กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
 
 
9 กุมภาพันธ์ 2557
All Blog
มนตราซาตาน... บทที่ 12

๑๒

ยอมแลกเปลี่ยน


กำหนดเดินทางต่างจังหวัดใกล้ถึงเวลาเต็มทีเมื่อเหล่าทีมงานเกือบทั้งหมดรวมกลุ่มกันยังสถานีรถไฟหัวลำโพง นลัทสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องในทีมติดต่อขอเหมารถไฟทั้งขบวนเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพแฟชั่นบางส่วนตั้งแต่เริ่มต้นเดินทางจนถึงที่หมายจังหวัดเชียงใหม่โดยมีตู้นอนจำนวนสองโบกี้เพื่อให้ทีมงานได้พักผ่อนขณะหยุดการทำงานชั่วคราว


ศศิชาตื่นเต้นกับการเดินทางในครั้งนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากเธอไม่เคยนั่งรถไฟเลยสักครั้ง วันนี้จึงถือเป็นประสบการณ์แรกในชีวิตดวงตาคมหวานมองหาขวัญใจของเธอที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ทั้งที่นัดหมายกันอย่างดีก่อนออกจากบริษัทต้นสังกัดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว


“ซี ทำไมฟาโรยังไม่มาอีกล่ะ”


“สงสัยเถลไถล รายนั้นเป็นงี้ประจำล่ะมาช้าตลอดเว ทำไม คิดถึงมากหรือไงถึงต้องมองหาแต่นายนั่น” นลัทแขวะใส่เพื่อนสนิทโดยไม่คิดจะมองเธอแต่อย่างใดรู้สึกหงุดหงิดใจจนไม่อยากพูดให้มากความ


“เปล่านะ ก็แค่ห่วง ได้ข่าวว่าออกจากบริษัทตั้งนานแล้วน่าจะถึงแล้วนี่ อีกอย่างก็ใกล้เวลาเดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ”


ศศิชาแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆทั้งที่ในใจของอีกฝ่ายรู้ดีว่าเธอทั้งห่วงและเป็นกังวลกับบุคคลที่ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษหากตั้งใจมองทุกรายละเอียดจะเห็นความสับสนซ่อนอยู่ในแววตาคู่สวย เนื่องจากเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ายังหลงใหลชายในฝันเฉกเช่นแฟนคลับคนหนึ่งหรือไม่ความรู้สึกแปลกๆ ที่วนเวียนอยู่ในจิตใจเริ่มคืบคลานเข้ามาตั้งแต่ได้ใกล้ชิดกับฟาโรมากขึ้นคล้ายความคลั่งไคล้แปรเปลี่ยนเป็นความหวั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว


เมื่อเจ้าหน้าที่การรถไฟประกาศแจ้งถึงขบวนรถเข้าเทียบยังชานชาลาเป็นที่เรียบร้อยทีมงานทุกฝ่ายต่างช่วยกันทยอยขนสัมภาระขึ้นเก็บประจำที่ โดยมีนลัทและศศิชายืนคอยดาราหนุ่มอยู่ด้านหน้าสถานีอย่างกระวนกระวายนาฬิกาข้อมือถูกยกมองเป็นระยะและเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆจนสาวมาดเท่อดรนทนไม่ไหวต้องยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายอย่างหงุดหงิดใจไม่น้อย


“มาแล้ว! เจ๊มาแล้ว” ยังไม่ทันได้ต่อสาย เสียงทุ้มต่ำก็ดังมาแต่ไกลก่อนจะปรากฏกายให้เห็นเจ้าของฉายาเจ๊มะดันแห่งวงการมายาซึ่งอำพรางใบหน้าด้วยหมวกใบใหญ่พร้อมแว่นตากันแดดทรงแฟชั่น แทบจำไม่ได้ว่าเขาคือช่างแต่งหน้ามืออาชีพของวงการบันเทิงโดยมีชายร่างสูงสวมเสื้อโค้ชตัวใหญ่ ใส่หมวกปีกยาวพร้อมแว่นตาดำปิดบังใบหน้าเดินตามหลังมาติดๆแม้สายตาของผู้คนรอบบริเวณจะหันมองเขาด้วยความลังเล ทว่าแฟนคลับอย่างศศิชาสามารถจดจำได้ขึ้นใจด้วยลักษณะท่าทางที่ไม่เหมือนใครต่อให้เขาอำพรางใบหน้าอย่างไร เธอก็รู้ได้ในทันทีว่านั่นคือขวัญใจของเธอ


“ทำอะไรกันอยู่ ถึงมาเอาป่านนี้ไม่รู้จักเวล่ำเวลาปล่อยให้คนอื่นคอยแบบนี้ได้ไง” นลัทส่งสายตาอำมหิตมองฟาโรก่อนจะหันไปถามดรุนัยซึ่งเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าโดยเจ๊มะดันรีบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเจอกลุ่มแฟนคลับระหว่างออกจากบริษัทจึงต้องหลบหลีกผู้คนมากมายก่อนจะเดินทางมายังสถานที่นัดหมายอย่างที่เห็น


ภายใต้แว่นตากันแดดสีดำดูไม่ออกว่าฟาโรกำลังจ้องมองนลัทอยู่หรือไม่ท่าทางนิ่งเฉยของเขายังคงไม่แยแสต่อคำตำหนิของผู้จัดการส่วนตัวกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกลากวางไว้ตรงหน้าศศิชาพร้อมพูดจาราวกับออกคำสั่ง


“เอามันขึ้นรถให้ด้วย” กล่าวจบ ดาราหนุ่มก็เดินขึ้นขบวนรถไฟโดยไม่ใส่ใจหญิงสาวที่ยืนมองเขาอย่างไม่เข้าใจหรือที่ต้องการให้เธอมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคู่กับนลัท เพียงเพราะอยากกลั่นแกล้งใช้งานราวกับเป็นทาสอย่างที่ทำอยู่เวลานี้


ศศิชาละสายตาจากคนตัวสูงมองยังกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างแอบเคืองในใจไม่รู้ว่าดาราดังอย่างเขาจะเก็บสิ่งใดยัดลงไปหนักหนา ขนาดเธอเป็นสาวเป็นนางยังไม่กล้าขนสัมภาระส่วนตัวไปมากมายเท่านี้


“เลดี้ เดินไปกับเจ๊มะดันแล้วกันเดี๋ยวซีจัดการกระเป๋าใบนั้นเอง”


“ไม่เป็นไร ดี้ไหวน่าซีจัดการหลายอย่างแล้ว เรื่องแค่นี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดี้เถอะ”


รอยยิ้มสดใสแย้มส่งให้เพื่อนสนิทพร้อมจับกระเป๋าเดินทางเตรียมลากขึ้นรถไฟทว่าในใจกลับนึกคาดโทษฟาโรเอาไว้ ‘อย่าให้ถึงเวลาเอาคืนบ้างแล้วกัน’ หญิงสาวกัดฟันข่มอารมณ์คุกรุ่นไว้ในใจแสร้งทำเป็นส่งยิ้มให้ดรุนัยที่เดินมาคว้ากระเป๋าช่วยลากอีกแรง


นลัทเดินรั้งท้าย ลอบมองหญิงสาวเพื่อนสนิทและแอบยิ้มน้อยๆปลื้มใจในความร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ทั้งที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างจงใจเช่นนั้นแม้จะไม่พอใจกับการกระทำของฟาโรเป็นอย่างมาก แต่นลัทกลับทำอะไรไม่ได้ เมื่อดาราหนุ่มคนนั้นยังคงเก็บงำความลับระหว่างเพื่อนสนิทเอาไว้ในกำมือ




บรรยากาศภายนอกขบวนรถไฟค่อยๆ หรี่แสงลงทีละน้อยเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มโรยลาจากฟากฟ้า สลับเปลี่ยนช่วงเวลาเข้าสู่ยามค่ำคืนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเพื่อรอรับแสงจันทร์นวลผ่องที่รายล้อมไปด้วยดวงดาวระยิบระยับราวกับล้อเล่นกันท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี


ดวงไฟจากสปอร์ตไลท์ส่องสว่างภายในโบกี้รถไฟเมื่อถูกเปิดใช้งานพร้อมกันหลายดวงเหล่าทีมงานร่วมแรงแข็งขันจัดฉากในสถานที่ให้มีความสวยงามด้วยแสงและเงาที่ลงตัวเหมาะสำหรับการถ่ายภาพในมุมเหงาๆของดาราดังซึ่งยืนเป็นแบบโพสต์ท่าให้


ระหว่างหยุดพักการถ่ายทำช่างแต่งหน้าและช่างเซตผมวิ่งปรี่เข้าไปประโคมเครื่องสำอางกันจ้าละหวั่นเพื่อแข่งกับเวลาที่มีอันน้อยนิดรวมถึงผู้จัดการส่วนตัวจัดคิวความต้องการให้งานออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ


ศศิชาขนเสื้อผ้าส่งให้ดาราหนุ่มปรับเปลี่ยนใส่ตามฉากแม้นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจะไม่เคยเหลียวมองเธอสักนาทีระหว่างอยู่ใกล้ชิดกันทว่าหัวใจกลับสั่นระรัว รู้สึกตื่นเต้นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งที่สมองสั่งการไม่ให้ใส่ใจหยุดคิดถึงและลบเลือนบุคคลตรงหน้าให้สิ้นซาก แต่หัวใจดวงนี้กลับไม่รักดี ดึงสายตาหวั่นไหวคู่นี้ให้ลอบมองใบหน้าคมคายเมื่อได้ใกล้ชิดกับเขาจนต้องเตือนตนเองทุกครั้ง

หยุดซะทีหัวใจ...อย่าสั่นไหวเมื่อใกล้เขา

เพียงนิ่งเฉยก็แค่ทุรนทุรายเบาๆยังดีกว่าไม่เหลือเงาของตัวเอง


“นี่...เสร็จหรือยังฉันไม่มีเวลามายืนให้เธอผูกเนคไทเป็นชั่วโมงหรอกนะ” ความคิดต่างๆ หลุดลอยเมื่อเสียงทุ้มดังขัดจังหวะศศิชาชะงักมือชั่วครู่พลางตั้งสติก่อนหลบสายตาจากคนตัวสูงเบื้องหน้าสักวันเธอคงเป็นโรคหัวใจอ่อนแอเมื่อสายตาของฟาโรจ้องมองมาพาหวั่นไหวเช่นนี้


“อะ อ๋อ เสร็จแล้ว โทษทีผูกเพลินไปหน่อย” หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อยพร้อมส่งยิ้มเจื่อนให้ดาราหนุ่มที่ผละจากไปยืนประจำตำแหน่งเพื่อทำงานต่อ


แสงไฟส่องปะทะฟาโรที่กำลังโพสต์ท่าอยู่หน้ากล้องถ่ายภาพดึงดูดสายตาให้จดจ้องจนไม่อยากกะพริบสักนาที ศศิชาลอบถอนใจหนักหน่วงอยากลงโทษตนเองที่ไม่ควบคุมความรู้สึกจนสมาธิเตลิดไปไกลเช่นนี้หญิงสาวตัดใจกลับหลังหันพร้อมกระชับวงแขนที่โอบกอดเสื้อผ้าไว้พะรุงพะรัง ไม่ว่าฟาโรจะสวมใส่ชุดใดก็ดูดีไปหมดกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งคุ้นเคย ติดอยู่ตามเสื้อผ้าที่เขาเพิ่งสวมใส่หากไม่กลัวถูกกล่าวหาว่าวิปริตเธอคงนำใบหน้าซุกลงบนเสื้อผ้าเหล่านั้นเพื่อเก็บความหอมเอาไว้ให้นานที่สุด


ความคิดผุดพรายในสมอง เหมือนครั้งที่เคยอยากได้สิ่งของจากดาราเก็บไว้เป็นสมบัติในครอบครองหากแต่ครั้งนั้นทำได้ยากลำบากเมื่อนลัทไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ศศิชากระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัยหากวางแผนให้แนบเนียนการเก็บสะสมสิ่งของแทนตัวดาราก็จะสำเร็จตามเป้าหมายที่เคยหวังสำหรับแฟนคลับที่หลงใหลดาราชื่อดังอย่างเธอ


ดวงตากลมโตภายใต้แว่นใสชำเลืองมองไปรอบบริเวณทีมงานทั้งหลายยังคงให้ความสนใจกับการทำงานอย่างขะมักเขม้นคงไม่มีใครใส่ใจเธอแม้จะเป็นนลัทก็ตามทว่ายังมีสายตาคู่หนึ่งที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อหันมาปะทะกันอย่างจังเวลานี้ โดยชายหนุ่มผู้นั้นแค่นยิ้มให้เธอศศิชาไม่ยอมแพ้จ้องเขาตอบเช่นกัน ทำให้ฉุกคิดถึงความคับแค้นใจซึ่งยังไม่ถูกสะสางเป็นเรื่องเป็นราว


หลังจากหลุดพ้นกับการถูกกักขังให้อยู่ภายในห้องเก็บของนลัทก็เรียกอาร์ตมาต่อว่ายกใหญ่ และสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้ศศิชาอีก ทำให้หญิงสาวรู้สึกเป็นผู้ชนะแต่ไม่ใช่ความต้องการทั้งหมดในเมื่อเธออยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนและกล่าวขอโทษอย่างยอมรับผิดรวมถึงยอมเปิดโปงความจริงว่าเขาเป็นตัวการคิดทำลายฟาโรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงตามที่คาดเดาไว้


ศศิชาแลบลิ้นปลิ้นตาให้คู่อริก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาดรุนัยที่ยืนชื่นชมการถ่ายแบบของฟาโรโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายก็หาทางกลั่นแกล้งเธอโทษฐานที่สร้างปัญหาทำให้เขาถูกตำหนิจนหูชากว่าครึ่งชั่วโมง


“เจ๊เสื้อพวกนี้ต้องเอาไปเก็บที่ไหน” ดรุนัยสะบัดใบหน้ามองหญิงสาวอย่างเสียอารมณ์เมื่อถูกขัดจังหวะกับการทอดสายตามองหนุ่มหล่อขวัญใจสาวแท้และสาวเทียมทั่วประเทศและยอมบอกกล่าวตำแหน่งที่เก็บเสื้อผ้าให้เธอรับทราบอย่างจำใจสละนาทีอันมีค่าราวกับทองคำหญิงสาวแอบขำขันเมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์หงุดหงิดของเจ๊มะดันที่เกือบจะเหวี่ยงใส่เธอแต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้


อีกไม่นานการทำงานภายในค่ำคืนนี้ก็จะสิ้นสุดลงอาการวิงเวียนคลื่นไส้เริ่มกลับมาเมื่อฤทธิ์ของยาแก้เมารถค่อยๆ อ่อนลงทีละน้อยความโคลงเคลงไปมาของขบวนรถไฟระหว่างเดินทางทำให้เกิดอาการผะอืดผะอม


ศศิชาประคองตนเองเดินผ่านทางเชื่อมระหว่างโบกี้รถไฟสายลมแรงโหมปะทะร่างกายจนเย็นเยือกก่อนประตูทางเข้าจะถูกผลักเปิดและเดินต่ออย่างระมัดระวังพลางนึกในใจ เหตุใดต้องนำอุปกรณ์เครื่องใช้ในการถ่ายทำมาเก็บจนห่างไกลอย่างนี้


“ว่าไงสาวน้อย...ผู้ไร้เดียงสา”น้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังแล้วประชดประชันชอบกลดึงศศิชาให้หันขวับมองชายหนุ่มที่ยืนหลบมุมอยู่ระหว่างที่นั่งซึ่งปรับเป็นที่นอนสองชั้นโดยเจ้าพนักงานการรถไฟเรียบร้อยแล้ว


อาร์ตวางท่านิ่งเฉยก่อนยกมือกอดอกและส่งยิ้มเยือกเย็นให้หญิงสาวเบื้องหน้าเธอกับเขาอาจญาติดีกันได้หากเมื่อเช้านี้เขาไม่กลั่นแกล้งกักขังหน่วงเหนี่ยวกันอย่างนั้นศศิชาเหล่มองชายหนุ่มด้วยหางตา ไม่อยากใส่ใจหรือเจรจากับเขาในขณะที่เริ่มวิงเวียนจากอาการเมารถมากขึ้นเรื่อยๆ


“ฉันไม่อยากคุยกับนาย” หญิงสาวต้องการผละห่างโดยสาวเท้าเดินต่อไปทว่ากลับทรงตัวไม่อยู่เมื่อรถไฟโคลงเคลงอย่างแรงระหว่างขบวนรถตีโค้งไปตามเส้นทางทำให้เธอโซเซจนต้องหาหลักประคองตนเองไว้อย่างกะทันหันโดยมีอาร์ตช่วยดึงเธอไว้ไม่ให้ล้มไปกองกับพื้น


ศศิชาถูกวงแขนแข็งแรงโอบกอดจนแนบชิดกับแผงอกกว้างโดยเธอพยายามผลักดันให้พ้นจากการถูกโอบกอดนั้นอย่างรวดเร็วแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นผลใดเมื่อชายหนุ่มกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิมแม้สัมผัสจากอ้อมกอดจะอบอุ่นจนร้อนผ่าวแต่ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นไหวนอกเสียจากโทสะเดือดดาลจนยกเท้าเตะเข้าที่หน้าแข้งของอาร์ตเต็มแรงเพื่อป้องกันตนเองโดยอัตโนมัติ


“นี่คุณ! จะบ้าหรือไง” เป็นครั้งแรกที่อาร์ตแสดงความกรุ่นโกรธจนเผลอสะบัดอารมณ์ขุ่นเคืองใส่หญิงสาวที่ถอยร่นออกห่างจากเขาเมื่อวงแขนที่เคยโอบกอดเปลี่ยนเป็นก้มจับหน้าแข้งตนเอง


ศศิชาแค่นยิ้มและหรี่ตามองคู่อริเบื้องหน้าโดยไม่นึกหวาดหวั่นแต่อย่างใดในใจพลางนึกถึงผู้พิทักษ์ทันที หากชายผู้นี้คิดทำอะไรมิดีมีร้ายขึ้นมาเธอจะตะโกนเรียกหาซันเซ็ทเป็นตัวช่วยสุดท้าย


“ซีเตือนนายแล้วนี่ว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก ถูกต่อว่าเกือบชั่วโมงไม่เข็ด...” ไม่ทันที่คำว่า‘หรือไง’ จะหลุดออกจากลำคอร่างบอบบางก็ถูกกระชากให้พลิกไปยืนแทนที่เขาโดยแผ่นหลังของหญิงสาวกระแทกเข้ากับผนังกำแพงอย่างแรงสองแขนจับเสาที่นอนสองฝั่งกักกั้นไม่ให้เธอได้หนีไปไหนอีก


“ผมไม่ได้อยากยุ่งกับคุณนักหรอกถ้าคุณไม่ปั่นป่วนผมก่อน”


“หลีกไปเดี๋ยวนี้นะฉันอยากเตือนก่อนที่จะหมดความอดทน”การให้โอกาสกับใครสักคนควรมีให้แค่ครั้งเดียวหากตกอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ศศิชาอยากยุติความขัดแย้งด้วยตนเองก่อนจะพึ่งพาเจ้าชายรัตติกาลของเธอ


หญิงสาวที่ยืนอยู่ระหว่างลำแขนซึ่งกั้นตัวเธอเอาไว้จ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างท้าทายและไม่เกรงกลัวสิ่งใดเมื่อมีผู้พิทักษ์เป็นสิ่งอัศจรรย์คอยเฝ้ามองอยู่ทุกขณะเสียงลมแรงดังผ่านเข้ามาเมื่อประตูของโบกี้รถไฟถูกเปิดออกโดยใครสักคนที่เดินผ่านมาเจอทั้งสองเข้าพอดีชายหญิงคู่นั้นหันมองบุคคลที่สามเป็นตาเดียวก่อนลำแขนของอาร์ตจะถูกดึงกลับและหลบสายตาเสมองทางอื่น


ฟาโรชำเลืองมองคนทั้งคู่นิ่งๆก่อนจะเดินต่อโดยไม่ใส่ใจใครสักคนตรงนั้น ปล่อยให้ศศิชาใจหายวาบกับสายตาเฉยชา และหันมองตามหลังดาราหนุ่มจนเขาเดินพ้นจากโบกี้นั้นไปอย่างเงียบๆหญิงสาวปรายสายตามองอาร์ตอีกครั้งก่อนจะเบี่ยงกายหลบและเดินจากไปตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก


เธอถอนใจโล่งอกเมื่อหลุดพ้นจากเงื้อมมือของคู่อริมาได้โดยไม่ต้องขอใช้ตัวช่วยแต่อย่างใดทว่าจิตใจกลับไม่สงบเอาเสียเลยเมื่อสายตาเฉยเมยคู่นั้นที่ทอดมองมาไม่คิดจะใยดีกันสักนิดเดียว ศศิชาค่อยๆก้าวเดินอย่างเชื่องช้าพลางครุ่นคิดถึงแววตาที่ไม่คิดจะใส่ใจกัน



“โทษทีที่ฉันเดินไปขัดจังหวะคนกำลังสวีทแบบเข้าด้ายเข้าเข็ม” ฟาโรคีบบุหรี่ที่คาบไว้ตรงริมฝีปากมาถือไว้พร้อมพ่นควันขาวลอยฟุ้งตรงทางเชื่อมต่อระหว่างโบกี้รถไฟดักเส้นทางที่ศศิชาจะเดินนำเสื้อผ้าของดาราดังไปเก็บรวมไว้ด้วยกันยังส่วนที่ใช้เก็บข้าวของในการทำงาน


“มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นฉันกับนายนั่นมีปัญหากัน”


“จะอธิบายทำไมในเมื่อฉันไม่สนใจอยู่แล้ว” นั่นสิเหตุใดต้องร้อนรนแก้ตัวในเมื่อเขาไม่เคยแยแสอยู่แล้วศศิชาได้แต่ยืนอึกอักรู้สึกเสียศูนย์ความมั่นใจไปโดยปริยาย


“คุณช่วยหลบทางให้ฉันหน่อยฉันจะเอาของพวกนี้ไปเก็บตรงนั้น” แววตาสั่นไหวมองไปยังอีกโบกี้เบื้องหน้าแต่คำพูดของเธอก็ไม่ได้ช่วยให้ดาราหนุ่มขยับเคลื่อนไหวเพื่อหลบทางตามที่ร้องขอเขายืนจ้องมองเธอนิ่งๆ ด้วยสายตาเรียบเฉยโดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ขณะนี้


“ฉันไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับไอ้หมอนั่นถึงขั้นไหนแต่ระวังจะเสียตัวให้พวกชายรักชายไปฟรีๆ ล่ะ” ศศิชาชะงักค้างกลางอากาศประหลาดใจในสิ่งที่เขาบอกกล่าวรวมทั้งฉุนเฉียวเมื่อโดนกล่าวหาอย่างไม่ให้เกียรติเพศที่อ่อนแอกว่าสักนิด


“คุณจะพูดยังไงก็ได้! แต่คุณอย่าดูถูกผู้หญิงอย่างฉันว่าจะยอมเสียท่าให้ใครง่ายๆหรือฟรีอย่างที่คุณพูดเมื่อกี้”


“หึ ฉันคงพูดไม่ผิดหรอกมั้งในเมื่อที่เห็นเมื่อกี้มันก็บ่งบอกชัดเจนว่าเธอกับมันสนิทสนมกันแค่ไหน อ่อหรือว่าที่เธอพยายามแก้ตัวเป็นเพราะกลัวฉันจะเข้าใจผิด เธอคลั่งไคล้ฉันมากนิใช่ไหม” ฟาโรแค่นยิ้มก่อนจะนำบุหรี่แตะริมฝีปากและสูบมันอย่างสบายใจ


ศศิชาชำเลืองมองชายหนุ่มที่แสดงท่าทีหยาบกร้านใส่ทั้งที่เธอไม่เคยก้าวก่ายเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเคยกระทำความหวังดีในการตามหาผู้อยู่เบื้องหลังเกี่ยวกับการปล่อยข่าวฉาวไม่ได้ส่งผลให้รู้สึกดีแต่กลับถูกพูดจาถากถางเหน็บแนม มันน่าเจ็บใจยิ่งนักหญิงสาวกำมือแน่นเพื่อสยบความโกรธเคืองที่กำลังปะทุขึ้นมาเธอพยายามหลีกเลี่ยงการสบตาและอยากเดินหนีให้พ้นจากเขาผู้นี้โดยไว


“หรือลองเปลี่ยนดูบ้างไหมมานอนกับฉันที่เป็นชายทั้งแท่ง คงดีกว่าพวกผิดเพศรักชายด้วยกันอย่างหมอนั่น”


“นี่คุณ! จะมากเกินไปแล้วนะ”


“มันมากไปเหรองั้นซอรี่ที่เสนอทางเลือกไม่โดนใจหรือฉันอาจเข้าใจผิดไปเองว่าเธอกำลังสนใจฉันอย่างมาก หึเธออยากรู้อะไรไหมว่าฉันคิดยังไงกับเธอ”ฟาโรขยับเข้าใกล้หญิงสาวที่ยืนสั่นเทาด้วยความโกรธ ทั้งเจ็บใจและเสียความรู้สึก“ฉันไม่มีวันสนใจผู้หญิงอย่างเธอ ต่อให้เสนอตัวหรือแก้ผ้าอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีวัน”เสียงหึในลำคอพร้อมสายตาเหยียดมองอย่างดูแคลนยิ่งย้ำความเจ็บแปลบราวกับถูกของแหลมตอกตรึงหัวใจจนเลือดไหลนอง


ฟาโรดีดบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะผลักประตูเดินเข้าภายในโบกี้รถไฟปล่อยให้หญิงสาวยืนมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและอยากเอาชนะคำพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามจะยังฝังจำจนกว่าจะมีหนทางชนะผู้ชายอย่างฟาโรทั้งที่รู้ว่ารอบกายของเขาเต็มไปด้วยสาวสวยหุ่นดีมีดีกรีถึงดารานางแบบระดับประเทศให้เลือกคบหาซึ่งเธอไม่มีทางเทียบได้แม้แต่ปลายเล็บ ทว่าข้อเสนอของใครบางคนก็ลอยผ่านเข้าความคิดฉับพลัน


“ซันเซ็ท! นายอยู่ไหน ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้ ฉันยินดีจะรับข้อแลกเปลี่ยนกับนาย!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนเรียกหาข้อเสนอที่อาจทำให้เธอสมความตั้งใจในสิ่งที่โกรธเคืองอย่างที่สุดเวลานี้โดยลืมเลือนสิ่งที่ต้องยอมแลกเปลี่ยนกับซาตานที่กำลังจะปรากฏกายในอีกไม่ช้า


“เธอแน่ใจแล้วหรือว่าอยากแลกเปลี่ยนกับฉัน”น้ำเสียงเยือกเย็นกังวานทั่วทุกทิศทางภายในความมืดมิด สายลมพัดพลิ้วรุนแรงจนต้องกระชับอ้อมแขนกอดเสื้อผ้าแน่นขึ้นอีกเมื่อความเย็นสะท้านกรีดผิวกายในเมื่อลั่นวาจาออกไปแล้วก็ไม่ควรลังเลสิ่งใดอีก ปัญหาในวันข้างหน้าคงมีหนทางแก้ไขและเธอมั่นใจว่าสามารถจัดการได้ในทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้


“ใช่ฉันต้องการข้อเสนอของนาย ช่วยทำให้ฉันสมหวังในสิ่งที่ต้องการหลังจากนี้”บุรุษชุดดำทมึนปรากฏกายอยู่บนหลังคาโบกี้รถไฟ เขานั่งไขว่ห้างกอดอกพร้อมแย้มยิ้มมุมปากให้กับเธอ


To be continued... 



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2557 21:16:46 น.
Counter : 627 Pageviews.

7 comments
  
สวัสดียามค่ำครับ

มาติดตามมนตราซาตานด้วยครับ

ขอขอบคุณสำหรับหัวใจที่แปะให้ที่บล็อกด้วย นะครับ



โดย: **mp5** วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:21:43:49 น.
  
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ มาโซคิส เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 8 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

อิอิ .... คนที่ 2 นะ

คนแรก ... ให้บล็อกแกงค์ .. อย่าว่าโคนะ ..
โดย: โค อัสดง วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:2:58:11 น.
  
สวัสดียามเช้าครับ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ มาโซคิส เรียบร้อยแล้วนะคะ

โดย: **mp5** วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:7:53:01 น.
  
@ อิอิ ที่หนึ่งไม่ไหวใช่ไหม โค อัสดง

@ ขอบคุณมากนะคะ คุณเอ็ม
โดย: มาโซคิส วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:9:36:19 น.
  
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ มาโซคิส เรียบร้อยแล้วนะคะ


แปะใจดวงแรกของวันให้คุณหญิงภัค นะคะ
โดย: กาปอมซ่า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:58:21 น.
  
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ มาโซคิส เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 1 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

มาแปะหัวใจก่อนค่า
เดี๋ยวนุ่นค่อยไปอ่านที่ถนนนะคะ
ลงชื่อไว้แล้ว อิอิ
โดย: lovereason วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:23:31:52 น.
  

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ มาโซคิส เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 9 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

โดย: โค อัสดง วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:22:38:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments