เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 25

๒๕

ระวัง!!


ตั้งแต่เดินออกจากห้องเก็บเสื้อผ้าแฟชั่นที่ใช้ในกองถ่ายศศิชาได้แต่ยกมือเช็ดปากตนเองแรงๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยนึกเคืองต่อความเผลอไผลชั่ววูบกับรสจูบวาบหวามที่ไม่ได้นึกรังเกียจตรงกันข้าม...กลับยอมปล่อยใจหวิวไหวให้เคลิ้มตามเมื่อหักห้ามใจทันริมฝีปากเร่าร้อนจึงถูกลงโทษโดยการกัดจนเลือดไหลซิบ


ภาพของฟาโรในหลากหลายอิริยาบทยังวนเวียนซ้ำๆไม่ว่าจะเป็นแววตาดุดันเกรี้ยวกราด ท่าทางอยากเอาชนะ รวมถึงความร้ายกาจของคำพูดที่เชือดเฉือนจิตใจจนบอบช้ำและความคิดเหล่านั้นทำให้การตอบสนองของมือบอบบางช้าลงเรื่อยๆ จากที่เคยจงใจเช็ดขยี้ริมฝีปากแปรเปลี่ยนเป็นลูบไล้เบาๆ ด้วยหัวใจเต้นตึกตักเมื่อนึกถึงรอยจุมพิตอบอุ่นนั้น


“เลดี้!”เสียงคุ้นเคยทางด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อหลุดจากภวังค์ความคิดทั้งหลายในทันที นลัทเดินปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในมือกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่นเมื่อคนที่ต้องการพบเจอปรากฏอยู่ตรงหน้า“เจ้าบ้านั้นพาแกไปไหนมา!” สาวมาดเท่กระฟัดกระเฟียดถามไถ่อย่างร้อนรน


“ดี้...เอ่อ...ฟาโร”ศศิชาอึกอักและหลบเลี่ยงสายตาคาดคั้นเสมองทางอื่น ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแม้เธอไม่เคยปิดบังหรือคิดมีความลับกับนลัท ทว่าเรื่อง ‘จูบ’ คงพูดออกไปไม่ได้เด็ดขาดหนำซ้ำเรื่องของซาตานที่แปลงกายเป็นดาราชื่อดังยิ่งยากเย็นหากต้องอธิบายให้ฟัง


“อะไรของแกทำไมต้องอ้ำอึ้ง ฟาโรทำอะไรแกหรือไง!”นลัทคว้าแขนของเพื่อนเขย่าเบาๆ เมื่อเห็นแววตาหลุกหลิกชอบกล


“แล้วไมเคิลล่ะเห็นบอกจะรอดี้ที่ห้องของซี”


“ไม่ต้องห่วงไมเคิลหรอกรายนั้นเจอดาราสาวมาเทสหน้ากล้องก็วิ่งแจ้นไปป้อเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่แกเถอะไม่ต้องคิดเปลี่ยนเรื่องตกลงฟาโรพาแกไปไหนมา แล้วทำไมต้องปิดโทรศัพท์”ศศิชาทำตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์มือถือของเธอยังอยู่กับเขาทั้งที่ตั้งใจมอบผ้าพันคอถักเพื่อเป็นการจากกันครั้งสุดท้ายก่อนจะลาออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวแล้วแท้ๆยังเผลอลืมสมบัติของตนเองเสียได้


“ฟาโรยึดโทรศัพท์ของดี้ไปตั้งแต่ที่คุยกับซีนั้นละแล้ว...”


“แล้วอะไร?”นลัทปล่อยแขนของเพื่อนให้เป็นอิสระพร้อมยกมือกอดอกรอฟังคำอธิบาย


“แล้ว...เราจะคุยกันตรงนี้เหรอเรื่องที่ดี้อยากบอกซีมันเยอะแยะไปหมด หาที่อื่นคุยกันดีกว่าไหม”


“เอางี้ซีมีเทสดาราใหม่สองคน ขอเวลาชั่วโมงหนึ่งแล้วไปคุยกันที่ห้องทำงาน ตกลงไหม”ศศิชาพยักหน้าและมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาละห้อย อยากระบายสิ่งซึ่งค้างคาในใจ


ระหว่างทั้งสองเดินไปหน้าลิฟต์เพื่อลงไปยังหอประชุมใหญ่ตามที่ได้นัดหมายกับทีมงานคนอื่นไว้ตรงมุมกำแพงไม่ไกลกันมากนักยังมีสายตาของใครบางคนลอบมองทั้งคู่ไม่ละสายตา เขาทิ้งระยะห่างเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเฝ้ารอจังหวะและโอกาสเหมาะเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ใคร่รู้


==== 


ในห้วงอนธการที่ไม่เคยถูกความสว่างกล้ำกรายมาแล้วเนิ่นนาน อาการเย็นเยียบที่แตะผิวกายซีดขาวราวกับกระดาษไม่มีผลทำให้ความร้อนระอุจากพิษไข้ลดลงแม้แต่น้อยบุรุษผู้ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับปีศาจร้ายจำยอมต้องหลบพักรักษาตัวให้พลังฟื้นกลับมาอีกครั้ง


ซันเซ็ทนอนกระสับกระส่ายด้วยเม็ดเหงื่อผุดพรายบนใบหน้าคิ้วดกหนาขมวดยุ่งจนหัวคิ้วแทบจะชิดติดกัน ริมฝีปากที่เคยแดงจัดกลับกลายเป็นซีดไร้เลือดฝาดพร้อมขยับเรียกชื่อใครสักคนแผ่วเบาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะตะโกนสุดเสียงแหบพร่า


“เซเลเน่!!”ร่างสูงดีดกายลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตกใจเมื่อภาพนิมิตรที่เห็นคือหญิงสาวซึ่งหลุดเรียกชื่อเมื่อครู่นี้กำลังถูกใครสักคนทำร้ายโดยการทุ่มของหนักใส่ซันเซ็ทหายใจแรงๆราวกับเหนื่อยหอบ รู้สึกกังวลใจอย่างมากจนต้องสืบเท้าลงจากเตียงฟูกขนาดใหญ่โดยไม่ทันเห็นใครอีกคนที่ดูแลเขาตลอดเวลาตั้งแต่เผลอหลับไป


“ท่านจะไปไหน”นอร่ายืนพิงกำแพงใกล้กับเตียงนอนมองซันเซ็ทและถามไถ่อย่างใจเย็นเมื่อรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าเขาต้องการหรือคิดทำสิ่งใดหากคนป่วยปางตายยังดื้อดึงลุกจากเตียงนอนคงต้องห้ามปราบกันบ้าง


“ข้าจะไปหาเซเลเน่นางกำลังตกอยู่ในอันตราย”ซันเซ็ทร้อนรนจะลุกขึ้นยืนทั้งที่ฝืนต่อความเจ็บปวดที่ยังไม่มีแววจะหายเป็นปกติทว่ากลับล้มทั้งยืนจนนอร่าต้องรีบเข้ามาช่วยประคองบุรุษที่มีอาการเจ็บหนักให้นอนลงตามเดิม


“พลังของท่านยังไม่ฟื้นคืนข้าคงให้ท่านผ่านแดนโลกไปหานางไม่ได้”


“เจ้าไม่มีสิทธิ์ห้ามข้า”ซันเซ็ทพยายามเปล่งเสียงแหบแห้งข่มสตรีที่กำลังช่วยเหลือให้เขานอนอย่างจำใจแต่เพราะเรี่ยวแรงเหือดหายจึงต้องยินยอมอยู่นิ่งเฉยสักพัก


“ที่เซเลเน่ถูกเอียนตามเจอเป็นเพราะท่านข้ามเขตแดนไปพบนางบ่อยครั้งและท่านยังขัดคำสั่งท่านเจ้าเมืองธีอานำนางมายังโลกรัตติกาลแห่งนี้ทำให้ปีศาจทั้งหลายที่อยากได้วิญญาณของนางลุกฮือตามหาจนทั้งโลกปั่นป่วนเช่นนี้”


“เจ้าไม่ต้องเตือนข้านอร่าข้ารู้ว่ากำลังทำสิ่งใด” ซันเซ็ทเบือนสายตาหนีอย่างขุ่นเคืองเมื่อเหตุผลของนอร่าแทงใจดำ


ผ้าชุบน้ำเปียกหมาดถูกหยิบเช็ดให้ใบหน้าคมคายทว่าซันเซ็ทเบี่ยงหนีและยันกายลุกขึ้นนั่งนัยน์ตาสีสนิมส่อแววเย็นชาจนสตรีที่ลอบมองเขารู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ ความอ่อนโยนจากเขาไม่เคยมอบให้ใครนอกจากเซเลเน่เพียงคนเดียวเท่านั้น


ซันเซ็ทปัดมือของนอร่าเบาๆและประคองตัวเองลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกัดฟันเดินอย่างช้าๆออกจากห้องที่พักอาศัย ปล่อยให้เธอที่อยากช่วยเหลือมองตามหลังร่างสูงจนพ้นสายตาแม้นอร่าอยากห้ามปรามและเหนี่ยวรั้งให้เขาอยู่มากเพียงไร คงไม่มีประโยชน์หากจิตใจของบุรุษผู้นั้นไม่เคยอยู่ตรงนี้


===== 


ห้องโล่งกว้างกินพื้นที่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่มีบันไดเล็กๆต่อขึ้นชั้นบนซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆของบริษัทเอสพีโมเดลลิ่งสำหรับใช้ในกองถ่ายภาพยนตร์และงานทั่วไปทั้งเล็กใหญ่กำแพงรอบด้านเป็นกระจกส่องเงาสูงจรดชั้นสองที่มีกระจกใสกั้นเป็นราวกันตกสูงระดับเอวล้อมรอบลวดสลิงและนั่งร้านห้อยระโยงระยางเมื่อยังไม่ถูกใช้งานเบาะยางขนาดสามฟุตวางเรียงซ้อนกันหลายชั้นอยู่บนพื้นพรมสีน้ำเงิน


แสงไฟนีออนสว่างจ้าเมื่อทีมงานผู้เกี่ยวข้องในการเทสหน้ากล้องนักแสดงหน้าใหม่มารวมตัวอยู่ในห้องกระจกนั้นจนเกือบครบตามที่นัดหมายกันไว้นลัทผลักประตูเดินเข้าภายในห้องพร้อมผงกศีรษะรับการทักทายจากทีมงานรุ่นน้องโดยมีศศิชาเดินตามหลังมาติดๆ เธอส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี


“ว่าไงจ๊ะหนูเลดี้”ดรุนัยลากเสียงยาวพร้อมวิ่งปรี่เข้ามาโอบกอดศศิชาเมื่อกระแสข่าวเกี่ยวกับงานเลี้ยงฉลองทายาทเศรษฐีดังกระฉ่อนตามความคาดหมายของเธอ“เป็นถึงลูกหลานเศรษฐีก็ไม่เคยบอกกล่าวให้เจ๊รับรู้เลยนะ อิจฉาจริงจริ๊งอยากกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารบ้างจัง”


“เบาๆสิเจ๊ ดี้อายคนอื่น”


“องอายอะไรกันจ๊ะสวยรวยจนมีแต่คนอิจฉาแบบนี้ เป็นเจ๊จะเชิดใส่ซะเลย”ดรุนัยไม่พูดเปล่ายังออกท่าทางเชิดหน้าชูคอให้ดูเป็นตัวอย่างทำให้ศศิชาหลุดขำและนลัทได้แต่ส่ายหน้าเบาๆโดยทีมงานคนอื่นที่หันมามองแอบยิ้มอย่างเก็บอาการเกรงว่าหากขบขันมากจนเกินไปจะทำให้เจ๊มะดันแห่งวงการมายาโกรธเคืองได้ง่ายๆ


“เตรียมงานเรียบร้อยแล้วเหรอเจ๊มัวแต่ฝอยกับเลดี้แบบนี้ เดี๋ยวงานก็ล่าช้ากันพอดี”นลัทขัดจังหวะทำให้ดรุนัยสะบัดสายตาส่งค้อนเล็กน้อยก่อนจะกระแทกเท้าและก้าวเดินตามหลังนลัทอย่างรวดเร็ว


“อะไรกันผู้จัดการนลัทเห็นเจ๊เป็นพวกเม้าแตกหรือไงกัน”ดรุนัยยกแขนข้างที่ใส่นาฬิกาแล้วใช้มือจิ้มไปที่หน้าปัดย้ำๆ“แล้วดูซะก่อนอีกตั้งสามนาทีกว่าจะได้เวลาแอคติ้งแค่นี้ให้เจ๊พูดจาบ้างไม่ได้หรือไงกันฮ้า เดี๋ยวน้ำลายก็บูดพอดี”


“ก็ถ้างานเสร็จใครจะกล้าต่อว่าเจ๊ละ”


“เชอะ!เจ๊ไปเตรียมงานก่อนก็ได้ เงินเดือนเจ๊อยู่ในกำมือผู้จัดการนี่”ดรุนัยส่งค้อนอีกครั้งอย่างขัดใจก่อนจะสะบัดหน้าเชิดใส่นลัทและหันไปหาศศิชาพร้อมส่งสัญญาณโดยการขยับปากพูดจา‘ว่างเมื่อไรค่อยคุยกัน’ ทำให้ศศิชายกมือปิดปากขำขันพร้อมสะกดกลั้นไม่ให้หัวเราะออกมาดังๆ


โต๊ะไม้ตัวยาวมีเก้าอี้ตั้งเรียงรายห้าตัวสำหรับกรรมการตัดสินผลการคัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่โดยทุกคนที่มีหน้าที่นั่งประจำที่จนเกือบครบ ทว่ายังมีเก้าอี้วางอยู่อีกหนึ่งตัวที่ไม่มีใครจับจองนลัทหันซ้ายแลขวามองหากรรมการอีกหนึ่งท่านที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา


“มีใครเห็นฟาโรบ้าง”สาวมาดเท่เอ่ยถึงกรรมการอีกคนที่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกทำให้นักแสดงหน้าใหม่ที่เตรียมเทสหน้ากล้องส่งเสียงฮืออย่างให้ความสนใจมีเพียงศศิชาเท่านั้นที่ชะงักฝีเท้ากับที่พร้อมเงี่ยหูฟังให้แน่ใจอีกครั้งว่าที่ได้ยินไม่ผิดจริงๆฟาโรมีส่วนร่วมเป็นกรรมการในการคัดเลือกวันนี้


ศศิชายกมือขึ้นแตะริมฝีปากเมื่อภาพฟาโรฝากประทับรอยจุมพิตกลับมาเยือนในความคิดอีกครั้งเธอสะบัดหน้าเบาๆ เพื่อไล่ภาพเหล่านั้นให้เลือนสลาย คงไม่แปลกหากดาราดังอย่างเขาจะเข้ามามีบทบาทในการคัดเลือกนักแสดงรุ่นน้องและเธอก็ไม่มีสิทธิ์สั่งห้ามไม้ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวหากมันคือหน้าที่และความรับผิดชอบที่ฟาโรได้รับมอบหมายที่สำคัญยังต้องพบเจอกับเธออีกครั้งแม้อยากอยู่ให้ห่างไกลก็ตาม


“ไปตามฟาโรที่ห้องแต่งตัวที”เสียงตะโกนจากทีมงานคนหนึ่งดึงสติของศศิชาให้กลับมาอยู่กับตัวก่อนจะมองไปรอบบริเวณเพื่อหาที่หลบมุมจากบุคคลที่พยายามตัดใจมองเห็นเขา


ศศิชาเดินเลี่ยงกลุ่มทีมงานลัดเลาะไปตามกำแพงกระจกเรื่อยๆจนเริ่มห่างจากคนอื่นทุกที เสียงเรียกชื่อฟาโรอีกครั้งจากด้านหลังพร้อมเสียงซุบซิบที่ฮือดังของหญิงสาวหลายคนทำให้เข้าใจว่าเวลานี้เขาคนนั้นคงเข้ามาอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วศศิชาสาวเท้าเร็วกว่าเดิมและไม่หันหลังกลับไปมอง โดยไม่รู้เลยว่าฟาโรก็สอดส่ายสายตามองหาเธอตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา


ทว่า...สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อนัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบเห็นใครบางคนตรงชั้นบนกำลังแก้เชือกที่ผูกไว้กับขอบรั้วกั้นหวังจะปล่อยให้นั่งร้านล่วงหล่นลงมาอย่างจงใจ


“ระวัง!”ไม่ทันสิ้นเสียงตะโกนฟาโรก็วิ่งพรวดกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางความแตกตื่นของเหล่าทีมงานและนักแสดงหน้าใหม่พร้อมคว้าร่างบอบบางไว้ในอ้อมกอดจนทั้งคู่ล้มลงบนเบาะยางที่วางซ้อนกันอยู่โดยนั่งร้านหล่นลงมากระแทกพื้นจนชิ้นส่วนแตกหักกระจัดกระจายเต็มพื้น


“เลดี้!!”เสียงเรียกชื่อตื่นตระหนกดังประสานพร้อมนลัทและทีมงานบางส่วนรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ทันที


ศศิชาทำหน้าเหรอหราเมื่อถูกผลักให้ล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัวเพียงไม่กี่วินาทีฟาโรก็ขยับลุกขึ้นนั่งและดึงคนในอ้อมกอดขึ้นมา เมื่อใช้สายตาดุดันจ้องมองจนเห็นว่าเธอตรงหน้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเขาก็พรวดพลาดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางขึงขังก่อนจะสาวเท้าเดินขึ้นบันไดโดยไม่ใส่ใจใครบริเวณนั้นที่ยืนมองเขาเป็นตาเดียว


ศศิชาหันมองตามหลังคนตัวสูงทว่าหางตาก็แลเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ชั้นบนอีกฝั่ง เธอจึงหันไปเพ่งมองนัยน์ตาสีแดงก่ำมองมาทางเธอพร้อมเหยียดยิ้ม ผิวกายดำคล้ำราวกับสีของน้ำตาลไหม้ ผมเผ้ารุงรังยาวปะบ่าและเธอยังจดจำได้ดีว่าบุรุษผู้นั้นคือ...เอียน


เสียงหัวเราะกึกก้องผ่านโสตประสาทกังวานซ้ำไปซ้ำมาจนบาดแก้วหูหญิงหันมองรอบกายแต่ไม่มีทีมงานคนไหนมองตามจุดสนใจเดียวกับเธอ


‘ยังนับว่าโชคดีที่เจ้ารอดชีวิตอีกครั้งต่อให้ซันเซ็ทพยายามปกป้องเจ้าเพียงใด บริวารของข้าก็มีอยู่ทุกหนแห่ง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้เจ้า’ น้ำเสียงทรงอำนาจยอมเจรจากับหญิงสาวที่หมายปลิดชีวิตด้วยมนตราของซันเซ็ทที่เสกร่ายปกป้องศศิชาไว้ทำให้เอียนไม่อยากสูญเสียพลังที่ยังไม่ฟื้นกลับมาเป็นปกติหลังจากต่อสู้กับซันเซ็ทจนได้รับบาดเจ็บเจียนตาย


‘มนุษย์โลกที่มีจิตใจชั่วร้ายบางคนถูกข้าครอบงำและนำมาเป็นบริวารให้จัดการกับเจ้าได้มากมายแม้คราวนี้เจ้าจะรอดพ้น แต่อีกไม่นานวิญญาณและหัวใจของเจ้าต้องเป็นของข้า’ เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเอียนสาธยายเรื่องราวในการคิดทำร้ายศศิชาภาพลวงและน้ำเสียงหลอกหลอนยังคงดังกึกก้องไม่ขาดระยะ ทำให้ศศิชาพยายามตั้งสติเพื่อปัดทุกสิ่งที่คิดว่าเป็นเพียงมายาซึ่งสร้างความหวาดกลัวเท่านั้น


“แกมันสารเลว!”เสียงทุ้มตะโกนดังลั่นดึงให้ศศิชาหันกลับไปมองด้านบน ฟาโรกำลังเข้าไปกระชากคอเสื้อของชายหนุ่มอีกคนที่ทำสีหน้านิ่งเฉยและไม่คิดจะต่อสู้กับดาราหนุ่มแม้แต่น้อยศศิชานิ่งชะงักราวกับถูกสาปเมื่อชายหนุ่มอีกคนที่กำลังจะถูกทำร้ายคืออาร์ต“แกคิดจะทำอะไรกันแน่!” ฟาโรแผดเสียงดังอย่างอยากรู้คำตอบเกี่ยวกับความต้องการของอาร์ตที่จงใจทำร้ายผู้จัดการส่วนตัวของเขา


เมื่อทุกคนมุ่งความสนใจไปยังชายหนุ่มที่กำลังจะต่อสู้กันนลัทและทีมงานชายอีกสามคนพากันวิ่งกรูขึ้นไปห้ามปรามอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและสายตาดุดันไม่ได้ทำให้อาร์ตลนลานแววตานิ่งเฉยของเขาคล้ายคนไร้สติและปราศจากความคิดใดๆ ราวกับคนถูกสะกดจิตเหม่อลอยจ้องมองฟาโรอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ


“เฮ้!ใจเย็น” นลัทเข้ากระชากแขนของฟาโรที่กำลังง้างหมัดเตรียมเหวี่ยงแรงกระทบบนใบหน้านิ่งเฉยของอาร์ต“หยุดซะทีฟาโร! ไม่เห็นหรือไงว่าอาร์ตไม่ตอบสนองอะไรกับนายไม่คิดจะสู้ด้วยซ้ำ!”


อารมณ์เดือดดาลขาดผึงเมื่อเสียงโหวกเหวกของหลายคนฉุดสติให้กลับมาทีมงานชายต่างดึงกระชากให้คู่กรณีทั้งสองออกห่างจากกัน ฟาโรเหลือบมองนลัทและคนอื่นก่อนจะปัดป่ายมือของทุกคนให้พ้นจากร่างกายของเขาพร้อมกับมองดูอาร์ตที่ยังคงนิ่งเฉยโดยมีนลัทตบหน้าเพื่อเรียกสติของอาร์ตกลับมา


“นายนั่นมันคิดจะทำร้ายเลดี้”เมื่อนึกถึงภาพที่อาร์ตกำลังแก้เชือกและนั่งร้านร่วงหล่นหากเขาเข้าช่วยเหลือศศิชาไม่ทันก็ไม่รู้จะเกิดโศกนาฎกรรมอย่างไรบ้างยิ่งคิดอารมณ์โกรธเคืองก็ยิ่งปะทุจนร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว


“มันอาจเป็นแค่อุบัติเหตุน่าฟาโร”นลัทพยายามไกล่เกลี่ยให้เหตุการณ์สงบลงเพื่อรอไต่สวนความจริงกับอาร์ตที่ยังไม่ได้สติสมบูรณ์


“บ้าหรือไงเพื่อนคุณเกือบโดนฆาตกรรมยังบอกเป็นอุบัติเหตุรู้งี้ผมไม่ยุ่งก็ดีจะได้รู้ว่าใช่อุบัติเหตุจริงไหม”ฟาโรเหล่มองผู้จัดการส่วนตัวอย่างขัดใจก่อนจะดึงเสื้อเชิ้ตให้เข้าที่เข้าทางและผละจากโดยไม่ใส่ใจใครสักคนบริเวณนั้น


เมื่อฟาโรเดินลงบันไดมายังชั้นล่างเขาก็ชะลอฝีเท้าและจ้องมองหญิงสาวที่เขาเพิ่งช่วยเหลือจากนั่งร้านหล่นใส่หมาดๆโดยศศิชาเองก็มองเขาอย่างเลิ่กลั่กคล้ายปฏิบัติตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาฟาโรสาวเท้าเดินไปใกล้เธอและหยุดกับที่


“หัดระวังตัวซะบ้างไม่รู้หรือไงว่ามีคนคิดร้ายกับเธอ”คำพูดของฟาโรทำให้หญิงสาวที่ยืนตะลึงเบิกตาโตและหันมองเขาอย่างพิจารณา เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังถูกปองร้ายไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจก็ตาม


“คุณรู้ด้วยเหรอ”


“ก็นายนั่นบอกฉันเองว่าเธอไม่ใช่คนปกติทั่วไปและที่คิดทำร้ายเธอวันนี้คงเพราะอยากพิสูจน์ให้ฉันได้เห็น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไรหรือมีพลังพิเศษแต่ฉันคงเห็นใครถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาไม่ได้” ฟาโรหันมองหญิงสาวที่กำลังสนทนาด้วยนิ่งๆก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องกะทัดรัดส่งคืนให้เจ้าของตัวจริงถือไว้ เมื่อหมดหน้าที่เขาก็เดินจากไปโดยไม่สนใจทีมงานและดาราสาวที่มองตามเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


ไมเคิลที่ยืนมองเหตการณ์อยู่ห่างๆรีบรุดเดินเข้าหาศศิชาเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ลำพังและเขาต้องรีบคว้าโอกาสในการเข้าใกล้เธอก่อนเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะคว้าไปเสียก่อน


ศศิชายืนมองตามหลังของฟาโรจนเขาเปิดประตูออกจากห้องคงรอให้เหตุการณ์สงบจึงได้เริ่มงานการเทสหน้ากล้องนักแสดงใหม่อีกครั้งและเมื่อนึกถึงเอียนใบหน้านวลก็หันมองยังจุดที่เคยมีปีศาจยืนอยู่ ทว่าไม่มีเอียนอยู่ตรงนั้นอีกแล้วจู่ๆ ตามร่างกายของเธอก็เย็นเยียบอย่างกะทันหัน


“เลดี้...เป็นอะไรหรือเปล่าครับทำไมคุณหน้าซีดแบบนั้น”


ศศิชาหันมองทางไมเคิลด้วยแสงสว่างรอบด้านวูบวาบราวกับกำลังจะมืดมิดร่างกายเริ่มเบาหวิว ความรู้สึกโหวงเหวงจนต้องประคองตนเองแต่ก็ไม่อาจทรงตัวยืนไหว ร่างของเธอจึงถูกฝ่ามืออบอุ่นของไมเคิลคว้าไว้ในอ้อมแขนก่อนทุกอย่างจะมืดสนิทมีเพียงเสียงเรียกชื่อแผ่วเบา


“เลดี้! เลดี้!”


=====

ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงนวลผ่องท่ามกลางผืนท้องฟ้ามืดมิดไม่ปรากฏดวงดาววิบวับให้เห็นหญิงสาวยืนมองดวงจันทร์อยู่ปลายหน้าผาสูงชัน สถานที่ซึ่งเคยมาเยือนครั้งหนึ่งกับซาตานบรรยากาศรอบกายเย็นเยือกกรีดผิวพรรณขาวนวลจนขนลุกตั้งไปทั้งเรือนร่าง


“เซเลเน่เจ้าต้องปลดปล่อยซันเซ็ท”เสียงห้าวจากด้านหลังทำให้ศศิชาละสายตาจากดวงจันทร์หันมองสตรีที่เดินมาอย่างทะมัดทะแมงดวงตาดุคมมองเธอนิ่งๆคล้ายไม่อยากเป็นมิตรเสียเลย


“ฉันไม่ได้กักขังซันเซ็ทไว้นะทำไมต้องปลดปล่อยเขา” ศศิชาขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่เข้าใจในสิ่งที่นอร่าพยายามสื่อสารกับเธอ


“เรื่องข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าทั้งสองตกลงกันไว้ไม่เป็นความจริงต่อให้เจ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซันเซ็ทก็จะทำทุกวิถีทางแลกชีวิตของตนกับบุคคลที่เจ้ารักและหวงแหน”


“ฉันไม่เข้าใจเธอหมายถึงใครคนที่ซันเซ็ทจะแลกชีวิตด้วย”


“ข้ายังหาไม่พบว่ามนุษย์ตนใดที่ซันเซ็ทต้องการดวงวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเขาแต่เวลานั้นคงใกล้มาถึงทุกทีตั้งแต่เอียนตามหาเจ้าจนเจอ และซันเซ็ทจำเป็นต้องปิดเส้นกั้นโลกไปตลอดกาลเพื่อไม่ให้ปีศาจผ่านเข้ามาทำลายเจ้าได้”


“แล้วฉันต้องทำไงยกเลิกคำสัญญาที่เคยเอ่ยปากบอกกับซันเซ็ทอย่างนั้นเหรอ”


“เพียงแค่เจ้าไม่รักซันเซ็ทและขับไสไล่ส่งให้เขาอยู่ห่างจากเจ้าก็อาจช่วยปลดปล่อยให้ซันเซ็ทเป็นอิสระจากอดีตและอนาคตที่มีเพื่อเจ้า”


ศศิชาที่ยืนอยู่ปลายหน้าผาลังเลต่อคำพูดของนอร่าเธอพยายามทบทวนจิตใจของตนว่ารู้สึกอย่างไรกับซันเซ็ทกันแน่ตั้งแต่ได้รู้ความจริงว่าเธอคือเทพีแห่งจันทราเมื่อในอดีตกาลความรู้สึกที่มีต่อซันเซ็ทก็เปลี่ยนไปเธอรู้สึกเป็นห่วงและกังวล เผลอคิดถึงเขาบ่อยครั้ง หากให้ชั่งน้ำหนักระหว่างความคิดถึงที่มีต่อฟาโรและซันเซ็ทความหวิวไหวในใจก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ระดับความคิดถึงที่มีให้ฟาโรไม่เคยน้อยลง ทว่ากลับถูกซันเซ็ทแทนที่ทีละน้อย


หัวใจที่เคยมีไม่เหมือนเดิม...มันถูกเพิ่มเติมความรู้สึกดีๆตั้งแต่มีเธอเข้ามา


ระหว่างที่ทวนความคิดนอร่าก็เดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับผลักให้เธอตกลงในหุบเหวลึกอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างบอบบางร่วงลงจากหน้าผาสูงชันจังหวะการเต้นของหัวใจรุนแรงเสมือนกลองที่กำลังตีระรัว กระแสลมปะทะตามร่างกายจนเสื้อผ้าพัดปลิวแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่เคยส่องสว่างค่อยๆ ริบหรี่ลงเรื่อยๆ จนมืดมิดในที่สุด


ศศิชาสะดุ้งสุดตัวพร้อมเปลือกตาเบิกกว้างมองเห็นเพดานสีขาวสะอาดตาแสงไฟนีออนส่องสว่างจนต้องกะพริบตาถี่ๆ พร้อมกับหายใจแรงๆ คล้ายผวาตื่นจากฝันร้ายเมื่อนอนสงบจิตใจอยู่พักใหญ่และทวนความฝันที่ได้พบเจอกับนอร่าทำให้เธอไม่แน่ใจว่าฝันร้ายเป็นเพียงภาพฝันหรือเรื่องจริงกันแน่


เสียงเปิดประตูห้องดึงความสนใจของบุคคลที่นอนไตร่ตรองความคิดให้หันมองชายวัยกลางคนที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีแย้มยิ้มน้อยๆ และก้าวเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง


“ตื่นแล้วหรือเลดี้เป็นอย่างไรบ้างยังรู้สึกวิงเวียนหรือหน้ามืดอยู่ไหม”


“คุณลุงหมอทำไมดี้มานอนอยู่ที่นี่” เพียงเห็นญาติผู้ใหญ่ในชุดกราวน์สีขาวสะอาดสะอ้านก็ทำให้ศศิชาเข้าใจดีว่าเธอต้องป่วยจนเข้ามานอนในโรงพยาบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้


“ซีกับเพื่อนของหลานที่ชื่อไมเคิลพามาส่งเห็นว่าเป็นลมหมดสติที่บริษัทระหว่างทำงานพอดีลุงเห็นเข้าเลยจับหลานมาเป็นผู้ป่วยของลุงเสียเลย”


“ดี้เป็นลมเหรอคะ”ศศิชาทวนความคิดก่อนหมดสติ จำได้ว่าทีมงานทุกคนอยู่ในห้องกระจกเพื่อเตรียมเทสหน้ากล้องดาราหน้าใหม่และฟาโรที่มีส่วนร่วมในการเป็นกรรมการตัดสินก็วิ่งมาดันเธอให้ล้มลงเพื่อช่วยเหลือไม่ให้ถูกนั่งร้านทับจนเกิดอันตรายเธอเห็นฟาโรขึ้นไปกระชากคอเสื้ออาร์ตจนคนอื่นเข้าไปห้ามปรามและยังได้ยินเสียงของเอียนสื่อสารกับเธอจนในที่สุดก็จำอะไรไม่ได้อีก


“เห็นซีว่าต้องไปจัดการงานที่บริษัทให้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะกลับมาดูหลานอีกทีช่วงเย็น”


“ค่ะว่าแต่ดี้ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะคุณลุงหมอ หากไม่มีอะไรดี้จะขอตัวไปทำงานต่อค่ะ”ศศิชามองหน้าทินกฤตที่ตีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที


“ลุงอยากให้หลานไปตรวจร่างกายอีกครั้งลุงไม่แน่ใจว่าผลเลือดที่ออกมาจะถูกต้อง”


“ดี้เป็นอะไรคะคุณลุง”


“ลุงคิดว่าหลานกำลังท้อง”หัวใจตกวูบลงตาตุ่มเมื่อได้ยินสิ่งที่ทินกฤตบอกกล่าวอย่างจริงจัง แม้คุณลุงของเธอจะขี้เล่นและชอบหยอกล้อเธออยู่บ่อยๆทว่าคราวนี้จากสีหน้าและแววตาที่เห็นคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน



To be continued... 




Create Date : 13 เมษายน 2557
Last Update : 13 เมษายน 2557 21:29:37 น.
Counter : 609 Pageviews.

9 comments
  
ชวนนักอ่านทุกท่าน ไปตอบคำถามชิงรางวัลกันนะคะ

//pantip.com/topic/31910834

โดย: มาโซคิส วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:21:30:27 น.
  


สุขสันต์ วันสงกรานต์ ครอบครัวสำราญ เดินทางปลอดภัย
สนุกสนานเบิกบานใจ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทยกันทุกๆคนนะค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่แวะเยี่ยมชมกันที่บล๊อกของเราค่ะ

ห้องสมุด
เพื่อสุขภาพ
แม่ตั้งครรภ์
ทารกแรกเกิด
เด็กโต
โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:22:04:28 น.
  
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะคุณหญิงภัค

ปอมมีน้ำตะไคร้เย็นๆ มาฝากในวันสบายๆนะคะ

โดย: กาปอมซ่า วันที่: 14 เมษายน 2557 เวลา:17:56:11 น.
  
ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาทักทาย
โดย: มาโซคิส IP: 124.122.215.59 วันที่: 15 เมษายน 2557 เวลา:1:10:44 น.
  
หนูเลดี้ดดดดด ไม่จริงใช่ไหมเนี่ย
ป.ล.สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ
โดย: mooda IP: 171.5.154.159 วันที่: 15 เมษายน 2557 เวลา:10:49:36 น.
  
สวัสดีวันสงกรานต์ เช่นกันค่ะ
โดย: มาโซคิส IP: 1.47.135.210 วันที่: 15 เมษายน 2557 เวลา:14:24:35 น.
  
มาให้กำลังใจทั้ง 2 ที่เลย ไปตอบคำถามแล้วนะคะคุณมาโซ
โดย: crystal IP: 171.7.151.138 วันที่: 16 เมษายน 2557 เวลา:17:23:06 น.
  
เป็นไปได้ยังไง เลดี้้้้้้้้้้้้้้ ??????
โดย: mint IP: 58.136.222.67 วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:15:03:10 น.
  
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
รอลุ้นรางวัลค่า อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 49.230.122.173 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:7:34:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments