ธันวาคม 2556

2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 2

เพียงความบังเอิญ



          ชายหนุ่มหน้าตาดีถอดแว่นตาดำออกจากใบหน้าเผยให้เห็นความคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยผ่านตามาก่อนการเต้นของหัวใจที่เคยสั่นสะเทือนรุนแรงลดระดับลงกว่าครึ่ง ทว่าความสงสัยไม่อาจทำให้คนป่วยทนนิ่งเฉยดูดาย


          “คุณเป็นใคร” ศศิชาตั้งคำถามเมื่อชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่บุคคลที่รอคอยใครกันอนุญาตให้คนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในห้องนี้ยามวิกาล


          “ผมเป็นตัวแทนของคุณรังสิมันตุ์เอ่อ...คุณฟาโรน่ะครับ” น้ำเสียงแหบกล่าวอย่างแผ่วเบา “ผมได้รับคำสั่งให้มาเรียนว่าคุณฟาโรไม่สามารถมาได้ในวันนี้เนื่องจากติดธุระสำคัญบางอย่างขอให้คุณเลดี้เข้าใจและโปรดอภัยไว้ ณ ที่นี้”ชายแปลกหน้าโค้งคำนับอย่างสวยงามราวกับฝึกมารยาทมาเป็นอย่างดี ขณะที่หญิงสาวยังอื้ออึงพูดอะไรไม่ออกเกิดมีคำถามในใจ นายรังสิมันตุ์หรือฟาโรที่ถูกเอ่ยถึงมีฐานะเป็นเจ้าชายหรืออย่างไรจึงมีลูกน้องในการปกครองพูดจาสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้


          “แล้ว...” ไม่ทันที่ศศิชาจะเอ่ยถามสิ่งใดประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดพร้อมใครอีกคนก้าวเข้ามา


          “คุณเป็นใคร! แล้วมาทำอะไรในห้องนี้” วศินออกตัวปกป้องน้องสาวทั้งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเพียงเห็นชายแปลกหน้าอยู่ในห้องก็นึกห่วงความปลอดภัยศศิชามองชายหนุ่มทั้งสองสลับไปมา เมื่อตั้งสติได้เธอจึงเริ่มต้นอธิบาย


          “พี่วินใจเย็นๆ ค่ะเขาไม่ได้มาทำร้ายดี้ แค่เป็นตัวแทนมาบอกว่าความฝันของดี้พังทลายเท่านั้นเอง”วศินหันมองน้องสาวอย่างไม่เข้าใจความหมาย ‘ความฝันพังทลาย’ สายตาถามไถ่จ้องมองใบหน้าสลดอยากได้ความกระจ่าง


          “หมดธุระแล้ว ผมขอตัวกลับนะครับ” ชายแปลกหน้าหันมองศศิชาพร้อมโค้งคำนับอีกครั้ง


          “ขอบคุณนะคะที่เสียเวลาแวะมา” และความคุ้นตาทำให้นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนจริงๆหากไม่ผิดพลาดเขาคือหนึ่งในบอดี้การ์ดที่คอยคุ้มกันฟาโรเมื่อออกนอกสถานที่ศศิชาจำได้จากสื่อที่เคยดูมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และยังจดจำได้ขึ้นใจว่าใครที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้เทพบุตรของเธอ


          ศศิชาระบายลมหายใจอย่างหมดแรงเมื่อผู้ส่งข่าวเดินพ้นจากห้องพักผู้ป่วยกี่ครั้งมาแล้วที่ความฝันของเธอพังทลายอย่างนี้ หรือเพราะไม่มีวาสนาต่อกันสวรรค์จึงกลั่นแกล้งไม่ให้พบเจอชายในฝันอย่างตั้งใจศศิชาได้แต่ตัดพ้อน้อยใจในโชคชะตาของตน


          “มีอะไรกันเลดี้ พี่ไม่เข้าใจ” วศินไม่อาจปล่อยตามเลยเมื่อเห็นสีหน้าหม่นเศร้าแม้จะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก อย่างน้อยขอมีส่วนร่วมปลอบใจยังดี


          “สัญญาก่อนได้ไหมคะ ถ้าดี้เล่าให้ฟังพี่วินจะไม่หาว่าดี้บ้าหรือเพ้อเจ้อ” เพราะความอยากรู้ทำให้วศินตกปากรับคำและยินยอมแต่โดยดีทั้งที่พอรู้มาบ้างว่าน้องสาวนอกสายเลือดคนนี้เป็นผู้มีโลกส่วนตัวสูงไม่แปลกหากเธอจะช่างเพ้อฝันและจินตนาการ


          ชายหนุ่มขยับเดินเข้าใกล้ผู้ป่วยพลางหย่อนกายนั่งบนเตียงนอนข้างน้องสาวเพื่อรับฟังเหตุการณ์ทั้งหมดแม้มันจะเคยเป็นความลับระหว่างเธอกับนลัท แต่ตอนนี้คงมีวศินเพิ่มขึ้นอีกคนเมื่อเขาเข้ามารับรู้เรื่องราวโดยบังเอิญศศิชาอธิบายแผนในการพบเจอชายในฝันตั้งแต่ต้นจนจบให้วศินฟังอย่างละเอียดจนความฝันพังไม่เป็นท่าอย่างนี้แม้สิ่งที่เธอพยายามอธิบายเป็นเรื่องเศร้าใจเพียงใดแต่สำหรับพี่ชายกลับเป็นเรื่องขำขันทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ


          “พี่ไม่คิดเลยนะว่าเลดี้จะบ้าดาราตามกระแสยิ่งช่วงนี้เทรนเกาหลีมาแรงมากใช่ไหม” วศินหัวเราะอย่างลืมตัวและไม่ทันเห็นสายตาที่จ้องมาคล้ายเกิดอาการไม่พอใจ


          “ทีหลังดี้จะไม่เล่าอะไรให้พี่วินฟังอีกแล้วดูสิ...หัวเราะเยาะดี้จนได้ อุตส่าห์ไว้ใจเปิดเผยความลับให้รู้” ศศิชาค้อนขวับพร้อมเมินหน้าหนีปล่อยให้วศินหัวเราะอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะเอื้อมมือขยี้ผมสลวยให้ยุ่งเหยิง หวังง้องอนน้องสาว


          “เอาล่ะ พี่ไม่แหย่เราแล้วอาการคลั่งไคล้ดาราใครๆ ก็เป็นกันทั้งนั้น จริงไหม” วศินพยายามปลอบใจทั้งที่ยังแอบขำแต่ฝืนเก็บอาการ



=====



          ด้านหน้าประตูทางเข้าอาคารของโรงพยาบาลเอกชนสงบเงียบเมื่ออยู่ในช่วงเวลาค่ำคืนมีเพียงหน่วยรักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้นที่เดินผ่านไปผ่านมาสาวมาดเท่ก้าวเท้ายาวๆ จากลานจอดรถกลางแจ้งและเดินเรื่อยมายังหน้าอาคารสูงกว่าห้าชั้นกวาดสายตามองหาใครสักคนรอบบริเวณพร้อมกดโทรศัพท์ในมือเพื่อต่อสายถึงบุคคลที่อยากพบเจอ


          “พี่ซี”เสียงเรียกจากด้านหลังชะงักฝีเท้าให้เจ้าของชื่อหยุดยืนกับที่และหันหลังกลับในทันที


          “เป็นไงบ้าง เรียบร้อยไหม”นลัทตั้งคำถามอย่างรวดเร็วเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา


          “ฝีมือระดับผมไม่มีพลาดว่าแต่พี่ซีเถอะ จ้างให้ผมอำผู้หญิงคนนั้นทำไม เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้องดูเธอผิดหวังมากเลยนะที่ไม่ได้เจอฟาโรส่วนผมเกือบแย่ จะหลุดขำไปหลายทีตอนแกล้งพูดจาสุภาพ รู้สึกกระดากปากพิลึก”


          “ไม่ต้องถามมาก”น้ำเสียงเรียบเอ่ยเชิงออกคำสั่งพร้อมส่งบางอย่างให้คู่สนทนา “นี่ค่าขนม แล้วปิดเรื่องนี้ให้เงียบกริบมันเป็นความลับระหว่างเราสองคน”


          “ครับพี่ อย่าห่วงเลย” ชายหนุ่มนำค่าตอบแทนเก็บใส่กระเป๋าพลางส่งยิ้มให้ก่อนแยกเดินจากไปปล่อยนลัทมองตามลูกน้องในบริวารด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าที่ควร ลมหายใจถูกพ่นอย่างหนักหน่วงก่อนหันเดินเข้าตัวอาคารเพื่อมุ่งหน้ายังที่หมาย


          เมื่อแสงไฟบอกตำแหน่งดับลงพร้อมประตูลิฟต์เปิดออกตรงชั้นปลายทางนลัทเดินต่อยังห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่เคยสอบถามหมายเลขห้องจากวศินตอนสื่อสารกันทางโทรศัพท์หลังจากทราบข่าวคราวของเพื่อนสนิทเกี่ยวกับอุบัติเหตุไม่คาดฝันลูกบิดประตูถูกจับค้างโดยสาวมาดเท่ยืนลังเลชั่วครู่ก่อนตัดสินใจเปิดมันเข้าด้านใน


          “แก...เป็นไงบ้าง”นลัทถามไถ่ถึงอาการของผู้ป่วยทำให้ชายหญิงภายในห้องหันมองผู้มาเยือนเป็นตาเดียว


          “ไหนว่าช่วงนี้ยุ่งไงซี” ศศิชาทักทายกลับก่อนจะตอบคำถาม“ดี้ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ แค่ยังมึนเพราะฤทธิ์ยานิดหน่อย พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วที่จริงอยากกลับวันนี้ด้วยซ้ำแต่พี่วินไม่ยอม” แม้คนป่วยจะอธิบายด้วยรอยยิ้มน้อยๆแต่ดวงตากลมโตกลับแฝงความเศร้าเอาไว้จนคนมองเห็นรู้สึกได้ถึงความผิดหวัง


          นลัทได้แต่ลอบถอนใจเมื่อเห็นความหดหู่ภายใต้รอยยิ้มเจือจางเพราะคำขอร้องที่อยากให้ฟาโรสละเวลามาเป็นกำลังใจแก่ศศิชาไม่มีผลใด ดาราหนุ่มไม่ใส่ใจต่อคำอ้อนวอนของใครแม้จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวอย่างนลัทก็ตามด้วยเหตุนี้เองนลัทจึงจ้างวานให้ลูกน้องในสังกัดแสดงละครตบตา เพียงเพราะไม่อยากให้ศศิชารับรู้เรื่องราวไม่น่ายินดีแต่เมื่อมาเห็นอย่างนี้นลัทกลับไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ทำลงไปถูกต้อง หรือยิ่งซ้ำเติมความผิดหวังกันแน่


          “เมื่อกี้มีผู้ชายแปลกหน้าแวะมาหาเลดี้ซีพอรู้เรื่องนี้บ้างหรือเปล่า” วศินร่วมวงสนทนา ถามไถ่ในสิ่งที่นึกขึ้นได้ แต่ประโยคเหล่านั้นกลับทำให้นลัทอึกอักเล็กน้อย


          “ใครที่ไหน ผู้ชายแปลกหน้าอะไรเหรอ”นลัทหลบสายตาจากชายหนุ่มและหันมองศศิชาคล้ายไม่รู้เรื่องใดๆ


          “บอดี้การ์ดของฟาโรน่ะ ตอนซีโทรมาหาดี้ก่อนแบตมือถือจะหมดดี้เข้าใจว่าฟาโรกำลังจะมาเยี่ยม แต่สุดท้ายก็เป็นคนอื่นที่มาบอกว่าเขาติดธุระสำคัญเพราะซีหรือเปล่าฟาโรถึงคิดมาเยี่ยมดี้” น้ำเสียงใสกล่าวยิ้มๆ ช่างเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี


          นลัทย้อนทวนประโยคตามที่ศศิชาอธิบายใช่...เพราะเอ่ยปากขอร้องฟาโรจริงๆ แต่เขาไม่แยแสหรือใส่ใจผู้หญิงอย่างศศิชาสักนิดไม่สนด้วยซ้ำว่าเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คำขอร้องที่นลัทเอ่ยบอกเป็นเพียงสายลมพัดผ่านเท่านั้นแม้ฟาโรจะไม่สนใจโลกแล้ว ยังทำตัวเหลวไหลละทิ้งหน้าที่การงานเดินทางไปต่างประเทศได้หน้าตาเฉยไม่แคร์สื่อไม่คิดห่วงว่าเพื่อนร่วมงานจะเดือดร้อนเพียงใด


          “ฟาโรต้องเดินทางกะทันหัน คงไม่มีเวลาแวะมาหาแกเลยฝากใครสักคนมาบอกมั้งช่วงนี้ซีก็ยุ่งเลยไม่ได้ตามติดฟาโรทุกฝีก้าว” นลัทลอบถอนใจและชำเลืองมองท่าทีของทุกคนตรงนั้นไม่ใช่ไม่ตามติดดาราหนุ่มแต่เพราะเขาหนีการให้ติดตามมากกว่าจึงพากันปั่นป่วนไปหมด


          “ดี้คงไม่สำคัญพอให้ดาราดังอย่างเขามาเยี่ยมหรอกว่าไหม” ศศิชากล่าวอย่างสลดภายใต้รอยยิ้มเจือจาง


          “อะไรแก แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วหรือไงอย่าลืมนะว่าเรายังมีแผนการที่เตรียมไว้ ซีจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”สาวมาดเท่ปลุกระดมขวัญกำลังใจขึ้นใหม่ ถึงอย่างไรศศิชาคงไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคง่ายดายตามนิสัยส่วนตัวที่รู้จักกันมาหลายปี


          “ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นดี้ไม่อยากเป็นผู้ป่วยใกล้ตายแล้วล่ะ ช่างเถอะ ถึงไม่เจอฟาโรหรือไม่ได้ใกล้ชิดเขาดี้ก็ยังติดตามผลงานและเห็นเขาได้จากสื่อเหมือนเดิม เลิกใฝ่สูงดีกว่า”


          “ชักอยากรู้จักนายฟาโรอะไรนี่แล้วสิทำยังไงนะน้องสาวพี่ถึงหลงใหลได้ขนาดนี้” วศินเหล่มองศศิชาซึ่งทำหน้าบูดบึ้งบอกบุญไม่รับ


          “เรื่องนายนั่นอย่าเพิ่งสนใจเลยดีกว่าว่าแต่แกเข้าโรงพยาบาลอย่างนี้ คุณยายรู้เรื่องหรือยัง”ประโยคเตือนสติและทำให้เสียวสันหลังไปพร้อมกันนลัทถามไถ่ในสิ่งที่ศศิชาลืมไปเสียสนิท ป่านนี้คุณยายของเธอคงห่วงดึกดื่นค่อนคืนหลานสาวยังไม่กลับไปพบปะพูดคุย


          “ไม่ต้องเป็นห่วงพี่โทรบอกคุณย่าแล้วล่ะว่าเราอยู่กับพี่ที่โรงพยาบาล”


          “ได้ไงพี่วิน! แบบนี้คุณยายก็กังวลแย่สิคะถ้ารู้ว่าดี้เข้าโรงพยาบาลเพราะถูกมิจฉาชีพวางยา”


          “แล้วใครจะบอกแบบนั้นเล่าพี่บอกท่านว่าแวะมาหาคุณพ่อแล้วเจอเราระหว่างทางเลยชวนมาเป็นเพื่อน และมีงานโปรเจคใหม่ให้เราช่วยดูพอดีพรุ่งนี้ถึงส่งกลับบ้าน เรื่องถูกวางยาจะไม่ระแคะระคายถึงหูคุณย่าแน่นอน พี่รับรอง”ศศิชาพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกหายใจทั่วท้องเพราะรู้ว่าคุณยายทั้งรักและห่วงใยเธอที่หนึ่ง หากรับรู้ข่าวคราวไม่สู้ดีจะพลอยทำให้ท่านกังวลและเดือดเนื้อร้อนใจเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้น เกรงว่าท่านจะห่วงกังวลจนกลายเป็นสั่งห้ามไม่ให้เธอออกจากบ้านตามลำพังอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน


          หลังจากวศินและนลัทแยกย้ายทำหน้าที่ความเงียบก็เข้ายึดพื้นที่ภายในห้องพักผู้ป่วยจนบรรยากาศหม่นเหงาลงทันตาเห็นศศิชาคิดผิดไปแล้วจริงๆ ที่ยอมปล่อยให้เพื่อนสนิทกลับไปทั้งที่นลัทเอ่ยปากขอเฝ้าไข้และอยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้ทว่าความเกรงใจมีมากกว่าหากต้องให้ใครมาลำบากกับการดูแลเธอ ศศิชาจึงผลักไสให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน


          โทรศัพท์มือถือข้างลำตัวถูกยกขึ้นพร้อมนิ้วเรียวกดเปิดจนเกิดแสงสว่างรูปถ่ายของชายในฝันซึ่งตั้งพักเป็นภาพหน้าจอปรากฏพร้อมถูกเพ่งมองนานหลายนาทีเขายังคงดูดีในสายตาของศศิชาทั้งภาพลักษณ์และภาพพจน์ แม้ฟาโรจะงานรัดตัวจนไม่มีเวลาแวะมาเยี่ยมเธอแต่ยังมีน้ำใจส่งลูกน้องคนสนิทมาบอกกล่าวและขอโทษขอโพยทำให้ซาบซึ้งใจไม่น้อย อาจผิดหวังอยู่บ้างแต่ความตื้นตันก็กลบความรู้สึกย่ำแย่ได้หมดจด


          “สักวันเราคงได้เจอกันนะ...ฟาโรที่รัก”ศศิชาระบายยิ้มก่อนกดปิดโทรศัพท์มือถือและวางไว้ข้างลำตัวตามเดิมหญิงสาวขยับร่างกายลงนอนพลางหันมองออกนอกหน้าต่างคืนนี้ดวงจันทร์เด่นหลาอยู่กลางฟ้า ส่องประกายสีนวลสว่างจ้าทำให้ทนนอนมองอย่างนั้นไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาอีกครั้ง


          ศศิชาขยับลงจากเตียงผู้ป่วย เดินต่อยังริมหน้าต่างห้องผ้าม่านสีครีมสะอ้าดถูกดึงรวบไว้ด้านข้างก่อนเปิดกระจกบานเลื่อนเคลื่อนจนสุดราง หญิงสาวนำร่างกายพิงขอบหน้าต่างพร้อมกอดอกและมองดวงจันทร์อยู่แบบนั้นอย่างหลงใหลความมืดมิดช่างเงียบสงบและทำให้จิตใจผ่อนคลายดวงดาวระยิบระยับเปล่งแสงอวดความงดงาม ชวนสายตาให้ทอดมองไล่ตามทีละดวง ทว่าความเพลิดเพลินต้องหยุดลงเมื่อมีใครบางคนผ่านเข้ามาในความคิด


          นัยน์ตาสีสนิมใต้คิ้วหนาบนใบหน้าเรียบเฉยทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมามิจฉาชีพที่คิดปองร้ายเธอเสียชีวิตเพราะถูกรถชนระหว่างหลบหนี แล้วภาพฝันของบุรุษลึกลับที่กำกุมเปลวไฟเอาไว้มีความเกี่ยวพันกันอย่างไรหรือเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ศศิชาไตร่ตรองและลำดับเหตุการณ์ เพราะทุกครั้งที่เจอเขามักเกิดการสูญเสียชีวิตหรือแท้จริงแล้วความตายเหล่านั้นเขาเป็นผู้ก่อขึ้นมากันแน่


          ในความมืดมิดบนฟากฟ้าจากระยะทางห่างไกลยังมีสายตาบางคู่ซุกซ่อนและลอบมองศศิชาอยู่ตลอดเวลาโดยที่เธอไม่รู้ตัวแสงสว่างของจันทราบดบังความลึกลับให้หลบอยู่ในซอกมุมของเงารัตติกาล


          ‘อีกไม่นานเราคงได้พบกัน’



=====


          คฤหาสน์หลังใหญ่ภายในบริเวณที่ดินกว้างขวางย่านชานเมืองสถานที่ตั้งของตระกูล ‘ประดับวงศ์อัครา’ โอ่อ่าสมเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งในระดับต้นๆของประเทศประตูรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาเคลื่อนเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถยนต์คันหรูหราจอดเทียบด้านหน้ารอขับเคลื่อนเข้าด้านในซึ่งเป็นสถานที่คุ้นเคย หญิงสาวในรถเริ่มนั่งไม่เป็นสุขเมื่อเห็นบุคคลสำคัญชะเง้อมองในระยะห่างไกล


          “โน้น...มีใครมารอรับเรากลับบ้านด้วยนะเลดี้”วศินชำเลืองมองน้องสาวด้านข้างที่ทำท่าลุกลี้ลุกลน


          รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่จากประตูทางเข้าผ่านสวนหย่อมขนาดใหญ่ภายในบ้านซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์สร้างความร่มรื่นตลอดทางจนรถหยุดเคลื่อนที่ตรงประตูคฤหาสน์ชั้นในศศิชาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดสร้างความเชื่อมั่นแก่ตัวเองไม่บ่อยครั้งนักกับการปิดบังความจริงหากไม่จำเป็นเธอคงไม่มีความลับต่อคุณยายอย่างนี้ เพราะความเป็นห่วงคำเดียวศศิชาพยายามกลบเกลื่อนพิรุธให้แนบเนียนพร้อมเปิดประตูก้าวลงจากรถโดยมีชายหนุ่มลอบยิ้มในทางท่าหวาดหวั่นของเธอก่อนก้าวลงจากรถเช่นกัน


          “คุณยายมายืนทำอะไรตรงนี้คะ”ศศิชาเริ่มต้นทักทายตามนิสัยออดอ้อนก่อนเดินเข้าหาและโอบกอดผู้ใหญ่ประจำบ้าน


          “ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ยายเลยรู้ตัวไหมว่าหลานทำอะไรผิด” หญิงมากวัยออกสุ้มเสียงต่อว่าเล็กน้อยแต่ยังไม่ทำให้หลานสาวรู้สึกตัวเธอยังคงออเซาะเอาใจต่อไป


          “รู้สิคะว่าผิด ก็ดี้ปล่อยให้คุณยายคิดถึงตั้งหนึ่งคืนใช่ไหมคะ”


          “ใครว่า” อุ้งมืออบอุ่นฟาดลงบนแขนของหลานสาวที่กอดก่ายร่างกายเบาๆ“ไปนอนโรงพยาบาลเพราะเกิดอุบัติเหตุทำไมไม่บอกยายสักคำอยากให้ยายเป็นห่วงจนตรอมใจอย่างนั้นหรือหลานคนนี้” หลานสาวชะงักค้างก่อนหันสายตามองพี่ชายซึ่งออกอาการตกตะลึงไม่แพ้กันศศิชาขึงตาเขียวใส่วศินคล้ายส่งสัญญาณเชิงถาม คุณยายจะรู้ความจริงได้อย่างไรหากความลับนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รับรู้


          “คุณยายพูดเรื่องอะไรคะ”หลานสาวตัวดีแสร้งทำเฉไฉ


          “นั่นสิครับทำไมคุณย่ากล่าวหาเลดี้มีความลับอย่างนั้นล่ะครับ” หลานชายสมทบอีกแรง อยากรู้ที่มาที่ไปว่าคุณย่าของเขารู้ความลับที่ปกปิดได้อย่างไร


          “ไม่ต้องมาทำไก๋ทั้งคู่นั่นล่ะตาวินไม่ใช่รึที่พาน้องไปส่งโรงพยาบาล น่าตีให้หนักไหมอย่างนี้ สมคบคิดกันปิดบังคนแก่นี่ถ้าพ่อแกไม่บอกย่า ป่านนี้คงถูกหลานตัวเองโกหกหน้าตาย ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร”หญิงมากวัยพยายามเบี่ยงกายออกจากอ้อมแขนของศศิชาแต่ไร้ผลเมื่อหลานสาวออกแรงโอบกอดและกักขังไม่ให้คุณยายของเธอได้ก้าวหนีไปไหน


          “คุณยายอย่าโกรธเลยนะคะดี้กับพี่วินไม่อยากให้คุณยายเป็นห่วงและคิดมาก เดี๋ยวก็พาเครียดนอนไม่หลับกันพอดี”


          “ผมผิดเองครับที่ปิดบังความจริงคุณย่าอย่าโกรธเลดี้เลยนะครับ”


          เห็นหลานทั้งสองรักใคร่กลมเกลียวกันอย่างนี้คนแก่ก็ปลื้มใจเผลอยิ้มและโกรธไม่ลงเมื่อเข้าใจถึงความหวังดีที่หลานมีให้ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นก็หมดห่วง หากแต่ความผิดมีเพียงไม่บอกกล่าวเรื่องจริงทำให้นึกน้อยเนื้อต่ำใจเท่านั้น


          “เอาล่ะๆไม่ต้องแข่งกันรับผิดอย่างนี้ ทีหลังหากมีเรื่องปกปิดคนแก่อีกจะเนรเทศออกจากบ้านทั้งคู่”


          เสียงหัวเราะส่งดังระหว่างทั้งสามพากันเดินเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่โตโถงห้องรับแขกกว้างขวางร่มรื่นสบายตาเมื่อรอบด้านเป็นกระจกใสมองเห็นต้นไม้สีเขียวล้อมรอบสถานที่ซึ่งศศิชาพาคุณยายของเธอเดินไปนั่งยังชุดโซฟาหนังดีสมฐานะ โดยมีวศินเดินตามหลังไปติดๆ


          “คุณยายทานข้าวเช้าหรือยังคะ”ศศิชาถามไถ่ตามนิสัยเอาอกเอาใจที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน


          “ยายน่ะเรียบร้อยแล้วก็มีแต่พวกหลานๆ หาอะไรใส่ท้องกันหรือยัง” หลานทั้งสองพยักหน้าเป็นคำตอบหลังออกจากโรงพยาบาลวศินก็พาน้องสาวแวะทานอาหารว่างก่อนกลับมายังคฤหาสน์หลังนี้“แล้วตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเลดี้ เล่าให้ยายฟังหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นยายฟังลุงหมอเล่าแล้วยังไม่เข้าใจ เลยรอถามเรานี่ล่ะ”


          “อาการมึนงงหายดีแล้วค่ะคุณยาย อุบัติเหตุครั้งนี้ดี้ไม่ระวังเองล่ะเลยพลาดท่าให้พวกมิจฉาชีพง่ายๆดีนะพี่วินมาช่วยได้ทันเวลา”


          “เห็นว่าคนร้ายถูกรถชนด้วยรึ”หญิงมากวัยหันหาหลานชาย


          “ครับ วิ่งหนีเพราะกลัวความผิดถูกรถพุ่งชนอย่างแรงจนเสียชีวิตคาที่”ศศิชามองพี่ชายพลางครุ่นคิดถึงสาเหตุแท้จริงอาจเกี่ยวข้องกับบุรุษลึกลับที่มักพบเจอบ่อยครั้ง


          “แล้วเราจัดการอย่างไรล่ะตาวิน”หญิงมากวัยถามหลานชายต่อเนื่อง


          “ผมให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เลดี้ถูกป้ายยาน่ะครับส่วนเรื่องคดีคงต้องให้ฝ่ายอื่นจัดการกันไป”


           “ยังโชคดีที่เลดี้ไม่เป็นอะไรมากนะลูกมีตาวินคอยดูแลอย่างนี้ยายก็หมดห่วง” มืออบอุ่นลูบไล้ศีรษะของหลานสาวอย่างเอ็นดู “เออ...ย่าได้ข่าวว่ายายวีจะกลับเมืองไทยอาทิตย์หน้าใช่ไหมเห็นแม่แกบ่นอยู่เมื่อเช้าว่าลูกสาวห่วงเที่ยวไม่กลับบ้านกลับช่องเสียที”


          “ครับ คงเสาร์หน้า”วศินตอบคำถามก่อนหันหน้าหาศศิชา “ไปรับวีกับพี่ไหมเลดี้ ไม่ได้เจอกันหลายปีลืมหน้าตากันหรือยัง”วศินเจรจาแกมขออนุญาตผู้ใหญ่ในตัว


          “ได้ค่ะ ดี้ก็คิดถึงวีเหมือนกัน ป่านนี้เปลี่ยนไปจนดี้จำไม่ได้แล้วแน่ๆ”


           “พอยายวีกลับมา เราก็เริ่มทำงานกับคุณป้าได้แล้วใช่ไหม”คุณยายตั้งคำถามพาศศิชาพูดไม่ออกสักคำ เนื่องจากหลบหลีกหน้าที่การงานของครอบครัวมาโดยตลอดและครั้งนี้คงเลี่ยงต่ออีกสักพัก


          “ขอดี้หาประสบการณ์สักปีนะคะสัญญาว่าดี้จะเรียนรู้งานในบริษัทกับคุณป้าทิพปภาทันทีเมื่อพร้อม”


          “จะหาประสบการณ์อะไรอีกยายเห็นเราลอยไปลอยมาไม่ทำอะไรเสียที”


          “นะคะคุณยาย คราวนี้ดี้ได้งานแน่ๆเพราะดี้กำลังติดต่องานกับเพื่อน อีกไม่นานดี้จะมีงานทำเหมือนคนอื่นๆคุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ”


          “ยายไม่เข้าใจจริงๆมีธุรกิจของตัวอยู่ดีๆ แต่อยากไปเป็นลูกน้องคนอื่น” ศศิชายิ้มพราวมองคุณยายที่ส่ายศีรษะเอือมระอาต่อนิสัยดื้อรั้นของตนทำให้วศินที่นั่งอยู่ในวงสนทนาหลุดยิ้มเมื่อเห็นน้องสาวยักคิ้วลิ่วตาให้คล้ายประกาศชัยชนะ



=====


          อาทิตย์ถัดมา...


          อาคารผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินสุวรรณภูมิขวักไขว่ไปด้วยผู้คนมากมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติความหลากหลายที่ผ่านตารวมถึงความหนาแน่นทำให้ศศิชาเกิดความอึดอัดจนมองหามุมเพื่อความสงบหลบเลี่ยงผู้คนมากมายเหล่านั้นปล่อยให้วศินยืนคอยบุคคลในครอบครัวซึ่งกลับจากต่างประเทศและใกล้จะพบกันในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า


          ศศิชาหนีความอลหม่านเซ็งแซ่คว้าหูฟังขึ้นเสียบและเปิดเพลงให้ดังเพื่อกลบเสียงทุกอย่างรอบกายสายตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ สังเกตผู้คนมากมายที่เดินกันโกลาหล บ้างเร่งรีบ บ้างรอคอยบ้างพูดคุยสื่อสาร แม้แต่นั่งหลับไหลยังเก้าอี้พักผู้โดยสารยังมี เกิดเป็นภาพประทับใจสร้างรอยยิ้มน้อยๆมุมปาก เธอใช้สายตาเก็บภาพเหล่านั้นไว้ในความจำ


          ระหว่างมองเห็นหลากหลายสิ่งกระเพาะเกิดร้องเรียกอาหาร คำว่าหิวผุดขึ้นในความรู้สึกโดยอัตโนมัติดวงตากลมโตสอดส่ายหาของยาไส้ทันทีเมื่อความหิวโหยไม่เคยปรานีใคร หากมันมาเยือนทีไรต้องหาหนทางขจัดเสียให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อนึกขึ้นได้สองมือล้วงลงกระเป๋าสะพายหยิบของสองสิ่งขึ้นมาสำรวจอย่างพิจารณา ศศิชาครุ่นคิดอยู่นานเกี่ยวกับของว่างรองท้องระหว่างแซนวิสทูน่ากับป๊อกกี้รสสตอเบอรี่ที่นำติดกระเป๋ามาด้วยเมื่อชั่งใจคิดระดับความหิวยังพอควบคุมไหวเธอจึงเลือกถือกล่องขนมไว้และเก็บแซนวิสยัดใส่กระเป๋าตามเดิม


          หญิงสาวร่างบางยืนอิงแอบกำแพงใกล้ประตูทางหนีไฟไม่อยากเกะกะผู้คนซึ่งเดินสวนทางไปมา และในจังหวะที่มีกลุ่มคนมากมายเดินผ่าน ศศิชาพยายามลีบตัวให้เล็กที่สุดโดยไม่ทันเห็นว่าใครบางคนเดินตรงมาหาเธอร่างผอมสูงใส่เสื้อมีฮู้ดสีดำสนิทคลุมศีรษะอำพรางใบหน้าสองมือล้วงกระเป๋าเสื้อเดินก้มหน้าก้มตาคล้ายหลบหลีกผู้คนมากมาย ทว่าสิ่งที่น่าใจหายคือเขาหยุดยืนเบื้องหน้าในระยะห่างกับศศิชาแค่คืบโดยโน้มกายเข้าใกล้พร้อมนำคางเกยไปบนไหล่กลมกลึงก่อนยกมือโอบกอดรอบเอวของเธอทำให้หญิงสาวที่ยืนไม่ทันระวังตัวถึงกับตะลึงงันช็อคต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง ค่อยๆ ดึงหูฟังออกช้าๆ


          “ขออยู่แบบนี้สักพัก” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูพาคนฟังชาวูบไปทั้งร่างกายทว่ายังคงยืนแน่นิ่งและว่างเปล่าไร้วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ปล่อยให้เขาผู้ไม่รู้จักมักคุ้นกอดไว้หลวมๆโลกทั้งใบหยุดชะงักกลางอากาศนานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง


          สายตาตกตะลึงเลื่อนขึ้นสูงมองบุคคลลึกลับอยากเห็นโฉมหน้าเจ้าของกลิ่นน้ำหอมแบรนด์เนมอ่อนละมุนจนเกิดความหวั่นไหวและอีกครั้งที่ทำให้หัวใจเต้นระส่ำระส่ายเมื่อเขาโน้มมาใกล้จนศศิชาต้องหลับตาแน่นสนิทคิดไกลไปต่างๆ นานาชวนหวิวไหววูบวาบ


          “หวานจัง ขอบใจนะ”อีกครั้งที่เสียงทุ้มกระซิบข้างหูก่อนเขาคนนั้นจะผละจากไป ศศิชาเปิดเปลือกตามองความว่างเปล่าชั่วครู่เมื่อดึงสติกลับมาอยู่กับตัวจึงหันซ้ายแลขวาอย่างรวดเร็วประตูทางหนีไฟกำลังจะปิดลงพร้อมเห็นแผ่นหลังของใครคนนั้นไวๆ


          “เฮ้! เลดี้! เห็นฟาโรผ่านมาทางนี้บ้างหรือเปล่า”ความงุนงงสับสนทำให้ศศิชาไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองจนมือใครสักคนกระชากแขนอย่างแรงให้รู้สึกตัว“เลดี้! ซีถามว่าเห็นฟาโรบ้างไหม”ศศิชาตั้งสติเมื่อโสตประสาทสัมผัสถูกชื่อเทพบุตรในฝัน


          “ซีมาที่นี่ได้ไง”


          “อย่าเพิ่งถามตอนนี้ ตอบมาก่อนเห็นฟาโรหรือเปล่าเขาใส่เชิ้ตสีแดงกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกสีดำ” ศศิชาทำหน้างงไม่เลิกพยายามทวนคำพูดของเพื่อนสนิทอย่างถี่ถ้วนก่อนส่ายศีรษะเบาๆ


          “ดี้ไม่เห็น...” แต่ความคุ้นชินในสิ่งที่เพื่อนสนิทบอกกล่าวทำให้เธอฉุกคิดอีกครั้งคล้ายเคยเห็นผ่านตา กางเกงยีนส์ทรงกระบอกกับเสื้อแจ็คเก็ตดำมีฮู้ดคลุมศีรษะทว่าเสื้อด้านในคลับคล้ายว่าจะเป็นเชิ้ตสีแดงอย่างที่นลัทตั้งคำถาม


          “งั้นไว้เจอกันนะดี้! ซีต้องตามหาเจ้าบ้านั่นให้เจอก่อนกองทัพนักข่าวฟาโรหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งในสนามบินนี้เธออาจโชคดีได้เจอเขา” นลัทตะโกนระหว่างเดินกึ่งวิ่งไปอีกทางอย่างเร่งรีบ


          โลกกลมๆใบนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงเมื่อศศิชาเริ่มจับใจความของเรื่องทั้งหมดได้สมองสั่งการให้สองขาก้าวเดินตามบุคคลลึกลับออกไปตรงประตูทางหนีไฟศศิชากวาดตามองไปรอบๆ หันซ้ายหันขวาหาคนตัวสูงโปร่งที่เพิ่งจากกันเมื่อครู่นี้หญิงสาวพยายามเขย่งร่างกายชะเง้อหาจนเห็นความคุ้นตาเดินอยู่ไกลๆไม่รอช้าสองขาก้าวถี่และออกวิ่งเพื่อตามให้ทันใครคนนั้นอยากรู้นักว่าเขาจะใช่ฟาโรอย่างที่เข้าใจหรือไม่


          “นี่คุณหยุดก่อน!” เสียงใสหอบเหนื่อยภาวนาให้ใครคนนั้นได้ยินและหันกลับมาศศิชาลุ้นระทึกด้วยใจจดจ่อขอให้เขาเป็นชายในฝันคนที่อยากพบเจอแทบขาดใจวันนี้ปาฏิหาริย์อาจเข้าข้าง เธอหวังให้มันเป็นเช่นนั้นและคล้ายสวรรค์เป็นใจเมื่อคนร่างสูงหยุดชะงักอยู่กับที่


          “คุณใช่ฟาโรหรือเปล่า”คำถามของศศิชาทำให้ชายหนุ่มในฮู้ดคลุมศีรษะกระตุกยิ้มโดยไม่หันกลับมามองเธอแต่อย่างใด


          “ถ้าฉันคือฟาโรเธอจะนอนกับฉันไหม” อีกครั้งที่ความอื้ออึ้งถาโถม ทว่าความตกตะลึงเหล่านั้นแตกต่างกับครั้งแรกต่อให้เธอไม่เคยถูกเชิญชวนอย่างนี้มาก่อนก็พอเข้าใจความหมายว่าเขาพูดถึงความสัมพันธ์แบบใด “ว่าไง...ตกลงหรือเปล่า”คนตัวสูงค่อยๆ หันเผชิญหน้า เสื้อเชิ้ตสีแดงภายใต้แจ็คเก็ตดำตัวนั้นไม่ต่างจากที่นลัทบอกกล่าวไว้เลย


          ในความไม่ชัดเจนทำให้หญิงสาวรู้สึกขัดใจอย่างมากมายศศิชาสาวเท้าเดินเข้าใกล้คนตัวสูงพร้อมสูดหายใจลึกเต็มปอดก่อนนำมือข้างที่ว่างเปล่าดึงหมวกฮู้ดออกจนเห็นใบหน้าของเขา


          ฟาโร!




To be continued...




Create Date : 07 ธันวาคม 2556
Last Update : 7 ธันวาคม 2556 20:38:59 น.
Counter : 746 Pageviews.

1 comments
  
แหมะชวนกันง่ายๆๆเลยนะ
โดย: sakeena IP: 124.122.247.93 วันที่: 8 ธันวาคม 2556 เวลา:19:58:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments