พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
9
10
12
13
14
16
17
19
20
21
22
23
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 32

๓๒

ถูกลักพาตัว


“คุณพี่จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”ภรรยาแผดเสียงกร้าวใส่สามีที่กลับมายังคฤหาสน์ยามดึกเพื่อเก็บเสื้อผ้าเตรียมเดินทางไปต่างประเทศอย่างเร่งด่วนโดยอ้างความจำเป็นเกี่ยวกับงานวิจัยทางการแพทย์


“ผมไปเพราะหน้าที่”ทินกฤตหยิบกระเป๋าเดินทางเตรียมเก็บข้าวของเมื่อเห็นแววว่าภรรยาของตนคงไม่มีแก่ใจจัดเตรียมให้เมื่อกระแสความไม่พอใจคุกรุ่นชัดเจน


ทิพปภารู้สึกหมดที่พึ่งหากสามีไม่อยู่ทั้งคนไหนจะเรื่องของบุตรสาวที่เผยความเหลวไหลออกมาจนยอมรับไม่ได้อย่างที่สุดไหนจะบุตรชายที่ขัดคำสั่งเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ดูแลของศศิชาโดยมีคุณย่าให้ท้ายอีกคนและสิ่งสำคัญที่สุด ทรัพย์สมบัติของตระกูลกำลังจะหายไปต่อหน้าต่อหน้าสามียังดูดายไม่เดือดร้อนอีกอย่างนั้นหรือ


“หากคุณพี่ไปแล้วใครจะจัดการเรื่องทั้งหมดละคะ!”ทิพปภาตวาดแว้ดจนทินกฤตส่งสายตาปราม แต่คล้ายจะไม่เป็นผลใด “ทำไมคุณพี่ถึงทำเฉยไม่ว่าจะเรื่องของยายวี หรือตาวิน ดิฉันไม่คิดเลยว่าคุณพี่จะปล่อยปละละเลยครอบครัวขนาดนี้ถึงเห็นงานบ้าบอนั้นสำคัญกว่า!”


“แล้วไม่เพราะงานบ้าบอนี้หรือคุณทิพ! เราถึงยืนหยัดอยู่ได้ทุกวันนี้”ทินกฤตกล่าวอย่างเหลืออด หากภรรยาของตนจะใจเย็นกว่านี้สักนิดหรือไตร่ตรองความคิดก่อนพูดจาคงไม่มีปากเสียงกันเช่นนี้“คุณจะให้ผมทำอะไรได้ ขนาดคุณต่อว่าปาวๆ ลูกๆ ยังไม่เกรงใจแล้วกับผมที่ไม่เคยดุด่าว่ากล่าวพวกแกจะฟังอย่างนั้นหรือ ปล่อยวางเสียบ้างจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอย่างนี้”


“คุณพี่!ไม่คิดจะหาทางแก้ไขกับความงามหน้าแต่มากล่าวหากันอย่างนี้หรือคะ!” ทิพปภาสะบัดเสียงต่อว่าและส่งสายตาดุดันมองสามีจนต้องหยุดเก็บสัมภาระชั่วคราว


ทินกฤตระบายลมหายใจหนักหน่วงก่อนหันเผชิญหน้ากับภรรยา“คุณบอกมาเลยดีกว่าว่าคุณต้องการให้ผมทำอะไร”


“คุณพี่ต้องแก้ตัวกับคุณแม่เรื่องยายวีมีลูกทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานจัดการตาวินไม่ให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับการคัดเลือกเด็ดขาด และเตือนสติคุณแม่ให้เลิกล้มการคัดเลือกผู้ดูแลบ้าๆนั่นเสียที”


“คุณก็รู้ว่าคุณแม่ท่านไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆอย่างนั้น ส่วนเรื่องของยายวีเราสองคนควรกลับมาตรองดูไหมว่าเลี้ยงดูกันอย่างไรลูกจึงนอกลู่นอกทางแต่จะว่าไปลูกๆ ก็โตกันหมดแล้วมัวแต่บ่นหรือต่อว่าคงใช่ที่คุณควรเปิดใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น” ทินกฤตหยุดการสนทนาและหันกลับไปเก็บเสื้อผ้าต่ออีกครั้ง


“เป็นตายร้ายดีอย่างไรดิฉันก็ไม่ให้คุณพี่ไปไหนเด็ดขาดหากยังนิ่งดูดายไม่คิดจะทำอะไรอย่างนี้!” ทิพปภายืนกรานเสียงแข็งแววตาดุดันค้อนใส่สามีก่อนจะย้ายตัวเองไปตรงโซฟาและกระแทกกายนั่งเชิดหน้าชูคอเฝ้าหน้าประตูห้องไม่ให้สามีออกไปไหนตามต้องการ


ทินกฤตยุติทุกอย่างที่กำลังทำพลางถอนใจเอือมระอาเขายืนสงบนิ่งใช้ความคิดในหลากหลายสิ่งที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเพียงไม่มีใครรับรู้เท่านั้น


=====

ไฟท้ายรถตู้ในระยะไกลส่องสว่างแดงจ้าก่อนจะเลี้ยวเข้าไปทางมุมตึกหายจากสายตาที่พยายามจับจดทุกนาทีชายหนุ่มหลังพวงมาลัยผ่อนคันเร่งให้ช้าลงจนรถกระบะที่ขับมาจอดหลบเข้าข้างทางฟาโรเอี้ยวกายมองกระจกด้านข้างสำรวจบริเวณอาคารรกร้างที่รถตู้คันดังกล่าวขับเคลื่อนเข้าด้านใน


ระยะทางกว่าร้อยกิโลเมตรที่ดาราหนุ่มติดตามรถตู้ซึ่งลักพาศศิชามาจากโรงพยาบาลจนมาหยุดอยู่ตรงนี้เมื่อนั่งคิดแผนในการบุกเข้าช่วยเหลือหญิงสาวไว้คร่าวๆ ฟาโรก็ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายหานลัททันที


“แจ้งความเตรียมไว้เลดี้ถูกลักพาตัว แล้วผมจะติดต่อกลับไป”ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้ซักถามอะไรเขาก็กดปิดโทรศัพท์จากประสบการณ์ที่เคยได้รับแสดงบทบู๊ในภาพยนตร์ วันนี้คงได้นำการต่อสู้เหล่านั้นมาใช้กับชีวิตจริงเพื่อพระเอกอย่างเขาจะได้ช่วยเหลือนางเอกตามบทจำเป็น


ฟาโรค่อยๆย่องเดินอย่างเงียบเชียบเลาะไปตามกำแพงอาคารซึ่งเป็นซากปรักหักพังเสียส่วนใหญ่โจรลักพาตัวช่างเข้าใจเลือกสถานที่รกร้างห่างไกลจากย่านชุมชนเมืองดาราหนุ่มแอบคิดในใจแสงไฟสีส้มส่องสลัวอยู่บนชั้นสามของอาคารที่ไม่มีกำแพงปิดกั้นหรือบดบังไว้เขาค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระมัดระวังเมื่อรอบด้านมืดมิดจนแทบมองไม่เห็นด้วยซ้ำ


เศษแก้วเศษปูนดังก๊อบแก๊บเมื่อพื้นรองเท้าหนังย่างเหยียบแม้จะลงน้ำหนักอย่างเบาแรงและระมัดระวังที่สุดแต่ก็ไม่ช่วยให้เสียงดังเหล่านั้นเงียบกริบอย่างใจ


ฟาโรแหงนมองไปยังชั้นบนขณะย่องเดินมาถึงบันไดปูนเมื่อสายตาปรับการมองเห็นในที่มืดได้เล็กน้อย ความสว่างจากด้านนอกจึงทำให้เขามองเห็นบรรยากาศรอบกายอยู่บ้างดาราหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระวังตัวเนื่องจากอาคารนี้คงถูกปล่อยทิ้งร้างมาหลายปีสภาพที่เห็นพอสังเกตได้ว่าบางส่วนทรุดโทรมจนเกือบจะพังมิพังแหล่


จากชั้นหนึ่งขึ้นชั้นสองจนถึงชั้นสามฟาโรใช้เวลาเดินทางร่วมยี่สิบนาทีเพื่อสำรวจและดูลาดเลาอย่างใจเย็น


“ถ้านังนี่มันฟื้นก่อนนายจ้างจะติดต่อมาจะทำไงดีลูกพี่”เสียงแว่วของชายคนหนึ่งในหมู่โจรทำให้ฟาโรชะงักฝีเท้ากับที่เพื่อดักฟังการสนทนาที่อาจเป็นประโยชน์กับการเข้าช่วยเหลือศศิชา


“ก็จับปล้ำซะเลยสิวะรูปร่างหน้าตาสะสวยอย่างนี้ คงไม่ปล่อยให้ตายฟรีหรอกเว้ย”เสียงหัวเราะชอบใจดังกึกก้องภายในอาคารรกร้างนั้น


ฟาโรชะเง้อสำรวจต้นทางเสียงเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีแค่สามคนจริงดาราหนุ่มคาดคะเนการบุกเข้าช่วยเหลือศศิชาหากจำเป็นต้องเข้าปะทะและต่อสู้ จากที่เห็นในระยะไกลเขาพอมองออกว่าโจรหมู่เป็นพวกเดียวกันกับที่เจอในห้องน้ำที่โรงพยาบาลไม่ผิดตัวและนั่นคือสิ่งที่ได้เปรียบ เมื่อเขายังหนุ่มแถมร่างกายก็สูงใหญ่กว่า หากเทียบฝีมือกับหมาหมู่คงรับไหว


“ถ้าลูกพี่อยากสนุกกับนังนี่ก็อย่าสนใจนายจ้างเลยในเมื่อมันกล้าจ้างวานให้เก็บอย่างนี้มันคงไม่สนใจอะไรอยู่แล้วดีเสียอีกได้ทั้งความสนุกได้ทั้งเงิน เผลอๆ อาจได้เมียและกลายเป็นเศรษฐีในอนาคตลาภลอยแท้ๆ”


“เอ็งก็ยุข้าเหลือเกินข้ารับปากมันแล้วว่าจะไม่ทำอะไรจนกว่าจะได้รับคำสั่ง”


“งั้นคงต้องรอให้นายจ้างติดต่อมาเสียก่อนดีเหมือนกันเผื่อจะเรียกค่าไถ่กับยายแก่นั้นให้สูงขึ้นอีก”


“แต่ข้าชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วผิวขาวนวลแบบนี้ กลิ่นกายหอมกรุ่นดึงอารมณ์หวิวของข้าเหลือเกิน”


เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในกามารมณ์เริ่มจุดติดความโกรธเคืองของชายหนุ่มที่ได้รับฟังแม้ไม่อยากใส่ใจมากนัก ถึงอย่างไรเขาต้องช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากอมนุษย์ใจทรามเหล่านี้ได้อยู่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแค้นเคืองมือสกปรกเหล่านั้นที่แตะต้องผิวกายของหญิงสาวที่สลบไสลอย่างน่ารังเกียจ


ฟาโรกวาดตามองไปรอบตัวเพื่อหาอะไรสักอย่างเป็นอาวุธในการบุกโจมตีเหล่าวายร้ายและเป็นอีกครั้งที่ต้องชะงักค้างกับที่เมื่อได้ยินเสียงย่ำฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นพร้อมส่งเสียงพูดจา


“เฝ้ามันไว้ข้าจะลงไปเอาของกับโทรติดต่อนายจ้าง”ได้ยินดังนั้นฟาโรจึงกลั้นใจวิ่งลงจากบันไดกลับมายืนในชั้นสองอย่างว่องไวและเงียบเชียบที่สุดเขาหลบเข้าไปอยู่ในเงามืดใต้บันได ลอบมองโจรลักพาตัวสองรายส่องไฟฉายและเดินลงบันไดไปอย่างไม่รีบร้อนนัก


ดาราหนุ่มกระชับท่อนไม้หน้าสามขนาดเหมาะมือไว้แน่นถึงเวลาที่ต้องออกแรงเสียทีเมื่อโอกาสและโชคดีกำลังเข้าข้างเขาแล้วร่างสูงย่องขึ้นชั้นสามอีกครั้งพร้อมสำรวจโจรที่ยืนหันหลังให้เขารีบสาวเท้าและง้างไม้ในมือฟาดที่ต้นคอโจรผู้นั้นอย่างแรงจนล้มลงไม่ทันตั้งตัวไม่มีแม้แต่เสียงร้องเจ็บปวดหรือขอความช่วยเหลือใดๆ


ฟาโรเตะเข้าที่ลำตัวของคนสลบเหมือดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าโจรผู้นั้นไม่มีสติลุกขึ้นมาทำร้ายเขาได้พร้อมก่นด่าในใจ‘พวกโจรกระจอก ยังไม่ทันได้ออกแรงเลยก็สิ้นฤทธิ์แล้ว’ เขายังกำไม้หน้าสามที่ใช้เป็นอาวุธและหันความสนใจยังหญิงสาวที่ถูกมัดมือมัดเท้านอนอยู่บนโต๊ะเกรอะกรังไปด้วยฝุ่นหนาเป็นนิ้ว


ตามร่างกายของเธอมีแต่รอยขีดข่วนและฟกช้ำบางจุดจากการประเมินด้วยสายตาคงเพราะเธอต่อสู้ขัดขืนระหว่างถูกจับเพื่อป้องกันตัวก่อนจะพ่ายแพ้ต่อยาสลบจนหมดสติเช่นนี้


ไม้หน้าสามถูกวางข้างๆร่างบอบบางพร้อมกับฟาโรเอื้อมมือไปเขย่าที่ต้นแขนของหญิงสาวที่พยายามช่วยเหลือ


“เลดี้...”ฟาโรโน้มกายลงใกล้และส่งเสียงปลุกให้เธอฟื้นเพื่อง่ายต่อการหลบหนี “เลดี้!ตื่นซะที ฉันไม่มีเวลามากพอรอให้เธอหลับยาวหรอกนะ” เมื่อเขย่าร่างกายของเธอแรงขึ้นแต่ยังไม่มีผลใดเขาจึงตบเบาๆ ที่แก้มนวลจนเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง


คิ้วเรียวขมวดจนหัวคิ้วแทบชิดติดกันก่อนจะขยับศีรษะพลิกไปมาเริ่มรู้สึกตัวและฟาโรต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงพูดคุยกึกก้องมาแต่ไกลคล้ายวายร้ายที่เหลือกำลังจะกลับขึ้นมาอีกครั้งเขาคงรอช้าไม่ได้


ฟาโรออกแรงดึงร่างบอบบางที่บิดกายไปมาขึ้นพาดไหล่โดยศศิชาก็รวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดพยุงตัวเองทั้งที่เปลือกตาหนักอึ้งแต่สติพอจะรับรู้ได้ว่าใครสักคนกำลังช่วยเหลือเธอ


“มาหลบตรงนี้ก่อน”ฟาโรกระซิบกระซาบพร้อมแบกศศิชาไปไว้ยังมุมตึกที่พ้นจากเงาของแสงสว่างแม้จะไม่มีอะไรปิดกั้นเป็นที่กำบังโดยไม่ลืมคว้าอาวุธติดมือมาด้วย เขาหวังว่าวิธีนี้คงพอยื้อเวลาทำให้โจรลักพาตัวงุนงงกับเหยื่อที่หายสาปสูญเพื่อที่เขาจะได้ลงมือจัดการพวกมันให้จมฝ่าเท้า


“เฮ้ย! ลูกพี่! มันเกิดอะไรขึ้น!” หนึ่งในโจรโวยวายเมื่อไม่พบหญิงสาวนอนอยู่ในที่เดิมหนำซ้ำเพื่อนร่วมขบวนการยังสลบเหมือดกองกับพื้น


“ไอ้ก้าง!”ลูกพี่โจรร้องเรียกชื่อลูกน้องของตนพร้อมกระโดดข้ามร่างกายที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง“เอ็งไปหานังนั่นให้เจอ หรือมันจะฟื้นแล้วทำร้ายไอ้ก้างอย่างนี้” ลูกน้องที่ได้รับคำสั่งสาวเท้าอย่างร้อนรนกวาดตาไปรอบบริเวณเพื่อหาหญิงสาวเพียงคนเดียวที่อาจจะมึนยาและหลบหนีได้ไม่ไกล


โจรลักพาตัวสาวเท้าข้ามเศษซากกำแพงแตกหักที่หล่นเกลื่อนพื้นพร้อมยกไฟฉายส่องไปยังมุมมืดเผื่อเธอคนนั้นกำลังเล่นซ่อนหากับเขาและไฟสีส้มยังไม่ทันได้สาดส่องไปยังมุมตึกของหนักๆ ก็ฟาดลงที่แขนจนกระบอกไฟฉายกระเด็นไปไกลพร้อมกับเสียงร้องโอยตามมา


“เอ็งเป็นอะไรไอ้เล็ก!” ไม่ทันได้ยินเสียงตอบรับ เสียงผัวะผะก็ตามมาก่อนร่างใครสักคนจะล้มตึงในความมืดลูกพี่โจรดันร่างของลูกน้องที่สลบไสลยืนหยัดพร้อมกับคว้าปืนที่เหน็บไว้ตรงขอบกางเกงด้านหลังขึ้นมาป้องกันตัวทว่าทุกอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ไม้หน้าสามลอยลิ่วออกจากความมืดฟาดไปที่ไหล่ของคนถืออาวุธจนปืนที่กำลังชักออกมาหลุดมือร่วงลงพื้น


“ไอ้เลว!”น้ำเสียงห้าวหาญเด็ดเดี่ยวดังพร้อมชายหนุ่มกระโจนยืดฝ่าเท้ายันเข้าที่อกของลูกพี่โจรเซถอยหลังติดกำแพงฟาโรจงใจจะยันเท้าใส่อีกครั้งทว่าโจรผู้นั้นไหวตัวทันพลิกกายหลบอย่างรวดเร็วและเตะสวนเข้าที่หลังของฟาโร เมื่อได้โอกาสโจรลักพาตัวก็กระโจนเข้าหาและดันให้ฟาโรจนมุมติดกำแพงกำปั้นหนักเหวี่ยงเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลาจนเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย


ฟาโรสวนหมัดกลับพร้อมเตะคู่ต่อสู้จนล้มตึงโดยฟาโรไม่คิดยั้งแรงง้างขาเตะเข้าที่ใบหน้าของโจรผู้นั้นอีกผัวะจนสลบคาฝ่าเท้าไปอีกคนดาราหนุ่มยืนหอบเหนื่อยเมื่อกวาดตามองไปรอบบริเวณให้แน่ใจว่าวายร้ายทั้งสามจะไม่ลุกขึ้นมาอีก


“อ่อนแอชะมัด”ฟาโรค่อนแคะคู่ต่อสู้ที่ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือแบบหมาหมู่ใส่เขาด้วยซ้ำ ดาราหนุ่มก้มหยิบปืนเก็บไว้กับตัวพร้อมเดินข้ามร่างกายของโจรที่นอนนิ่งและมองด้วยหางตาการต่อสู้กับศัตรูคงสวยงามหากอยู่ระหว่างถ่ายภาพยนตร์ ฟาโรยกยิ้มมุมปากรู้สึกภูมิใจตนเองที่ได้นำวิทยายุทธในการป้องกันตัวและการต่อสู้จากการถ่ายหนังถ่ายละครมาใช้ในคราวจำเป็น


“ลุกไหวหรือเปล่า”น้ำเสียงแผ่วและแววตาอ่อนโยนทอดมองหญิงสาวที่เขาพยายามช่วยประคองให้ลุกขึ้นแววตาที่ไร้กรอบแว่นดูสับสนและงุนงงเมื่อยังไม่สิ้นฤทธิ์ของยาสลบ


ศศิชารวบรวมกำลังอีกครั้งเพื่อพยุงตนเองให้ลุกยืนโดยไม่อยากเป็นภาระแก่บุคคลที่ช่วยเหลือมากนัก หญิงสาวเหลือบมองรอบสถานที่ไม่คุ้นชินและมองโจรลักพาตัวที่นอนแน่นิ่งโดยไม่ทราบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่จนชำเลืองมองคนตัวสูง เสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาดูมุ่งมั่นจริงจังกับการช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากอันตราย


=====

แรงน้ำสาดซัดกระทบลงบนใบหน้าของบุรุษที่หลับไหลไม่ได้สติ “ท่านซันเซ็ท! ท่านต้องดึงตนเองออกจากห้วงนิทราเดี๋ยวนี้!”เสียงของเด็กชายแผ่วเบาข้างหูทำให้คนหมดสติยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมขยับร่างกายคิ้วดกดำขมวดชิดกันแสดงถึงความปวดปร่าที่ศีรษะเป็นอย่างมาก


แววตางุนงงเหลือบมองไปด้านข้างเมื่อถูกมือของใครสักคนจับข้างแขนของเขาเขย่าอย่างแรงและถี่รัวเมื่อตั้งสติได้คำแรกที่ซันเซ็ทกล่าวเรียก “นีโอ”นามของเด็กชายที่พยายามเรียกเขาอย่างร้อนรน “เกิดอะไรขึ้นกับข้า”ซันเซ็ทถามระหว่างทวนความคิดก่อนหน้านี้ที่พอจำได้เลือนราง


“ท่านถูกน้ำพิษที่นอร่านำมาจากโลกเบื้องล่างให้ดื่มจนหมดสติไป”ซันเซ็ทคิดตามคำพูดของนีโอพร้อมย้อนเรื่องราวเมื่อนึกได้คร่าวๆนอร่าประสงค์ให้เขาลิ้มลองน้ำสมุนไพรปรุงใหม่ โดยไม่คิดว่าจะถูกนางเล่นงานอย่างนี้แม้พยายามค้นหาเหตุผลว่าเหตุใดนอร่าจึงทำเช่นนั้นทว่าเรื่องที่ใหญ่กว่าก็วิ่งผ่านสมองจนเขายอมสลัดความคิดเกี่ยวกับน้ำพิษทิ้งไปก่อนรอเรื่องสำคัญผ่านพ้นและจบลงด้วยดีเขาคงได้สะสางกับนาง


“ข้าขอบใจเจ้ามากนีโอที่ช่วยเหลือข้า”ซันเซ็ทยกมือตบไหล่ของเด็กชายพร้อมพยุงตนเองลุกจากพื้นเรือนที่เขาถูกนีโอผลักให้ตกลงมาระหว่างยังหมดสติไม่รับรู้สิ่งใด


“ท่านไม่ต้องขอบใจข้าหรอกข้าอยากเอาคืนนอร่าบ้างก็เท่านั้นเพราะน้ำพิษที่นางนำมาทดลองกับข้าก่อนจะให้ท่านดื่มทำให้ข้าจมนิทรากว่าสองราตรีสิ่งของจากโลกเบื้องล่างช่างร้ายกาจยิ่งนัก” ซันเซ็ทระบายยิ้มพลางนึกในใจมันก็แค่ยาสลบที่ทางการแพทย์ใช้เพื่อรักษา แต่มนุษย์บางคนนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ในทางที่ผิดเท่านั้น


“ไว้ข้าจะมาเจรจากับเจ้า”ซันเซ็ทรวบรวมกำลังก้าวเดิน แต่ถูกมือของเด็กชายคว้าไว้และมองเขาด้วยสายตาละห้อย


“ข้าได้ยินว่าท่านจะไม่กลับมายังโลกนี้อีก”นีโอกล่าวด้วยน้ำเสียงสลดทำให้ซันเซ็ทมองต่ำแต่ไม่อธิบายสิ่งใดให้กระจ่าง “ข้าไม่อยากให้ท่านโกรธเคืองนอร่านางคงไม่อยากให้ท่านจากไปเช่นข้า”


“มันเป็นหน้าที่ของข้าพวกเจ้าคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”


“อย่างนั้นท่านจงรีบไปช่วยเซเลเน่เถอะท่านพ่อกำลังติดตามเอียนไปเพื่อช่วยท่าน” ซันเซ็ทพยักหน้ารับรู้และเตรียมหันหลังเดินจากไปเสียงของนีโอก็รั้งเขาไว้อีกครั้ง “ดูท่านยังไม่หายมึนอยากได้สิ่งนี้ไว้ช่วยบรรเทาหรือไม่”หลอดทรงกลมเป็นแท่งยาวขนาดพอเหมาะมือสีขาวถูกยื่นส่งให้ สร้างความประหลาดใจแก่ซันเซ็ทจนเขาต้องเลิกคิ้วถามไถ่ว่ามันคือสิ่งใด


“ข้าแอบหยิบของนอร่ามานางเรียกมันว่ายาดม เห็นว่าบรรเทาอาการวิงเวียนได้” ซันเซ็ทหลุดยิ้มพร้อมนำมือขยุ้มผมของเด็กชายก่อนผละจากไปทำให้นีโอลอบถอนใจเบาๆ อย่างมีความหวังว่าซันเซ็ทคงกลับมาพบเจอกับเขาในสักวัน


=====

ฟาโรประคองร่างบอบบางจนมาหยุดนั่งตรงด้านหน้าอาคารรกร้างเขากดโทรศัพท์เพื่อส่งข่าวให้นลัทรับรู้ถึงความปลอดภัยของศศิชาและสั่งการให้นลัทนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับคนร้ายเพื่อสืบสาวไปยังต้นเรื่องตัวการใหญ่อีกครั้งเมื่อการสนทนาสิ้นสุดฟาโรก็เดินกลับมาหาศศิชาที่มองเขาคล้ายมีบางอย่างอยากพูดจา


คนตัวสูงพิงซากตึกอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนและจ้องมองหญิงสาวที่ขยับเข้าใกล้เขา“คุณบาดเจ็บเพราะช่วยฉัน” ศศิชากล่าวเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด


“ก็แค่มดต่อยไม่ตายหรอกน่า”ฟาโรเบือนหน้าหนีเมื่อหญิงสาวนำมือแตะสัมผัสที่มุมปากอย่างแผ่วเบา


ศศิชาก้มมองกระเป๋าเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาเธอนำผ้าผืนนั้นซับเลือดซิบให้กับฟาโร


ดวงตาทรงเสน่ห์หันกลับมามองหญิงสาวเบื้องหน้าอีกครั้งนิ่งๆแม้ความใกล้ชิดจะทำให้หวิวไหวในใจอยู่บ้างแต่เขาก็พยายามควบคุมความรู้สึกไว้ผิดกับหญิงสาวที่รู้สึกร้อนอุ่นไปทั่วใบหน้าเมื่อสายตาคมเข้มสีน้ำทะเลคู่นั้นจ้องมองทางเธอไม่กะพริบและนับว่าโชคดีเมื่อความมืดสลัวทำให้เขาไม่เห็นสีหน้าแดงระเรื่อของเธอ


ฟาโรยกมือรวบข้อแขนของศศิชาและกุมไว้ก่อนจะดึงร่างกายของเธอขยับเข้าใกล้ในระยะประชิดตัวแม้ศศิชาจะขืนแรงอยู่บ้างแต่ความวูบไหวในหัวใจกลับทำให้เธอยอมสยบแก่เขาแต่โดยดีราวกับถูกมนตร์สะกดให้ยอมทำตามคำสั่งที่ถ่ายทอดออกจากสายตาว่าอย่าขัดขืน


ฟาโรนำมืออีกข้างที่ว่างเปล่าโอบรวบเอวอ้อนแอ้นและดึงศศิชาให้ใกล้กว่าเดิมพร้อมเลื่อนมืออีกข้างวางบนต้นคอระหงดึงให้เธอโน้มกายเข้าหารอยสัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากที่เผยอรับจนค่อยๆอุ่นร้อนตามอารมณ์ปรารถนาความดูดดื่มของจุมพิตจนไม่อยากทอดถอนสักนาทีลมหายใจรดรินอย่างแผ่วเบาและเริ่มติดขัดจนหญิงสาวต้องยอมถอนริมฝีปากออกก่อนจะหมดลมหายใจ


หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นระรัวแทบขาดหวิ่นพร้อมหลบสายตาอย่างเขินอายเสมองทางอื่นเธอยังรับรู้รสชาติของเลือดจางๆ ระหว่างรับรสจูบแสนหวานนั้น


ฟาโรนำปลายนิ้วโป้งเช็ดปาดริมฝีปากบางของเธอเบาๆ“แค่ถูกดาราจูบถึงกับใจเต้นแรงขนาดนี้เลยว่างั้น”ฟาโรระบายยิ้มเมื่อแสงสลัวพอทำให้เห็นว่าพวงแก้มของหญิงสาวตรงหน้าเกิดสีแดงระเรื่อกอปรกับท่าทางประหม่าของเธอ


“คุณก็แค่แหย่ฉันเล่นเหมือนทุกทีสินะ”ศศิชาเอ่ยพูดจาคล้ายแก้เขินทำให้ฟาโรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง


“ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกพิเศษกับเธอทั้งที่เธอก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่าผู้หญิงที่ฉันเคยควง เธออาจไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ เธอก็มีความหมายกับฉันมากกว่าที่ฉันคิดซะอีกและฉันจะไม่หลีกความรู้สึกเหล่านั้นอีกแล้ว” แววตาอ่อนโยนกับคำพูดที่หลอมละลายกำแพงซึ่งเธอพยายามสร้างเพื่อเป็นเกราะกำบังความเจ็บปวดหากยังคิดจะรักดาราดังอย่างเขาที่อาจอยู่ไกลจนสุดเอื้อมทว่านาทีนี้เขากับเผยความรู้สึกให้เธอได้รับรู้


‘ช่างเป็นประโยคเปรียบเปรยในการกล่าวคำว่ารักที่แนบเนียนที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา’เสียงกังวานจากด้านหลังดึงให้ศศิชารีบหันขวับในทันทีโดยเธอพยายามนำร่างกายของตัวเองปิดบังฟาโรไว้เพื่อปกป้องเมื่อเห็นปีศาจร้ายยืนแสยะยิ้มส่งให้จากบนเศษซากอาคารอีกฝั่ง


“เอียน!”สายตาดุดันและท่าทางอำมหิตทำให้ศศิชาจำได้ขึ้นใจโดยที่ฟาโรมองหญิงสาวเบื้องหน้าที่กระสับกระส่ายคล้ายหวาดกลัวอะไรสักอย่างซึ่งไม่มีตัวตนสำหรับเขา


“เธอเป็นอะไร”ฟาโรถามพร้อมจ้องมองไปตามจุดเดียวกับที่ศศิชามอง


“คุณไม่เห็นปีศาจร้ายหรือไง”ศศิชารีบโต้ตอบทันที และวินาทีนั้นเธอก็นึกถึงซันเซ็ทขึ้นมาหญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจขอให้ซาตานผู้พิทักษ์มาช่วยเหลือเธอได้ทันเวลา


‘บริวารของข้าจงทำลายภูติพิทักษ์ที่อยู่ในร่างกายของนางให้สิ้นซากเดี๋ยวนี้’ เสียงกังวานของเอียนทำให้ศศิชาต้องยกมือปิดข้างหูเพื่อตั้งสติว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาและยังไม่ทันที่ฟาโรจะเข้าใจทุกอย่างร่างของเขาก็ถูกแรงมหาศาลปัดกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้นดินจนต้องนอนดิ้นเพราะความเจ็บจุกที่ทำให้ร้องไม่ออก


“อย่าทำเขานะ!”ศศิชาเตรียมถลาเข้าช่วยเหลือชายหนุ่มทว่ากลับถูกมือแข็งแรงคว้าแขนของเธอเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด


ฟาโรพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นแต่ต้องนอนราบกับพื้นอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้ากดร่างกายเอาไว้เขาพยายามมองไปรอบบริเวณและต้องตกตะลึงเมื่อบุคคลที่เดินเข้ามารุมล้อมเขาเป็นโจรลักพาตัวที่มีดวงตาแดงก่ำราวกับไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นทุกคนเปลี่ยนไปจากที่เขาเคยกำราบจนอยู่หมัดกล้ามแขนเป็นมัดขยายใหญ่จนเสื้อผ้าที่ใส่ปริขาด ตัวสูงกว่าที่พบเห็นในครั้งแรกและแรงมือกับแรงเท้าก็มากมายมหาศาลเสียเหลือเกิน


เส้นผมทรงรากไทรถูกกระชากให้เงยหน้าขึ้นเมื่อโจรลักพาตัวโน้มกายเข้าใกล้ฟาโร“แกคิดว่าจะสู้พวกฉันได้อย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!”สิ้นเสียงเจรจาใบหน้าคมคายก็ถูกจับกระแทกกับพื้นฟาโรพ่นลมหายใจจนเศษฝุ่นและผงธุลีกระจายฟุ้ง


“หยุดนะ!อย่าทำเขา!” ศศิชาส่งเสียงปรามอีกครั้งแต่เพียงไม่นานร่างบอบบางก็ถูกสองมือของวายร้ายจับข้างแขนและยกเธอลอยจากพื้นดิน“ไอ้บ้าปล่อยฉันลงนะ!” ศศิชาพยายามสะบัดร่างกายเหวี่ยงแขนขาเตะต่อยแววตาวาวโรจน์สีแดงก่ำจ้องเธอพร้อมกับชกเข้าที่ท้องน้อยอย่างแรงจนเจ็บจุกและระบมไปทั้งร่างกาย


“สารเลว!”ฟาโรขัดขืนและพยายามจะวิ่งไปหาศศิชาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังตกที่นั่งลำบากแต่เขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเช่นกัน ร่างกายถูกดึงให้ลุกขึ้นและกำปั้นหนักก็ชกซ้ายขวาที่ใบหน้าของเขาจนมองเห็นดาวลอยเด่นเต็มศีรษะ


ทั้งศศิชาและฟาโรต่างร้องวอนขอให้ยุติการกระทำรุนแรงกับอีกฝ่ายโดยไม่นึกตนเองและขอให้เลิกทำร้ายคนที่ไม่มีกำลังต่อสู้หญิงสาวเหลือบมองท้องของตัวเองทั้งที่เวลานี้ร่างกายชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดกำปั้นอีกหลายหมัดชกเข้าที่ท้องของเธอทำให้สัญชาตญาณความเป็นแม่เริ่มปกป้อง


ศศิชาพยายามงอตัวเพื่อป้องกันไม่ให้วายร้ายทำลายท้องของเธอสติสัมปะชัญญะที่พอหลงเหลือห่วงแต่ ‘ลูก’ ที่รอเวลาลืมตาดูโลก“อย่านะ...อย่าทำร้ายเขา” น้ำเสียงแผ่ววิงวอนทั้งที่แรงจะเอ่ยพูดยังไม่มีเธอหยุดการดิ้นรนเพื่อยอมปกป้องอีกหนึ่งชีวิต “ได้โปรดอย่าทำร้ายลูกของฉัน”คำพูดที่พยายามฝืนใจเอ่ยออกมาก่อนจะหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับน้ำตาหลั่งออกมาเป็นทางอย่างสุดกลั้นในเมื่อเธอเก็บความเข้มแข็งไม่อยู่อีกต่อไป “จะทำร้ายฉันยังไงก็ได้แต่อย่าทำร้ายเขากับลูกของฉัน” ศศิชาเม้มปากกลืนสะอื้นในลำคอทั้งที่พยายามงอตัวเพื่อปกป้องท้องของตัวเองอย่างนั้นทว่ามนุษย์ที่ถูกปีศาจร้ายครอบงำไม่มีความรู้สึกใดนอกจากความอำมหิต


ฟาโรถูกซ้อมจนหมดสติศศิชาถูกจับค้างกลางอากาศจนขยับเคลื่อนไหวไม่ได้สร้างความพอใจให้กับเอียนเป็นอย่างมาก เมื่อแผนการที่วางไว้กำลังจะสำเร็จลุล่วง


‘ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้ไหนละซันเซ็ท นางที่เจ้าห่วงนักห่วงหนา ชายที่เจ้าพยายามปกป้องชีวิตเพื่อจะสลับดวงวิญญาณในอนาคตเจ้าดูแลสิ่งใหญ่หลวงได้เท่านี้หรือ’เอียนเปล่งเสียงหัวเราะดังกึกก้องเมื่อคิดว่าตนกำลังเป็นฝ่ายชนะ


จู่ๆแสงสว่างก็สาดสะท้อนแว้บลงมาวูบหนึ่งก่อนที่ร่างใหญ่ของโจรลักพาตัวทั้งสามจะกระเด็นไปคนละทิศคนละทางบุรุษผู้มากับปีกใหญ่ดำสยายกระพือกลางอากาศจ้องมองไปทางเอียนอย่างโกรธจัดจนเปลวไฟลุกโชนรอบร่างกายนัยน์ตาที่เคยเป็นสีสนิทแปรเปลี่ยนเป็นแดงเพลิงวาวโรจน์ไม่ต่างกับอารมณ์แค้นที่โหมขึ้นมาอย่างรุนแรง


ซันเซ็ทหายตัวจากบนฟ้าและมายืนอยู่ข้างศศิชาพร้อมกับโอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดก่อนจะพาเข้าไปวางใกล้ร่างหมดสติของฟาโรที่ฟุบหมอบกับพื้นด้วยสภาพย่ำแย่ซันเซ็ทเสกสร้างม่านพลังบางๆเป็นครึ่งวงกลมครอบมนุษย์ทั้งสองเอาไว้ก่อนจะเริ่มเปิดศึกกับเอียนอย่างเต็มตัว


=====

“นีโอ!เจ้าเด็กบ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำอะไรลงไป!” นอร่าแผดเสียงดังพร้อมถลึงตาดุดันใส่น้องชายเมื่อทราบว่าเขาช่วยเหลือซันเซ็ทให้ฟื้นจากยาสลบที่วางไว้และส่งให้เขาเดินทางไปยังโลกมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่นางอยากขัดขวางอย่างถึงที่สุด

“เจ้านั่นละทำอะไรเหตุใดจึงใช้น้ำพิษทำร้ายท่านซันเซ็ท เพียงเขาไม่ถือโทษโกรธเจ้าเพราะข้าขอร้องไว้ก็ดีเท่าไรแล้วนอร่า”


นอร่ากำมือแน่นด้วยความโกรธพร้อมส่งสายตาเขียวปั้ดที่ส่อแวววูบไหวรู้สึกผิดในแววตาคู่นั้นก่อนจะสะบัดหน้าหนี“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่ามาอวดดี และไม่ต้องทวงบุญคุณที่ข้าไม่ชอบใจสักนิด”


“ทำไมข้าจะไม่รู้ว่าพวกท่านคิดทำสิ่งใดกันอยู่ไม่ว่าจะท่านพ่อ ท่านซันเซ็ท หรือแม้แต่เจ้าเองนอร่า” นีโอกล่าวอย่างฉะฉาน“ทุกฝ่ายล้วนมีสิ่งที่ต้องการด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่าเลือกทำในทางที่ผิดสินอร่า”


“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้า!”นอร่าตวาดแว้ดพร้อมตวัดสายตาดุดันใส่อีกครั้งเด็กชายผู้นี้จะมาเข้าใจจิตใจนางได้อย่างไรว่ากำลังจะสูญเสียบุคคลที่เฝ้าติดตามด้วยความรักไปตลอดกาลในกี่ไม่อีกอึดใจข้างหน้านี้แม้ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งการได้เห็นซันเซ็ทอยู่ในสายตาต่อไป ต่อให้ทำผิดอย่างไรนางก็ยอม


“เจ้าน่าจะรู้ดีแกใจที่สุดว่าท่านซันเซ็ทรักเซเลเน่มาเนิ่นนานกี่ศตวรรษเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องและอยู่เคียงข้างนาง แม้แต่เอียนยังไม่อาจทำลายทั้งสองได้แล้วเจ้าคิดว่าตนเองจะสู้ความรักยิ่งใหญ่นั้นได้หรือนอร่า”


“เจ้าจงคอยดูว่าความรักของข้าที่มีต่อซันเซ็ทจะยิ่งใหญ่กว่าเซเลเน่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างไร”กล่าวจบนอร่าก็กระแทกเท้าเดินจากไปอย่างขัดใจเพื่อติดตามซันเซ็ทลงไปยังโลกมนุษย์ความช่วยเหลือของนางคงสื่อความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้ซาตานตนนั้นได้รับรู้บ้างว่านางไม่อาจยอมให้เขาจากไปชั่วกัปชั่วกัลป์


“ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าอานุภาพของความรักจะทำให้จิตใจดีงามกลายเป็นชั่วร้ายได้ถึงเพียงนี้สักวันข้าคงได้รู้จักความรักแท้จริงมากกว่าเจ้านะนอร่า”นีโอพึมพำพร้อมมองตามหลังพี่สาวจนพ้นสายตา


=====

มีต่อด้านล่างค่ะ 




Create Date : 15 พฤษภาคม 2557
Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 9:52:56 น.
Counter : 604 Pageviews.

3 comments
  
สายฟ้าสว่างแว้บพุ่งทยานจากเบื้องบนสู่เบื้องล่างเป็นลำแสงมากมายจนนับไม่ถ้วน ลมโหมจนทุกอย่างพัดปลิวคนละทิศทางราวกับเกิดพายุบ้าคลั่ง สายตาดุดันสองคู่จ้องมองกันอยู่กลางฟ้าที่ถูกกลุ่มเมฆดำทะมึนปิดกั้นความสว่างไม่ให้เล็ดลอดออกจากผืนฟ้ากว้างใหญ่



ทั้งปีศาจและซาตานต่อสู้กันจนทุกอย่างแทบพังพินาศ รอบบริเวณเกิดเปลวไฟโหมไหม้ ซากตึกพังถล่มย่อยยับ แต่ยังไม่รู้แพ้ชนะแต่อย่างใด



‘ที่เจ้าคิดจะทำลายข้ามันไม่ง่ายไปหน่อยหรือซาตานผู้ทรยศ เพียงแค่เจ้าปกป้องนางมันก็ผิดมหันต์กับการฝืนคำสั่งของข้า แต่เจ้ากลับหลงรักนางซึ่งทำลายความภักดีที่มีต่อข้า มันยิ่งไม่สมควรให้อภัยอย่างยิ่ง’ เอียนคำรามเสียงดังพร้อมกับฟ้าร้องครืน หมู่ก้อนเมฆดำแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดจนแดงฉานไปทั่วทั้งฟ้า ต่อให้เอียนเอ่ยวาจาอย่างไรก็ไม่อาจทำให้ความบาดหมางระหว่างกันยุติได้อีกแล้ว นอกจากดวงวิญญาณสูญสลายเท่านั้น



‘ดวงวิญญาณกี่พันแสนดวงที่เจ้าตามเก็บมาทั้งชีวิตเพื่อใช้พลังงานเหล่านั้นปิดกั้นโลกปีศาจของข้า เจ้าอย่าได้เหิมเกริมว่ามันจะง่ายดายอย่างนั้น ลำพังความดีที่เจ้าพยายามสั่งสมมันไม่ช่วยให้เจ้าชนะข้าได้’ เอียนหัวเราะอย่างสะใจเมื่อเห็นเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่รอบกายของซันเซ็ทไม่ได้ลดลงแต่กลับโหมรุนแรงมากขึ้นด้วยแรงโทสะที่อยากปลดปล่อยเต็มที



‘แล้วดวงวิญญาณสุดท้ายที่เจ้าต้องใช้เพื่อทำการใหญ่คือมนุษย์โลกที่เจ้าหมายตาผู้นั้น ใช่หรือไม่’ เอียนปรายสายตามองไปยังฟาโรที่นอนแน่นิ่งอยู่เบื้องล่างก่อนจะเหยียดมองซันเซ็ทอย่างดูแคลนอีกครั้ง ‘ช่างน่าขันสิ้นดี มนุษย์ผู้ต่ำต้อยกับดวงวิญญาณที่หายสาปสูญไปกว่าครึ่งจนหัวใจชำรุดไม่อาจเยียวยารักษาได้ ไม่รู้ว่าท่านธีอาเห็นดีเห็นงามอะไรกับเจ้านักจึงยอมเลี้ยงดูมนุษย์ผู้นั้นที่เจ้าหมายเก็บวิญญาณ แล้วเทพีแห่งจันทรารู้หรือไม่ว่าดวงใจของนางกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะชายที่นางหลงใหลในโลกปัจจุบันกำลังจะถูกบุคคลอันเป็นที่รักในอดีตปลิดชีพในอีกไม่ช้า’



“ใครบอกเจ้าว่าดวงวิญญาณสุดท้ายคือมนุษย์ผู้นั้น แต่ดวงวิญญาณที่จะจบเรื่องทุกอย่างคือเจ้าต่างหากเอียน” ซันเซ็ทกระพือปีกพร้อมดิ่งกายลงต่ำก่อนจะพลิกกายและพุ่งทยานเข้าหาปีศาจที่ไม่ทันระวังตัวพร้อมกับโบกมือดึงสายฟ้าทั้งหมดให้รวมเป็นสายขนาดใหญ่โอบมัดเอียนไว้จนดิ้นไม่หลุด



แสงสว่างเรืองรองสีทองฟาดลงมาจากกลุ่มเมฆทะมึนจนความแดงฉานถูกลำแสงสีทองนั้นกลืนกิน เม็ดฝนโปรยปรายจากท้องฟ้าพร้อมกับสายฟ้าสว่างแว้บวับเป็นระยะเมื่อถึงเวลาดึงเหล่าปีศาจที่หลงเหลืออยู่ในโลกมนุษย์กลับสู่ขุมนรกอเวจี



“ดวงวิญญาณของปีศาจตนนี้เจ้าจงมอบให้ข้าเพื่อนำมันกลับสู่ใต้ธรณีไม่มีวันได้ฟื้นคืนอีกชั่วกัลปาวสาน” ท่านธีอาปรากฏกายอยู่กลางฟ้าข้างซันเซ็ทและเอียนที่กำลังยื้อยุดกำลังระหว่างกัน



เปลวเพลิงในแววตาของซันเซ็ทยังลุกโชน เขาเหยียดแขนส่งพลังงานทั้งหมดในร่างกายซึ่งเป็นดวงวิญญาณสะอาดนับล้านกัดกินร่างของเอียนจนปีศาจตนนั้นดิ้นทุรนทรายเกิดเป็นประกายงดงามสีขาวส่องสว่างเป็นประกายระยิบระยับเมื่อวิญญาณทุกดวงถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยสู่ฟ้า



“ข้าขอส่งหน้าที่ต่อให้แก่ท่าน” น้ำเสียงแผ่วพลิ้วและดวงตาเปล่งประกายจ้องมองท่านเจ้าเมืองที่ซันเซ็ทยอมให้เข้าช่วยเหลือกับการปิดกั้นโลกทั้งหมด



ท่านธีอาระบายยิ้มพร้อมกับสื่อสารทางจิตฝากดูแลเซเลเน่หลังจากนี้ เทพปกครองโลกแห่งรัตติกาลที่ความมืดมิดค่อยๆ สูญสลายกลายเป็นความงดงามกลับมาอีกครั้งเมื่อปีศาจทั้งหมดถูกดึงกลับยังเส้นกั้นโลกรวมทั้งเอียนที่ถูกสายฟ้ามัดรอบกายไว้แน่นจนร่างแทบแหลกสลาย ท่านธีอาทยานดิ่งสู่พื้นดินเบื้องล่างและนำพาเอียนทะลุมิติเส้นกั้นโลกมนุษย์เข้าสู่ชั้นภูมินรกในที่สุด



ซันเซ็ทที่รอบกายมีแต่เปลวไฟ ล่องลอยอยู่กลางอากาศเพื่อดูเหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายกลับเข้าสู่ชั้นแดนสวรรค์จนแสงสว่างค่อยๆ ลาลับกลับมามืดมิดอีกครั้ง เปลงเพลิงภายในดวงตามอดลงพร้อมมองลงเบื้องล่าง พลังที่เคยมีเหือดหายและหมดลงในทันทีเมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ร่างของซาตานค่อยๆ เลือนสลายเช่นกัน



=====



เสียงไซเรนรถตำรวจและรถพยาบาลพร้อมหน่วยกู้ภัยต่างมุ่งหน้ามายังตึกร้างที่ได้รับแจ้งเหตุกับการลักพาตัวดังแว่วมาแต่ไกล หญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนร่างกายของดาราหนุ่มที่แน่นิ่งเช่นกันกำลังครุ่นคิดถึงภาพเหตุการณ์ระหว่างซาตานและปีศาจต่อสู้กัน โดยทั้งสองใช้พลังจากสายฟ้าและเปลวไฟฟาดฟันใส่กันราวกับภาพยนตร์ที่เคยดูบ่อยครั้งจนไม่อยากคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง



แสงสว่างสีขาวนวลซึ่งเป็นเกราะกำบังที่ซันเซ็นสร้างไว้เพื่อคุ้มกันเธอกับฟาโรทำให้ความเจ็บปวดตามร่างกายที่เคยมีไร้ความรู้สึกเป็นปลิดทิ้ง เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าลงมาเป็นสายทำลายทุกสิ่งรอบกายแม้กระทั่งปีศาจที่ครอบงำโจรลักพาตัวเหล่านั้นก็ถูกสายฟ้านั้นฟาดฟันจนล้มกองกับพื้นและเหตุการณ์สงบในที่สุด



เมื่อสติค่อยๆ เลือนรางเกือบดับวูบ วินาทีนั้นศศิชาเห็นนอร่าเดินผ่านม่านคุ้มกันที่ซันเซ็ทสร้างขึ้นเข้ามา สตรีผู้นั้นอังมือไปที่ท้องของเธอเบาๆ ราวกับลดความเจ็บปวด แววตาที่เคยเด็ดเดี่ยวของนอร่าดูเศร้าโศกจนศศิชารู้สึกแจ็บแปลบที่หัวใจ



“ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ฉันอยากให้เธอดูแลซันเซ็ท และช่วยบอกเขาทีว่าฉันจะเป็นเทพีแห่งจันทราเพื่อเขา จะเป็นเซเลเน่สำหรับเขาตลอดไป ฉันไม่รู้ว่าที่คอยคิดถึงแต่เขาเรียกว่าผูกพันหรือความรัก แต่ทุกอย่างมันคือความรู้สึกดีๆ ที่ฉันอยากให้เขารับรู้” ศศิชากล่าวอย่างล่องลอยคล้ายตนเองอยู่ในความฝัน



เธอจับมือของนอร่าขึ้นมาทาบวางที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองพร้อมน้ำตาค่อยๆ หลั่งริน “หัวใจดวงนี้จะยังเป็นของซันเซ็ทตลอดไป” เสียงสุดท้ายแผ่วเบาก่อนทุกอย่างจะเงียบสงบพร้อมสติดับวูบ



เสียงโหวกเหวกของผู้คนวิ่งกรูเข้ามายังที่เกิดเหตุต่างตกตะลึงไปตามกันเมื่อรอบด้านเกิดไฟโหม้โหมราวกับมีระเบิดรุนแรงทำลายล้างสถานที่ให้พังพินาศ ควันไฟลอยฟุ้งสู่ชั้นอากาศเมื่อสายฝนโปรยปรายตกลงมาดับไฟให้ค่อยๆ มอดช้าๆ


นลัทและวศินวิ่งเข้ามายังบริเวณที่ศศิชาและฟาโรนอนโอบทับกันอยู่อย่างรู้สึกกระวนกระวาย เสียงเรียกชื่อดังสะท้านกึกก้องด้วยจิตใจสั่นไหว “พี่วิน! เลดี้มีเลือดไหล!” หัวใจกระตุกวูบด้วยกันทั้งสองฝ่ายเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวที่นอนหมดสติพร้อมมีเลือดไหลลงตามขา



หน่วยแพทย์และพยาบาลเคลื่อนที่ต่างเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้นและนำศศิชาขึ้นเตียงเข็นไปอย่างเร่งด่วน โดยอีกหลายฝ่ายเข้าช่วยเหลือฟาโรเมื่อสำรวจตามร่างกายพบรอยแตกช้ำจนใบหน้าปูดบวมแทบจำไม่ได้ว่าเขาเคยเป็นดาราชื่อดังมาก่อน



“ยังมีคนรอดชีวิต” หนึ่งในโจรลักพาตัวนอนแน่นิ่งหายใจรวยรินเมื่อสายฟ้าที่ซันเซ็ทฟาดลงมานั้นเพื่อทำลายปีศาจร้ายที่สิงสู่มนุษย์จิตใจทราม ทว่าไม่ต้องถึงตายเมื่อเวรกรรมยังคงต้องลงโทษคนเหล่านั้นต่อไป



นอร่ายืนมองเหตุการณ์โกลาหลอยู่ไกลๆ ก่อนร่างกายของนางจะค่อยๆ เลือนสลายเมื่อถึงเวลาที่ครึ่งเทพอย่างนางต้องกลับไปอยู่ในที่ของตนเอง



“เจ้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายดูแลซันเซ็ทไม่ใช่ข้า ขอให้เจ้าโชคดี ลาก่อนพี่สาวข้า”



To be continued...

โดย: มาโซคิส วันที่: 15 พฤษภาคม 2557 เวลา:9:53:17 น.
  
แวะเข้ามา ทักทาย ในยามบ่าย
ร้อนคลี่คลาย หายอบอ้าว คราวก่อนฝน
น่งร่มไม้ อ่านนิยาย สบายตน
สายลมบน วนผ่านพริ้ว เย็นผิวกาย

แวะมาทักทายยามบ่ายจ้า

โดย: sarasiri IP: 124.120.130.4 วันที่: 15 พฤษภาคม 2557 เวลา:15:44:05 น.
  
ขอบคุณค่ะ คุณลุง
โดย: มาโซคิส IP: 1.47.0.48 วันที่: 16 พฤษภาคม 2557 เวลา:1:23:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments