีเลยงงแล้วสรุปใครคือพ่อของเด็กในท้องกันแน่ ในเมื่อข่าวของเธอกับฟาโรออกจะครึกโครมขนาดนั้นตั้งแต่ไปถ่ายแบบที่เชียงใหม่”


“แล้วใครบอกวีล่ะว่าฟาโรเป็นพ่อของเด็กในท้องดี้เคยบอกแล้วไงว่าเขาไม่สนใจผู้หญิงอย่างดี้หรอก” ศศิชาตัดพ้อน้อยใจเมื่อความรู้สึกเจ็บแปลบจนหัวใจเต้นเร่าหลังจากรับรู้ว่าวรดาอยู่กับฟาโรทั้งคืนทั้งที่พยายามไม่คิดฟุ้งซ่านเมื่อทั้งสองคือเพื่อนสนิทกัน แต่กลับอดคิดไม่ได้จนความคิดถึงฟาโรกลับมายืนในความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงหญิงสาวทั้งหลายที่ผ่านเข้าไปในชีวิตของเขา รวมทั้งตัวเธอด้วยเช่นกัน


รู้ดี..ว่าไม่ได้เป็นคนสำคัญกว่าใคร..เป็นได้แค่คนผ่านมาและต้องยอมผ่านไปเมื่อเขาไม่ต้องการ..


“แล้วเธอจะทำไงต่อไป”เสียงของวรดาดึงให้ศศิชาหลุดจากความคิดทั้งหลายในทันที


“ไม่รู้เหมือนกัน”ศศิชากล่าวเสียงเรียบ ทว่าในหัวใจกลับไม่สงบเอาเสียเลยเมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้โดยวรดาก็ภาวนาขออย่าให้ใครบางคนที่หล่อนนึกหวั่นใจปรากฏในการค้นหาผู้ดูแลครั้งนี้เช่นกัน


To be continued...




Create Date : 28 เมษายน 2557
Last Update : 28 เมษายน 2557 0:20:36 น.
Counter : 750 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดียามเย็นครับ

มาติดตาม มนตราซาตาน... บทที่ 28 ด้วยครับ
โดย: **mp5** วันที่: 30 เมษายน 2557 เวลา:18:02:12 น.
  
ขอบคุณมากนะคะ คุณ เอ็ม ที่แวะมาทักทาย
โดย: มาโซคิส IP: 171.97.236.13 วันที่: 30 เมษายน 2557 เวลา:21:18:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments