พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
9
10
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 33


๓๓

ความลับคลี่คลาย


ในความมืดมิดเกิดมีแสงสว่างเจิดจ้าพร้อมซาตานชุดดำสยายปีกปรากฏอยู่ข้างเตียงนอนศศิชาค่อยๆ ลืมตามองซาตานตนนั้นที่นำมืออังหน้าท้องของเธอพร้อมแสงระยิบระยับดวงกลมสีขาวค่อยๆลอยออกจากร่างกาย สีหน้าและแววตาเยือกเย็นของเขาไม่เหมือนกับบุคคลที่เคยรู้จักกันมาก่อน


‘ไม่นะซันเซ็ท! อย่าเอาดวงวิญญาณของลูกฉันไป!ในเมื่อนายทำให้เขามาอยู่กับฉัน นายก็ต้องปล่อยให้เขาเติบโตต่อไปสิแม้ร่างกายจะขยับเคลื่อนไหวไม่ได้แต่ภาวะจิตของเธอยังคงอ้อนวอนให้ซาตานละเว้นข้อแลกเปลี่ยนที่เคยตั้งกฏสัญญากันไว้


‘อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้ได้โปรดอย่าเอาเขาไปจากฉันศศิชาพยายามขยับร่างกายเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้ซันเซ็ททำตามอำเภอใจแต่ไม่อาจทำได้สมใจเมื่อร่างกายนั้นไม่ตอบสนองตามที่ต้องการ


แววตาหม่นเศร้าทอดมองทางเธอนิ่งๆ‘ภูติพิทักษ์ต้องกลับไปอยู่ในที่ที่จากมาเธอไม่จำเป็นต้องมีดวงวิญญาณนี้คุ้มครองอีกแล้ว’ซันเซ็ทกล่าวพร้อมวาดยิ้มบางๆ ก่อนร่างของเขาค่อยๆ เลือนสลายราวกับล่องหน


‘เดี๋ยวก่อนซันเซ็ท! แล้วข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเราล่ะ ดวงวิญญาณของคนที่ฉันรักที่นายต้องการแลกเปลี่ยนกับคำขอพรเมื่อสมหวังคือใครกันแน่ หญิงสาวตะเบงสุดเสียงเมื่อซาตานที่คอยแต่สร้างปมปริศนาหายไปจากสายตา


“แกเป็นอะไรเลดี้!” น้ำเสียงคุ้นหูดึงให้ศศิชาหลุดจากความฝันซึ่งเสมือนกึ่งดีกึ่งร้ายปะปนจนไม่รู้ว่าเป็นอย่างไหนกันแน่


ศศิชาเบิกตาโพลงพร้อมหายใจถี่รัวเหลือบมองบุคคลคุ้นเคยด้านข้างนลัท วศิน และวรดาตามลำดับ ทั้งหมดต่างส่งยิ้มให้กำลังใจหญิงสาวที่ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง


“ลูกของดี้ล่ะ!”สองมือขยับจับกุมที่หน้าท้อง อย่างแรกที่ศศิชานึกถึงคือเลือดเนื้อเชื้อไขที่อยู่ในครรภ์ของเธอ“ลูกดี้เป็นไงบ้าง!”นลัทรีบคว้ามือของเพื่อนสนิทมากุมไว้แล้วตบหลังมือเบาๆ


“แกฟังให้ดีนะเลดี้แกไม่ได้ท้อง ผลตรวจออกมาชัดเจนว่าแกไม่เคยตั้งครรภ์อาจเพราะความผิดพลาดบางอย่างทำให้ผลออกมาเป็นอย่างงั้น”นลัทพยายามอธิบายเมื่อความพิสดารเกิดขึ้นในหลากหลายเรื่องราวตั้งแต่ศศิชาเล่าเหตุการณ์ประหลาดให้ฟังหลายครั้ง


ระหว่างนำศศิชากับฟาโรส่งโรงพยาบาลหญิงสาวกลับมีอาการตกเลือดจนทุกคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าเธออาจแท้งลูก แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลและทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเลือดแดงฉานที่ไหลออกมานั้นกลับเป็นประจำเดือนที่มาคลาดเคลื่อนจากปกติไปเกือบสองเดือนเท่านั้นคล้ายฮอร์โมนผิดปกติศศิชาขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสนิทด้วยความประหลาดใจ


“น่าเสียดายนะอุตส่าห์จะได้ผู้ชนะในการคัดเลือกผู้ดูแลแล้วเชียว” วรดาแกล้งแซวพร้อมชำเลืองมองพี่ชายที่ตีหน้านิ่งแต่กระแสความไม่พอใจคุกรุ่นชัดเจนหล่อนยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก ทว่าไม่ได้ดึงดูดให้ญาติสาวสนใจ


“ซีล้อดี้เล่นหรือเปล่า?”ศศิชายังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเธอเม้มปากแน่นและย้อนนึกถึงความจำเลือนรางระหว่างที่เจอนอร่า เสียงแว่วที่เพิ่งนึกขึ้นได้ระหว่างสตรีผู้นั้นมาพบปะพูดคุยนางยื่นมืออังที่หน้าท้องจนสัมผัสอบอุ่นทำให้เธอรู้สึกสบายตัวราวกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ


‘ความเจ็บปวดเหล่านี้จะเลือนสลายเมื่อซันเซ็ทนำภูติพิทักษ์ออกจากร่างกายของเจ้า’และภาพที่ซันเซ็ทกำลังดึงวิญญาณบริสุทธิ์ออกจากร่างของเธอจนทำให้เข้าใจว่าเขามาพรากสิ่งอันเป็นที่รักไปนั่นเป็นเพราะภูติพิทักษ์ถูกส่งกลับไปยังโลกแห่งรัตติกาลอย่างนั้นหรือมนตราที่ซาตานสร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองเธอจากเหล่าปีศาจร้ายคือการนำภูติน้อยเข้ามาฝังไว้ในท้องของเธอจนทางการแพทย์ระบุว่าเธอตั้งครรภ์อย่างนั้นใช่ไหมศศิชาพยายามทวนคิดอย่างถี่ถ้วน


“ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกน่าดีแล้วที่ทุกอย่างจบลงอย่างนี้” วศินกล่าวพร้อมลอบถอนใจ แม้เรื่องราวต่างๆจะสร้างความประหลาดใจให้ทุกคนเป็นอย่างมาก แต่วศินก็ยอมปล่อยผ่านความคิดเหล่านั้นหากศศิชายังมีเด็กน้อยอยู่ในครรภ์และการคัดเลือกผู้ดูแลเกิดขึ้นอีกครั้ง ผลการตัดสินคงไม่ใช่เขาอยู่ดีที่มีสิทธิ์ครอบครองเธอ


ศศิชาคิดหนักพร้อมทวนในสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจนนึกถึงชายหนุ่มอีกคนขึ้นมา “ฟาโรล่ะ ตอนนี้เขาอยู่ไหน” เธอพอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเขาหมดสภาพจนไม่เหลือเค้าเดิมหน้าตาบวมปูด เลือดไหลอาบเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม


“แกอย่าเพิ่งสนใจรายนั้นเลยเดี๋ยวจะเลิกรักความหล่อของหมอนั่นเปล่าๆ รอให้ตัวเองหายก่อนดีกว่า ตอนนี้แกยังเดินไม่ไหวหรอกน่าเชื่อซีสิโดนชกจนท้องเขียวขนาดนั้น ไอ้เดนมนุษย์พวกนั้นต้องโดนลงโทษให้หลาบจำจิตใจทำด้วยอะไรถึงทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอพวกมันเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงทำร้ายแกกับฟาโรปางตายแบบนั้น”


“คงเป็นปีศาจจากนรกมั้ง”ศศิชาพึมพำ


เสียงเปิดประตูดึงให้ทุกคนภายในห้องหันมองเป็นตาเดียวหนุ่มๆ กว่าสิบคนที่เข้าร่วมคัดตัวในการเป็นผู้ดูแลทายาทเศรษฐีต่างทยอยเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับช่อดอกไม้และของเยี่ยมไข้โดยดรุนัยแหวกหนุ่มหล่อทั้งหลายวิ่งถลาหาศศิชาก่อนใคร


“เป็นไงบ้างจ๊ะเลดี้เจ๊ได้ยินข่าวจากผู้จัดการนลัทใจคอไม่ดีเลย อยากมาเยี่ยมตั้งแต่เมื่อคืนแต่พยาบาลที่นี่คงไม่ให้เจ๊เข้าเยี่ยมแน่ๆ วันนี้เจ๊เลยพกหนุ่มมาเป็นเข่งเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหนูโดยเฉพาะเลยนะ”


บรรดาหนุ่มมาดดีทั้งหลายยืนล้อมวงรอบเตียงผู้ป่วยทำให้วศินที่ไม่ชอบใจเป็นอย่างมากเดินหลบออกจากตรงนั้นในทันทีวรดาแอบเหล่พี่ชายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสีหน้าบอกบุญไม่รับอย่างนั้นและเมื่อหางตาของหล่อนมองเห็นใครบางคนซึ่งกำลังจดจ้องหล่อนเช่นกันดวงตาคมเฉี่ยวก็หันมองให้แน่ใจอีกครั้ง


‘ไมเคิล’ในใจกระตุกวูบเมื่อคิดว่าเขาไม่ยอมเลิกรากับการเข้าร่วมคัดเลือกผู้ดูแลทายาทเศรษฐีที่ยังไม่ประกาศยุติอย่างเป็นทางการ


====

คฤหาสน์ใหญ่โตอยู่ในความสงบเงียบเฉกเช่นทุกวันเมื่อความลับในหลากหลายเรื่องราวยังไม่ระแคะระคายถึงหูของคุณศจีไม่ว่าจะเรื่องของไมอาร์หรือแม้แต่ศศิชาถูกลักพาตัวทุกอย่างยังคงนิ่งสนิทราวกับผิวน้ำไร้คลื่นรอความปั่นป่วนจากเบื้องลึกทะลักทลายความจริงออกมา


คุณศจีเดินชมสวนพืชพรรณในเรือนกระจกด้วยจิตใจผ่องใสเมื่อความรู้สึกค้างคาใจถูกทอดถอนหลังจากธิปกหรือท่านธีอากลับมาเปิดเผยความจริงให้ล่วงรู้ถึงความอัศจรรย์ระหว่างโลกที่ไม่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ทั่วไปง่ายๆหรือหลานสาวของตนจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์ลงมาเกิดจึงต้องมีเทพและซาตานคุ้มกันภัยอย่างนี้เมื่อคิดเล่นๆ อย่างนั้นก็ทำให้หญิงมากวัยแย้มยิ้มออกมากับความคิดของตน


“คุณผู้หญิงคะ!เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ” น้ำเสียงตื่นตระหนกและสีหน้าซีดเผือกราวกับเจอผีกลางวันแสกๆของเด็กรับใช้สร้างความประหลาดใจต่อเจ้าของคฤหาสน์เป็นอย่างมาก เมื่อถูกตามตัวให้ไปที่โถงห้องรับแขกอย่างเร่งด่วน


“ผมขอจับกุมคุณเพื่อไปสอบปากคำเกี่ยวกับข้อหาลักพาตัวและการจ้างวานฆ่า”เสียงหนักแน่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งในหลายนายซึ่งยืนอออยู่ตรงประตูทางเข้าพร้อมกับหมายจับในมือทำให้ทิพปภาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อความคิดในส่วนร้ายตามหลอกหลอน เพียงเคยคิดอยากจ้างวานใครสักคนให้กำจัดเสี้ยนหนามอย่างศศิชาพ้นจากเส้นทางแม้จะใช้วิธีเลือดเย็นหรือใจร้ายที่สุดก็ไม่เป็นไร เพียงให้เธอหายไปจากสายตาก็พอ


“อะไรกันใครที่ไหนจ้างวานฆ่าหรือลักพาตัวใครคะคุณตำรวจ” ทิพปภาเกิดอาการลนลานพูดจาติดขัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตีหน้าเคร่งขรึมเป็นทางการ


“ผมมาจับกุมคุณทินกฤตประดับวงศ์อัคราในข้อหาจ้างวานลักพาตัวหลานสาวเพื่อเรียกค่าไถ่ ทำร้ายร่างกายรวมถึงวางแผนฆาตกรรม” ทิพปภาเบิกตากว้างหันมองสามีที่ก้มหน้างุดไม่กล้าสู้สายตากับใครที่ยืนอยู่บริเวณนั้น


“มันเรื่องอะไรกันคะคุณตำรวจลูกชายของดิฉันจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นได้อย่างไร เข้าใจผิดกันหรือเปล่า”คุณศจีสาวเท้าเข้ามายืนข้างบุตรชายคล้ายออกตัวปกป้องและพยายามแก้ตัวให้ทินกฤตอย่างเต็มที่เมื่อเขาเป็นคนดีมาโดยตลอดไม่มีทีท่าว่าจะทำเรื่องจ้างวานอย่างที่ถูกกล่าวหา


“คนร้ายที่ลักพาตัวคุณเลดี้ไปกักขังไว้เมื่อคืนนี้ซัดทอดยังผู้บงการหมดแล้วครับ”


“ไม่จริงใช่ไหมตาทิน!”คุณศจีหันความสนใจยังบุตรชายที่ยืนก้มหน้านิ่ง ไม่อธิบายสิ่งใดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจก้าวเดินมาใกล้เพื่อเตรียมคุมตัวและป้องกันการหลบหนีโดยหญิงสูงวัยนึกประหลาดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่บอกว่าศศิชาถูกลักพาตัวเป็นความจริงเมื่อเช้านี้หลังจากตื่นขึ้นมาจึงไม่เห็นหลานสาวมากระเซ้าแหย่เฉกเช่นทุกวัน


ทินกฤตหันมองมารดาด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนจะทำตัวมีพิรุธคล้ายกับร้อนรนสายตาส่ายมองเจ้าหน้าที่ทุกนายก่อนพุ่งกายเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจและคว้าปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นมาปลายกระบอกปืนหันหาทุกคนที่จดจ้องเขาราวกับคนเสียสติ


เจ้าหน้าที่ทุกนายหยิบอาวุธขึ้นตั้งรับพร้อมวิทยุเรียกกำลังเสริมเมื่อสถานการณ์ตกอยู่ในสภาวะคับขันต่างฝ่ายต่างเกลี้ยกล่อมไม่ให้ทินกฤตวู่วามทำในสิ่งมิสมควร


ด้วยหัวใจของมารดาเมื่อเห็นบุตรชายลนลานเช่นนั้นก็แทบตั้งตัวไม่อยู่แต่ยอมฝืนใจเจรจาเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา คุณศจีนึกเห็นใจและเศร้าสลดกับความสิ้นคิดของทินกฤตตลอดเวลาที่เขาได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรม คุณศจีก็เลี้ยงดูเขาด้วยความรักและใส่ใจตลอดมาไม่เคยนึกรังเกียจแม้เขาจะไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ก็ตาม


“ยอมมอบตัวซะเถอะตาทินเรายังแก้ไขให้เรื่องร้ายๆ กลายเป็นดีได้” คุณศจีพยายามโน้มน้าวจิตใจบุตรชายโดยทิพปภาขยับเข้ามายืนข้างมารดาของสามีพร้อมส่งกำลังใจให้ทินกฤตอีกคน


“ใช่ค่ะคุณพี่อย่าคิดอะไรแผลงๆ นะคะ ถึงอย่างไรคุณพี่ยังมีดิฉันกับลูกและคุณแม่นะคะไม่มีใครปล่อยให้คุณพี่ต้องรับโทษในสิ่งที่ไม่ได้ก่อหรอกค่ะ”ทิพปภาช่วยเตือนสติสามีด้วยจิตใจสั่นไหว เกรงว่าสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ


“คุณจะรู้อะไร!ผมเป็นคนทำเรื่องเลวๆ ทั้งหมดนั้นเอง ผมคิดร้ายกับเลดี้ รวมถึงน้องสาวของตัวเอง”คำสารภาพของทินกฤตทำให้หัวใจของมารดาและภรรยาร่วงลงตาตุ่มร่างกายชาวาบและนิ่งอึ้งไปตามกัน


กว่ายี่สิบปีแล้วที่ทินกฤตทนเก็บกดความรู้สึกผิดเอาไว้เมื่อความโลภเข้าครอบงำจิตใจจนทำให้คิดกำจัดน้องสาวคนเดียวที่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลประดับวงศ์อัคราโดยเขาคงได้รับส่วนแบ่งเพียงน้อยนิดหากเธอยังมีชีวิตอยู่ ทินกฤตยอมไม่ได้ที่ต้องสูญเสียทุกอย่างซึ่งตนมีส่วนร่วมในการสร้างมากับมือ


เมื่อการจ้างวานคนร้ายให้จัดฉากทำเสมือนว่าน้องสาวกับน้องเขยซึ่งเป็นพ่อแม่ของศศิชาเสียชีวิตราวกับเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์สำเร็จทินกฤตก็จมอยู่กับความรู้สึกผิดเรื่อยมา แต่ยังแอบหวังว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดต้องตกเป็นของตนหากมารดาถึงแก่กรรม


ทว่าหลานสาวในสายเลือดแท้ๆของคุณศจีเกิดตั้งครรภ์อย่างกะทันหันท่านจึงคิดจะยกสมบัติในส่วนของท่านทั้งหมดให้กับเธอและผู้ดูแล ทำให้ทินกฤตยอมไม่ได้เด็ดขาดจึงติดต่อกับคนร้ายเพื่อจ้างวานให้ฆาตกรรมหลานสาวอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรคนร้ายถูกจับและซัดทอดความผิดทั้งหมดที่เขาก่อขึ้นมา


“ผมขอโทษครับคุณแม่ผมเห็นแก่ตัว อยากได้สมบัติของคุณแม่แต่เพียงผู้เดียว ผมทำลายครอบครัวของเลดี้โดยฆ่าน้องสาวของตัวเองให้พ้นทางแต่ความเลวก็ยังไม่สิ้นสุดเมื่อผมรู้ว่าคุณแม่จะยกสมบัติทั้งหมดให้เลดี้ ผมยอมรับกับเรื่องนี้ไม่ได้”


“ทำไมแกไม่บอกแม่แกทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไรตาทิน”คุณศจีแทบล้มทั้งยืนเมื่อคำสารภาพของทินกฤตถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นทิพปภาเองก็หมดเรี่ยวแรงจะยืนถึงกับทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นเพื่อตั้งสติในความคิดร้ายของสามี


ตำรวจทุกนายหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กงุนงงต่อการสนทนาที่เริ่มมีปมมากขึ้นและอาจเกี่ยวข้องกับคดีความเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วตามคำสารภาพและถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงได้รื้อคดีความขึ้นมาสืบสาวราวเรื่องอีกครั้ง


“ครับคุณแม่ผมมันชั่วร้ายจนไม่อาจให้อภัยตัวเองได้ และผมขอชดใช้ความผิดด้วยชีวิตของผมเอง”ทินกฤตหันกระบอกปืนจ่อที่ขมับของตน เขามองมารดาอย่างรวดร้าวจิตใจ


เสียงห้ามปรามของหลายคนสร้างความกดดันแก่เขาเป็นอย่างมาก“อย่านะคะคุณพี่! หากไม่มีคุณพี่แล้วดิฉันกับลูกจะอยู่อย่างไร”ทิพปภาเว้าวอนด้วยหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆน้ำตาแห่งความหวาดผวาตื่นกลัวหลั่งไหลอย่างอดกลั้น


“แม่จะไม่มีวันอภัยให้แกหากแกคิดสั้นแบบนี้ตาทิน!”เสียงวิทยุและเสียงโหวกเหวกของเหล่าเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสร้างความตื่นกลัวและสับสนต่อชายวัยกลางคนที่กำลังจะเสียสติอยู่รอมร่อ


“ผมขอโทษครับคุณแม่”สิ้นเสียงพูดจาของทินกฤตท่ามกลางความลนลาน ณ ขณะนั้นภาพรอยยิ้มของน้องสาวและน้องเขยวนเวียนหลอกหลอนทำให้เขาตัดสินใจกดนิ้วลงบนไกปืนเพื่อดับชีวิตของตนหมายล้างบาปที่ติดค้างในใจ


-ปัง- ทุกอย่างสงบนิ่งอยู่ในความเงียบทุกคนยืนตาค้างตกตะลึงต่อภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนผ้าม่านพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของทินกฤตล้มลงกองกับพื้นเลือดข้นไหลนองเต็มพื้นหินอ่อนเสียงกรีดร้องของทิพปภาดังหลังจากอืออึ้งนานหลายนาทีจนหมดสติในที่สุดส่วนคุณศจีเองก็ล้มทั้งยืนไม่ต่างกัน


‘ตาทิน...’


====

ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบสงบเมื่อพยาบาลผู้ดูแลลากรถเครื่องมือทำความสะอาดบาดแผลออกจากห้องไปได้ไม่นานดาราหนุ่มนอนหลับไหลหายใจเป็นจังหวะช้าๆ ตั้งแต่ถูกนำส่งโรงพยาบาลจนออกจากห้องผ่าตัดเขายังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับไม่รู้สึกตัว


ศศิชาค่อยๆเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย กลิ่นหอมอ่อนๆของช่อดอกไม้คละคลุ้งเมื่อทีมงานนำของเยี่ยมของฝากจากบรรดาแฟนคลับและเพื่อนร่วมงานมามอบไว้ให้คนป่วยภายในห้องนี้หากฟาโรฟื้นขึ้นมาเห็นคงดีใจสำหรับกำลังใจจากบุคคลที่อยากให้เขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง


รถเข็นวีลแชร์ถูกคนป่วยหมุนล้อเข้ามานั่งใกล้ๆข้างเตียงของฟาโร ใบหน้าของเขายังบวมช้ำเมื่อเห็นร่องรอยชัดเจนแม้จะลดลงบ้างแล้วก็ตามศศิชารู้สึกผิดลึกๆ ที่ฟาโรต้องมาเจ็บหนักจากเหล่าปีศาจร้ายโดยที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลำพังแค่โจรลักพาตัวเขายังมีแรงต่อสู้จนกำราบได้อยู่หมัด แต่เพราะพลกำลังของมนุษย์ไม่อาจเทียบเคียงเหล่าปีศาจร้ายทำให้เขาต้องเจ็บหนักอย่างนี้


หญิงสาวถอนใจอย่างสำนึกผิดที่ไม่รู้จักระวังตัวปล่อยให้ถูกจับจนใครหลายคนเดือดร้อนมือบอบบางค่อยๆ เอื้อมไปแตะใบหน้าของดาราหนุ่มอย่างเบาแรงที่สุด


“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องมารับเคราะห์แทนแบบนี้”เมื่อฝ่ามืออบอุ่นแตะถูกใบหน้าคมคาย ดวงตาของเขาก็เปิดกว้างและจ้องมองเธอนิ่งๆ ทำให้ศศิชาสะดุ้งสุดตัวพร้อมดึงมือกลับมา


“ฉันยังไม่ตายหรอกน่า”ฟาโรขยับปากพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้แต่ก็พอฟังออกอยู่บ้างศศิชาระบายลมหายใจและนึกต่อว่าเขาในใจโทษฐานแกล้งหลับและทำให้เธอขวัญกระเจิงเช่นนี้


“ถ้ายังทำแบบนี้บ่อยๆฉันคงหัวใจวายตายซะก่อน” ศศิชาค่อนแคะ แม้แววตาของฟาโรจะจ้องเธอนิ่งๆแต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเขากำลังยิ้มน้อยๆ ให้เธอ


“ถ้าฉันพิการเดินไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ เธอต้องเลี้ยงดูเพื่อชดเชยที่ฉันเจ็บตัวเพราะเธอตกลงหรือเปล่า” ศศิชาเกิดนึกแปลกใจเมื่อฟาโรยอมพูดจาด้วยดีกับเธอทำให้นึกถึงใครบางคนที่หายไปจากชีวิตได้พักใหญ่ อาจเพราะเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งนั้นระหว่างซาตานและปีศาจหากหน้าที่ของซันเซ็ทยุติเมื่อไร เขากับเธอคงไม่มีโอกาสได้เจอะเจอกันอีก


“มันคงต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วนี่”ศศิชาพูดจาด้วยท่าทางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


“นี่เธอแช่งฉันหรือไง”ฟาโรพยายามส่งเสียงให้ดังเพื่อต่อว่าหญิงสาวที่เขาอยากมองเห็นเธออยู่ตลอดเวลานับจากวินาทีนี้


“แต่การคัดเลือกผู้ดูแลทายาทยุติแล้วฉันไม่จำเป็นต้องมีผู้ดูแล เพราะฉันไม่ได้ท้องอย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมด”ศศิชากล่าวเสียงแผ่ว


“งั้นเหรอก็ดีแล้วนี่ เธอจะได้ไม่เสียหายหรือถูกครหาว่าท้องก่อนแต่งกับดาราชื่อดังอย่างฉัน”ฟาโรพูดจาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวตรงหน้าถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะปรับความรู้สึกหวั่นไหวให้กลับมาเป็นปกติทั้งที่ยากเย็นเหลือเกิน


“แน่ใจเหรอว่าคุณอยากดูแลฉันจริงๆ”ศศิชาย้อนถามทั้งที่หลบตาลงต่ำไม่กล้ามองชายหนุ่มที่จดจ้องแต่เธอตลอดเวลา


“อืม...ฉันรอเวลานี้มานานมากนานเกือบทั้งชีวิต นานจนจำไม่ได้ว่าเคยอยากยกเลิกความคิดนี้หรือเปล่าเธออาจคิดว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อทรัพย์สมบัติแต่นั่นก็เป็นปัญหาของเธอที่จะต้องตัดสินใจว่าเลือกฉันหรือเปล่า”


ศศิชาชำเลืองมองดาราหนุ่มที่นอนนิ่งหน้าตายต่อคำพูดของตนเองเขาหมายความว่าอย่างไร กับการรอเธอมาเกือบทั้งชีวิตทั้งที่ตลอดเวลาฟาโรแสดงท่าทางรังเกียจไม่ชอบใจเธอด้วยซ้ำไป


“แปลกดีนะ...ที่วันก่อนกับวันนี้คุณดูเหมือนเป็นคนละคนยังไงก็ไม่รู้”


“งั้นเหรอแปลกยังไง ฉันยังเป็นฉัน นายรังสิมันต์ พิทักษ์ปรีชา คนที่ตัดสินใจจะดูแลเธอไม่ว่านานแค่ไหนก็ตาม”


แววตาหวานซึ้งตอกตรึงหัวใจของศศิชาให้รู้สึกหวิวไหวจนจังหวะการเต้นรุนแรงแทบควบคุมไม่อยู่คำพูดของฟาโรช่างอ่อนละมุนคล้ายกับซาตานที่เคยพูดประโยคเหล่านี้บ่อยครั้ง เธอจะกลายเป็นคนบาปหรือไม่หากคิดถึงชายอีกคนระหว่างพูดคุยอยู่กับฟาโรอย่างนี้ศศิชาได้แต่แอบถามตนเอง


ทั้งสองชายหญิงนั่งพูดคุยเป็นพักๆสลับกับนิ่งเงียบและต่างฝ่ายต่างมองสบตาซึ่งกันการพูดจากันด้วยดีนั้นสร้างความรู้สึกดีให้กับศศิชาเป็นอย่างมากจนเผลอลืมคำเตือนต่อตนเองว่าไม่ควรเข้าใกล้เขาไปมากกว่านี้แม้เขาจะพูดจาด้วยดีอย่างไร


เสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยแผ่วเบาจนคนภายในห้องไม่ทันได้ยินสาวสวยหุ่นดีจึงถือวิสาสะเข้ามาในห้องตามมารยาทว่าเคาะก่อนเปิดเรียบร้อยแล้ว


“ไฮดาร์ลิ่ง เป็นไงบ้าง ไมกิเพิ่งรู้เรื่องอุบัติเหตุ” นางแบบสาวยกกระเช้าผลไม้ที่ถือติดมือมาด้วยวางตรงชั้นวางทีวีและเดินเข้าหาฟาโรโดยไม่ใส่ใจหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น


ศศิชาหันมองทางไมกิด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อยเมื่อเธอไม่ทันเห็นหล่อนเข้ามาในห้องฟาโรมองไมกิชั่วครู่ก่อนจะหันมองทางศศิชาที่มีสีหน้าเจื่อนลงทันตาโดยเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาเยี่ยมขัดจังหวะการสนทนาเช่นกัน


จากที่เคยอยู่ด้วยกันสองต่อสองเวลานี้คล้ายเธอเป็นส่วนเกินของห้องไปโดยปริยายศศิชาจึงขยับกายเตรียมพาตัวเองออกจากห้องพักผู้ป่วย ปล่อยให้ไมกิคู่ขาเก่าของฟาโรได้เยี่ยมไข้กันให้สมใจมีโอกาสเธอคงได้มาเยี่ยมเยียนเขาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนฝ่ามืออุ่นร้อนก็คว้าแขนของเธอดึงไว้ไม่ยอมให้เธอไปไหนตามใจหวัง


“จะไปไหนฉันอยากให้เธออยู่ด้วย” ฟาโรยิ้มแฉ่งจงใจก่อกวนประสาททำให้ศศิชาถลึงตาใส่คล้ายต่อว่าต่อขานเขาที่อยากให้เธอเป็นก้างขวางคออย่างนี้


นางแบบสาวหันมองฟาโรสลับกับศศิชาอย่างใคร่รู้ว่าทั้งคู่ยื้อยุดกันเพื่ออะไรคนหนึ่งอยากหนีห่าง อีกครั้งกับดึงรั้งเอาไว้ และโดยปกติไม่ใช่นิสัยของฟาโรสักนิด


“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นล่ะไมกิมาเยี่ยมอาการเดี๋ยวก็จะกลับแล้วดูท่าดาร์ลิ่งไม่ค่อยอยากต้อนรับไมกิสักเท่าไร”นางแบบสาวส่งค้อนให้ฟาโรที่มองเธอราวกับไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันมาก่อน


ได้ยินดังนั้นศศิชาจึงยอมผ่อนแรงยื้อและดึงแขนของตนออกจากมือที่บังคับให้เธออยู่ต่อแม้อยากต่อว่าเขาเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อมารยาทจึงยอมสงบปากสงบคำ ทว่าภายในใจเกิดข้อขัดแย้งฟาโรเป็นอะไรไป เหตุใดเธอจึงรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิม


“เธอเป็นใครฉันไม่รู้จักเธอ”ชายหนุ่มพูดหน้านิ่งและจ้องมองไมกิอย่างไร้เยื่อใยทำให้นางแบบสาวถึงกับผงะไปเล็กน้อยแวบหนึ่งที่สัมผัสได้ว่าแววตาของฟาโรดูเยือกเย็นจนน่าใจหายต่อให้เขาปากร้ายและไม่ใส่ใจใครแค่ไหนก็ไม่เคยแสดงท่าทางไม่รู้จักกันอย่างนี้มาก่อนสักครั้ง


“ดาร์ลิ่ง...ไม่ได้แกล้งจำไมกิไม่ได้ใช่ไหมหรืองอนที่ไมกิมีข่าวกับหนุ่มๆ มันก็แค่ข่าวลือ จริงๆ ไมกิยังคิดถึงดาร์ลิ่งตลอดเวลาอยากคืนดีกันเหมือนเดิม” ไมกิขยับเดินเข้าใกล้เตียงผู้ป่วยด้วยแววตาเว้าวอนทำให้ศศิชาดันตัวเองออกห่างเพื่อหลบทาง


“อย่ามายุ่งกับฉันอีกออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงเย็นเยือกก่อกระแสดุดันในทีทำให้หัวใจของนางแบบสาวปวดหนึบและชาวูบไปทั้งสันหลังไม่เคยสักครั้งที่จะถูกไล่ตะเพิดอย่างไร้เยื่อใย ไมกิแสดงความรวดร้าวจากแววตาชัดเจนจนศศิชาจ้องฟาโรตาเขม็งและขมวดคิ้วสับสนเขาแกล้งทำไม่ใส่ใจหญิงอื่นเพื่อเอาใจเธอหรือสมองเสื่อมไปชั่วคราวกันแน่


“ดาร์ลิ่ง...”


“ฉันบอกให้ออกไปไง”ฟาโรเน้นหนักต่อคำพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกการขับไล่ ไมกิเหลือบมองศศิชาที่แปลกใจต่อการกระทำของฟาโรเช่นกันและหล่อนคงไม่อยู่ต่อให้ถูกผลักไสอีกครั้งนางแบบสาวสะบัดหน้าและกระแทกเท้าเดินออกจากห้องอย่างนึกโกรธเคืองไม่คิดดูดำดูดีเขาอีกหากเป็นตายร้ายดีอย่างไรหลังจากนี้


ศศิชามองตามไมกิพ้นจากห้องเธอจึงหันหาฟาโรพร้อมส่งสายตาเขียวปั้ดให้“คุณเป็นอะไรของคุณ ไมกิอุตส่าห์มาเยี่ยม ทำไมไม่พูดกับเธอให้ดีๆ ล่ะ ไล่เธอทำไม”ศศิชาไม่เชื่อว่าฟาโรจะจำไมกิไม่ได้อย่างที่บอกกล่าวจริงๆ


“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครล่ะฉันไม่รู้จัก”


“แฟนคนที่สิบห้าซื้อรถสปอร์ตคันละหลายล้านให้คุณในวันเกิด แต่คุณก็เอามันไปขายต่อให้เพื่อน” ศศิชากระแทกเสียงประชดประชันให้ดาราหนุ่มที่ทำลอยหน้าลอยตารู้สึกตัวเพราะเธอติดตามข่าวคราวของดาราดังตลอดเวลาจึงทำให้รู้จักเขาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ข่าววงนอกวงในของแวดวงบังเทิงเธอสืบเสาะจนได้มาซึ่งประวัติความเป็นมาของฟาโรชายหนุ่มที่เป็นดาราขวัญใจจนคลั่งไคล้เมื่อในอดีต


“ผมมีแฟนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอแถมยังทำตัวแย่อีกด้วย”


“ผู้หญิงของคุณยังไม่หมดแค่นั้นหรอกไหนจะพิมมาดาลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังไหนจะน้องหนูเล็กดาราสาวสวยหุ่นเซ็กซี่อกดินระเบิด ไหนจะ...”


“พอๆถ้าจะเยอะขนาดนั้นจริงก็พอเถอะ ฉันไม่อยากฟัง และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผู้หญิงทั้งหลายที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตจะไม่มีความหมายกับฉันอีกแล้ว”ฟาโรกล่าวอย่างหนักแน่นและจริงจังจนคนฟังหัวใจสั่นสะเทือนศศิชากลั้นใจด้วยความหวั่นไหวรอคอยว่าเขาจะเอ่ยอะไรต่ออีกหรือไม่ ผู้หญิงทั้งหลายที่เคยผ่านเข้ามาไปในชีวิตของเขาจะไม่มีความหมายใดๆกับเขาอีก รวมทั้งเธอด้วยหรือเปล่า เธอกำลังรอฟังอย่างใจจดจ่อ “เพราะเธอจะมีความหมายต่อฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น”


สาวแว่นใสชำเลืองมองคนป่วยบนเตียงอย่างตกตะลึงความรู้สึกอื้ออึงจนไม่ใส่ใจสิ่งใดรอบกายภายในสายตาของเธอเห็นแต่ชายหนุ่มที่ระบายยิ้มบ่งบอกว่าคำพูดของเขาดูจริงจังและมั่นคงอย่างที่ใครบางคนแสดงออกเสมอเธอคงไม่คิดไปเองใช่ไหมว่าฟาโรคล้ายกับซันเซ็ทราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน


มีต่อด้านล่างคะ...




Create Date : 18 พฤษภาคม 2557
Last Update : 18 พฤษภาคม 2557 9:53:47 น.
Counter : 573 Pageviews.

1 comments
  
ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกแง้มเปิดเบาๆ ทว่าหญิงสาวที่แอบมองจากด้านนอกก็ตัดสินใจปิดมันไว้อย่างเดิมเมื่อไม่อยากขัดจังหวะชายหญิงที่กำลังสนทนากันอยู่ วรดาแย้มยิ้มน้อยๆ ระหว่างผละจากประตูห้องและเดินเรื่อยเปื่อย แม้จะยังไม่ได้เข้าเยี่ยมฟาโรตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะหล่อนได้มาหาเขาก่อนหน้านี้แล้วจนรู้ว่าอาการของเขาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง



วรดาย่างก้าวไปตามอาคารซึ่งเป็นส่วนของห้องพักผู้ป่วยพิเศษ หล่อนเดินผ่านห้องที่ศศิชาพักรักษาตัวซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในนั้นตั้งแต่บรรดาหนุ่มๆ หลายคนเข้าเยี่ยมจนทุกคนกลับหมด หล่อนจึงเดินหาวศินแต่ไม่เจอจึงแวะเวียนไปเยี่ยมฟาโรอีกครั้ง



หล่อนนึกถึงนายแบบหนุ่มที่เข้าไปยืนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของไมอาร์ที่นอนพักฟื้นอยู่ เพราะไม่อยากเผชิญหน้าหล่อนจึงหลบมาเดินเตร็ดเตร่อยู่อย่างนี้ ความคิดในหลายสิ่งถาโถม คำถามที่ว่าควรทำอย่างไรต่อไปยังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาราวกับเจอทางตันไร้หนทางเดินต่อ ทุกอย่างมืดมนสับสน



“ยายวี! เราต้องรีบกลับคฤหาสน์ด่วน ตอนนี้กำลังเกิดเรื่องใหญ่” สุ้มเสียงของวศินสร้างความตื่นตระหนกไม่น้อยแก่วรดาทำให้หญิงสาวก้าวเดินตามหลังพี่ชายที่หุนหันพลันแล่น



“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอพี่วิน”



“พี่ไม่รู้ ป้าอุ่นโทรมาร้องห่มร้องไห้บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่ให้รีบกลับ พี่เข้าไปหาเราที่ห้องพักไมอาร์เห็นว่านายแบบคนนั้นเฝ้าแกอยู่เลยวานให้เขาดูแลไมอาร์ไปก่อนจนกว่าเธอจะกลับมา”



วรดาครุ่นคิดตามคำพูดของพี่ชายพร้อมพยักหน้ารับรู้และสาวเท้าเดินเร็วขึ้นเพื่อให้ทันเขาที่เดินเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่งเสียให้ได้





To be continued...


โดย: มาโซคิส วันที่: 18 พฤษภาคม 2557 เวลา:9:52:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments