มกราคม 2557

 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
17
18
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 10

๑๐

ตัวการของความสงสัย


          ม้วนหนังสือพิมพ์ถูกตบกระแทกลงบนโต๊ะขนาดยาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธภายในห้องประชุมของบริษัทซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการปลุกปั้นนักแสดงผู้บริหารระดับฝ่ายการควบคุมข่าวสารและสื่อมวลชนถึงกับขอประชุมด่วน เมื่อมีภาพฉาวหลุดไปยังแหล่งข่าวหนังสือพิมพ์จนตีแผ่ภาพดังกล่าวทั่วบ้านทั่วเมือง


          “งามหน้าได้ไม่เว้นแต่ละวันกี่ครั้งกี่หนแล้วที่บริษัทตกเป็นข่าวในแง่ลบอย่างนี้ พวกคุณดูแลกันยังไงถึงได้มีภาพจากในบริษัทหลุดออกไปยังที่สาธารณะชนแบบนั้นทั้งอินเตอร์เน็ต ทั้งหนังสือพิมพ์ ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม คุณผู้จัดการ!” นลัทได้แต่ยืนอึกอักพูดอะไรไม่ออก ทำเพียงชำเลืองมองไปยังบุคคลต้นเหตุที่นั่งนิ่งปล่อยให้เสียงเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ผ่านเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาราวกับสายลมพัดผ่าน


          “ซียอมรับผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะละเลยเกินไป ระบบความปลอดภัยจึงหย่อนยาน หลังจากนี้ซีจะกำชับให้ทุกคนในทีมระมัดระวังมากขึ้น”นลัทก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความรับผิดต่อสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ของบริษัท โดยมีพนักงานในทีมอีกหลายรายนั่งมองหน้ากันอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไม่มีใครริอ่านเปิดปากพูดจา


          “ผมจะให้เวลาพวกคุณไปจัดการข่าวนั้นซะแล้วก็หาตัวการที่นำรูปนี้ไปเผยแพร่มาด้วยผมอยากเห็นนักว่าใครที่คิดร้ายกับบริษัทและนักแสดงของเรา เอาเป็นว่าพวกคุณไปทำงานต่อได้ผมหมดธุระเพียงเท่านี้”


          สิ้นเสียงผู้บริหารไม่ทันไร ฟาโรก็ลุกจากเก้าอี้พร้อมนำมือล้วงกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตเดินลอยหน้าลอยตาออกจากห้องประชุมไม่ใส่ใจว่าใครจะมองเขาอย่างคาดโทษ ทั้งที่ความผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตนเป็นต้นเหตุทว่ากลับไม่สำนึกผิดใดๆ


          นลัทพยักพเยิดให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเดินตามออกจากห้องประชุมเพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับภาพหลุดของดาราในสังกัดตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเร่งด่วนสีหน้าเคร่งเครียดของสาวมาดเท่ทั้งโกรธทั้งเหนื่อยใจในคราวเดียวกันกี่ครั้งแล้วกับการตำหนิติเตือนฟาโรเรื่องการคบหาหญิงสาวรอบกายไม่ให้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งหรือเผยความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวในสถานที่สาธารณะไม่ว่าจะมุมใดก็ตามต่อว่ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังเกิดเรื่องราวในทำนองนี้ไม่จบสิ้น ต้องคอยแก้ข่าวหรือบิดเบือนความจริงกับสื่อต่างๆจนวุ่นวายทุกครั้ง


          เสียงซุบซิบดังแว่วเป็นทอดๆ พร้อมสายตาอยากรู้อยากเห็นมองมายังฟาโรตลอดทางเดินภายในตัวอาคารแม้จะเป็นข่าวจนเคยชิน ทว่าความมีชื่อเสียงของเขาทำให้หลายฝ่ายอยากรู้ข้อเท็จจริง และที่สำคัญ‘ใคร’ คือผู้อยู่เบื้องหลังของภาพฉาวที่ส่งไปยังสื่อต่างๆให้ดังกระฉ่อนอย่างรวดเร็วเพียงข้ามคืน


          “หนอนบ่อนไส้ชัดๆ ดูดิ เลยถูกเจ้านายด่าชุดใหญ่เป็นบุญหูแท้ๆ” หนึ่งในทีมงานเดินขนาบข้างผู้จัดการส่วนตัวพยายามนึกเฟ้นถึงตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย โดยนลัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าใครคือตัวการของเรื่องทั้งหมด


          สาวมาดเท่หันมองดาราหนุ่มที่แยกเดินไปอีกทางคำพูดเมื่อคืนนี้ก็กลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง ทำให้ทบทวนถึงสิ่งที่ฟาโรร้องขอแกมบังคับไม่รับงานและงดการถ่ายแบบชั่วคราวหรือภาพฉาวนั้นจะเป็นเขาเสียเองที่อยากทำให้เกิดความวุ่นวายจนได้งดออกงานสมความตั้งใจเมื่อเริ่มจับต้นชนปลายความสมเหตุสมผล นลัทจึงบอกเพื่อนร่วมงานด้านข้างขอเวลาส่วนตัวและสาวเท้าเข้าหาเป้าหมายทันที


          “ฟาโร”


          “จะมาต่อว่าอะไรอีกหรือไง”ดาราหนุ่มกล่าวเสียงห้วน ไม่ได้หันกลับมาสนใจผู้จัดการของตนแต่อย่างใดเขายังเดินต่อเรื่อยๆ โดยไม่คิดจะชะลอฝีเท้าทำให้นลัทเร่งเดินเพื่อดักยืนเบื้องหน้าขอเจรจาถามไถ่ถึงสิ่งที่ฟาโรน่าจะรู้อยู่เต็มใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรกันแน่


          “นายใช่ไหมที่ส่งรูปให้นักข่าว”นลัทตั้งคำถามซึ่งหน้า บ่อยครั้งที่ฟาโรมักทำตัวเหลวไหลสร้างภาพย่ำแย่ให้ตนเองถูกสื่อต่างๆ โจมตีเพื่อลดกระแสความดังทว่าความนิยมของเขากลับทำให้ข่าวไม่ดีเหล่านั้นส่งเสริมให้ยิ่งโด่งดังจนได้รับฉายาแบดบอยแห่งปีหลายสมัย


          “แค่นี้ผมยังดังไม่พออีกเหรอ ถึงต้องสร้างกระแสจนฉาวโฉ่แบบนั้น”แววตาไร้ความรู้สึกจ้องมองบุคคลเบื้องหน้าคล้ายไม่อยากเสวนาเท่าที่ควร ในเมื่อภาพพจน์ของเขาก็ตกต่ำอยู่แล้วสำหรับสายตาของทีมงานในบริษัทแห่งนี้คงไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดให้เสียเวลา “หรือคุณผู้จัดการคิดว่าผมตั้งกล้องเพื่อถ่ายหนังติดเรทหึ ทางที่ดีควรเอาเวลาที่มาถามผมไปแก้ปัญหาดีกว่าไหม ว่าจะปิดข่าวที่ลือกันให้แซ่ดยังไง”ฟาโรแค่นยิ้มพร้อมเสยผมที่ปกคลุมใบหน้าเตรียมเบี่ยงกายหลบคนยืนขวางทางทว่านลัทกลับนำมือดันแผงอกของเขาเอาไว้คล้ายสั่งห้ามอย่าขยับไปไหนเป็นอันขาด


          “อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของนายนะฟาโรนายมีปัญหาอะไรก็ว่ามา อย่ามาเรียกร้องความสนใจให้คนอื่นต้องปั่นป่วนกันอย่างนี้แล้วก็อย่าพยายามสร้างข่าวเพื่อตัดปัญหาเรื่องไมกิเมื่อคืนนายก็พูดเองว่าอยากห่างกับเธอ” ฟาโรปัดลำแขนของคนยืนขวางโดยทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างนั้นชั่วครู่ก่อนดาราหนุ่มจะเริ่มเจรจาอีกครั้ง


          “ผมไม่ได้ทำถ้าอยากรู้ว่าฝีมือใครก็คอยจับตาดูคนใกล้ตัวให้ดี ส่วนเรื่องไมกิหากผมจะเลิกยุ่งกับเธอ ไม่จำเป็นต้องสร้างกระแสคุณก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าผมไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว” พูดจบประโยคฟาโรก็เดินต่ออย่างจงใจชนกระแทกไหล่ของผู้จัดการจนนลัทต้องเบนกายหลบและมองตามหลังคู่สนทนาที่เดินจากไปตามทางสาวมาดเท่ถอนใจระบายความอึดอัด จริงอย่างเขาว่าไว้ ฟาโรไม่เคยใส่ใจใครนอกจากตนเอง




          ประตูห้องส่วนตัวถูกบิดเปิดพร้อมใครบางคนพุ่งกระโจนออกมาขวางทางทำให้นลัทผงะตกใจถอยหลังไปหลายก้าวน้ำเสียงใสหัวเราะรวนเมื่อเห็นว่าแกล้งเพื่อนได้สำเร็จอุตส่าห์เป็นฝ่ายนัดหมายเธอเองแต่กลับไม่อยู่ในห้องทำงานตามที่ตกลงกันไว้มีหรือจะปล่อยโอกาสเอาคืนให้หลุดลอย ศศิชารู้สึกเป็นต่ออย่างมากมาย


          “เลดี้! เล่นอะไรแบบนี้ ซีตกใจนะเว้ย”


          “โอ๋ๆ ขวัญเอ้ย ขวัญมา”ท่าทางล้อเลียนของศศิชาไม่ได้ทำให้เพื่อนยิ้มสนุกไปด้วย ไม่เพียงแต่ตกใจเท่านั้นนลัทยังเกิดอาการแง่งอน ตีสีหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้ว ปั้นปึงจนคนแกล้งรู้สึกตัว“เอาน่า...ดี้ก็แค่แหย่ให้ขำๆ”


          “ไม่ต้องทำเป็นพูดดี คิดจะเอาคืนที่ซีเคยแกล้งแกใช่ไหม”


          “เปล่าซะหน่อย” ศศิชายิ้มแฉ่งพร้อมขยับเข้าใกล้และดึงมือของนลัทโยกไปมาคล้ายออดอ้อนให้เพื่อนหายโกรธทว่าสิ่งที่ดึงความสนใจกลับเป็นสิ่งของในมือของเพื่อนสนิทเพียงเสี้ยวนาทีที่สายตาลากผ่านก็ทำให้ศศิชาอยากนำหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นมาดูอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ“นี่อะไร”


          “หนังสือพิมพ์ไง หยุดเลยนะเลดี้ไม่ต้องมาเฉไฉ ทำให้ซีหัวใจจะวาย รับผิดชอบด้วย” ศศิชาไม่ได้ใส่ใจฟังเพื่อนบ่นเธอยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมองกรอบภาพข่าวหน้าแรกอย่างตกตะลึงและไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นข่าวพาดหัวตัวใหญ่‘ภาพหลุดดาราชื่อดัง’ ศศิชาพยายามไล่หาข้อความตัวอักษรที่เกี่ยวข้องกับภาพข่าวนั้นโดยละเอียดและพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ไปมาอย่างร้อนรน


          “นี่มันอะไรกันซีทำไมถึงมีข่าวแบบนี้อยู่ในหนังสือพิมพ์” สายตาคาดคั้นจ้องมองอย่างใคร่รู้ถึงสาเหตุบุคคลเบื้องหน้าควรมีคำตอบให้เธอ ไม่ใช่ยืนถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะปิดประตูห้องทำงานเพื่อเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวโปรดภายในห้องส่วนตัว


          “ก็เทพบุตรของแกน่ะสิ สร้างเรื่องอีกจนได้ไปแอบกุ๊กกิ๊กกับไมกิจนภาพหลุดแบบนั้น สงสัยอยากหาวิธีถอยห่างจากไมกิมั้ง หรือไม่ก็หาเงินทางลัดเลยตั้งกล้องเอาภาพพวกนี้ไปขายให้นักข่าวในบริษัทนี้ไม่ไฮเทคโนโลยีจนถึงขนาดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องเก็บเสื้อผ้าหรอกนะ”


          ศศิชาก้าวเข้าหาเพื่อนสนิทและทวนคำพูดเหล่านั้นอย่างไตร่ตรองมันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอได้ยินและเห็นทุกอย่างฟาโรและนางแบบสาวลูกครึ่งก็ดูรักใคร่กันดีจนไม่น่าจะเกิดปัญหาการตีตัวออกห่างหรือแม้แต่การตั้งกล้องแล้วนำภาพไปขายก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับดาราดังที่มีชื่อเสียงอย่างฟาโรเขาคงไม่ขัดสนเงินทองจนต้องนำตนเองไปขายแบบนั้น


          “มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะซีฟาโรจะสร้างข่าวเสื่อมเสียให้ตัวเองทำไม แล้วดี้ก็เห็นเหตุการณ์เอ่อ...เห็นว่าฟาโรเหมือนจะรักกันดีกับไมกิ คงยากหากจะให้ทั้งคู่เลิกข้องเกี่ยวกันนะ”ศศิชาพยายามเก็บงำเรื่องราวที่เธอเห็นและได้ยินเอาไว้เนื่องจากไม่อยากให้นลัทได้รับรู้ว่าเธออยู่ในเหตุการณ์ที่ถูกนำภาพมาตีแผ่อย่างนี้


          “ซีบอกแล้วไงฟาโรไม่ได้แสนดีอย่างที่แกคิด แต่ก็นะไม่ว่าจะเป็นฝีมือใครก็ถูกด่าไปเรียบร้อยแล้วแถมยังต้องหาตัวการที่นำภาพนี้ไปเปิดเผยอีก ตอนนี้รู้สึกเบื่อและเหนื่อยใจมากๆ”


          สีหน้าส่อแววท้อแท้หมดกำลังใจทำให้ศศิชาปลายสายตามองเพื่อนเบื้องหน้าพลางขยับเข้าใกล้เพื่อโอบไหล่และดึงนลัทเข้ามากอดหลวมๆเป็นกำลังใจ โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นเสมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงให้ต้นไม้ซึ่งแห้งเหี่ยวใกล้ตายกลับมามีชีวิตอีกครั้งระหว่างศศิชานำมือตบหลังเพื่อนเบาๆ กลับทำให้เธอฉุกคิดถึงตัวการซึ่งสร้างเรื่องให้เกิดความวุ่นวายตามที่นลัทบอกกล่าวเอาไว้


          เสียงเคาะประตูขัดจังหวะทำให้เพื่อนทั้งสองผละห่างจากกันโดยเจ้าของห้องลุกจากเก้าอี้และเดินไปยังหน้าประตูเพื่อสำรวจผู้มาเยือน “ไปหรือยังทุกอย่างพร้อมเดินทางแล้ว” แว่วเสียงคุ้นหูทำให้ศศิชาขยับร่างกายเพื่อแอบส่องว่าใครที่มาหานลัทและเป็นไปตามคาดคิด เมื่อชายหนุ่มคนนั้นคือ ‘อาร์ต’ บุคคลซึ่งอยู่ในความระแวงของเธอเวลานี้ เพราะเหตุการณ์ที่ฟาโรและไมกิตกเป็นข่าวมีเพียงเธอและอาร์ตเท่านั้นที่อยู่ในเหตุการณ์ ณ ตอนนั้น


          เมื่อจบการเจรจานลัทจึงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยไม่ลืมปิดประตูบานหนาและสังเกตเห็นท่าทางของเพื่อนแปลกไปคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างแม้จะเดินเข้าใกล้และจ้องมองเธออย่างสงสัย ทว่าศศิชากลับไม่รู้ตัวสักนิดเธอยังคงให้ความสนใจกับความคิดอยู่อย่างนั้น


          “เลดี้...แกเป็นอะไร คิดอะไรอยู่”


          “อ๋อ เปล่าๆ ไม่มีอะไรว่าแต่เมื่อกี้ใครเหรอ แล้วมีอะไรกันหรือเปล่า”ศศิชาถามไถ่ทั้งที่อยากเปิดประเด็นเรื่องภาพฉาวนั้นแต่คงต้องยับยั้งชั่งใจเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ


          “มีงานด่วนต้องไปแถลงข่าวเรื่องภาพนั้น”นลัทชี้ชวนให้มองไปยังหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนถืออยู่ในมือ “แกก็ต้องไปด้วยเพราะมีคำสั่งให้แกเปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวคอยช่วยซีอีกแรง”ประโยคกระตุกใจ ‘ผู้จัดการส่วนตัว’หมายความว่าอย่างไร ในเมื่อนลัทก็เป็นผู้จัดการอยู่แล้วทั้งคนหนำซ้ำยังเป็นบุคคลที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับฟาโรแทบทุกขณะ คอยดูแลและจัดการงานต่างๆให้เขา แล้วเธอจะต้องเกี่ยวข้องกับดาราดังเสมือนเป็นนลัทอย่างนั้นหรือ


          “หมายความว่าไงดี้จะได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวคืออะไร” ศศิชาสาวเท้าเข้าหาเพื่อนอย่างเร่งด่วนอยากรับรู้ทุกอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วน หัวใจเต้นระรัวจนสั่นไหว ภาวนาให้สิ่งที่คิดไว้เป็นจริงหากต้องกลายเป็นผู้จัดการส่วนตัว เธอก็หวังให้เป็นผู้จัดการของฟาโรเท่านั้น


          “แกฟังไม่ผิดหรอกเลดี้แกจะได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของฟาโร เป็นผู้ช่วยของซี ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลยเรารีบออกเดินทางกันดีกว่า เดี๋ยวจะไปสาย” นลัทยักไหล่เบ้หน้าอย่างเอือมระอาทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน อยากนอนให้อิ่มหนำสักวันแต่กลับต้องเร่งรีบแก้ข่าวคาวให้กับดาราในสังกัดของตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และการที่โทรนัดศศิชาให้มาในวันนี้ก็เพื่ออยากให้เธอได้เรียนรู้ถึงหน้าที่ซึ่งต้องรับผิดชอบไปพร้อมกัน


          ระหว่างเดินออกจากห้องทำงานจนเกือบจะถึงประตูด้านหน้าของบริษัทศศิชาถามไถ่เรื่องราวของ อาร์ต อย่างให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเธออยากรู้ถึงนิสัยใจคอและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ชายคนนั้น ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง’ตามซุนวู นักปราชญ์ของจีนกล่าวไว้และหลังจากนี้เป็นต้นไป เธอต้องเฝ้าสังเกตการณ์บุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจมากที่สุดเหตุเพราะระแวงว่าอาร์ตจะเป็นตัวการของข่าวภาพหลุดในหน้าหนังสือพิมพ์และเป็นปรปักษ์กับเธอ เนื่องจากคิดทำลายให้ฟาโรเสียชื่อเสียง


          “วันนี้เป็นอะไรเลดี้ ถามแต่เรื่องของนายอาร์ตไม่เห็นสนใจเทพบุตรสุดที่รักเลยล่ะ” นลัทค่อนแคะเสียงแข็ง


          “เปล่านี่”สาวแว่นหนาทำเสียงสูงกลบเกลื่อนพิรุธ “ดี้ก็ถามไปงั้นล่ะเห็นว่าต้องทำงานทีมเดียวกันไม่ใช่เหรอก็เหมือนกับที่ดี้ซักประวัติเจ๊มะดันนั้นล่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ นะ”


           ระหว่างพยายามแก้ตัวสายตากลมโตก็ชำเลืองเห็นชายหนุ่มที่ตกเป็นประเด็นในการถกเถียงซึ่งเขากำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่างดึงดูดให้ศศิชามองตามไปทางด้านหน้าบริษัทและต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เมื่อผู้คนมากมายยืนดักตรงประตูทางเข้าจนแน่นขนัดหน่วยรักษาความปลอดภัยและบอดี้การ์ดร่างใหญ่สี่รายกำลังเดินล้อมหน้าล้อมหลังกั้นฝ่ามือและแขนของผู้คนมากมายเหล่านั้นให้ออกห่างจากฟาโร


          ‘ฟาโร เสียงโหวกเหวกเรียกชื่อดาราหนุ่มพร้อมคำถามมากมายดังเซ็งแซ่แทบจะฟังไม่ได้สรรพสีหน้าของหลายคนดูจริงจังเคร่งเครียด ศศิชาได้แต่คิดตามสิ่งที่เห็น หากเดาไม่ผิดคงเป็นเหล่าแฟนคลับทั้งหลายของฟาโรที่ไม่พอใจอย่างหนักต่อภาพข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งอาจตกเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์เวลานี้แม้จะเคยเห็นกองทัพผู้คนมากมายผ่านตามสื่อต่างๆ บ่อยครั้งทว่านอกจอโทรทัศน์กลับสร้างความอึดอัดกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว


          นลัทตบคางเพื่อนสนิทที่ยืนอ้าปากค้างเบาๆก่อนจะคว้ามือของเธอให้เดินตามในระยะกระชั้นชิดคงถึงเวลาที่พวกเธอต้องฝ่าวงล้อมของเหล่าบรรดาแฟนคลับและนักข่าวที่พยายามซักถามข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเก็บภาพจนแฟลตจากกล้องสว่างแวบวับระรัว “ตามหลังซีมา อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะเลดี้”สาวมาดเท่กระซิบบอกเพื่อนที่หลบอยู่ด้านหลัง


          ประตูรถตู้ถูกชายร่างใหญ่เปิดรอโดยมีฟาโรก้าวขึ้นไปนั่งแถวหน้าติดริมหน้าต่างเขาระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวอีกสองคนที่ก้าวตามมาติดๆรวมทั้งทีมงานคนอื่นๆ อีกห้าถึงหกคนก่อนประตูรถจะปิดลงและเคลื่อนที่ออกจากหน้าอาคารสูงอย่างรวดเร็ว


          “ซี ทำไมคนเยอะขนาดนั้นล่ะเป็นอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่า”ศศิชาเก็บงำความสงสัยมาตลอดทางตั้งแต่เห็นกลุ่มคนมากมายเธอเอ่ยปากถามไถ่ระหว่างเหลียวหลังกลับไปมองก่อนจะหันมาสำรวจผู้คนบนรถซึ่งเงียบสงบไม่มีใครปริปากพูดจา


          “ไม่บ่อยหรอกแค่เฉพาะเวลามีปัญหาอย่างวันนี้”นลัทอธิบายระหว่างมองตรงไปทางเบาะด้านหน้าซึ่งมีฟาโรนั่งอยู่ทำให้เพื่อนสนิทมองตามจุดสนใจเดียวกัน


          มันไม่แปลกเลยหากบรรดาแฟนคลับของดาราชื่อดังจะโกรธเคืองจนต้องเดินทางมาที่บริษัทเพื่อหาข้อเท็จจริงของข่าวที่เกิดขึ้นหากเป็นเธอคงทำอย่างนั้นเช่นกันเนื่องจากทนไม่ได้ที่เห็นขวัญใจคนสำคัญตกเป็นข่าวพาดหัวกับหญิงอื่น แม้จะเป็นนางแบบชื่อดังก็ตามแต่เพราะศศิชาได้รู้เห็นทุกอย่างอย่างใกล้ชิด เธอจึงติดตามสถานการณ์ด้วยสภาพจิตใจย่ำแย่และคลางแคลงต่อไป


          หญิงสาวแว่นหนาละสายตาจากบุคคลเบื้องหน้าและหันมองรอบๆภายในรถตู้จนหยุดที่ชายหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังจ้องมองเธอไม่กะพริบนายตัวดีก็อยู่บนรถคันนี้ และหลังจากนาทีนี้ เธอจะเฝ้าจับตาผู้ชายคนนี้ทุกฝีก้าวศศิชาครุ่นคิดในใจ


          “ซี แล้วเราจะไปไหนกันเหรอ”หญิงสาวกระซิบถามเพื่อนด้านข้างอย่างแผ่วเบา ไม่อยากส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นซึ่งนั่งกันเงียบกริบราวกับเกิดสงครามเย็นภายในรถคันดังกล่าว


          “โรงแรมใกล้ๆ แถวนี้ล่ะอีกสองป้ายรถเมล์ก็ถึง แกคงไม่เมารถหรอกนะ”


          “อืม ไม่เมาหรอกแค่นี้เองสบายมาก”ศศิชานำหลังพิงพนักเบาะและมองไปยังศีรษะของชายหนุ่มเบื้องหน้านิ่งๆ เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเมารถแต่ห่วงบุคคลที่กำลังมองอยู่มากกว่า เขาจะแก้สถานการณ์อย่างไรต่อไปเกี่ยวกับข่าวฉาวที่ดูตึงเครียดและอาจมีผลกระทบต่อความนิยมของนักแสดงชื่อดังอย่างฟาโร



          ภายในห้องโล่งกว้างเต็มไปด้วยนักข่าวและสื่อมวลชนหนาตาเดินกันพลุกพล่านเพื่อเตรียมการสัมภาษณ์บุคคลซึ่งตกเป็นข่าวดังขณะนี้ฟาโรยืนอยู่หลังประตูทางหนีไฟซึ่งเปิดแง้มไว้เล็กน้อยมวนบุหรี่ในมือถูกยกขึ้นแตะริมฝีปากก่อนจะสูบติดไฟจนแดงฉาน พร้อมพ่นควันขาวด้วยท่าทางนิ่งเฉยราวกับผ่อนคลายอารมณ์


          การให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสข่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับดาราดังอย่างเขาและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็เป็นหน้าที่ของบริษัทต้นสังกัดที่จะจัดการเรื่องทั้งหมดให้สงบลงเพียงข้ามวันด้วยการเปิดแถลงข่าวโดยเขามีหน้าที่พูดไปตามบทที่จะได้รับในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เพียงนับหนึ่งถึงสามในใจก็จะมีทีมงานสักคนเดินนำกระดาษมาให้ท่องจำก่อนจะเข้าไปปราศรัยต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งหลาย


          ฟาโรกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเสียงผลักประตูเปิดกว้างทั้งที่เขายังยืนหันหลังอย่างนั้นมวนบุหรี่ที่ติดไฟเหลือเพียงครึ่งมวนถูกดึงออกจากปากโดยหญิงสาวที่เดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าของเขา


          “ใครใช้ให้คุณสูบบุหรี่ในนี้ไม่เห็นหรือไงป้าย no smoking” หญิงสาวเน้นคำศัพท์ทีละคำพร้อมยื่นส่งกระดาษโน้ตในมือให้ฟาโรถือไว้“ซีให้เอาสคริปแผ่นนี้มาให้คุณ”


          “ฉันให้เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเพิ่มไม่ได้ให้มาคอยห้ามหรือออกคำสั่งอะไรทั้งนั้น ช่วยทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะ”น้ำเสียงราบเรียบกอปรกับสายตานิ่งเฉยทอดมองลงพื้นไม่ได้สนใจหญิงสาวตรงหน้าว่าเธอจะยืนตะลึงงันเพียงเพราะคำพูดของเขาศศิชาอึกอักและลังเลที่จะถามเมื่อฟาโรทำท่าจะเดินหนีเข้าด้านในห้องโล่งกว้างที่มีกองทัพนักข่าวรอคอยอยู่


          “เดี๋ยวก่อนคุณเองเหรอที่ให้ฉันมาเป็นผู้จัดการคู่กับซี แล้วเพราะอะไรถึงทำแบบนั้นช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม”หัวใจเต้นระรัวอยากรู้ถึงสาเหตุในการที่เขาเลือกเธอมาทำงานใกล้ชิดอย่างนี้หรือแท้จริงแล้วเขาก็แอบสนใจเธออยู่ลึกๆศศิชาพยายามคิดเข้าข้างตนเองทั้งที่เป็นไปได้ยากระหว่างรอคอยคำตอบอย่างจดจ่อ


          “ก็แค่หาอะไรทำสนุกๆ แก้เบื่อ”ฟาโรพูดจาโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวด้านหลังแต่อย่างใด


          คำพูดราบเรียบแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกชาวาบไปทั้งเรือนร่างราวกับเลือดในกายแข็งตัวฉับพลันเธอกลายเป็นเรื่องสนุกและแก้เบื่อให้กับดาราดังตั้งแต่เมื่อไหร่กันทั้งเจ็บใจและอยากต่อว่า ทว่าเขาไม่อยู่ให้เธอทำเช่นนั้นฟาโรกระชากประตูเปิดออกและก้าวเดินเข้าด้านใน ปล่อยให้หญิงสาวยืนสงบนิ่ง ปรับความรู้สึกกรุ่นโกรธให้เป็นปกติเธอนำมวนบุหรี่ในมือจี้กับกำแพงเพื่อดับไฟและทิ้งลงถังขยะ จึงเดินตามเข้าด้านในงานแถลงข่าวเช่นเดียวกัน


          หญิงสาวร่างบอบบางเดินไปยืนขนาบข้างนลัทและมองยังดาราหนุ่มที่ยืนท่ามกลางแสงไฟสว่างวิบวับไม่ขาดระยะเสียงกดชัตเตอร์ระรัวถี่พร้อมมีหลายฝ่ายเริ่มทยอยตั้งคำถามหลังจากฟาโรพูดไปตามบทที่ท่องจำจนขึ้นใจโดยไม่มีกระดาษโน้ตถือไว้ในมือ


          วงการมายามีแต่การสร้างภาพหลอกลวงและใส่หน้ากากยิ้มแย้มทั้งที่ในใจรู้สึกอึดอัดและกดดันสิ้นดีแววตานิ่งเฉยของดาราดังบ่งบอกให้รับรู้ว่าเขากำลังสนุกกับการพูดไปตามบทบาทของนักแสดงคนหนึ่งเท่านั้นทั้งที่ไม่อยากแก้ข่าวเกี่ยวกับภาพฉาวของตนและนางแบบชื่อดังซึ่งทั้งหมดเป็นความจริงทว่าการบิดเบือนคือสิ่งที่ใครหลายคนต้องการให้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา


          ระหว่างฟาโรกำลังให้สัมภาษณ์และตอบคำถามศศิชาก็เหลือบไปเห็นอาร์ตซึ่งยืนหลบมุมอยู่ห่างๆ จ้องมองฟาโรไม่มีกะพริบเธอจึงนึกอยากสืบสาวเรื่องราวที่คาใจอยู่ในขณะนี้ ไม่รอช้าหญิงสาวเดินหลบผู้คนบริเวณนั้นสาวเท้าหาเป้าหมายอย่างว่องไว


          “นี่นายจ้องมองคนดังไม่คลาดสายตาเลยนะ” ศศิชาตบไหล่ของอาร์ตเบาๆ โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าเป็นนิ่งเฉยและละสายตาจากดาราหนุ่มหันมองเธอที่ทักทาย


          “มายืนเกะกะอะไรตรงนี้”อาร์ตกล่าวระหว่างนำมือกอดอกและเสมองไปทางอื่น


           “ฉันมีสิทธิ์จะยืนตรงไหนก็ได้ว่าแต่นายเถอะ มายืนตรงนี้เพราะรอดูสถานการณ์ที่ตัวเองก่อไว้งั้นเหรอ”ศศิชาหรี่ตามองอย่างจับพิรุธ รอดูปฏิกิริยาของชายหนุ่มด้านข้างที่มีท่าทางนิ่งเฉยคล้ายไม่สะทกสะท้านในสิ่งที่เธอกำลังเหน็บแนมทำให้ศศิชาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่คิดไว้จะถูกต้องทั้งหมด


           “นี่คุณเพ้ออะไรอยู่” ชายหนุ่มขึงสายตามองหญิงสาวโดยไม่คิดจะหลบหลีกการคาดคั้นของเธอและเป็นศศิชาเสียเองที่หลบดวงตาคมเข้มคู่นั้น


          “เปล่า ไม่มีอะไรไว้ฉันพิสูจน์อะไรได้เมื่อไหร่แล้วเราค่อยมาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้”คำพูดกำกวมทำให้ชายหนุ่มหัวเราะหึในลำคอก่อนจะพูดจาโต้ตอบ


          “อยากพิสูจน์อะไรก็รีบจัดการนะผมกลัวคุณจะอกแตกตายซะก่อน” อาร์ตแค่นยิ้มพร้อมปรายสายตามองหญิงสาวก่อนผละจากไป


          “ทำเป็นหัวเราะไปเถอะอย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยให้นายลอยนวลไปแบบนี้เป็นครั้งที่สอง”ศศิชาบ่นพึมพำก่อนจะหันกลับไปมองยังขวัญใจของเธอใบหน้าหล่อเหลาดึงสายตาให้จ้องมองและลืมเรื่องราวรอบกายชั่วขณะ หลังจากจบการแถลงข่าวกระแสความนิยมของฟาโรจะพุ่งกระฉูดหรือตกต่ำควรต้องรอลุ้นหลังจากนี้




          บนโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่เต็มไปด้วยกับข้าวหลากหลายเมนูวางเรียงรายเนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ สมาชิกในครอบครัวจึงอยู่กันเกือบพร้อมหน้า หากไม่ขาดหลานสาวคนโปรดไปสักคนคุณศจีเรียกแม่บ้านให้นำสำรับอาหารลงโต๊ะรับประทานเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว โดยทุกคนที่มาร่วมรับประทานอาหารต่างพูดคุยสนทนาไม่ทำให้บรรยากาศเงียบสงบจนเกินไป


          “คุณแม่อิ่มแล้วหรือครับ”ทินกฤตถามไถ่เมื่อเห็นมารดาหยิบแก้วน้ำเปล่าจิบดื่มหลังจากวางช้อนส้อมลงบนจานที่มีอาหารหลงเหลืออยู่เล็กน้อย


          “อืม อิ่มแล้วแต่พวกเราอย่าเพิ่งอิ่มกันเสียล่ะ วันนี้ฉันทำบัวลอยไข่หวานไว้เผื่อให้ทุกคนล้างปากล้างคาว”


          “ดีเลยค่ะคุณย่าวีไม่ได้ทานขนมหวานฝีมือคุณย่าหลายปีแล้วนะคะ ไม่รู้ว่าความอร่อยจะเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า”วรดาส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสของบ้านตั้งแต่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศก็ไม่เคยได้ลิ้มรสชาติขนมหวานฝีมือของคุณย่าอีกเลยจนถึงวันนี้แม้ในประเทศที่หล่อนเดินทางไปอยู่อาศัยจะมีร้านอาหารไทยให้เห็นอยู่ประปรายทว่ากลับไม่มีขนมหวานร้านใดเทียบเท่าฝีมือของคุณย่าได้เลยสักร้านเดียว


          “ว่าแต่หลานสาวคนโปรดของคุณแม่ไปไหนเสียล่ะคะวันนี้ถึงไม่อยู่ปรนนิบัติ หรือจะห่วงเที่ยวตะลอนจนไม่ยอมดูแลผู้หลักผู้ใหญ่งานการก็ไม่คิดจะเรียนรู้เอาเสียเลย” คุณทิพปภาพูดจาโดยไม่ใส่ใจสายตาห้ามปรามของสามีและบุตรชายรวมถึงรอยยิ้มขำขันของบุตรสาวและมารดาของสามี


          “เลดี้น่ะเหรอ เห็นว่าไปทำงานอยู่ในกองถ่ายที่มีดาราดังระดับประเทศทำงานด้วยฉันล่ะภูมิใจจริงๆ กับหลานคนนี้ ขนาดมีธุรกิจเป็นของตัวเองแท้ๆยังลงทุนลงแรงไปเป็นลูกจ้างเขาเพื่อแลกกับเงินไม่กี่พันก็ยังดีนะที่รู้จักคิดหางานทำด้วยตัวเองไม่พึ่งบารมีคนอื่น”


          เสียงหัวเราะเบาๆของคนในครอบครัวทำให้คุณทิพปภารู้สึกเสียหน้า สะบัดสายตามองค้อนสามีและบุตรชาย ช้อนส้อมในมือถูกวางลงบนจานอาหารเกิดอาการอิ่มโดยอัตโนมัติ แก้วน้ำถูกยกจิบก่อนจะนำผ้าผืนขาวบนตักขึ้นเช็ดริมฝีปากเบาๆแสดงความไม่พอใจบนใบหน้าชัดเจนระหว่างลุกจากเก้าอี้และเดินออกจากโต๊ะอาหารทันที


          “ตากฤตอย่าลืมไปง้อเมียแกด้วยล่ะสงสัยจะโกรธฉันที่ให้ท้ายเลดี้” คุณศจียังคงขำขันลูกสะใภ้และบุตรชายซึ่งนั่งยิ้มเจื่อนไม่ต่างกัน


          “คุณยาย! ดี้กลับมาแล้วค่ะ” พูดถึงอยู่ไม่ทันขาดขำ หลานสาวคนโปรดก็สาวเท้ารวดเร็วโผเข้ากอดบุคคลอันเป็นที่รักพร้อมกับหอมเข้าที่แก้มฟอดใหญ่จนคุณศจีถึงกับหัวเราะร่าออกมา


          “ไหนว่ากลับดึกนี่ยังไม่ทุ่มเลยใช่ไหม” คุณยายทักทายหลานสาวเมื่อเห็นว่าเธอกลับผิดเวลาที่บอกกล่าวไว้ก่อนจะเดินทางออกไปทำงานตามหน้าที่


          “ก็คุณยายบอกว่าวันนี้มีขนมหวานดี้ก็เลยรีบกลับมาทานขนมฝีมือคุณยายสิคะ” น้ำเสียงใสออดอ้อนผู้ใหญ่โดยไม่ทันมองว่ามีคุณลุงหมออีกคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะรับประทานอาหารจนเสียงกระแอมของพี่ชายเตือนสติทำให้เธอรู้ตัวว่าควรสนใจผู้อื่นบ้าง


          “อ้าว! คุณลุงหมอ สวัสดีค่ะ” ศศิชากล่าวพร้อมยกมือไหว้ทักทายโดยส่วนใหญ่ทินกฤตจะทำงานหนักอย่างต่อเนื่องจนไม่มีเวลากลับมายังคฤหาสน์บ่อยนักหลานสาวจึงไม่คิดว่าจะเจอคุณลุงหมอของเธอในวันนี้ “ช่วงนี้งานที่โรงพยาบาลไม่ยุ่งเหรอคะเลยกลับมาทานอาหารที่บ้านอย่างนี้”


          “พอดีลุงเคลียร์งานเสร็จเร็ว แล้วก็ตั้งใจกลับมาตรวจสุขภาพของคุณยายด้วยเลยถือโอกาสมาพักซะทีเดียว ว่าแต่หลานไปทำงานมาเหนื่อยไหม ไม่ไปอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนแล้วลงมาทานอาหารด้วยกัน”


          “ดี้ยังไม่ค่อยหิวเลยค่ะรอทานขนมหวานคุณยายก่อนดีกว่า” ศศิชากล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส ดึงดูดสายตาของหลายคนตรงโต๊ะอาหารให้มองอย่างเอ็นดู


          “เลดี้คืนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” วรดาร่วมวงสนทนาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนชายคนสนิทฝากกล่าวคำขอโทษให้ญาติสาวที่ไม่ได้พบเจอกันเมื่อเช้านี้โดยศศิชารับรู้ได้ทันทีว่าวรดาต้องการเจรจากับเธอด้วยเรื่องใด


          “อะไรกันยายวี เลดี้เพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆให้เขาพักผ่อนบ้างเถอะ ส่วนไอ้เรื่องที่จะคุยไว้เป็นพรุ่งนี้ก็ไม่สายไปหรอกน่า”วศินแอบแขวะน้องสาวในไส้


          “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วินดี้ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ วันนี้ไม่ได้ทำงานหนักอะไร ชิวๆ น่า”


          “ไปๆ ไปนั่งที่ เดี๋ยวยายจะให้ป้าอุ่นเตรียมขนมหวานมาให้ทานกันทุกคนตากฤตจะไปตามเมียแกมาร่วมวงด้วยหรือเปล่า จะได้พร้อมหน้าพร้อมตา” คุณศจีเอ่ยปากบอกบุตรชายให้ติดตามลูกสะใภ้ที่แง่งอนกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง


          “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณย่าคุณแม่กำลังไดเอทคงไม่ทานขนมหวาน” วรดากล่าวพร้อมเรียกเสียงหัวเราะภายในโต๊ะอาหารหากมารดาของหล่อนผ่านมาได้ยินเข้าคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหนักกว่าเดิม



         มีต่อด้านล่างค่ะ 




Create Date : 26 มกราคม 2557
Last Update : 26 มกราคม 2557 19:26:57 น.
Counter : 751 Pageviews.

4 comments
  
ภายในห้องนอนส่วนตัวซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้จนเย็นฉ่ำมีเสียงจากโทรทัศน์เปิดทิ้งไว้เบาๆ พอให้ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับงานแถลงข่าวที่ผ่านมาศศิชาขอร้องให้นลัทคัดลอกแผ่นซีดีให้ตนเก็บไว้ดูต่างหน้าหนึ่งแผ่น เธอจึงนำมาเปิดระหว่างอาบน้ำและทำภารกิจส่วนตัวก่อนจะนอนหลับไหลในค่ำคืนนี้



หญิงสาวเจ้าของห้องเดินออกจากห้องน้ำในชุดลำลองพร้อมนำผ้าขนหนูคลุมศีรษะขยี้เส้นผมที่เปียกหมาดสะบัดไปมาระหว่างเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งไดร์เป่าผมถูกกดปุ่มเปิดเครื่องจนไอความร้อนเริ่มทำงานและจ่อลงบนเส้นผมที่เปียกหมาดนั้นเพื่อทำให้มันแห้งสนิท



ศศิชามองโทรทัศน์ผ่านกระจกส่องเงาและครุ่นคิดถึงสิ่งที่ฟาโรให้สัมภาษณ์กับนักข่าวรวมถึงข้อมูลที่เขาต้องพูดไปตามบทบาท แม้คำพูดเหล่านั้นจะเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น



‘ภาพที่เห็นเป็นเพียงการโปรโมทฉากในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของผมครับ’ เพียงคำแถลงออกจากปากของดาราชื่อดังก็สามารถลบล้างความคลางแคลงสงสัยของเหล่าบรรดาแฟนคลับได้เป็นปลิดทิ้ง



นี่สินะการแก้ข่าวของเหล่าดาราดังทั้งหลายที่เห็นบ่อยครั้งตามสื่อต่างๆบ้างก็ว่าข่าวคาวที่ถูกเปิดโปงเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด การคบหากันระหว่างคนดังเป็นเพียงเพื่อนสนิทคนใกล้ชิดหรือแม้แต่ภาพข่าวที่ถูกปาปารัสซี่จับได้ เป็นแค่ใครบางคนซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกันเท่านั้นรวมทั้งบทเลิฟซีนที่กลายเป็นข่าวพาดหัวยังคือการโปรโมทภาพยนตร์ในเรื่องต่อไปเฉกเช่นที่ฟาโรให้คำแถลงข่าวทั้งหมดล้วนเป็นข้ออ้างซึ่งมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่บริษัทต้นสังกัดของดาราดังจะใช้แก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นเท่านั้น



รีโมทโทรทัศน์ถูกกดปิดการทำงาน ทำให้ภายในห้องนอนส่วนตัวเงียบสงบอีกครั้งศศิชาโยนผ้าขนหนูพาดไปตรงราวตากข้างตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือซึ่งมีรูปของฟาโรวางเรียงรายอยู่บนนั้นกรอบรูปภาพถูกยกขึ้นมองอย่างครุ่นคิดในใจ ความนิ่งเฉยและคำพูดกวนประสาทของเขาทำให้ศศิชาชั่งใจคิดอย่างสับสนในเมื่อฟาโรไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา เหตุใดกลับร้องขอให้เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวตามที่นลัทบอกเล่าอย่างละเอียดหลังจากงานแถลงข่าวจบลงโดยทุกคนที่ทราบเรื่องถึงกับตกตะลึงไม่แพ้กัน



“มันก็น่าดีใจอยู่หรอกนะแต่ทำไมคุณถึงเลือกฉันล่ะฟาโร” ดวงตากลมโตไร้กรอบแว่นบนใบหน้าจ้องมองรูปภาพในมืออย่างตั้งใจก่อนจะนำมาโอบกอดไว้แนบอก



ระหว่างกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นบรรยากาศภายในห้องนอนก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกกะทันหัน ผิวกายถูกความเย็นสัมผัสจนขนลุกตั้งไปทั้งตัวและความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอต้องหันหลังมองยังสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในห้องนอนของตน



ภาพที่ปรากฏเมื่อหันกลับไปคือบางสิ่งที่สูงยาวผิดมนุษมนากำลังเดินเข้าหาเธออย่างเชื่องช้าใบหน้าขาวโพลน เบ้าตาลึกกลวงมองไม่เป็นลูกตา ไม่มีจมูกและปาก ผมยาวรุงรังปะบ่าเสื้อผ้าขาดวิ่นจนแทบจะไม่มีหลงเหลือติดบนร่างกาย ผิวหนังดำเกรียมราวกับไหม้ไฟแห้งจนกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก



ศศิชาชะงักค้างไปหลายนาที เมื่อจิตใจตกวูบก่อนจะกลับมาเต้นระรัวรุนแรงเธอสาวเท้าถอยหลังรวดเร็วเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พยายามตั้งสติก่อนจะปากรอบรูปภาพที่หวงแหนใส่บางสิ่งบางอย่างเบื้องหน้า



“ซันเซ็ท!”



“ช่วยฉันด้วย!”



และการขอความช่วยเหลือก็หลุดออกจากปากโดยที่เธอไม่ตั้งใจจะเอ่ยชื่อของบุคคลซึ่งไม่ทันคิดถึงด้วยซ้ำหญิงสาวพยายามหลับตาสนิทเพื่อให้บางสิ่งที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นเพียงสิ่งลวงตาซึ่งหลอกหลอนจิตใจที่อาจเหนื่อยล้าเกินไปทันทีเมื่อสิ้นเสียงหวาดผวา แสงสว่างวูบเดียวก็ปรากฏจากด้านหลังของเธอฝ่ามืออบอุ่นจับสัมผัสแขนทั้งสองข้าง ทว่ากลับทำให้ศศิชาสะดุ้งโหยงและหันกลับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว





To be continued...
โดย: มาโซคิส วันที่: 26 มกราคม 2557 เวลา:19:27:18 น.
  
สวัสดีค่ะหนูมาโซคิส

ขอโทษนะคะ ที่ไม่ได้ทักทายในบล็อคคุณแม่ เพราะทิ้งบ้านจนเกือบจะร้างไปแล้ว

เลยมาเยี่ยมคนสวยเป็นการตอบแทนค่ะ
โดย: คุณแม่ใจดี IP: 115.87.115.142 วันที่: 29 มกราคม 2557 เวลา:10:07:04 น.
  
ขอบคุณนะคะคุณแม่ๆๆๆ คิดถึงๆ ค่า

เข้าใจค่ะ ว่าคุณแม่ไม่ว่าง ไม่เป็นไรค่ะ แค่แวะมาก็ดีใจมากเลยค่ะ
โดย: มาโซคิส IP: 203.130.145.99 วันที่: 29 มกราคม 2557 เวลา:18:58:05 น.
  


เฮงๆรวยๆสวยๆหล่อๆ กันทุกท่านนะคร๊าบบบบ
โดย: พันคม วันที่: 30 มกราคม 2557 เวลา:14:59:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments