มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
26
28
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 21
๒๑

ของขวัญกับดอกไม้แด่เธอ


ดอกกุหลาบขาวยังคงกรุ่นไออุ่นเมื่อปลายนิ้วสัมผัสถูกอย่างจงใจรอยยิ้มหวานระบายบนนวลหน้าใสพร้อมมองไปทางริมระเบียงซึ่งเคยมีบุรุษหนุ่มปรากฏยืนอยู่ตรงนั้นหลังจากซันเซ็ทนำพาศศิชากลับมาส่งจนถึงหน้าห้องนอนของเธอ เขาก็รักษาอาการบาดเจ็บโดยสัมผัสไปยังร่องรอยบวมช้ำที่ขาเรียวจนหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งสองพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนร่ำลาโดยซันเซ็ทบอกกล่าวให้รู้ว่ายังมีบางสิ่งมอบให้เธอ


‘ของขวัญที่ฉันตั้งใจมอบให้จะปรากฏอยู่ในห้องของเธอในอีกไม่ช้า’ คำพูดก่อนบุรุษผู้นั้นจะเลือนสลายไปจากสายตาทำให้ศศิชาตื่นเต้นกับ ‘ของขวัญ’ ที่จะได้รับหลังจากนี้


ประตูระเบียงห้องนอนถูกปิดสนิทแสงสีนวลตาจากโคมไฟภายในห้องติดสว่างอีกครั้งหรือที่มันเคยสิ้นใจก่อนหน้านี้เป็นเพราะฝีมือเขากันแน่ “นายนี่ชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันนะซันเซ็ท” ศศิชาพึมพำพร้อมระบายยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของผู้พิทักษ์ ซึ่งคอยดูแลและปกป้องเธอเสมอมาตั้งแต่ยอมรับว่าเขามีตัวตน


เมื่อสายตาชำเลืองมองยังกุหลาบขาวอีกครั้งทำให้เธอฉุกคิดได้บางอย่างศศิชาสาวเท้ารวดเร็วไปยังตู้เสื้อผ้าและเปิดมันออกในทันทีอย่างร้อนรนกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะที่ซ่อนอยู่ภายในตู้นั้นถูกหยิบและนำมาวางไว้บนเตียงนอนพร้อมเปิดฝากล่องเพื่อดูสิ่งของที่เคยเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี


ดอกกุหลาบลักษณะเดียวกันกับที่ถืออยู่ในมือถูกบรรจุไว้ในกล่องสี่เหลี่ยมความทรงจำที่เกือบลืมไปเสียสนิทกลับมายืนในความคิดจนหัวใจหวิวไหว ทุกปีในวันคล้ายวันเกิดเธอจะได้รับดอกไม้ปริศนาโดยดอกไม้เหล่านั้นไม่เคยเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา มันยังสวยสดงดงามไม่เปลี่ยนแปลงแม้ทุกอย่างจะสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่เคยค้นหาคำตอบ ทว่าเวลานี้คำตอบนั้นได้เฉลยให้รับรู้ว่าใครคือผู้ที่มอบดอกไม้นั้นแก่เธอ


“นายอยู่ใกล้ฉันมานานแล้วสินะ” ศศิชาแย้มยิ้มพร้อมนำกุหลาบขาวในมือวางรวมไว้ในกล่องกับดอกอื่นระหว่างนำฝากล่องปิดให้เรียบร้อยดังเดิม หางตาก็แลเห็นชุดราตรีสีขาวสวมอยู่ในหุ่นโชว์เสื้อผ้าซึ่งตั้งไว้เพื่อประดับงานตัดเย็บจากฝีมือของเธอ


‘ของขวัญ’ ที่ซันเซ็ทบอกกล่าวคงเป็นสิ่งนี้ เมื่อเธอไม่เคยเห็นมันผ่านตามาก่อนและมั่นใจว่าไม่ใช่เสื้อผ้าที่เคยมีในห้องนี้อย่างแน่นอนศศิชาย่างกรายไปยืนอยู่ตรงหุ่นโชว์เสื้อผ้าพร้อมจับสัมผัสชุดราตรีอย่างเบามือหรือเขารับรู้ถึงงานเลี้ยงสังสรรค์ในค่ำคืนนี้และเธอยังไม่มีชุดเลิศหรูให้สวมใส่สมฐานะทายาทเศรษฐีโดยไม่น้อยหน้าใครเขาจึงร่ายเวทย์เสกเนรมิตชุดนี้มอบไว้ให้เป็นของขวัญ


“ขอบใจนะที่นายคอยมอบแต่สิ่งดีๆให้กับฉัน”


เสียงนาฬิกาปลุกเตือนให้คนนอนหลับสนิทรู้สึกตัว ร่างบอบบางบิดกายไปมาสองสามครั้งก่อนจะปรือเปลือกตาเปิดและมองไปยังหน้าต่างห้องที่พอมีแสงสว่างรำไร ศศิชาเอื้อมมือกดปุ่มหยุดตรงนาฬิกาปลุกให้เงียบเสียงก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงัวเงียไม่หาย


เมื่อคืนนี้หลังจากลองชุดราตรีสั้นสีขาวเธอก็นอนทบทวนเรื่องราวถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ได้พบเจอกับซันเซ็ทจากที่เคยหวาดระแวงจนนึกกลัว เกรงว่าเขาจะเป็นปีศาจร้ายมาตามล่าและเก็บวิญญาณของมนุษย์กลับไปยังโลกของเขารวมถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ผ่านเข้ามาพัวพันในชีวิตทั้งยามตื่นและฝัน ล้วนเป็นสิ่งซึ่งเหนือความคาดหมายแต่กลับเกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ


การนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยทำให้ความฟุ้งซ่านตามมาเมื่อนึกถึงข้อแลกเปลี่ยนระหว่างซาตาน คำขอนั้นยังมีผลหรือเป็นโมฆะไปแล้วก็ไม่อาจทราบได้สุดท้าย...ยังหวังให้ทุกสิ่งเป็นจริงตามที่ตกลงไว้แม้ความเป็นไปได้จะริบหรี่เพียงใดก็ตาม


ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทแวบผ่านเข้ามาให้นึกย้อนกลับไปวันที่นลัทสารภาพความในใจอย่างน้อยคำว่ารักก็ไม่อาจทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เพื่อนมีให้ต่อกัน แต่แล้วเมื่อเรื่องราวระหว่างฟาโรถาโถมเข้ามาให้คิดถึงเธอกลับจับความรู้สึกตนเองไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไประหว่างเดินหน้าหลงใหลหรือถอยให้ห่างจากเขา ผู้ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจเสียเหลือเกินเพราะความสัมพันธ์คลุมเครือระหว่างวรดากับฟาโร ทำให้ไม่สามารถเลือกหนทางต่อไปได้ เธอคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้นจนเผลอหลับในที่สุด


เมื่อปรับสติให้เริ่มตื่นตัวจนความงัวเงียค่อยๆเลือนหายไป ศศิชาจึงคว้าแว่นใส่และหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงกดเปิดเครื่องซึ่งปิดรับการติดต่อตั้งแต่เมื่อวานนี้


เมื่อสัญญาณการสื่อสารใช้งานได้เป็นปกติตามเดิมเสียงข้อความทั้งหลายก็กระหน่ำดังไม่ขาดสาย ทั้งหมายเลขให้ติดต่อกลับ ทั้งข้อความมากมายที่ส่งถึงเธอและชื่อที่ดึงความสนใจให้เปิดข้อความอ่านก่อนใคร คงไม่พ้น ‘ฟาโร’ ทั้งข้อความแจ้งเตือนซึ่งเขาโทรเข้ามาแต่ไม่สามารถติดต่อได้รวมถึงข้อความแชททางไลน์ซึ่งต่อว่าต่อขานเธอยกใหญ่ ที่ปิดการติดต่อสำหรับเขา


หากข้อความที่อ่านกำลังเปิดอ่านอยู่นี้เป็นการพูดจาซึ่งหน้าเธอคงหูชาเมื่อการกระทำของเธอบังอาจไปขัดใจดาราชื่อดังตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยในข้อความระบุว่าหากเธอได้อ่านข้อความของเขาแล้วให้รีบตอบกลับโดยด่วน ก่อนเขาจะบุกมาหาเธอยังคฤหาสน์แห่งนี้ได้อ่านเพียงเท่านั้นความลนลานก็ถามหาจนเสียวสันหลังนิ้วมือระรัวตอบข้อความทางแชทไลน์กลับทันที


< เมื่อคืนฉันมีปัญหานิดหน่อย คุณพูดเล่นใช่ไหม ที่จะบุกมาหาฉัน? > เพียงสักพักเสียงข้อความสำหรับการสนทนาก็ดังเตือนจนศศิชาสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าเขาจะตอบกลับรวดเร็วปานจรวดวิ่งผ่านเช่นนี้


< ไม่ทันแล้ว ฉันกำลังจะไป> ศศิชานั่งตาค้างพร้อมกับหน้าถอดสีเมื่ออ่านข้อความจบคงไม่เป็นความจริงเธอไม่ใช่คนสำคัญถึงขนาดต้องให้ดาราดังอย่างเขาตามมาหาจนถึงที่บ้านอย่างนี้ร่างบอบบางหุนหันลุกจากที่นอนและวิ่งออกจากห้องในทันที โดยยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเขา


ศศิชาพยายามปลอบใจตนเองหากฟาโรต้องการมายังคฤหาสน์จริง นั่นเพราะเขามาหาวรดามากกว่าไม่ใช่จงใจมาหาเธออย่างที่ขู่ไว้


“วี!อยู่หรือเปล่า เปิดประตูให้ดี้หน่อย”ศศิชาระรัวกำปั้นทุบยังประตูห้องส่วนตัวของญาติสนิท อยากถามไถ่ในสิ่งที่สงสัยเป็นอย่างมากโดยภาวนาขอให้วรดาเปิดประตูและบอกว่าหล่อนได้นัดหมายกับฟาโรในวันนี้ เพื่อความแน่ใจและโล่งอกว่าการมาเยือนของเขาไม่ใช่เพราะเธอคือสาเหตุ


“คุณหนูคะ”เสียงคุ้นเคยดึงความสนใจให้ศศิชาหยุดเคาะประตูห้องและหันมองยังเด็กรับใช้ที่เดินสำรวมเข้ามาใกล้“เรียกหาคุณวีหรือคะ เธอออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะเห็นว่าต้องจัดเตรียมงานวันนี้”


“อ้าว...ทำไม...วี...ไม่อยู่เหรอ”หญิงสาวยืนอึกอัก หันมองทางประตูห้องที่ปิดสนิทอีกครั้งอย่างกระสับกระส่าย


“ค่ะและตอนนี้มีแขกมารอพบคุณหนูอยู่ข้างล่างนะคะ”


“แขก?”ศศิชาตั้งคำถามพร้อมกับจังหวะการเต้นที่หัวใจระส่ำระสายเมื่อนึกถึงข้อความในโทรศัพท์มือถือหรือสิ่งที่ฟาโรบอกกล่าวเป็นความจริง ไม่ใช่เพียงการข่มขู่ให้หวาดระแวงอย่างที่คิด


“ค่ะหนุ่มหล่อ ดาราชื่อดัง ฟาโรน่ะค่ะ” เด็กรับใช้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และยืนบิดกายไปมาราวกับเขินหนุ่มหล่อที่เอ่ยถึงเมื่อครู่นี้


“งั้นลงไปบอกให้เขาคอยดี้แปบนะดี้ขออาบน้ำก่อน” ยังไม่ทันรับฟังคำตอบใดจากเด็กรับใช้คุณหนูก็วิ่งแนบเข้าห้องส่วนตัวอีกครั้ง ทั้งตื่นเต้นระคนประหลาดใจหนำซ้ำยังต้องรีบทำเวลาเพื่อไม่ให้ ‘หนุ่มหล่อ’ที่มารอพบต้องคอยเจ้าของบ้านนานเกินไป


====


ศศิชาก้าวเดินลงจากบันไดหินอ่อนพลางชะเง้อแอบมองบุคคลที่ต้องการมาพบเจออย่างมัดมือชกเธอใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตัวโปรดเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นเกรงว่าหากนานกว่านี้จะทำให้ชายหนุ่มเจ้าอารมณ์เกิดความหงุดหงิดขึ้นมา และปากกรรไกรอย่างเขาคงพร้อมต่อว่าเธอจนเลือดซิบได้ตลอดเวลา


เมื่อหญิงสาวเจ้าของสถานที่เดินมาถึงโถงกว้างกลับว่างเปล่าไม่มีใครสักคนนั่งอยู่ตรงชุดรับแขกนั้น มีเพียงช่อดอกลิลลี่สีขาวแซมกับกุหลาบแดงวางอยู่ตรงโต๊ะกระจกเท่านั้นศศิชากวาดสายตามองโดยรอบเพื่อหาแขกของเธอ


“อาบน้ำเร็วดีนี่คิดว่าต้องคอยเธอเป็นชั่วโมงซะอีก” เสียงทุ้มคุ้นหูดึงให้หญิงสาวหันขวับมองยังชายหนุ่มที่ถอดแว่นตาดำเสียบไว้ที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำซึ่งปลดกระดุมตรงคอแอบโชว์แผงอกเล็กน้อย


ฟาโรหย่อนกายลงนั่งตรงโซฟารับแขกโดยไม่ทันให้เจ้าของสถานที่เชื้อเชิญเนื่องจากเธอยังยืนตะลึงไม่ยอมเลิกราเสียที


“คุณมาที่นี่ทำไมเมื่อตั้งสติได้ คำถามแรกก็หลุดออกจากปากของศศิชาซึ่งคิดไว้ระหว่างอาบน้ำแต่งตัวรวมถึงคำถามอื่นๆ ที่อาจมีตามมาหลังจากนี้


“เมื่อวานเธอขัดคำสั่งไม่ไปหาฉันที่ห้องแต่งตัว แถมยังปิดมือถือจนติดต่อไม่ได้ ฉันเลยจำเป็นต้องมาตามผู้จัดการของฉันถึงนี่”ดาราหนุ่มทำหน้านิ่ง ลอบมองแววตาวิบไหวที่ก่อกระแสความขัดใจขึ้นมาเล็กน้อย


“ก็เมื่อวานคุณกำลังมีปัญหากับผู้หญิงของคุณฉันเลยไม่อยากเข้าไปยุ่งให้เป็นปัญหาอีกคน”


“พูดเหมือนเธอเป็นผู้หญิงของฉันงั้นล่ะ”ฟาโรชำเลืองมองหญิงสาวที่ยืนอึกอัก ก่อนจะยกช่อดอกไม้เบื้องหน้าส่งให้เธอ “ฝากเก็บไว้ทีแฟนคลับให้มา ไม่รู้จะเอามันโยนไว้ไหน” ดาราหนุ่มโรยังคงหน้าตายและไม่ใส่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะเปลี่ยนท่าทางจากอึกอักเป็นฉุนเฉียวจนสีหน้าแดงระเรื่อเขาเข้าใจดี อารมณ์ผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายและแปรปรวนได้ทุกนาที


“ทำไมคุณถึงไม่แคร์ความรู้สึกของแฟนคลับบ้างล่ะหากพวกเขารู้ว่าคุณเอาช่อดอกไม้ที่ให้มาโยนให้ใครต่อใครแบบนี้แฟนคลับของคุณจะรู้สึกยังไง”


“เอาเป็นว่าฉันให้เธอถือว่าแคร์เธอแล้วกัน ตกลงไหม” เพียงนัยน์ตาเรียบเฉยจ้องมองมาก็พาให้ความรู้สึกโกรธเคืองเมื่อครู่เจือจางศศิชาถอนใจและรับดอกไม้ช่อนั้นไว้ เธอรู้ดีว่าคำพูดของเขาเป็นเพียงการตัดบท เมื่อแสดงให้รู้ว่าเขาเริ่มรำคาญในคำพูดของเธอเต็มที


“ตกลงคุณมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่าจริงๆ ฉันก็โทรรายงานซีไปแล้วว่าวันนี้ลาหยุด”


“ฉันอยากให้เธอพาไปโรงพยาบาลคงไม่เสียเวลาพักผ่อนหรอกนะ”


“ไปโรงพยาบาล?คุณป่วยงั้นเหรอ”


“เปล่า...แค่ไปเยี่ยมคนใกล้ตาย”ฟาโรเหยียดแขนสองข้างพาดไปบนพนักโซฟาพร้อมยกขาไขว่ห้างอยู่ในท่าสบายใจ เขามองคู่สนทนาโดยไม่หลบหลีกดวงตาคู่สวยที่จ้องมาอย่างสงสัย“ไม่ต้องอยากรู้มากนักหรอก รีบเอาดอกไม้ไปเก็บให้พ้นๆ สายตาฉันซะที และก็รีบไปโรงพยาบาลไม่งั้นวันหยุดของเธอคงเสียเปล่าหากยังชักช้าอย่างนี้”


ศศิชาหน้ามุ่ยขัดใจระหว่างเดินขึ้นชั้นบนด้วยคำถามมากมายหรือนางแบบทั้งสองจะตบตีกันจนปากแตกดั้งหักอยู่ในอาการร่อแร่ถึงขนาดหามส่งโรงพยาบาลฟาโรจึงต้องไปเยี่ยมอย่างนี้


ตลอดเส้นทางที่รถยนต์คันหรูกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับหนึ่งบรรยากาศภายในห้องโดยสารเงียบสงบไม่มีการพูดจาระหว่างชายหญิงที่นั่งอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าวศศิชาเลือกที่นั่งด้านหลังเยื้องกับคนขับทำให้เธอลอบมองฟาโรได้เป็นระยะโดยที่เขาอาจไม่รู้ตัวหรือถ้ารู้เขาคงไม่ใส่ใจสายตาคู่สวยนั้นอยู่ดี


เมื่อรถหักเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่ดูคุ้นตาเป็นพิเศษศศิชาถึงกับขมวดคิ้วแปลกใจ อาจเป็นความบังเอิญซึ่งคล้ายกับจงใจให้นางแบบสาวเข้ามารักษาตัวยังที่แห่งเดียวกันกับอาร์ต


“บรรดาสาวๆของคุณ มารักษาตัวที่นี่เหมือนกันเหรอ”


“เปล่าไม่ใช่สาวๆ ของผม”


“อ้าว...แล้วคุณมาทำไมถ้าไม่ใช่เพราะไมกิหรือพิมพ์มาดาเข้าโรงพยาบาล”


“หรือเธอคิดว่าสองคนนั้นตบตีกันจนต้องหามส่งโรงพยาบาล?”ศศิชาพยักหน้ารับเมื่อชายหนุ่มมองเธอผ่านกระจกส่องหลัง ฟาโรหัวเราะหึในลำคอระหว่างดับเครื่องยนต์พร้อมเปิดประตูก้าวลงจากรถโดยมีหญิงสาวด้านหลังผลักประตูเปิดและลงจากรถเช่นกัน


รีโมทคอนโทรลถูกกดล็อกรถอัตโนมัตฟาโรสาวเท้าเดินเข้ายังอาคารของโรงพยาบาล โดยนำแว่นตาดำสวมใส่เพื่ออำพรางใบหน้า และศศิชาเยื้องย่างเดินตามหลังในระยะห่างระดับหนึ่งแม้เขาจงใจปิดบังตนเองจากสายตาผู้คนละแวกนั้น ทว่าใครหลายคนในโรงพยาบาลก็ยังหันมองทางเขาราวกับคลับคล้ายคลับคลาทำให้หญิงสาวที่มาด้วยกันเดินช้าลงเพื่อเว้นระยะห่างจากเขา เนื่องจากไม่อยากตกเป็นข่าวกับดาราชื่อดัง


ประตูห้องผู้ป่วยพิเศษถูกฟาโรเปิดออกอย่างไม่ลังเลคล้ายจงใจมาเพื่อเยี่ยมเยือนบุคคลในห้องนี้โดยเฉพาะและหน้าห้องพักผู้ป่วยก็สร้างความประหลาดใจให้กับศศิชาไม่น้อยเมื่อเธอหยุดยืนอย่างเก้ๆ กังๆ หรือแท้จริง ผู้ป่วยที่ฟาโรต้องการพบเจอคืออาร์ต


ภายในห้องเงียบสงบปราศจากญาติที่มาเฝ้าดูแลคนไข้ มีเพียงอาร์ตนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย แม้จะดูซูบเซียวไปบ้างแต่สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นกว่าตอนออกจากห้องไอซียูหมาดๆฟาโรถอดแว่นตากำไว้ในมือ และมองสำรวจผู้ป่วยที่จำเป็นต้องมาเยี่ยมตามหน้าที่ของผู้ร่วมงานแม้พอทราบเหตุการณ์มาบ้าง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอาการเจ็บป่วยของอาร์ตเกิดขึ้นได้อย่างไร


ศศิชาชำเลืองมองฟาโรชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองอาร์ตที่ไม่รับรู้ถึงการมาเยือนครั้งนี้และคงดีกว่าหากเธอปล่อยให้เขาทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อลองคิดทวนเรื่องราวหากอาร์ตหลงรักฟาโรในแบบชายรักชายจริง เขาอาจดีใจถ้าตื่นขึ้นมาเห็นดาราชื่อดังและคงหงุดหงิดเป็นอย่างมากหากเห็นเธอยืนอยู่ในห้องนี้ข้างกับฟาโร


“นี่คุณฉันออกไปรอข้างนอกนะ” เสียงหวานแผ่วเบาราวกระซิบกระซาบดึงให้ฟาโรเหลือบมองหญิงสาวด้านข้างพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย


“อีกสักพักฉันจะตามออกไปรออยู่แถวนี้ล่ะ อย่าให้ฉันต้องตามหาเธอ เข้าใจหรือเปล่า” แม้สีหน้าและท่าทางจะราบเรียบแต่นั้นคือคำอนุญาตจากเขา ศศิชาหลบออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบเกรงว่าเสียงฝีเท้าจะรบกวนผู้ป่วยที่นอนหลับไหลให้ตกใจตื่นขึ้นกลางคัน


สิ้นเสียงปิดประตูห้องฟาโรก็เบือนสายตามองไปทางหน้าต่างที่เปิดผ้าม่านไว้ครึ่งบานเพื่อรับแสงแดงยามเช้า เขายกมือกอดอกพร้อมพูดจาอย่างรู้ทัน“เลดี้ไม่อยู่แล้ว นายคงไม่ต้องแกล้งหลับแล้วมั้ง”ฟาโรกล่าวโดยไม่หันมองชายหนุ่มที่ค่อยๆลืมตามองเขาก่อนจะขยับลุกขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน


“ขอบคุณที่สละเวลามาหาผม”น้ำเสียงแหบแห้งพยายามเปล่งดังเพื่อเก็บซ่อนอาการเจ็บป่วยที่เกือบหายดีให้มิดชิด


“นายมีธุระอะไรถึงโทรตามฉันมาที่นี่” แม้การมาโรงพยาบาลจะเป็นสิ่งที่ฟาโรเกลียดที่สุดทว่าความอยากรู้ก็มีมากกว่าจึงนำพาให้เขาดิ้นรนมายืนอยู่ในห้องนี้ ทั้งที่ไม่เต็มใจสักนิด


อาร์ตโทรติดต่อฟาโรตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านอยากให้เขามารับรู้เรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้จัดการสาว และอาจเป็นผลดีกับฟาโรหากอยู่ให้ห่างจากเธออาร์ตเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำให้ดาราหนุ่มเห็นธาตุแท้ของหญิงสาวคนนั้น


“ผมอยากให้คุณระวังตัว อยู่ให้ห่างจากเลดี้ไว้เพราะเธอเป็นตัวอันตราย”ฟาโรเหลือบมองคู่สนทนา แวบแรกในความคิด รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากอาร์ตทั้งที่ตลอดเวลาเท่าที่สังเกตเห็น ฟาโรยังรู้สึกว่าอาร์ตมีใจและให้ความสนิทสนมกับผู้จัดการของเขามากเป็นพิเศษจึงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้


“อันตรายยังไง?”ฟาโรกระตุกยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายผู้นี้อาจกำลังหา ‘แพะรับบาป’ “หรือนายกำลังจะบอกว่าผู้จัดการของฉันคือตัวการที่เอารูปไปปล่อยในเน็ตและขายข่าวให้นักข่าว ว่างั้น?”


“ไม่ใช่...”อาร์ตหลบสายตาคาดคั้นมองลงต่ำก่อนจะอธิบายทุกอย่างเพิ่มเติม“เธอมีพลังบางอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่มี”


“ตลก...นายเห็นฉันว่างมากหรือไงถึงได้เอาเรื่องหลอกเด็กมาบอกกันแบบนี้อย่าคิดว่าเรื่องไร้สาระพวกนี้จะทำให้ฉันเห็นใจนาย”


“ผมไม่ต้องการให้คุณเห็นใจหรือสงสารอะไรทั้งนั้นผมแค่อยากเตือนให้คุณอยู่ห่างจากเธอ คุณคงรู้มาบ้างว่าผมเข้าโรงพยาบาลเพราะอะไรทั้งที่เจ็บหนักขนาดนี้ แต่หมอยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไม”


เรื่องราวและเหตุการณ์ของชายผู้นี้ฟาโรรับรู้อย่างละเอียดจากเพื่อนร่วมงานหลายคน แต่สาเหตุของอาการที่ทำให้อาร์ตเข้ามานอนในโรงพยาบาลไม่อาจระบุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่ให้ปักใจเชื่อว่าผู้ชายอย่างอาร์ตจะถูกศศิชาทำร้ายร่างกายจนสะบักสะบอมอย่างนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน


ฟาโรคลายมือที่กอดอกลงข้างลำตัวเตรียมหันหลังกลับไม่อยากอยู่ฟังเรื่องราวไร้สาระอีกต่อไป ทว่าอาร์ตก็คว้ามือของเขาไว้ก่อนจะได้ก้าวหนีไปไหน


“คุณต้องอยู่ให้ห่างจากเลดี้และลองสังเกตดูว่าเป็นอย่างที่ผมบอกหรือเปล่า” ฟาโรมองอาร์ตด้วยหางตาพร้อมกระชากมือออกจนพ้นการจับกุม


“อย่ามาถูกต้องตัวฉันอีกมันน่ารำคาญ” กระแสความโกรธเคืองคุกรุ่นชัดเจนจากแววตาเรียบนิ่ง ฟาโรสาวเท้าเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยโดยไม่แยแสใครหน้าไหนปล่อยให้อาร์ตนั่งนิ่งเฉยและบอกกับตนเองว่าสักวัน เขาจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าสิ่งที่บอกกล่าวเป็นความจริงศศิชาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างที่ทุกคนเข้าใจแน่นอน เขาเชื่อมั่นอย่างนั้น


====


“ค่ะพี่วินดี้ออกมาธุระ เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ” ศศิชานิ่งเงียบไปพักใหญ่ระหว่างพูดคุยกับสายโทรเข้าของพี่ชายซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับเธอเป็นอย่างมาก เมื่อวศินบอกกล่าวเกี่ยวกับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เขาไม่อาจไปเป็นเพื่อนเธอได้อีกแล้ว เนื่องจากมีงานด่วนเข้ามาจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยสักทาง


“ไม่เป็นไรค่ะดี้ไปคนเดียวได้ พี่วินไม่ต้องห่วง” หญิงสาวลอบถอนใจเบาๆเมื่อนึกถึงอนาคตของค่ำคืนนี้ หลังจากเสร็จสิ้นธุระ เธอกับพี่ชายก็กล่าวอำลาและกดวางสายโทรศัพท์โดยไม่ทันเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังได้สักพัก


“มีธุระงั้นเหรอฉันจะได้รีบไปส่ง” ฟาโรนำแว่นที่ถือกุมไว้ในมือสวมใส่ เตรียมพร้อมเดินทางออกจากสถานที่เพื่อนำพาหญิงสาวเบื้องหน้าส่งกลับยังคฤหาสน์เมื่อหมดหน้าที่ของเธอแล้วในวันนี้


ภายใต้แว่นตาดำฟาโรจ้องมองศศิชาอยู่อย่างนั้น โดยทวนความคิดระหว่างที่พูดจากับอาร์ตเมื่อครู่นี้หากหญิงสาวผู้นี้มีพลังบางอย่างแอบแฝงมันคงเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างมากมายตามความคิดของเขา ในเมื่อเธอดูไร้เดียงสาไม่มีพิษสงมากนัก สังเกตเห็นก็แต่ท่าทางเจ้าอารมณ์ และเอาแต่ใจเท่านั้น ที่เขาสัมผัสได้จากเธอคนนี้


“เปล่าหรอกพอดีวันนี้ฉันต้องไปงานสังคมแทนคุณยาย แล้วพี่ชายที่นัดกันก็ติดงานฉันเลยต้องไปคนเดียว”


“ให้ไปเพื่อนไหมหากควงฉันออกงาน เธอคงไม่อับอายใครแน่นอน ฉันรับรอง”


“ขอบคุณแต่อย่าดีกว่า ฉันไม่อยากตกเป็นข่าวกับดาราดัง”


“ก็ตามใจเธอ”ฟาโรหันหลังและเดินตรงไปยังประตูหน้าลิฟต์ โดยมีศศิชาก้าวตามไปติดๆไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา แล้วมาโทษเธอทีหลังว่าชักช้าจนเวลาของเขาสูญเปล่าไปฟรีๆ


===


ชุดราตรีสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยเนื้อผ้าพลิ้วเบาสีขาวสะอาด รอบเอวมีสายเข็มขัดสีเงินประดับเพชรคาดไว้อย่างสวยงาม ผมยาวถูกเกล้ารวบเป็นมวยเปิดคองามระหงใบหน้านวลเนียนแต่งแต้มสีสันโทนอ่อน ไม่ปล่อยให้ดวงหน้าสวยจืดชืดเกินไป ศศิชาระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อนึกถึงงานสังสรรค์ระดับผู้ลากมากดี มียศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย


“เหตุใดเธอจึงทำหน้าเบื่อโลกอย่างนั้นเล่า”ดวงตาคมหวานมองบุรุษผู้คุ้นเคยผ่านกระจกส่องเงา จากสีหน้าเบื่อหน่ายกลับกลายเป็นมีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับได้ยาบำรุงรอยยิ้มชั้นดี


“นายมาได้จังหวะพอดีช่วยดูหน่อยสิ ฉันสวยหรือยัง” ศศิชาหันหลังกลับพร้อมอวด ‘ความสวย’ตามที่ได้บอกกล่าว “และฉันอยากบอกว่าชอบชุดที่นายให้มากเลยนะขอบคุณ” ซันเซ็ทส่งยิ้มและขยับเข้าใกล้หญิงสาวพร้อมดึงแว่นตาออกจากใบหน้านวลเนียนของเธออย่างไม่รีรอถามความสมัครใจ


“ถ้าไม่ใส่เจ้านี่จะดีกว่า”


“แต่ฉันมองไม่ชัดนี่”ศศิชาพยายามยื้อแย่งแว่นตาของเธอกลับมา ทว่าซันเซ็ทกลับชูแว่นตาของเธอสูงขึ้นจนเอื้อมไม่ถึง


“เดี๋ยวเธอคงเห็นชัดเจนหากเดินอยู่ใกล้กันกับฉัน” ซันเซ็ทนำมือลงพร้อมแว่นตาของเธอหายวับไปต่อหน้าต่อตา ศศิชาเบิกตากว้างไม่ได้ตื่นเต้นกับการหายไปของแว่นกรอบสวย แต่เธอประหลาดใจเมื่อได้ยินในสิ่งซึ่งคาดไม่ถึงมากกว่า


“นี่นายจะไปงานกับฉันจริงเหรอซันเซ็ท!”แววตื่นเต้นระคนดีใจวิบไหวอยู่ในดวงตาคู่สวยนั้น


“เธออยากให้ฉันไปด้วยหรือไม่?”คำถามที่ไม่ต้องคอยคำตอบเนิ่นนาน ศศิชาเอ่ยบอกอย่างฉะฉานโดยไม่ทันคิดด้วยซ้ำ


“อยากสิ!ฉันไม่อยากไปคนเดียว ว่าแต่นายจะไปทั้งอย่างนี้เหรอ แล้วจะเข้างานได้ไงล่ะ”ปัญหามากมายถูกส่งให้บุรุษเบื้องหน้า ทุกสิ่งซึ่งเธอห่วงกังวลซันเซ็ทได้ตระเตรียมการไว้แล้วอย่างดี


“อย่าห่วงเรื่องนั้นจดจำเพียง ค่ำคืนนี้...ฉันจะทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มครองของเธอ” 



to be continued...




Create Date : 27 มีนาคม 2557
Last Update : 27 มีนาคม 2557 10:24:34 น.
Counter : 525 Pageviews.

6 comments
  
เข้ามาลุ้นอยากให้เลดี้ลงเอยกับซันเซ็ทมาก อยากอ่านฉากที่สองคนออกงานพร้อมกันมากๆ
โดย: mooda IP: 223.207.41.162 วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:18:59:50 น.
  
รอก่อนนะคะ วันอาทิตย์ได้อ่านแน่นอนค่ะ
โดย: มาโซคิส IP: 1.47.34.231 วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:19:22:37 น.
  
สวัสดียามเช้าครับ
โดย: **mp5** วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:7:52:00 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณ เอ็ม
โดย: มาโซคิส IP: 203.130.144.108 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:10:36:32 น.
  
ซันเซ็ทน่ารักอ้ะ อ๊างงงงง อยากให้เลดี้กับซันเซ็ทคู่กันจริงๆ นะคะคุณมาโซ 555 (จะมีหักมุมมั๊ยเนี่ย)
โดย: crystal IP: 180.180.233.206 วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:22:03:48 น.
  
อิอิ ไม่แน่นะคะ อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ค่ะ ต้องลุ้นและเชียร์ให้ซันเซ็ทเป็นพระเอกนะคะ เย้
โดย: มาโซคิส IP: 124.121.234.56 วันที่: 29 มีนาคม 2557 เวลา:21:07:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments