จดหมายลับไป่เหอ (Snow Flower and the Secret Fan)
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนได้สืบค้นหาหลักฐานและข้อมูลจากแหล่งประวัติศาตร์ที่มีอยู่จริง (จีนสมัยโบราณ เผ่าเย้า) เนื้อหาสะท้อนสภาพสังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และชีวิตของหญิงจีนสมัยก่อนที่ถูกบีบคั้นอย่างหนัก ก่อนอื่นมารู้ความหมายของคำว่า เหล่าถง และ อักษรหนี่ซู กันก่อน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องด้วยฉากชีวิตของหญิงจีนเผ่าเย้าปลายศตวรรษที่ 19 ไป่เหอตัวเอกของเรื่องเป็นผู้เล่าเรื่อง บรรยายถึงความรันทดของเด็กผู้หญิงในครอบครัวจีนทั่วไปที่ถูกมองว่าไร้ค่าเทียบไม่ได้กับลูกชาย เธอเกิดในครอบครัวที่ยากจน การจะยกฐานะของตัวเองได้ก็โดยต้องมัดเท้าให้ได้ขนาด และการมีเหล่าถง เพื่อจะได้มีโอกาสแต่งงานไปกับครอบครัวสามีที่มีฐานะดีกว่าตนเอง เมื่อแต่งงานไปแล้วก็ต้องไปรับใช้ครอบครัวสามีเป็นคนของครอบครัวนี้ตลอดไป และยังถูกกดดันให้มีลูกชายมาก ๆ มิเช่นนั้นจะถูกรังเกียจ ประณาม และลดชั้นให้บรรดาเมียน้อยทำหน้าที่แทน มาดูความเชื่อของการมัดเท้าและผลตอบแทนของความเจ็บปวดนี้ นี่คือวิธีการมัดเท้าให้ได้รูป กว่าจะได้ตามที่ต้องการ ก็ต้องทนเจ็บปวดเป็นเวลานาน หรือทนไม่ไหวก็ต้องติดเชื้อตายไป ( ไม่รู้ว่าความคิดนี้ใครเป็นคนคิดนะ) ตอนนี้บรรยายเรื่องการแต่งงานและมุมมองของการมีลูกสาวที่เลี้ยงมาเพื่อให้ไปเป็นสมบัติของคนอื่น และเมื่อแต่งไปแล้วก็เผชิญชะตากรรมต่อไปอีก ในเรื่องหักมุมได้อย่างน่าสนใจ จากที่เดินเรื่องมาเราจะเห็นว่าไป่เหอมีชีวิตที่น่าสงสารตรงข้ามกับเสว่ฮวาที่เป็นเหล่าถงของเธอ เสว่ฮวาเกิดในตระกูลขุนนาง ร่ำรวย มีการศึกษาดี สวยกว่าและเก่งกว่าเธอจนเธอรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยกว่าเสว่ฮวาในทุก ๆ ด้าน แต่ความจริงปรากฏในภายหลังว่าครอบครัวที่เคยรุ่งเรืองของเสว่ฮวาต้องมาตกต่ำยากแค้นและพ่อแม่ต้องไปเป็นขอทาน ยิ่งแย่ยิ่งกว่าไป่เหอซะอีก และยังต้องถูกเลือกคู่ให้ไปอยู่กับครอบครัวสามีที่แย่และโหดร้ายสุด ๆ ซ้ำเธอยังต้องแท้งลูกจากการถูกทารุณหลายครั้ง ที่สะเทิอนใจสุดก็ตอนที่ไป่เหอเมื่อแต่งงานไปแล้วได้ครอบครัวสามีที่มีฐานะดี ชีวิตสบายมีลูกชายให้กับครอบครัวได้ ถึงแม้จะถูกแม่สามีกดขี่บ้าง และห้ามติดต่อกับเสว่ฮวาเพราะฐานะต่ำกว่า แต่เธอก้แอบติดต่อและช่วยเหลือเสว่ฮวาอยู่บ้างแต่มาเกิดเรื่องเข้าใจผิดเสว่ฮวาจากเหตุที่เสว่ฮวาขาดการติดต่อไป และจากการตีความจากจดหมายอักษรหนี่ซูที่เสว่ฮวาส่งให้ผิด ทำให้เธอเกิดความโกรธแค้นว่าถูกทรยศ และตัดสัมพันธ์กับเสว่ฮวาทันที และเมื่อได้พบหน้าเสว่ฮวาเธอได้ประณามเสว่ฮวาต่อหน้าผู้คนจนทุกคนรังเกียจและเลิกคบเสว่ฮวา (ซึ่งหนี่ซูนี้เป็นอักษรเฉพาะที่มีตัวอักษรน้อย ต้องตีความจากบริบท คำซ้ำกันตีความผิดความหมายเปลี่ยน) ในภายหลังเมื่อเสว่ฮวาใกล้ตาย ไป่เหอได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าเข้าใจผิดและทำผิดต่อเพื่อนมากมาย เธอพยายามชดเชยความผิดที่ได้ทำไปแต่ก็สายไปแล้ว ไม่อาจชดเชยความรัก ความดีที่เสว่ฮวามีต่อเธอได้เลย (อ่านแล้วก็ซึ้งกับความรักอันแน่นแฟ้นของเพื่อนที่มีต่อกัน และก็สะเทือนใจกับชะตาชีวิตของหญิงจีนในอดีตที่ถูกวางกรอบตามประเพณีที่โหดร้าย ซึ่งเป็นไปตามวัฒนธรรม ความเชื่อและกฎเกณฑ์ที่คนในชุมชนนั้นเป็นผู้กำหนดและยอมรับปฏิบัติกันสืบมา แต่อย่างไรก็ตามความอยุติธรรมและการกดขี่ทารุณต่อสตรีเพศ น่าจะหมดไปได้แล้ว ให้อยู่กันแบบเท่าเทียมและสันติสุขเถอะ)>
ฮิ ๆ