มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
26
28
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 18
๑๘

โลกแห่งรัตติกาล


ณ ดินแดนที่ไม่เคยมีมนุษย์ใดย่างกรายมาถึง โลกซึ่งอยู่ข้างเงามืดแห่งดวงจันทร์ไม่เคยมีแสงสว่างปรากฏให้พบเจอ ต้นไม้ใบหญ้ามีสีแดงราวกับถ่านติดไฟ สายลมพัดหอบเศษธุลีล่องลอยไปตามเส้นทางโล่งกว้างไม่มีสิ่งใดกีดขวางนอกเสียจากปราสาทหินโบราณซึ่งไม่อาจนับอายุได้ แม้ภายนอกอาจดูคร่ำครึตามกาลเวลาหากแต่ภายในยังสวยสง่าสมเป็นปราสาทที่ไม่เคยหลับไหลยามราตรี


ประตูหนาทรงสูงถูกห่วงจับยกเคาะตรงแท่นของมันอย่างระรัวคล้ายเร่งรีบกับคำสั่งให้ติดตามใครสักคนซึ่งอยู่ภายในห้อง หลังประตูบานนี้


“นอร่า!เจ้าต้องเปิดประตูเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงร้อนรนในที แผดดังให้เจ้าของห้องรับรู้ถึงความต้องการพบเจออย่างเร่งด่วนโดยเสียงเคาะประตูยังคงระรัวอยู่อย่างนั้นจนบุคคลด้านในยอมเปิดออกแต่โดยดี


“เจ้าเอ็ดตะโรเพื่อการใดในเมื่อเวลานี้คือช่วงพักผ่อนของข้า!” ดวงตาโฉบเฉี่ยวจ้องมองบุคคลที่มารบกวนอย่างขึงขังในเมื่อเคยบอกกล่าวกันหลายครั้งหลายคราเกี่ยวกับช่วงเวลาส่วนตัว ไม่อยากให้ใครรบกวนโดยเด็ดขาด


“นายท่านสั่งให้ข้ามาตามเจ้าไปพบดูท่าหัวเจ้าจะหลุดจากบ่าก็คราวนี้ นอร่า” เด็กชายลักษณะเทียบเคียงมนุษย์วัยสิบห้าปีหรี่สายตาพร้อมเหยียดยิ้มส่งให้พี่สาวที่ขมวดคิ้วขัดใจ ความผิดซึ่งนางรู้ดีแก่ใจถึงการเรียกพบครั้งนี้


คำถามซึ่งเตรียมคำตอบไว้พร้อมพอกับคำแก้ตัวที่มีไว้แล้วในใจ หญิงสาวท่าทางปราดเปรียวผลักศีรษะของน้องชายจนหงายผงะก่อนเดินจากไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ไม่พอใจอาการหยิ่งผยองของเขาที่ทำเสมือนเป็นคนโปรดปรานของเจ้านายฝ่ายเดียว


นอร่าเดินยังจุดนัดพบซึ่งทราบดีว่าอยู่ตรงตำแหน่งใดในโลกรัตติกาลแห่งนี้ที่ซึ่งเจ้านายหนุ่มชอบยืนปล่อยอารมณ์ผ่อนคลายยามหงุดหงิด และเวลานี้ก็เช่นกัน


เด็กชายวิ่งหน้าตั้งเพื่อตามให้ทันพี่สาวที่ก้าวเดินอย่างว่องไวไปตามเส้นทางภายในปราสาทโอ่อ่าจนถึงระเบียงโล่งกว้างมองเห็นผืนฟ้ามืดมิดชัดเจน


“ท่านเรียกหาข้าเพื่อการใด”นอร่าหยุดยืนเบื้องหลังบุรุษชุดดำซึ่งนำมือไพล่หลังและวางท่าสุขุมอย่างที่เคยเห็นจนชินตาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มจากเขา


“เจ้าข้ามแดนโลก? เหตุใดจึงขัดคำสั่งข้า!” น้ำเสียงทรงอำนาจเปล่งถามพร้อมชำเลืองมองนอร่าซึ่งมีท่าทีเกรงกลัวต่อความผิดที่ก่อไว้เพียงเพราะทนดูไม่ได้หากปีศาจจากโลกของตนจะทำร้ายหญิงสาวที่เฝ้าติดตามอยู่ห่างๆ


“ข้าเพียง...เป็นหูเป็นตาและจัดการกับปีศาจที่คิดทำร้ายนางเท่านั้น”


“มันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า! อย่าขัดคำสั่งข้าอีกในเมื่อข้าเคยเตือนแล้ว ตั้งแต่วันที่เจ้าร่ายเวทย์แปลงกายเป็นแมวเพื่อแอบสำรวจนางในสวนสนุกแห่งนั้น”


“แต่ข้า...”ซันเซ็ทยกมือปรามให้หญิงสาวหยุดพูดจาในสิ่งซึ่งรู้ดี เพราะนอร่าอยากช่วยเหลือและคอยดูแลศศิชาแทนในยามที่เขาไม่ปรากฏกายอยู่ข้างเธอทว่าความช่วยเหลือของนางอาจเป็นปัญหาตามมาภายหลัง หากศศิชาระแคะระคายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีลับลมคมนัย


“ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีต่อข้าจึงช่วยดูแลนางไม่ให้เกิดอันตรายแต่ทุกอย่างข้าจัดการได้ และจะเป็นฝ่ายดูแลนางเอง เจ้าอย่ากังวลในเรื่องนี้อีก”


“ท่านจะดูแลนางอย่างไรในเมื่อท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น”


“ข้ามีวิธีของข้า”ซันเซ็ทกล่าวเสียงเรียบ ทว่านัยน์ตาสีสนิมส่อแววมั่นใจและยืนยันว่าสิ่งที่เอ่ยออกมานั้นไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน


“แต่ท่านอย่าลืมไม่เฉพาะภูตนรกเท่านั้นที่ต้องการกำจัดนาง ยังมีเหล่าปีศาจที่ไม่ปรากฏอีกมากมายท่านคิดจะไล่ล่าพวกมันเฉกเช่นที่ทำอยู่อย่างนั้นหรือลำพังท่านเองก็ไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดนางได้ตลอดเวลา หากมีข้าเป็นหูเป็นตาแทนคงช่วยปกป้องได้อีกแรง”การชักแม่น้ำทั้งห้าของนอร่าไม่ได้ทำให้แววตามุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงภายใต้ความนิ่งเฉยที่แสดงออกมาบ่งบอกให้รับรู้ว่าเขายังยืนยันคำเดิม


“ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”


เด็กชายซึ่งยืนหลบมุมอยู่ห่างๆลอบมองพี่สาวของตนก้มหน้านิ่งเพื่อทำความเคารพเจ้านายที่กำลังเดินจากไป ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดเวลานี้ทำให้เด็กชายไม่คิดแสดงตัว และหวังให้ความตึงเครียดเหล่านั้นสงบลงโดยไว


=====

สมุดโน้ตเกี่ยวกับงานประจำวันถูกด้ามปากกาในมือเคาะเป็นจังหวะช้าๆเมื่อผู้ครอบครองกำลังเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่าง เหตุการณ์ประหลาดเมื่อคืนนี้ไม่ว่าจะเป็นงูยักษ์หรือบุคคลแปลกหน้าทำให้ศศิชาใช้ความคิดอย่างหนักเมื่อทุกอย่างยังไม่คลี่คลาย

หลังจากรับฟังเรื่องราวทั้งหมดซันเซ็ทไม่ยอมอธิบายสิ่งใดนอกจากนิ่งเฉย แววตาและสีหน้าที่แสดงออกมาคุกรุ่นด้วยกระแสความโกรธจนสัมผัสได้ศศิชาจึงไม่เซ้าซี้มากนัก ไม่อยากถูกซาตานอย่างเขาดึงวิญญาณออกจากร่างก่อนถึงวัยอันควร


“ขอโทษนะครับ ผมมาพบคุณปรเมษ บอสใหญ่ของที่นี่” น้ำเสียงละมุนดึงศศิชาให้หลุดจากภวังค์ความคิดหันมองชายหนุ่มนัยน์ตาน้ำข้าว ผมสีบรอนซ์ทองที่ดูดีจนสะดุดตา ทำให้เธอชะงักค้างกลางอากาศถึงกับหาคำพูดไม่เจอไปชั่วขณะ


“...”


“คุณครับ?”


“อ๋อ...ค่ะรอสักครู่นะคะ” ศศิชาลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆ กังๆ และเดินหานลัทที่เตรียมงานอยู่ใกล้ๆบริเวณที่นั่งรับรองลูกค้า


ตั้งแต่มาทำงานยังบริษัทแห่งนี้ศศิชาไม่เคยเจอบอสใหญ่ตามที่ชายหนุ่มต้องการพบเจอสักครั้ง และตัวช่วยที่ดีที่สุดคงมีเพียงนลัทซึ่งให้ความช่วยเหลือในทันทีสาวมาดเท่เดินมาเจรจากับชายหนุ่มชั่วครู่ก่อนทั้งสองจะตรงไปขึ้นลิฟต์โดยชายผู้นั้นหันมาส่งยิ้มและค้อมศีรษะให้ศศิชาเล็กน้อยแทนคำขอบคุณ


“ต๊ายยยยย!นายแบบคนใหม่มาถึงแล้ว คอยดูนะ ฮีต้องมาแรงแซงทางโค้งแน่เลย ว่าไหมจ๊ะหนูดี้”


“เจ๊ว่าไงนะ!”ศศิชาตั้งคำถามเมื่อดรุนัยปรี่เข้ามากอดคอของเธอไว้ พร้อมส่งสายตาพราวให้หนุ่มหล่อต่างชาติที่เดินเข้าลิฟต์จนประตูเลื่อนปิดพอดี


“อ๊ายยย! หนูเห็นไหมว่าเขามองมาทางเจ๊ด้วยล่ะ”


เสียงกรี๊ดกร๊าดจากดรุนัยไม่ได้สะเทือนต่อโสตประสาทของคู่สนทนาในเมื่อเธอกำลังครุ่นคิดถึงคู่แข่งที่อาจน่ากลัวในเมื่อเขาดูหล่อเหลาเอาการจนไม่อาจเถียงได้สักคำ แต่จะมาแรงแซงทางโค้งหรือไม่นั้นอยู่ที่แฟนคลับอย่างเธอเป็นผู้ตัดสินแม้จะหวั่นใจอยู่บ้างกับกระแสข่าวซึ่งโด่งดังไปในทางติดลบ กอปรกับการไม่ใส่ใจผู้ใดของฟาโรทำให้เขามีจุดบกพร่องซึ่งทีมงานเท่านั้นรู้ดีแก่ใจ


“ไมเคิลหนุ่มหล่อสัญชาติอเมริกัน อิมพอร์ตจากเมืองนอกสดๆ ซิงๆ และขอย้ำว่าคนนี้เจ๊จองนะยะใครคิดจะรวบหัวรวบหางฟาโร เจ๊ยกให้! แต่คนนี้ห้ามโดยเด็ดขาดเจ๊จัดการเอง เข้าใจไหม” ดรุนัยกล่าวพลางชายตามองหญิงแว่นก่อนจะถลาไปหาเพื่อนร่วมงานสาวคนอื่นเพื่อป่าวประกาศว่าเขาจับจองเหยื่อรายใหม่แห่งวงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ศศิชาได้แต่ยืนมองไปทางประตูลิฟต์พลางนึกคิดตามคำพูดของดรุนัยหากชื่อเสียงของฟาโรจะร่วงหล่นเพราะข่าวตามหน้าหนังสือที่เกิดขึ้นไม่เว้นวันรวมถึงเรื่องราวซึ่งมีเธอเกี่ยวข้องด้วย จะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อคู่แข่งก็ดูดีจนไม่มีที่ติอย่างนั้น


เสียงซุบซิบหนาหูดึงความสนใจให้ศศิชาหันหลังกลับไปมองตรงประตูทางเข้าของอาคารหลายคนวิพากษ์ไปต่างๆ นานาถึงดาราหนุ่มขวัญใจของเธอและเป็นอีกครั้งที่ดรุนัยวิ่งกลับมาหาด้วยท่าทางตกใจสุดขีด


“เลดี้!ตายแล้ว! รีบเสนอหน้าไปตรงประตูด่วน! แล้วช่วยยืนยันทีว่าสิ่งที่เห็นอยู่มันคือเรื่องจริงหรือภาพลวงตากันแน่!” ดรุนัยคว้าแขนบอบบางให้ก้าวตามอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงซุบซิบเริ่มหนักขึ้นจนต้องรับรู้ข้อเท็จเกี่ยวกับข่าวลือ หญิงสาวที่ฟาโรควงมาในวันนี้เป็น‘คนรัก’ ตัวจริงอย่างนั้นหรือ


ศศิชาร้อนรนจนหัวใจสั่นสะเทือนเมื่อได้ยินว่าที่รักของฟาโรแวะเวียนมายังบริษัทต้นสังกัดเธอชะเง้อมองจนคอยืดยาว อยากเห็นหญิงสาวซึ่งเป็นคนพิเศษสำหรับเขา โดยเธอไม่มีสิทธิ์เทียบเคียงได้เลยแม้แต่ปลายเล็บและที่รักของฟาโรคนนั้นอาจเป็นพิมพ์มาดาที่อยากเปิดตัวว่าหล่อนคบหาอยู่กับดาราชื่อดังก็เป็นได้ศศิชาได้แต่ปลอบใจตนเอง


ทว่า...โลกทั้งใบแทบหยุดหมุนในทันทีเมื่อหญิงสาวที่เปิดประตูรถยนต์คันหรูหราออกมายืนให้ทุกคนได้เห็นอย่างถ้วนหน้าทำให้ศศิชาตกตะลึงพร้อมหลุดชื่อของหล่อน


‘วี


ทุกสิ่งหยุดชะงักแม้แต่ดรุนัยที่ยืนเต้นแร้งเต้นกาอยู่ด้านข้างยังไม่อาจเรียกร้องความสนใจคำถามประเดประดัง เหตุใดวรดาจึงไม่บอกกันสักคำว่าแท้จริงหล่อนรู้จักกับฟาโรเป็นอย่างดีความรู้สึกเวลานี้ราวกับ ‘คนโง่’ ที่ถูกญาติของตนเอง‘หลอก’ จนสนิทใจ


แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงยีนส์ฉุดให้รู้สึกตัวอีกครั้งสมองตื้อสั่งการให้ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นรับการติดต่อจากนลัทที่โทรเข้ามา ศศิชายังคงจดจ้องหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กันราวกับกิ่งทองใบหยกสองขาเรียวหนักอึ้ง พยายามก้าวถอยและหันหลังกลับ เมื่อรับรู้ถึงสถานที่นัดหมายซึ่งนลัทเรียกพบเป็นการเร่งด่วนโดยทิ้งให้ดรุนัยยืนซุบซิบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นอย่างเมามันส์


ทว่า...คำพูดของนลัทก็ทำให้เธอต้องชะงักฝีเท้ากะทันหันเมื่อหน้าที่ในเวลานี้คือบอกกล่าวให้ฟาโรรับรู้ถึงการเข้าประชุมร่วมกัน ลมหายใจถูกพ่นอย่างหนักหน่วงหลังจากวางสายของเพื่อนเป็นที่เรียบร้อยจะให้ฝืนเดินเข้าไปบอกฟาโรเกี่ยวกับการนัดหมาย คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ ทั้งที่เห็นภาพบาดตาและทนกับความรู้สึกบาดใจยังแทบแย่จะให้แสร้งยิ้มระรื่นและบอกว่าไม่เป็นไร คงทำไม่ได้ เมื่อมันคล้ายกับการทำร้ายตัวเองให้ตายทั้งเป็น


ศศิชามองโทรศัพท์พกพาในมือ พลันฉุกคิดขึ้นได้เบอร์โทรศัพท์และไอดีแชททางไลน์ซึ่งเขาเคยให้ไว้ตั้งแต่วันที่อยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ถ่ายภาพด้วยกันสองต่อสองโดยฟาโรอ้างว่า ‘เผื่อ’ มีธุระจำเป็นเกี่ยวกับงานที่อาจติดต่อกันอย่างเร่งด่วน และเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่ให้ไว้ไม่เคยให้ใครนอกจากนลัทและเธอเท่านั้น


ตั้งแต่ได้เบอร์โทรและไอดีแชทมาเธอก็เก็บไว้เสมือนเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจแตะต้องได้แม้อยากสื่อสารเป็นตัวอักษรกับเขา ยังลังเลจนต้องเก็บไว้อย่างนั้นต่อไปทว่าเวลานี้คงถึงคราวจำเป็น ไม่รอช้านิ้วมือพรมลงหน้าจอโทรศัพท์และเลือกชื่อของฟาโรเพื่อกดส่งข้อความทางแชทไลน์หาเขาทันที


< ประชุมด่วน ชั้นสาม ห้อง 309 > ระบุเพียงเท่านั้นศศิชาก็สาวเท้าเดินยังลิฟต์เพื่อไปยังห้องประชุมที่มีการนัดหมาย และหวังให้ฟาโรรับรู้ว่าข้อความไลน์ที่จงใจสื่อสารนั้นมาจากเธอ


ภายในห้องประชุมใหญ่โตมีชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานสวมสูทสีเทาผูกเน็คไทโก้หรู นั่งตรงหัวโต๊ะในท่าเอนหลังสบาย ถัดมาด้านข้างมีนายแบบหน้าใหม่พูดคุยด้วยภาษาไทยบ้างต่างประเทศบ้าง สนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะเป็นกันเอง โดยมีนลัทร่วมวงสนทนาด้วยอีกคน


“คุณคงยินดีมาร่วมงานกับเรานะไมเคิล”ปรเมษเปรยถามความสมัครใจ เมื่อช่วงนี้วงการบันเทิงแข่งขันกันปลุกปั้นดารานายแบบนางแบบหน้าใหม่ประชันความโด่งดังและการที่ได้รู้จักกับไมเคิลเป็นการส่วนตัว จึงง่ายกับการติดต่อให้เขามาร่วมงานด้วยกันและไมเคิลก็ให้ความสนใจอย่างมากจึงเดินทางจากอเมริกาทันที


เสียงเคาะประตูดังเตือนให้รู้ถึงการมาเยือนของหญิงสาวที่พอคุ้นตาอยู่บ้างนลัทลุกจากเก้าอี้เพื่อแนะนำให้บอสใหญ่ของบริษัทได้รู้จักกับผู้จัดการสาวคนใหม่อย่างเป็นทางการโดยปรเมษทราบข่าวมาบ้างเมื่อนลัทเคยรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับฟาโร


ศศิชากล่าวทักทายผู้บริหารของบริษัทอย่างสำรวมและให้ความเคารพยำเกรงโดยทุกการกระทำของเธออยู่ภายในดวงตาสีน้ำข้าวตลอดเวลา นลัทเริ่มต้นอธิบายระบบงานหลังจากสอบถามศศิชาถึงการนัดหมายกับฟาโร และทราบว่าเธอได้บอกกล่าวให้เขารับรู้แล้วทางข้อความโทรศัพท์


“หากผมต้องการให้คุณเลดี้มาดูแลนายแบบใหม่ของผมคุณขัดข้องอะไรไหมผู้จัดการ” ปรเมษตั้งคำถามกับนลัทที่หันมองไปทางศศิชาคล้ายถามไถ่ความสมัครใจจากเธอทางสายตา


บาดแผลในใจที่เจ็บซ้ำซากอาจกำลังถูกเยียวยาหากอยู่ให้ห่างจากฟาโร ศศิชาตัดสินใจแน่วแน่และพยักหน้าเล็กน้อยส่งสัญญาณให้เพื่อนรับทราบนลัทระบายยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเข้าใจว่าเพื่อนสนิทกำลังพยายามถอยห่างจากดาราหนุ่มซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว


“สำหรับซีไม่ขัดข้องส่วนเลดี้พร้อมจะรับหน้าที่ดูแลไมเคิลอย่างเต็มที่”


“ผมไม่อนุญาต...”ประตูบานใหญ่ถูกผลักเข้ามาทันทีเมื่อมันเปิดแง้มไว้ก่อนหน้านี้ได้สักพักฟาโรก้าวเดินอย่างมั่นใจพร้อมจ้องมองทุกคนภายในห้องประชุมและหยุดสายตานิ่งเฉยตรงผู้บริหารที่ออกคำสั่งโดยพลการไม่มีเกรงใจกันสักนิด เขาไม่ได้ถือว่าตนเป็นดาราดังแล้วจะหยิ่งผยองหรือดื้อรั้น ในเมื่อศศิชาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและมันต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเด็ดขาดไม่ว่าใครที่มีอำนาจจะสั่งการก็ตาม


แม้ในใจลึกๆจะแอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่ฟาโรทำเสมือน ‘หวง’ แต่พอนึกถึงภาพคู่รักที่เดินเคียงข้างกันเมื่อครู่ก็ทำให้เกิดความฉุนเฉียวขึ้นมาและด้วยมารยาททางสังคมทำให้เธอต้องระงับอารมณ์ขุ่นเคืองไว้เพื่อดูสถานการณ์ภายในห้องประชุมที่เริ่มมีกระแสความตึงเครียดระอุเจือจาง


“คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าฟาโรถึงไม่อนุญาตให้เลดี้มาดูแลไมเคิล”


“ครับ...ผมมีปัญหาในเมื่อผมเสนอให้เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว นั่นก็แสดงว่าเธอต้องเป็นคนของผมหากจะมีใครมาใหม่ก็ควรจะหาผู้จัดการใหม่หรือให้คนเก่าอย่างนลัทดูแลแทนผมเชื่อว่าผู้จัดการของผมเริ่มรู้จักหน้าที่ของตัวเองบ้างแล้ว คงปล่อยให้นลัททำอย่างอื่นได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร”


ฟาโรดึงเก้าอี้และนั่งลงด้านข้างศศิชาในท่าเอนหลังและนำมือประสานที่ท้ายทอยอย่างสบายใจไม่สนใครหลายคนที่กำลังอึดอัดเนื่องจากไม่อยากโต้แย้งหรือแสดงความคิดเห็น รอให้ปรเมษเป็นผู้ตัดสินอย่างเด็ดขาดเท่านั้น


“แล้วคุณผู้จัดการล่ะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าหากสลับหน้าที่ให้คุณมาดูแลไมเคิลแทน” ผู้บริหารหนุ่มหันเหความสนใจหานลัททันทีเมื่อปัญหาครั้งนี้อาจสร้างความหนักใจแก่เธอโดยไมเคิลเองก็ได้แต่ลอบยิ้มและส่งสายตาหวานให้หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามรอฟังผลการตัดสินเช่นกัน


“ซีเห็นว่าเลดี้ยังไม่พร้อมจะดูแลฟาโรคนเดียวอย่างเต็มตัวยังไงระหว่างนี้ซีขอให้เราสองคนช่วยกันดูแลทั้งฟาโรและไมเคิลไปก่อนจนกว่าเธอจะทำงานคล่องกว่านี้ซีไม่อยากให้เพื่อนต้องโดนตำหนิหากทำงานบกพร่อง”


“คุณเห็นว่าไงไมเคิล”ปรเมษไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่ต้องนั่งเฉย ทั้งที่การตัดสินใจของเขาควรมีส่วนร่วมกับการหาผู้ดูแลระหว่างทำงาน


“ผมเห็นด้วยกับผู้จัดการนลัทเผื่อคุณเลดี้อยากเปลี่ยนใจมาดูแลเพื่อนใหม่อย่างผม”


“นายคงไม่ได้ฝันกลางวันอยู่หรอกนะไมเคิล” ฟาโรยิ้มมุมปากพลางเหยียดสายตามองคู่สนทนาที่ยิ้มเยาะราวกับท้าทายซึ่งกัน “แล้วคุณผู้จัดการของผมล่ะอยากดูแลผมหรือไมเคิลกันแน่” คราวซวยกำลังมาเยือนศศิชาได้แต่ทำหน้าเหรอหราพร้อมชำเลืองสายตามองบุคคลที่พาดพิงถึงเธอทั้งที่อยากปฏิเสธการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฟาโรใจแทบขาดแต่ก็ต้องรักษาหน้าตาของเขาไว้บ้าง ในเมื่อเขา ‘เลือกเธอ’


“ดี้ขอทำงานประกบคู่กับซีไปก่อนจนกว่าจะชำนาญแล้วกันนะคะ คุณปรเมษ” ผู้บริหารหนุ่มส่งยิ้มให้เมื่อปัญหาทุกอย่างคลี่คลายและลงตัวด้วยดีปรเมษลอบถอนใจ จะว่าเอือมระอาดาราดังจอมเรื่องมากและเอาแต่ใจก็ว่าได้แต่ในเมื่อเขายังโด่งดังและสร้างรายได้ให้กับบริษัท คงต้องยอมไปก่อนหากวันใดนายแบบหรือดาราหน้าใหม่มีชื่อเสียงเบียดเขาตกกระป๋องได้ เมื่อนั้นคงไม่ต้องง้อหรืออ่อนข้อให้แบบนี้


การประชุมสิ้นสุดพร้อมกับปรเมษเดินส่งนายแบบในสังกัดของตนออกนอกห้องประชุมโดยมีนลัทลุกตามไปติดๆ และศศิชากำลังจะลุกตามอีกคนทว่าข้อมือของเธอกลับถูกคว้าเอาไว้จนไม่ทันได้ลุกไปไหน


“ฉันขอคุยกับเธอก่อน”ศศิชาเลิกคิ้วประหลาดใจและชำเลืองมองนลัทซึ่งหยุดยืนกับที่ใกล้ประตูทางออก“เป็นการส่วนตัว”น้ำเสียงราบเรียบเน้นคำหนักแน่นทำให้สาวมาดเท่รู้ตัวดีว่าไม่ควรเป็นส่วนเกิน เธอจึงยอมออกจากห้องด้วยสีหน้าขัดใจ


“คุณมีธุระอะไรกับฉัน”ศศิชาดึงมือจนพ้นการจับกุมและเบือนหน้าหนีดวงตาทรงเสน่ห์ที่จ้องมองมาเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง


“ไม่พอใจอะไรงั้นเหรอถึงไม่เดินไปตามฉันมาประชุมด้วยตัวเอง ทำไมต้องส่งไลน์ทั้งที่เธอกับฉันก็ยืนไม่ห่างกันเท่าไหร่”ศศิชาเหลือบมองคนด้านข้างพลางคิดในใจ นี่เขาจงใจซ้ำเติมหรือไม่รับรู้อะไรเลย ว่าเขามีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอขนาดไหนไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือเจ็บปวด ล้วนมาจากเขาทั้งสิ้น


“เปล่า...ฉันมีสิทธิ์อะไรถึงจะไม่พอใจคุณ”ศศิชากล่าวเสียงแข็งและในน้ำเสียงกลับแฝงไว้ด้วยอารมณ์เหวี่ยงจนเสือผู้หญิงอย่างฟาโรจับอาการได้


“ก็ดีฉันไม่ชอบคุยกับผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผล นึกอยากงอนก็งอนแบบไม่มีสาเหตุหากมีอะไรไม่พอใจก็พูดกันตรงๆ แฟร์ดีเพราะบางทีฉันก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่ต้องรับรู้ความคิดของใคร” ใช่สิ...ในเมื่อเธอเป็นแค่ผู้หญิงทั่วไปไม่ได้เลิศเลอหรือเด่นดังอย่างผู้หญิงของเขา ต่อให้เธอรู้สึกไม่พอใจหรือแอบโกรธเคืองแค่ไหนเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอยู่แล้ว ศศิชาค่อนแคะในใจ “งั้นตอบคำถามฉันมาทำไมเธอถึงไม่ปฏิเสธบอสเรื่องเป็นผู้จัดการไอ้ฝรั่งนั่น”


“ฉันมีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอในเมื่อฉันเป็นแค่ลูกจ้างและคุณปรเมษก็เป็นนายจ้างของฉัน”เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะการสนทนาทำให้ฟาโรขยับร่างกายและหยิบเครื่องมือสื่อสารเพื่อรับสายเรียกเข้า


“ฉันกำลังจะลงไปรอตรงนั้นก่อนนะ” น้ำเสียงทุ้มสื่อสารกับใครบางคนที่โทรเข้ามาช่างทำให้เจ็บแปลบที่ใจอย่างไม่ทราบสาเหตุแววตาของเขาดูอ่อนโยนจนสัมผัสได้ ศศิชาหลบสายตาในทันทีเมื่อดาราหนุ่มหันมองทางเธอระหว่างกดปิดโทรศัพท์และลุกยืนเต็มความสูง“พรุ่งนี้ไปรับฉันที่คอนโดด้วย” 


กล่าวจบคนตัวสูงก็หุนหันเดินออกจากห้องประชุม ปล่อยให้หญิงสาวยืนงงกับคำสั่งของเขาจะให้ไปรับได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่รู้จักคอนโดของเขาด้วยซ้ำ และคงไม่พ้นต้องพึ่งนลัทเป็นตัวช่วยอีกครั้ง


ศศิชายืนนิ่งอยู่ในห้องประชุมคนเดียวสักพักใหญ่เมื่อจิตใจเริ่มสงบเธอจึงก้าวเดินเพื่อตามหานลัท ระหว่างยืนรอลิฟต์อยู่นั้น คนด้านข้างก็ดึงความสนใจให้เธอหันมอง


ไม่เคยคิดมาก่อนว่าภายในอาคารสูงหลายสิบชั้นจะคับแคบจนต้องพบเจอบุคคลที่ไม่อยากเห็นด้วยซ้ำหากเขาคนนี้ล่องหนหายไปจากสายตาได้คงดี


แม้จะยังไม่มีหลักฐานในการจับผิดแต่เธอเชื่อว่า อาร์ตเป็นตัวการสำคัญของเรื่องทุกอย่างที่จะทำให้ฟาโรเสียชื่อเสียง


“สายตาคุณดูไม่ต้อนรับผมเท่าไหร่นะ”อาร์ตกล่าวนิ่งๆ ระหว่างมองไฟสีส้มวิ่งตามตัวเลขชั้นเพื่อรอคอยประตูลิฟต์เปิด ไม่ต่างกับหญิงสาวด้านข้างที่เงียบกริบไม่คิดตอบโต้สิ่งใด“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณรังเกียจเพื่อนร่วมงานจนไม่อยากคุยกันแบบนี้”ไม่มีเสียงใดตอบกลับ ศศิชาทำเพียงนิ่งเฉยเสมือนอาร์ตไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นและมันคือการยั่วยุอารมณ์ให้เดือดดาล


อาร์ตเดินเข้าใกล้ศศิชาพร้อมกระชากมือของเธอเพื่อเรียกร้องความสนใจทว่าเพียงแตะต้องตัวเธอเท่านั้นร่างสูงของชายหนุ่มก็กระเด็นจนล้มลงราวกับถูกคลื่นพลังบางอย่างผลักไสให้ถอยห่างจากเธออย่างรุนแรงศศิชายืนตะลึงพร้อมจับมือของตนข้างที่ถูกกระชากเมื่อครู่นี้ไว้แน่นดวงตาหวาดหวั่นมองอาร์ตที่พยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพระบมไปทั้งตัว เพียงความคิดที่อยากให้เขาล่องหนหายไปก็ทำร้ายคนได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ


“นายไม่เป็นไรใช่ไหม”ศศิชาสาวเท้าสั่นไหวเดินเข้าหาคู่กรณีที่ถูกพลังบางอย่างเล่นงานจนล้มลงและมองเธอด้วยความสงสัยใคร่รู้


“อย่ามายุ่งกับผม”อาร์ตนั่งพิงกำแพงด้วยอาการเหนื่อยหอบ เขายกหลังมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลกลบปากสร้างความวิตกให้กับศศิชาเป็นอย่างมากเมื่อเธอเข้าใจว่าอาร์ตเป็นอย่างนั้นเพราะเธอเป็นต้นเหตุทำให้ฉุกคิดถึงซันเซ็ทขึ้นมา หรือเขาจะแอบอยู่ในมุมไหนสักแห่งภายในอาคารนี้


“แต่ดูนายบาดเจ็บมากนะให้ฉันพาไปโรงพยาบาลไหม”


“ไม่ต้องไปซะ คุณมันตัวอันตราย”สายตาดุดันสั่งห้ามโดยเด็ดขาดไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งตามที่บอกกล่าวเอาไว้ไม่ว่าจะอาร์ตหรือศศิชาต่างก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ประตูลิฟต์เปิดออก และอาร์ตก็ย้ำความต้องการอีกครั้ง “คุณไปซะ ผมดูแลตัวเองได้”ศศิชาค่อยๆ สาวเท้าเข้าตู้ลิฟต์ เอื้อมมือสั่นเทากดปุ่มปิดประตูความคิดหลากหลายอย่างถาโถม


ตั้งแต่ออกจากห้องประชุมจนเจอกับอาร์ตและเหตุการณ์ประหลาดรวมถึงเรื่องของฟาโรกับญาติสาวคนสนิท ทำให้ศศิชาเดินใจลอยและใช้ความคิดอย่างหนักจนมาเจอนลัทซึ่งยืนรออยู่ด้านนอกอาคารพร้อมเดินทางส่งเธอกลับยังที่พักอาศัย


ศศิชาไม่พูดจาใดๆระหว่างนั่งอยู่บนรถยนต์ส่วนตัวจนถึงคฤหาสน์ไม่ว่าเพื่อนสนิทจะชวนคุยมาตลอดเส้นทาง แต่ก็เป็นการถามคำตอบคำเสียมากกว่า และสาเหตุที่นลัทคิดได้ว่ามีผลกระทบทำให้ศศิชาเป็นเช่นนี้คงมีเพียงเรื่องเดียวคือฟาโร ทั้งเสียงซุบซิบและคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ผ่านเข้าโสตประสาทถึงความสัมพันธ์ระหว่างดาราหนุ่มกับคู่ควงคนใหม่ระดับไฮโซ


“แกซีเรียสเรื่องคู่ควงคนใหม่ของฟาโรเหรอเลดี้ถึงเงียบขนาดนี้ จะแคร์อะไรมากมาย ก็รู้กันอยู่ว่านายนั่นชอบปอกลอกผู้หญิงที่ยินดีเสนอตัวมาหาเขา”


หากผู้หญิงที่นลัทหมายถึงไม่ใช่ญาติสนิทของเธอคงไม่ผิดหวังมากเท่านี้และเพราะเป็นญาติสนิทจึงทำให้เธอเสียใจและเสียความรู้สึกจนลืมนึกถึงเรื่องราวประหลาดไปชั่วขณะ


“ซีคงไม่รู้ใช่ไหมว่าคู่ควงคนใหม่ของฟาโรเป็นใคร”ศศิชากล่าวเสียงซึมเมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวซึ่งรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี


“อ้าว! ไม่ใช่พิมพ์มาดาหรอกเหรอเห็นเขาซุบซิบกันว่าเป็นพวกไฮโซ เท่าที่ฟาโรควงมาก็มีแต่พิมพ์มาดานี่ที่เป็นลูกสาวไฮโซที่สุด”เสียงถอนใจไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ทำให้นลัทรู้สึกแย่ไปด้วยเมื่อไม่สามารถทำให้เพื่อนยิ้มแย้มได้เหมือนเคย


“วีต่างหากล่ะ”เข็มขัดนิรภัยถูกปลดล็อกอย่างเชื่องช้าพร้อมหยิบกระเป๋าสะพายพาดที่ไหล่เตรียมลงจากรถซึ่งจอดสนิทยังหน้าคฤหาสน์ของเธอ


“เฮ้! วีไหนอย่าบอกนะว่า...”


“วี...คนที่เรารู้จักนั่นล่ะ”คำตอบคลายความกระจ่าง นลัทตกตะลึงระหว่างมองศศิชาเปิดประตูก้าวลงจากรถไม่อยากเชื่อหูตนเองว่าวรดาจะเป็นหญิงสาวหนึ่งในบรรดาคู่ขาของฟาโร และหากนลัทไม่มีธุระเดินทางไปที่อื่นต่อคงได้ปลอบใจให้เพื่อนสนิทหายเศร้าได้บ้างไม่มากก็น้อย


มีต่อด้านล่างค่ะ 




Create Date : 19 มีนาคม 2557
Last Update : 19 มีนาคม 2557 17:27:10 น.
Counter : 646 Pageviews.

1 comments
  
สองขาเรียวก้าวเดินอย่างอ่อนระโหยโรยแรง เมื่อกำลังใจทั้งหมดของวันถูกทำลายเพียงชั่วพริบตา ศศิชาก้าวขึ้นบันไดหินอ่อนโดยไม่ทันเห็นใครที่นั่งอยู่ตรงโถงห้องรับแขก ทำให้ความผิดตกอยู่กับเธอ กลายเป็นเด็กไม่มีมารยาทในสายตาของทิพปภา



“แกดูน้องสาวคนโปรดแล้วกัน ผู้ใหญ่นั่งอยู่ในบ้านทั้งคนยังทำเหมือนฉันเป็นหัวหลักหัวตอไปได้” แม้มารดาจะกล่าวโทษน้องสาวต่างสายเลือดอย่างดูแคลน ทว่าสีหน้าของเธอจากที่เห็นในระยะห่างระดับหนึ่งทำให้วศินทราบได้ทันทีว่าน้องสาวของเขาคงมีเรื่องคิดหนักจนไม่ทันเห็นใครอยู่ในสายตา



“เลดี้คงไม่ทันเห็นน่ะครับคุณแม่ อย่าไปต่อว่าเธอเลย” วศินกล่าวพลางมองไปทางบันไดคฤหาสน์อีกครั้ง ในใจนึกห่วงบุคคลที่เพิ่งช่วยแก้ตัวให้ หากเธอมีเรื่องใดให้เป็นกังวล เขาก็อยากรับรู้และมีส่วนช่วยเหลือให้เธอสบายใจขึ้นบ้าง



“ทำตัวอย่างกับเด็กไม่รู้จักโต คุณย่าก็ตามใจเสียเหลือเกิน คอยดูเถอะ สักวันคงเสียคน แล้วที่ออกไปทำงานนอกบ้าน ไปทำงานจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หากแอบคบกับผู้ชายโดยที่ไม่มีใครรู้ เกิดท้องไม่มีพ่อขึ้นมาคงงามหน้าล่ะทีนี้”



“คุณแม่ครับ ยังไงเลดี้คงไม่ทำตัวเหลวแหลกแบบนั้นหรอกครับ ถึงเธอจะไม่มีพ่อแม่คอยตักเตือน แต่เธอยังมีคุณย่าและพวกเราคอยดูแลนะครับ”



“ที่ทำเป็นประจบประแจงคุณย่าเพราะจะฮุบสมบัติไว้คนเดียวนะสิ ทำไมแม่จะดูไม่ออก ก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่ตายไปนั่นล่ะ หวังสมบัติโดยไม่คิดจะแบ่งมรดกให้กับพ่อของแก ฟ้าดินมีตาเลยลงโทษให้ประสบอุบัติเหตุอย่างนั้น” ทิพปภาเหยียดยิ้มเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ระหว่างที่พ่อแม่ของศศิชายังมีชีวิตอยู่เป็นเสี้ยนหนามแทงความรู้สึก เมื่อคุณศจีรักใคร่บุตรสาวแท้ๆ มากกว่าสามีของตนซึ่งเป็นเพียงบุตรบุญธรรมที่รับมาเลี้ยงเท่านั้น



“อะไรกันครับคุณแม่ คุณน้าทั้งสองก็เสียไปตั้งนานแล้ว ยังกล่าวหาท่านแบบนี้อีกหรือครับ”



“แกไม่รู้เรื่องอะไร ก็อย่ามาต่อว่าแม่นะตาวิน!” วศินถอนใจอย่างเอือมระอาต่อความเอาแต่ใจของมารดาที่ลุกยืนและสะบัดหน้าเชิด เดินหนีเขาออกจากโถงห้องรับแขกด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก และเขาคงไม่เสียเวลาคิดในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ความห่วงใยน้องสาวมีมากกว่านั้น ไม่รอช้า เขาก้าวเดินขึ้นชั้นสองและหยุดยืนตรงหน้าห้องส่วนตัวของเธอทันที



ประตูห้องนอนของศศิชาถูกเคาะเป็นระยะ โดยไม่มีทีท่าจะถูกเปิดแต่อย่างใด วศินได้แต่ลอบถอนใจก่อนจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวของตน รอเวลาให้เธอสบายใจกว่านี้จึงค่อยถามไถ่ คงไม่สายเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราว



ภายในห้องนอนกว้าง หมอนใบใหญ่ถูกจับปิดหน้าและกดปิดตรงข้างหู ไม่อยากได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเวลานี้เธอยังไม่พร้อมคุยกับใครทั้งสิ้น ภาพหลอกหลอนของฟาโรกับวรดายังคงวนเวียนอยู่ในความคิด ภาพสายตาหวาดระแวงของอาร์ตก็ไม่ต่างกัน ทำให้เธอสับสนกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น และหมอนใบใหญ่ก็ถูกปาทิ้งข้างเตียงนอน คิ้วเรียวขมวดยุ่ง อยากหลับไหลไม่ต้องตื่นมารับรู้อะไรอีก



หยาดน้ำตาค่อยๆ หลั่งรินจากปลายหางตาผ่านใต้ขมับจนหยดลงที่นอนนุ่ม เมื่อไหร่ความคิดประเดประดังทั้งหลายจะหยุดทำงานเสียที อยากกลับไปเป็นศศิชาคนเดิมที่หลงคลั่งไคล้ดาราหนุ่มผ่านหน้าจอและสื่อต่างๆ เท่านั้น ไม่ต้องรับรู้ว่าเขากำลังเลื่อนขั้นมาเป็นคนรักของวรดา ลูกพี่ลูกน้องสาวที่เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามปรามหรือกีดกันไม่ให้ทั้งสองคบหากัน



ศศิชาเปิดเปลือกตามองเพดานห้องที่แสงค่อยๆ สลัวลงทุกที เธอยกมือข้างที่ถูกอาร์ตกระชากขึ้นสำรวจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดอีกครั้ง เหตุใดเมื่อเขาแตะถูกมือของเธอแล้วจึงกระเด็นห่างไปอย่างนั้นราวกับมีคลื่นพลังปกป้องเธออยู่ โดยไม่รู้ว่าอาร์ตจะเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้



โทรศัพท์มือถือข้างลำตัวถูกหยิบขึ้นมาหวังจะกดเบอร์ต่อสายหานลัทและเล่าเรื่องราวประหลาดให้เพื่อนสนิทได้รับรู้ ทว่าเสียงข้อความแชทก็ขัดจังหวะในการกดต่อสายของเธอ



< พรุ่งนี้อย่าลืมมารับฉัน >



< มาตามที่อยู่นี้ xxx >



สถานที่ใกล้เคียงกับบริษัทคือคอนโดของฟาโร ซึ่งเธอต้องเดินทางไปหาเขาในวันพรุ่งนี้ตามที่เขานัดหมายฝ่ายเดียว และเมื่อมันเป็นหน้าที่ เธอก็ได้แต่เตือนตนเองว่าควรละทิ้งปัญหาทุกอย่างเพื่อทำงานให้ดีที่สุด โดยหวังว่าวันพรุ่งนี้ความรู้สึกเจ็บปวดคงทุเลา และกลับกลายเป็นหญิงสาวที่หลงปลื้มดาราดัง เลิกคิดถึงและหยุดใส่ใจเขาในฐานะคนสำคัญเสียที



++++



สถานที่ไม่คุ้นเคยราวกับเดินอยู่ท่ามกลางป่าเขามืดมิด ต้นไม้สูงรกทึบปกคลุมพื้นที่ตลอดระยะการเดิน ไม่มีสิ่งอื่นใดขวางเส้นทางนอกจากต้นไม้สูงใหญ่เหล่านั้นกับหมอกควันสีขาวเจือจาง เสียงโหยหวนดังจากรอบทิศทางจนต้องหยุดยืนกับที่เพื่อฟังเสียงที่ว่าให้ชัดเจนว่ามาจากทิศทางใดกันแน่ เมื่อมั่นใจว่าเสียงแว่วที่แทรกผ่านตามอากาศมานั้นเกิดจากเบื้องหน้า สองเท้าจึงเริ่มก้าวต่ออย่างรวดเร็ว



หญิงชราหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวถูกก้านธนูเสียบทะลุไหล่ตรึงติดกับต้นไม้ ผิวหนังเหี่ยวย่น จมูกแหลมโค้งงุ้มแทบจรดกับคางคล้ายแม่มดตามภาพยนตร์ที่เคยดูมานักต่อนัก ดวงตาแดงก่ำสีเพลิงจ้องมองหญิงแปลกหน้าที่เคยพบเจอกันครั้งหนึ่ง โดยแม่มดตนนั้นขยับปากขมุบขมิบราวกับท่องคาถา ทว่ายังไม่ทันร่ายมนตร์จบ คันธนูของหญิงแปลกหน้าก็เล็งไปที่แม่มด โดยลูกธนูเจาะเข้าที่อกข้างซ้ายจนร่างของหญิงชราสลายกลายเป็นเถ้าธุลี



ศศิชายืนหลบอยู่ข้างต้นไม้รอดูเหตุการณ์หลังจากนี้ เธอพยายามย้อนทวนในสิ่งที่เคยได้เล่าให้กับซันเซ็ทฟังเกี่ยวกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอ ทำให้นึกถึงชื่อ นอร่า ขึ้นมาทันที ใช่...เธอจำไม่ผิดคนอย่างแน่นอน หญิงแปลกหน้าผู้นี้คือคนเดียวกันกับที่มาช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากคมเขี้ยวของงูยักษ์



เมื่อทุกอย่างสงบลง ศศิชาทำท่าจะก้าวเดินไปหาหญิงสาวที่พอคุ้นเคยกันบ้าง ทว่ามีบางอย่างฉุดรั้งเธอเอาไว้ ขาข้างหนึ่งขยับก้าวต่อไม่ได้เนื่องจากถูกเถาวัลย์พันเอาไว้ หัวใจเต้นตึกตักรุนแรงเมื่อพบว่าต้นไม้ที่เธอยืนหลบเมื่อครู่กลับมีชีวิตและมันกำลังใช้กิ่งก้านโอบรัดรอบกายอย่างรวดเร็ว



ศศิชาส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับเห็นลูกธนูแหวกผ่านอากาศเจาะเข้าที่ลำต้นไม้ใหญ่และร่างกายของเธอก็ถูกคลายปล่อยให้เป็นอิสระและร่วงหล่นสู่พื้นดิน



“ไม่นะ!” ร่างบางดีดลุกจากเตียงนอน เม็ดเหงื่อผุดซิบเต็มหน้าผาก ศศิชาหายใจรัว จิตใจยังคงเต้นระส่ำรุนแรง พร้อมหันซ้ายหันขวามองไปรอบกาย เธอยังคงอยู่ภายในห้องนอนของเธอ เสียงโทรศัพท์ดึงให้เธอหันมองและคว้ามันกดรับสายโทรเข้า



“ว่าไงซี” ศศิชาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพื่อรับฟังในสิ่งที่เพื่อนต้องการบอกกล่าวเป็นการเร่งด่วน เมื่อนลัทโทรเข้ามาปลุกให้เธอตื่นจากฝันร้ายในช่วงเวลาตีสอง และเรื่องที่ว่าต้องด่วนมากจนทำให้นลัทติดต่อมาในยามวิกาลเช่นนี้





To be continued...
โดย: มาโซคิส วันที่: 19 มีนาคม 2557 เวลา:17:26:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments