เมษายน 2557

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 26


                              ๒๖


จากฝันกลายเป็นจริง?


หญิงสาวผมยาวสลวยเดินวนเวียนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตั้งแต่ได้รู้ผลการตรวจเลือดของตน แม้จะยังไม่ชัดเจนแต่ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสะเทือนหวั่นไหว ‘หลานอาจกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ’ คำพูดของทินกฤตยังกังวานอยู่ในความคิดแทบจะตลอดเวลา แว้บแรกที่ได้ยินถึงสาเหตุของอาการอ่อนเพลียหน้ามืดและวิงเวียนจนหมดสติเกิดจากการตั้งครรภ์ ใจหนึ่งแอบยินดีเมื่อคิดว่าตนเองจะกลายเป็นมารดาของเด็กน้อยที่อยู่ในร่างกายอีกหนึ่งชีวิต ทว่าอีกใจกลับสับสนและทักท้วง จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอยังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใดมาก่อนในชีวิต


เมื่อทุกอย่างตกอยู่ในความสงสัยแคลงใจ ทินกฤตจึงขอความร่วมมือให้หลานสาวเข้ารับการตรวจปัสสาวะอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการตั้งครรภ์ในครั้งแรกที่ได้เจาะเลือดไปตรวจก่อนหน้านี้ เพื่อหาสาเหตุของอาการที่ทำให้เธอหมดสติจนต้องนำส่งโรงพยาบาลเมื่อหลายชั่วโมงก่อน


หลังจากส่งกล่องปัสสาวะให้กับนางพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย ศศิชาก็เข้ามารอคุณลุงของเธออยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วยความร้อนรนกระสับกระส่าย ได้แต่ภาวนาขอให้ผลการตรวจผิดพลาดและเป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้หากเธอจะตั้งครรภ์โดยไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับชายใดมาก่อน เว้นแต่...ความฝันในค่ำคืนนั้นกับฟาโร


‘คิดอะไรบ้าๆ น่าเลดี้’ ศศิชาพึมพำกับตนเอง เพียงความฝันที่มีสัมพันธ์วาบหวามกับดาราชื่อดังจะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้อย่างไร ความสงสัยและกระวนกระวายทำให้เธอร้อนรนจนนั่งไม่ติด


ศศิชาเดินไปเดินมาจนเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เธอจึงเปลี่ยนทิศทางกลับไปนั่งบนเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง พยายามสงบจิตใจรุ่มร้อนให้เย็นลงเพื่อรอคอยผลการตรวจในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้


เสียงเคาะประตูทำให้คนตื่นเต้นสะดุ้งโหยงพร้อมหันไปทางประตูห้องที่กำลังเปิดออกอย่างลุ้นระทึก และต้องถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อบุคคลที่ปรากฏตรงหน้าคือเพื่อนสนิทของเธอเอง


“เป็นไงเลดี้ อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง” ถุงผลไม้และเครื่องดื่มถูกหย่อนลงบนโต๊ะที่วางอาหารสำหรับผู้ป่วย ‘ของเยี่ยมไข้’ ซึ่งนลัทหาซื้อมาฝากหวังให้เพื่อนได้ดูแลสุขภาพบ้างก็เท่านั้น


เมื่อวางของเยี่ยมเป็นที่เรียบร้อย นลัทสาวเท้ามาหยุดตรงข้างเตียงและนำหลังมืออังไปบนหน้าผากของคนป่วยเพื่อวัดระดับอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย


“ดี้ไม่ได้ป่วยซะหน่อย ทำไมต้องตรวจเช็คกันขนาดนี้ด้วย” ศศิชาขมวดคิ้วพร้อมกรอกลูกตาขึ้นสูงมองเพื่อนที่อมยิ้มส่งให้อย่างเอ็นดู หากไม่ได้ป่วยตามที่เธอบอกกล่าว เหตุใดจึงต้องมานอนอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้ นลัทนึกขบขันในใจ


“นั่นสินะ ตัวก็อุ่น หน้าก็ซีดแบบนี้ แกคงไม่ได้ป่วย แต่แกล้งเป็นลมให้นายแบบหนุ่มอุ้มมาส่งโรงพยาบาลใช่หรือเปล่า” นลัทดึงมือกลับไปกอดอกพร้อมหัวเราะชอบใจที่แหย่ให้เพื่อนหน้าบูดได้สำเร็จ ศศิชาส่งค้อนให้วงใหญ่ ทว่าไม่เถียงกลับสักคำ เมื่อคำพูดของทินกฤตวนเวียนในความคิดอีกครั้ง


“ซี...ถ้าในร่างกายของดี้มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ ดี้จะกลายเป็นตัวประหลาดหรือเปล่า”


“ที่ว่าผิดปกติของแกมันคืออะไร” นลัทถามไถ่อย่างสงสัยต่อสิ่งที่เพื่อนสนิทบอกกล่าวอย่างมีลับลมคมนัย


“คุณลุงหมอกำลังสงสัยว่า...” ไม่ทันจบประโยคเสียงเปิดประตูห้องก็ขัดจังหวะทำให้สองสาวหันไปมองพร้อมหยุดการสนทนาชั่วคราว


นลัทยกมือไหว้ทำความเคารพและทักทายญาติผู้ใหญ่ โดยทินกฤตยกมือรับไหว้พร้อมแย้มยิ้มส่งให้อย่างมีไมตรีก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมมองไปทางหลานสาวของตน ทำให้ศศิชาเย็นสันหลังวาบ จังหวะการเต้นของหัวใจสั่นระรัวจนแทบทะลุออกนอกอก ลุ้นระทึกในคำตอบที่จะได้รับฟังหลังจากนี้


“เป็นไงบ้างคะคุณลุง” เสียงหวานสั่นเครือจนนลัทหันกลับไปมองเพื่อนอย่างแปลกใจ ภายในแววตาวูบไหวด้วยความกังวลระคนตื่นเต้นในคราวเดียวกัน


ทินกฤตเหลือบมองทางนลัทคล้ายส่งสัญญาณให้ศศิชารู้ว่าเรื่องราวที่ต้องเจรจากันระหว่างนี้ควรเป็นความลับภายในครอบครัวหรือไม่ “ไม่เป็นไรค่ะ ถึงยังไงดี้ก็ต้องบอกซีอยู่แล้ว ตกลงผลการตรวจเป็นไงบ้างคะ”


หัวใจเต้นตึกตักรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อสีหน้าของทินกฤตเคร่งเครียดไม่มีแม้แต่รอยยิ้มปรากฏให้เห็น ศศิชายกมือเย็บเฉียบบีบประสานกันเพื่อคลายความตื่นเต้น แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ เมื่อคำตอบยังไม่หลุดออกจากปากของคุณลุงเสียที


“หลานตั้งท้องได้หกสัปดาห์แล้ว” ร่างกายเบาหวิว เรี่ยวแรงที่เคยมีอ่อนยวบจนเกือบล้มทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเตียงอย่างนั้น ความสับสนอื้ออึงถาโถมจนไม่ทันเห็นสีหน้าของนลัทที่เบิกตาโตมองเพื่อนสนิทและคุณลุงของเธออย่างตกใจไม่แพ้กัน


“ผลการตรวจคงไม่ผิดพลาดหรอกนะคุณลุง” นลัทเริ่มโต้แย้งเมื่อควบคุมสติให้ความตื่นตระหนกหมดไปจากความรู้สึก แม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าที่ควร


“ลุงก็อยากให้ผิดพลาดตั้งแต่ตรวจเลือดในครั้งแรก แต่การตรวจถึงสองครั้งผลออกมาแน่นอนว่าเลดี้ตั้งครรภ์” นลัทและทินกฤตต่างหันมองทางศศิชาเป็นตาเดียว หญิงสาวใบหน้าซีดเซียวยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบสนองสิ่งใดจนนลัทต้องสะกิดให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิดทั้งหลายเพื่อรอเวลาไต่สวนความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“เรามีเรื่องต้องคุยกันเลดี้” น้ำเสียงห้าวของนลัทฟังคล้ายจะมีอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อยดึงให้ศศิชาหันมองทางสาวมาดเท่และทินกฤตอีกครั้งก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนทอดมองไปทางญาติผู้ใหญ่อย่างขอความปรานี


“คุณลุงคะ ดี้ขอให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสามคนได้หรือเปล่า ดี้ยังไม่อยากให้คุณยายตกใจกับเรื่องนี้ แล้วดี้จะอธิบายให้คุณยายรับทราบเองค่ะ” รอยยิ้มอารีส่งให้หลานสาวพร้อมยกมือขึ้นลูบผมสลวยของเธอเบาๆ ความอบอุ่นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความปลอบปละโลมและให้กำลังใจ


“ได้ ลุงจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่อย่าให้นานเกินไปนัก ปัญหาทุกอย่างมีหนทางแก้ไขเสมอ”


“ขอบคุณนะคะคุณลุง” ทินกฤตตบศีรษะหลานสาวอย่างเอ็นดูก่อนจะผละจากหญิงสาวทั้งสองให้อยู่กันตามลำพัง ศศิชามองตามหลังจนคุณลุงของเธอเดินพ้นจากห้องในที่สุด


นลัทจ้องมองเพื่อนสนิทอย่างคาดคั้นความจริง เหตุใดเรื่องราวจึงออกมาเป็นเช่นนี้ ความผิดปกติที่เธอเคยเปรยบอกคือเรื่องตั้งท้องอย่างนั้นหรือ นลัทใคร่รู้ทั้งที่แอบรู้สึกแย่และน้อยใจ เตรียมคาดโทษเพื่อนสนิทที่กำลังมีความลับและปกปิดความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างเธอกับฟาโรไว้โดยไม่คิดบอกกล่าวให้ตนรับรู้


“แกท้องกับฟาโรใช่ไหม?”


“เปล่า...มันไม่ใช่อย่างที่ซีคิด ดี้จะอธิบายยังไงให้ซีเชื่อในสิ่งที่ดี้จะบอกต่อไปนี้”


“ถ้าแกไม่ท้องกับฟาโรแล้วแกท้องกับใคร ในเมื่อคืนนั้นตอนอยู่เชียงใหม่แกหายไปพร้อมกับเจ้าบ้านั่นจนเป็นข่าวครึกโครม”


“ซีกำลังเข้าใจผิด เรื่องคืนนั้นดี้กับเขาไม่เคยมีอะไรกัน ขอร้องล่ะ ฟังดี้ก่อนได้หรือเปล่า” แววตาแข็งกร้าวจนเหมือนนลัทเปลี่ยนเป็นคนละคน ศศิชาดึงแขนของเพื่อนอยากให้รับฟังในสิ่งที่เธอจะบอกกล่าว ทว่านลัทชักแขนกลับในทันทีพร้อมแสดงท่าทีไม่อยากรับฟังสิ่งใดทำให้หัวใจของศศิชากระตุบวูบจนรู้สึกเจ็บแปลบ ทุกสิ่งทุกอย่างคือการเข้าใจผิด ทว่าหลักฐานและความจริงก็ปรากฏชัดเจนจากการยืนยันของทินกฤต จึงไม่แปลกหากนลัทจะไม่เชื่อต่อสิ่งที่เธออยากอธิบาย


“ในเมื่อแกไม่อยากบอกความจริง ซีจะไปถามเจ้านั่นเอง” สิ้นเสียงขุ่นเคืองนลัทก็สาวเท้าเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ศศิชาตะโกนเรียกเพื่อนให้กลับมาฟังคำอธิบายของเธอ ทว่าทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว


ศศิชาได้แต่ระบายลมหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างใช้ความคิดและหาหนทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากจำเป็นต้องมีคำอธิบายคงไม่ได้มีไว้เพื่อนลัทเพียงคนเดียว ยังรวมถึงบุคคลในครอบครัวของเธอเช่นกัน


พลันความคิดก็พานนึกถึงใครบางคนที่ขาดการติดต่อไป หรือความพิสดารที่เกิดขึ้นกับเธอจะไม่พ้นซาตานอย่างซันเซ็ทอีกแล้ว


===

ตึกสูงภายใต้ชื่อเอสพีโมเดลลิ่งยังคงมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ด้านหน้าอาคาร โดยส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาแฟนคลับของดาราและนายแบบในสังกัดของบริษัทแห่งนี้ เมื่อทราบข่าวคราวเกี่ยวกับกำหนดการเทสหน้ากล้องของดาราหน้าใหม่ในแวดวงบันเทิง และอีกส่วนที่ทำให้เกิดเสียงคึกคักคงไม่พ้นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันซึ่งถูกตีแผ่ถึงงานเลี้ยงฉลองการเปิดตัวทายาทเศรษฐีและความสัมพันธ์พิเศษที่อาจกลายเป็นรักสามเศร้าระหว่างฟาโร วรดา และศศิชา ซึ่งดาราชื่อดังยอมเผยความรู้สึกจนแฟนคลับอดรนทนไม่ไหวต้องมารอคอยถามไถ่ข้อเท็จจริง

รถกระบะสี่ประตูขับเคลื่อนด้วยความเร็วตามอารมณ์กรุ่นโกรธ เมื่อนลัทวนเวียนคิดถึงเหตุการณ์ครั้งที่เดินทางไปตั้งกองถ่ายแบบภาพแฟชั่นถึงเชียงใหม่จนเกิดข่าวฉาวระหว่างฟาโรกับหญิงสาวปริศนา และนลัทรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นั้นคือศศิชาอย่างแน่นอน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นจนถึงวันนี้กินเวลาร่วมสองเดือนเห็นจะได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกับความลับของเพื่อนสาวถูกเปิดเผยเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา และนั้นเป็นสิ่งซึ่งนลัทปล่อยผ่านไม่ได้เป็นอันขาด


ประตูรถถูกผลักเปิดอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ของเจ้าของยวดยานพาหนะที่จอดสนิทในลานจอดรถหน้าอาคารก่อนจะปิดกระแทกอีกครั้งอย่างไม่ยั้งแรง นลัทสาวเท้าเดินด้วยความรีบร้อนเมื่อจิตใจร้อนกว่าแอบต่อว่าตนเองยังรวดเร็วไม่ได้ดังใจคล้ายเดินชักช้าและต้วมเตี้ยมเป็นเต่าคลานเช่นนี้


นลัทเดินฝ่าฝูงชนมากมายบริเวณหน้าทางเข้าซึ่งถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยคุ้มกันอย่างหนาแน่นเพื่อไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าด้านในได้สำเร็จ พนักงานหลายคนละแวกนั้นค่อมศีรษะให้นลัทอย่างนอบน้อม ทว่าคงผิดจังหวะเมื่อความกรุ่นโกรธไม่สามารถทำให้สาวมาดเท่ฝืนยิ้มได้เลยสักนิด


ประตูลิฟท์ถูกกดเปิดเมื่อรอคำสั่งใช้งานโดยคนร้อนรนรีบก้าวเข้าไปยืนในลิฟต์และไฟสีส้มถูกกดสว่างตรงชั้นปลายทางพร้อมประตูเลื่อนปิดในทันที


===                


เสียงพูดคุยของเหล่าทีมงานภายในห้องกระจกยังคงมีไม่ขาดระยะเกี่ยวกับเรื่องราวของอาร์ตที่คิดทำร้ายศศิชา หลังจากฟาโรยอมสงบศึกและหลบออกจากห้อง ศศิชาก็หมดสติจนไมเคิลและนลัทรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เมื่อถึงมือนายแพทย์ใหญ่นลัทจึงหมดห่วง ขอตัวเดินทางกลับมาสะสางหน้าที่เกี่ยวกับอุบัติที่เกิดจากความจงใจของอาร์ต โดยไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการสิ่งใดกันแน่


เมื่อเดินทางกลับมาถึงบริษัทอีกครั้ง การคัดเลือกดาราใหม่ต้องหยุดชะงักเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อการสืบสวนเริ่มต้น ตั้งแต่อาร์ตได้รับบาดเจ็บอย่างที่แพทย์ก็ระบุสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด เขาก็นอนพักรักษาตัวอย่างนั้นโดยไม่มีกำหนดให้ออกจากโรงพยาบาลแต่อย่างใด


ดรุนัยโทรสอบถามญาติคนสนิทและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอาร์ตในโรงพยาบาล จึงทราบว่าเขาหายตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งญาติและเจ้าหน้าที่พากันออกตามหาจนวุ่นวาย แต่ก็ไม่พบเขา จนอาร์ตปรากฏตัวในบริษัทและจงใจทำร้ายศศิชาด้วยสภาพเหม่อลอยโดยไม่มีการตอบสนองใดๆ จนต้องนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดว่าเขาจะยังกลับมาเป็นปกติอีกหรือไม่


หลังจากส่งอาร์ตกลับโรงพยาบาล นลัทเรียกทีมงานทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับมาคัดเลือกดาราใหม่อีกครั้ง แม้เวลาจะล่าช้าไปหลายชั่วโมงแต่ทุกอย่างก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี เพียงเรื่องราวที่โจษขานยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อเกิดคำถามว่าเพราะเหตุใดอาร์ตจึงจงใจทำร้ายศศิชา และยังไม่มีคำตอบใดไขข้อข้องใจให้ความกระจ่าง


“เจ๊มะดัน ฟาโรอยู่ไหน” นลัทผลักประตูและถามไถ่ด้วยสีหน้าตึงเครียดพร้อมกับทำเสียงห้วนจนคนถูกถามรีบกระเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ในทันที แม้จะถูกขัดจังหวะกับการเม้าแตก ทว่าเวลานี้คงอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานทำให้ดรุนัยไม่กล้าหยอกล้อกับผู้จัดการของเขาสักนิด


“ตั้งแต่เทสเสร็จ ฮีก็กลับไปอยู่ที่ห้องส่วนตัวแล้วจ๊ะผู้จัดการ อยากให้เจ๊ไปตามให้หรือเปล่า”


“ไม่เป็นไร” ท่าทางเฉยชาของนลัทผิดแปลกไปจากเดิม แววตาซึ่งเคยแสดงออกว่าชอบเหย้าแหย่หรือหยอกล้อกันไม่มีให้เห็น แต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นดุดันจนน่าขนพอง


เมื่อนลัทจากไปดรุนัยก็รีบวิ่งแจ้นกลับมาที่เดิมพร้อมซุบซิบกับทีมงานสาวทั้งหลายที่อยากรู้ความคืบหน้า และเสียงกระซิบกระซาบที่ดังสนั่นทำให้ไมเคิลซึ่งคอยจับตามองทุกสถานการณ์ลุกจากวงสนทนากับดาราสาวหน้าใหม่และเดินมาเลียบๆ เคียงๆ กับวงเม้าแตกของดรุนัยอย่างสืบสาวราวเรื่องไปในตัว


=== 


นลัทหยุดยืนอยู่หน้าประตูที่มีป้าย ‘Staff only’ พร้อมสงบสติอารมณ์อยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะถอนใจหนักหน่วงและหมุนลูกบิดประตูอย่างถือวิสาสะเข้าภายในห้องนั้นโดยไม่รอขออนุญาตจากบุคคลซึ่งครอบครองก่อนหน้านี้ สองเท้าก้าวเดินอาดๆ มองหาดาราหนุ่มที่อยากพบเจอใจแทบขาด แต่กลับไม่เห็นเขาแม้แต่เงา


เมื่อเดินผ่านราวเสื้อผ้านับสิบ ผ้าม่านที่กั้นเขตห้องก็ถูกถลกเปิดอย่างไม่รีรอ ประตูทางหนีไฟเปิดค้างไว้พร้อมกับควันสีขาวลอยฟุ้งจากด้านนอก เมื่อก้าวเข้าไปใกล้ๆ กลิ่นบุหรี่ก็ตลบอบอวลแตะจมูก


ชายร่างสูงยืนสูบบุหรี่อย่างครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ ขณะเดินออกจากห้องที่ทำการคัดเลือกดารานักแสดงหน้าใหม่เพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นอาร์ตอยู่นั้น เพียงไม่นานเขาก็เห็นไมเคิลโอบอุ้มหญิงสาวที่เคยช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายพร้อมกับทีมงานคนอื่นวิ่งตามเป็นพรวน โดยแว่วเสียงที่ได้ยินห่างๆ คือหญิงสาวผู้นั้นถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อหมดสติอย่างกะทันหัน


ฟาโรทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างซึ่งเป็นส่วนหย่อมขนาดย่อม พยายามปล่อยความรู้สึกห่วงอย่างไม่ทราบสาเหตุทิ้งจนภาพข่าวที่มีเขาเดินอยู่ในงานเลี้ยงอย่างไม่รู้ตัวก็กลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง


“ฟาโร!” เสียงเรียกชื่อยังไม่ทันขาดคำกำปั้นหนักๆ ก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าคมคายจนบุหรี่ที่คาบไว้กระเด็นออกและร่วงหล่นบนพื้น ดาราหนุ่มแตะริมฝีปากพร้อมปาดเช็ดน้ำเหนียวข้นที่ค่อยๆ ซึมไหลออกมาจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือด


“เป็นบ้าอะไร” ฟาโรพยายามยับยั้งความโกรธเพื่อถามหาเหตุผลที่สาวมาดเท่เดือดดาลอารมณ์ใส่โดยการยื่นหมัดให้เขาอย่างนี้


“นายทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างหรือเปล่า!” แววตาเกรี้ยวกราดจ้องมองชายหนุ่มราวกับอยากกินเลือดกินเนื้อ ฟาโรได้แต่ยักไหล่และเลิกคิ้วสูง


“ผมทำอะไรให้คุณโกรธจนต้องยัดหมัดให้กินแบบนี้ไม่ทราบ” ฟาโรเบือนหน้าหนีพร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเลือดซิบและดุนลิ้นอุดร่องรอยบาดเจ็บ เมื่อเช้าก็ถูกกัดไปรอบหนึ่งจากความอวดดีและอยากรู้ของตน พอบ่ายแก่ๆ ดันถูกชกจนเลือดกลบปากอีกระลอก เลยไม่รู้ว่าเป็นเรื่องโชคดีหรือซวยซ้ำซวยซ้อนกันแน่


“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าคืนนั้นนายทำอะไรเลดี้” ฟาโรเหลือบมองคนตั้งคำถามพร้อมปะติดปะต่อเรื่องราวของ ‘คืนนั้น’ ที่นลัทหมายถึง


“คืนไหน...คุณหมายถึงอะไร” ดาราหนุ่มถามไถ่เพื่อไขข้อข้องใจในสิ่งซึ่งเกินความคาดเดา


“คืนที่นายพาเลดี้ออกจากโรงแรมที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นนายกับเธอมีความสัมพันธ์กันหรือเปล่า” และทุกอย่างก็คลี่คลายเกี่ยวกับ ‘คืนนั้น’ ฟาโรเหยียดยิ้มเมื่อรู้ว่าอารมณ์เดือดดาลของนลัทเกิดจากข่าวฉาวระหว่างเขากับสาวปริศนาคนนั้น


“ผู้ชายกับผู้หญิงเข้าไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องที่ลับหูลับตา คุณคิดว่าจะมีอะไรล่ะผู้จัดการ ถ้าไม่ใช่เรื่องอย่างว่า” ฟาโรหยอกเหย้าเมื่อเห็นแววตาและสีหน้าของนลัทบ่งบอกได้ว่าอารมณ์โกรธเริ่มปะทุอีกครั้ง เขาไม่ทราบว่าเหตุใดเพิ่งนึกท้วงเรื่องนี้ขึ้นมา หากได้ป่วนประสาทให้สาวมาดเท่หึงหวงจนบ้าคลั่งคงสนุกพิลึก


“สรุปนายกับเลดี้มีความสัมพันธ์กันจริงใช่ไหม” นลัทถามอย่างซึ่งหน้า


“ไม่ลองถามเพื่อนสนิทของคุณดูล่ะ ว่าพวกเราสนุกกันแค่ไหน คืนนั้น” ฟาโรเน้นเสียงหนักแน่นพร้อมยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคู่สนทนากำหมัดแน่นคล้ายกำลังควบคุมอารมณ์ให้เย็นลง แต่ไม่ผลีผลามง้างกำปั้นชกเขาอีกรอบ คำพูดของฟาโรไม่ได้คิดอะไรจริงจัง เพียงแค่ต้องการแหย่อารมณ์กรุ่นโกรธของนลัทเท่านั้น ในเมื่อความสนุกที่ว่าเป็นเพียงภาพฝันที่เขาเองก็รู้สึกวูบวาบและหวามไหวเช่นกัน จนนึกว่าความฝันนั้นช่างเสมือนจริง


“นายรู้หรือเปล่าว่าเลดี้ตั้งท้อง และนายเป็นคนทำลายชีวิตเธอ หากคุณยายของเลดี้รู้เข้าคงเกิดเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ เพราะความสิ้นคิดของพวกนาย!” น้ำเสียงห้าวแผดดังราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจจนฟาโรรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย เขายืนนิ่งอึ้งไปนานหลายนาที รอยยิ้มเหยียดที่เคยมีต้องหุบลงอย่างกะทันหันจนรู้สึกว่าเวลานี้ยิ้มไม่ออก และไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ณ เวลานี้คงทำได้เพียงนิ่งอึ้งต่อสิ่งที่ได้รับรู้เท่านั้น


=== 


ในค่ำคืนแห่งความว้าวุ่นใจข้าวของส่วนตัวที่พอจะบอกเวลาได้ก็ถูกรวบเก็บใส่กระเป๋าสะพายจนหมดสิ้น ทั้งนาฬิกาข้อมือสีชมพูหวานแหววและโทรศัพท์ขนาดพกพา โดยไม่ทราบว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าใดแล้ว


ตั้งแต่ช่วงเย็นศศิชาก็ขออนุญาตคุณลุงของเธอเดินทางกลับคฤหาสน์ แรกๆ ทินกฤตไม่ยอมให้หลานสาวกลับเองตามลำพัง ยืนยันจะมาส่งเธอให้ได้ แต่ด้วยลูกอ้อนของศศิชาทำให้คุณลุงยินยอมและกำชับหนักหนาว่าห้ามเถลไถลที่ใด ให้รีบกลับที่พักอาศัยทันที


ศศิชาตกปากรับคำเป็นอย่างดี แต่เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้อย่างอิสระก็เหมือนนกโบยบิน เธอเดินเรื่อยเปื่อยตามริมถนนฟุตปาธจนไปถึงป้ายรถประจำทางเพื่อนั่งรถเมล์โดยสารตามความเคยชิน ไม่โทรเรียกรถยนต์ของคฤหาสน์ให้มารับตามคำสั่งของทินกฤตแต่อย่างใด


จากแสงตะวันสาดส่องเป็นสีทองอร่าม ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้ายามอัสดง และสิ้นแสงของวันจนมืดมิดในที่สุด ศศิชาลงจากรถประจำทางและเดินไปตามเส้นทางคุ้นชินที่เคยใช้บ่อยครั้งจนถึงคฤหาสน์ เธอเดินเข้าสวนหย่อมและนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่อย่างนั้นจนไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าใดแล้ว รู้เพียงรอบด้านเงียบสงบ ไม่มีวี่แววของบุรุษที่เพรียกหาหรือคิดจะปรากฏตัวให้พานพบเสียที


“ซันเซ็ท...นายอยู่ไหน ออกมาอธิบายเรื่องทั้งหมดซะที นายกำลังทำให้ทุกอย่างปั่นป่วน ทั้งความฝันและเรื่องตั้งท้อง” ศศิชาเรียกหาซันเซ็ทตั้งแต่เธอเดินเข้ามายืนในสวนหย่อมแห่งนี้จนเริ่มเหนื่อยล้า ทว่าเขาก็ไม่ปรากฏกายเสียที


“ฉันอยากเจอนาย...ออกมาหน่อยได้ไหม ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”


“ต้องการพบเจอฉันอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงทุ้มกังวานมาพร้อมกับลมโชยเย็นเยียบบาดผิวกายจนขนลุกตั้งไปทั้งตัว ซาตานชุดดำผู้มากับปีกขนาดใหญ่ที่กระพือช้าๆ และค่อยๆ ลอยลงมายืนอยู่บนพื้นหญ้าตรงหน้าเธอ


ศศิชาระบายยิ้มอย่างดีใจเมื่อซันเซ็ทปรากฏตัว ความรู้สึกหดหู่และความไม่สบายใจที่หนักอึ้งค่อยๆ เลื่อนสลายราวกับยกภูเขาออกจากอก คำถามมากมายประเดประดังทั้งเรื่องของตนเองและอาการบาดเจ็บของเขา เธอทำทีจะสาวเท้าเดินเข้าใกล้ซันเซ็ท ทว่าคำพูดของนอร่อก็ฉุดรั้งเอาไว้ ‘เจ้าต้องอยู่ให้ไกลจากซันเซ็ทและผลักไสไล่ส่งเขาออกไป’ ทำให้หญิงสาวหยุดฝีเท้ากับที่ในทันที


“นายรู้เรื่องทั้งหมดดีใช่ไหม? นายเป็นคนทำให้ฉันตั้งท้องใช่หรือเปล่าซันเซ็ท ทำไมนายถึงทำแบบนี้ รู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ศศิชาเปล่งเสียงดังคล้ายต่อว่าต่อขาน


“เธอต้องการแบบนี้มิใช่หรือ อยากได้ชายผู้นั้นมาครอบครอง หากไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น เธอคงครอบครองเขาไม่ได้ทั้งตัวและหัวใจ” ซันเซ็ทกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่คิดอธิบายสิ่งใดให้มากความ ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้ไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง


“ใช่ ฉันชื่นชมและหลงใหลเขาจนอยากครอบครอง...แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ทุกอย่างเป็นเพียงภาพมายาที่นายสร้างขึ้นมาเท่านั้น แล้วเรื่องตั้งท้องนายก็สร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงฉันกับทุกคนด้วยใช่ไหม”


ซันเซ็ทมองหญิงสาวเบื้องหน้านิ่งๆ ไม่ตอบคำถามของเธอ ปล่อยให้ศศิชาเว้าวอนร้องขออยู่อย่างนั้นจนร่างบอบบางทรุดกายนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง พลันภาพความฝันที่พบเจอนอร่าระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลก็กลับมายืนในความคิดอีกครั้ง


‘เรื่องข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเจ้ากับซันเซ็ทไม่เป็นความจริง’ หรือคำขอกับการแลกเปลี่ยนระหว่างเธอกับซาตานเป็นเพียงสัญญาปากเปล่า มันอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงจิตใจใครได้ทั้งนั้น รวมถึงเธอไม่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป แต่กลับมีหัวใจดวงน้อยๆ เพิ่มเข้ามาอยู่ในร่างกายแทน ศศิชาทบทวนทุกสิ่งอย่างสับสนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง


ทั้งสองอยู่กันอย่างเงียบสงบโดยไม่มีการพูดจาหรือปรับความเข้าใจเพื่อคลี่คลายต่อปัญหามากมายที่เกิดขึ้น เพียงเพราะคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับนอร่าทำให้ศศิชาไม่กล้าปริปากถามไถ่ในสิ่งซึ่งค้างคาใจ


เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือดังทำลายความเงียบเชียบที่เคยมี ศศิชาล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกจากกระเป๋าสะพาย แสงไฟกะพริบตามจังหวะเพลงปรากฏชื่อผู้ต่อสายโทรหาเธอ


“ค่ะพี่วิน ดี้อยู่หน้าบ้านมีอะไรหรือเปล่าคะ” ปลายสายส่งเสียงร้อนรนบอกให้เธอรีบกลับด่วน เมื่อญาติผู้ใหญ่เป็นลมหมดสติอย่างกะทันหันหลังจากได้รับรู้ถึงข่าวร้ายบางอย่าง “คุณย่าเป็นอะไรคะ! ค่ะ ดี้จะรีบไปเดี๋ยวนี้” ศศิชากดตัดสายและสาวเท้าเดินอย่างเร่งด่วนจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง หากไม่นึกถึงผลกระทบกระเทือนต่อก้อนเนื้อน้อยๆ ในครรภ์ เธอคงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปให้ถึงคฤหาสน์โดยเร็วที่สุด


ซันเซ็ทหันมองตามหญิงสาวที่รีบรุดจากไปโดยไม่มีคำกล่าวลา เขาหวังเพียงหลังจากนี้ สิ่งที่ต้องการจะตกอยู่ในกำมือเพื่อจบสิ้นทุกอย่างตามที่วางไว้ และคงไม่เกิดความผิดพลาดอีกครั้งอย่างในอดีตที่ผ่านมา บุรุษชุดดำค่อยๆ เลื่อนสลายหายไปกับอากาศ


To be continued...




Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 19 เมษายน 2557 22:31:05 น.
Counter : 614 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments