เหนื่อยก็พัก...หนักก็วาง
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
ขโมยขึ้นบ้าน

คืนหนึ่งในฤดูฝน

ฉันจำได้ว่ามันเป็นวันอาทิตย์ ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ม.สาม บ้านฉันเป็นบ้านไม้ชั้น
เดียวแต่ยกพื้นพอให้หมาวิ่งลอดได้ หลังบ้านฉันติดกับทุ่งนา ตอนนี้ต้นข้าวกำลังตั้งท้อง เขียวชอุ่ม สูงท่วมหัว ที่บ้านมีฉัน พี่สะไภ้ และลูกสาวของพี่สะไภ้อายุแปดขวบ อยู่กันสามคน

พี่สะไภ้ขายของชำเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งตามปกติเราจะนอนหน้าทีวีทั้งสามคน เผื่อว่าตอนกลางคืนมีคนมาซื้อของจะได้ลุกสะดวก แต่พอดีคืนนี้พี่สะไภ้บอกว่าไม่สบาย กินยานอนหลับแล้วเข้าไปนอนในห้องนอน แถมล็อคห้องเสียด้วย ฉันกับหลานจึงนอนข้างนอกหน้าทีวีกันสองคน ถึงจะกลัวแต่ก็ไม่มีทางเลือก

เมื่อได้ยินเสียงขอกแขกดังมาจากกองไม้ข้างบ้าน ซึ่งอยู่ข้างหน้าต่างที่ฉันนอนอยู่ ฉันพยายามคิดว่าเป็นเสียงหมาเดินมาป้วนเปี้ยนแถวกองไม้เฉย ๆ แต่ฉันก็อดวิตกกังวลไม่ได้ คิดไปต่าง ๆ นานา และรู้สึกเหมือนกับว่า เสียงนั้นมันจะดังอยู่ตลอดเวลา แต่หากฉันเงี่ยหูฟังก็ดูเหมือนว่ามันจะเงียบไป

ด้วยความกลัว ยังไงฉันก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน เลยเอาอย่างรายการทีวีที่ดูเมื่อตอนกลางวัน คือ รายการเหตุเกิดที่สน. ตอน น้องเมีย ถ้าจำไม่ผิด นักแสดงน่าจะเป็น ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี เรื่องราวก็คือพี่เขยจะมาปล้ำน้องเมีย แต่น้องเมียไม่เล่นด้วย และรู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดขึ้น เธอก็เลยเตรียมไม่เบสบอลไว้บนหัวนอน เพื่อป้องกันตัว แต่แถวบ้านฉันไม่มีหรอกไม้เบสบอล มีแต่กระบี่กระบอง ที่ใช้ในการเรียน ซึ่งเป็นไม้ไผ่ยาว ๆ ประมาณเมตรนึง แล้วทำดาบจับเหมือนดาบ แค่นั้นแหละ แต่ก็ทำให้สบายใจหน่อยว่ามีอาวุธอยู่ข้างกาย

แล้ววันนั้นประจำเดือนฉันก็มาด้วย ปกติฉันจะต้องใส่ผ้าถุงนอน เผื่อว่าเลือดมันเลอะเปรอะเปื้อนก็จะได้ไม่ต้องลุกไปเปลี่ยน แค่สลับข้าง แต่ฉันก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์มีโจรขโมยมาปล้ำฉันเหมือนละครน้องเมีย ฉันก็เลยไปเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นเสีย ตอนนั้นฉันหารายได้พิเศษระหว่างเรียนด้วยการขายสินค้าเบ็ดเตล็ดจากหนังสือแคตตาล็อก ก็พอมีเงินอยู่บ้างพันกว่าบาท ปกติฉันก็จะวางเงินไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน คืนนี้ฉันก็เก็บให้มิดชิดด้วยการใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียนซึ่งเป็นกระเป๋าหนังสีดำ และล็อคกุญแจเรียบร้อย

ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่ฉันทำเพื่อความสบายใจ มันช่วยได้นิดหน่อย เพราะปกติฉันจะต้องดูทีวีจนหลับก่อนทีวีจะจบรายการ แต่วันนี้ฉันกลัว ดูทีวีก็ไม่มีสมาธิ ดูเวลาก็ค่อนข้างดึกแล้วคงไม่มีลูกค้ามาซื้อของอีก ฉันเลยปิดทีวีนอนด้วยความหวาดหวั่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ส่วนหลานหลับไปแล้ว ฉันพยายามนอนเบียดหลานให้มากที่สุด เพื่อความอุ่นใจ และเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

แล้วกลางดึกของคืนนั้น ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืดด้วยความตกใจ ใจเต้นตึกตัก มองไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกเย็น ๆ ที่หน้าท้อง เอามือคลำดูปรากฎว่าเสื้อเชิ้ดตัวหลวมโครกที่ฉันใส่อยู่นั้นกระดุมหลุดเกือบหมด เหลืออยู่เม็ดเดียวคือเม็ดที่อยู่สูงสุดตรงหน้าอก

ฉันเรียบเรียงสติว่าเป็นเพราะอะไร หรือว่าหลานฉันตื่นแล้วลุกมาแกล้งฉัน จึงเอื้อมมือไปหาหลานแล้วเรียกชื่อสองสามครั้ง เงียบ แสดงว่าไม่ใช่ ฉันยังนอนหงายในท่าเดิม ค่อย ๆ ติดกระดุมไปพลางคิดไปพลางว่าทำไมกะดุมเสื้อจึงหลุด หรือว่าเสื้อตัวใหญ่เกินไป มันหลวม ฉันนอนดิ้นมันเลยหลุดเอง แต่ทุกทีใส่มันก็ไม่เคยหลุด

ขณะที่ฉันคิดอยู่นั้น แสงไฟก็สว่างวาบขึ้นบนหลังคาแว้บนึง ซึ่งน่าจะเป็นแสงจากไฟฉายจากคนซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับหลาน ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันกลัวแน่ ๆ ขโมย ฉันนึกถึงละครน้องเมีย ยกเท้าสองข้างขึ้นชิดอกแล้วถีบออกไปตรงที่คิดว่าโจรนั่งอยู่ เต็มฝ่าเท้าเลย ฉันคิดว่าโดนหน้าอกของมันแน่ ๆ ได้ยินเสียงล้มลง และเสียงวิ่งตึกตัก

ฉันไม่กล้าลุกไปไหน มือนึงกำเสื้อที่หน้าอกไว้ มือนึงกดสวิชต์ไฟซึ่งกดยังไงก็
ไม่ติด ปากก็ตะโกนเรียกพี่สะไภ้เสียงหลง พี่สะไภ้งัวเงียออกมา เปิดไฟ หน้าตาเหมือนโกรธ ตะโกนใส่ฉันว่าร้องอะไร แล้วก็ชะงักไปนิดนึงก่อนจะพูดขึ้นว่า ทีวีล่ะ ฉันจึงบอกด้วยอาการสั่นเทาว่าขโมยขึ้นบ้าน และมันมาปลดกระดุมเสื้อฉันด้วย

พี่สะไภ้เดินไปหน้าบ้านแล้วตะโกนเรียกผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งอยู่บ้านตรงกันข้าม ทั้งที่ยังไม่เปิดประตู ผู้ใหญ่บ้านจึงมาถึงเป็นคนแรก และชาวบ้านเริ่มทยอยมาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น มีใครเป็นอะไรไหม และไม่นานผู้คนก็มาเต็มบ้านไปหมด ถ้าเป็นคุณหมอพรทิพย์คงโกรธ เพราะผู้คนได้เข้ามาทำลายหลักฐานกันหมดแล้ว ช่วยกันดู ช่วยกันสืบ ช่วยกันวิจารณ์ บ้างก็ว่ามันตั้งใจมาปล้ำฉัน บ้างก็ว่าตั้งใจมาขโมยทองที่พี่สะไภ้ใส่อยู่ เห็นฉันนอนอยู่นึกว่าเป็นพี่สะไภ้ เลยจะมาปลดทอง ว่ากันไปต่าง ๆ นา ๆ เดินเพ่นพ่านไปมาจนเช้า แต่หลานของฉันก็ยังหลับปุ๋ยอยู่ แถมกรนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกต่างหาก

แต่น่าเสียดายกระบี่ที่หัวนอนฉัน อุตส่านึกว่าถ้ามีคนเข้ามาจริงฉันจะมุดมุ้งออกมา แล้วเอากระบี่ฟาดมันซึ่งอยู่ในมุ้งแบบไม่ยั้ง เอาให้ดิ้นไม่หลุดเหมือนในละครเลย แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในละคร มัวแต่ตกใจลืมนึกไปเลยว่ามีอาวุธอยู่ กระบี่ของฉันก็เลยไม่ได้ใช้งานอะไรเลย

แต่สรุปได้ว่า ของที่หายไปมี กล่องเงินที่หน้าร้านซึ่งใส่เงินเวลาขายของ บุหรี่ ทีวีสิบสี่นิ้วสีแดงเครื่องเดียวในบ้าน เครื่องขยายเสียง(ฉันไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร แต่เป็นเครื่องที่เอาไว้ใช้ต่อทีวีหรือเครื่องเล่นเทปเข้ากับลำโพงเพื่อทำให้สามารถปรับเสียงได้) และกระปุกออมสินของฉันซึ่งฉันลืมเอาไปซ่อนเสียนี่ แต่สิ่งที่โจรทิ้งไว้เป็นหลักฐานก็คือ มีอีโต้เล่มเบ่อเร่ออยู่ตรงปลายเท้าที่ฉันนอน เกือบไปแล้วไหมล่ะ โชคฉันยังดีที่มันไม่ทำอะไรฉัน และย่ามพระสีเหลืองทิ้งไว้ที่ประตูทางออก ซึ่งข้างในมีของอยู่หลายชิ้น รวมทั้งของที่เพิ่งจะขโมยมาคือ บุหรี่หลายซอง และกระปุกออกสินของฉันซึ่งเป็นอันว่าได้คืนสองอย่างแล้ว แต่ที่สำคัญเห็นจะเป็นกุญแจประตูวัด ซึ่งเป็นของวัดที่อยู่หมู่บ้านถัดไป

เช้าวันต่อมาก่อนไปเรียน ตำรวจได้เรียกฉันไปสอบปากคำ ฉันก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยเชื่อฉัน ถามย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่นั่นแหละว่า รู้ได้อย่างไรว่ามีคนอยู่ตรงนั้น ถ้าบอกว่ามืดแล้วถีบโดนโจรได้อย่างไร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าถีบโดนหน้าอก ฉันเองก็ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไร ฉันคงทำไปตามสัญชาตญาต ฉันจำชื่อหรือหน้าตำรวจคนนั้นไม่ได้ แต่ฉันจำได้ว่าเขายิ้มเยาะ ทำหน้าเหมือนว่าเป็นเรื่องตลก และหาว่าฉันโม้

ส่วนของที่หายไปนั้นเราก็ได้คืนทุกอย่าง ทีวีนั้นเราได้คืนที่กลางทุ่งนาคาดว่ามันคงทิ้งไว้ตอนวิ่งหนี และเครื่องขยายเสียงตำรวจเอามาคืนที่บ้านบอกว่าเอามาจากวัดนั้น และสุดท้ายตำรวจก็จับพระที่วัดของหมู่บ้านถัดไปนั้น คนร้ายมีสองหรือสามคนี่แหละ ซึ่งเป็นชาวบ้านอื่นแต่มาบวชอยู่วัดนี้ ชาวบ้านหลายคนไม่พอใจ หาว่าตำรวจใส่ร้ายพระ แห่ขบวณไปให้กำลังใจกันอย่างคับคั่ง แต่สุดท้ายก็โดนตัดสินจำคุก ได้ยินคนเล่าว่ามันอาฆาตครอบครัวฉันว่าถ้ามันได้ออกมามันจะมาเอาคืน และฉันได้ข่าวว่าพวกเขาออกคุกมานานแล้ว แต่ครอบครัวฉันก็ยังสุขสบายดี

ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นจำ หรือลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรือยัง แต่สำหรับฉันแล้วยังเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอกฉันมาอยู่จนทุกวันนี้




Create Date : 28 กันยายน 2553
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 1:13:58 น. 10 comments
Counter : 719 Pageviews.

 
ประสบการณ์ระทึกมาก ดีนะไม่เป็นอะไรมากกว่านี้

ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมบล็อคผม

โดย: โลมาบินได้ (โลมาบินได้ ) วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:14:32 น.  

 
อ่านแล้วก็รู้สึกกลัวเลยนะครับ
ยิ่งบ้านเมืองย่ำแย่แบบนี้
โจรผู้ร้ายยิ่งชุกชุมเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:5:38:15 น.  

 
คุณหนูหล่อขอบคุณที่ไปเยี่ยมค่ะ เธอว่าอยากให้คาถาโอมเพี้ยงของคุณ
ขลังมากๆค่ะ

เรื่องข้างบนนั้นชวนระทึกมากเลยนะคะ



โดย: ตุ๋ม คนเฝ้าบ้าน (nulaw.m ) วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:8:49:36 น.  

 
อ่านตาม ตื่นเต้ล ตามไปด้วย...

ยังงัย ตอนนี้ ก้อ นอนระวัง ล๊อคบ้าน ล๊อคประตูให้ดีละกันนะคะ...

โจรเยอะกว่าสมัยก่อนอีกตอนนี้น่ะค่ะ


โดย: บ้านสามออ IP: 113.53.83.218 วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:9:07:04 น.  

 
ถึงคุณเชิญจุติ พี่ก็เคยมีประสบการณ์โจรขึ้นบ้านเหมือนกัน ตั้งแต่ตอนอยู่ ประถมแล้ว แต่พี่ขี้เหร่ โจรเลยไม่มองเลย แต่ของที่ได้ไป เป็นเครื่องเสียง สร้อย ต่างหู กระเป๋า ตอนเช้าก็ไปเจอกระเป๋าตกอยู่ข้างบ้านนั้นแหละ
ประสบการณ์แบบนี้ไม่น่าจดจำเลยเนาะ แต่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วจ้า
สู้ ๆ กันต่อไปนะจ้า
ชลจัง


โดย: ชลจัง (kon-gang ) วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:9:50:41 น.  

 
อ่านแล้วก็ตื่นเต้นตามไปด้วย บ้านเราก็เคยโดนขโมยขึ้นค่ะแต่ทั้งบ้านหลับไม่รู้เรื่องเลย ดีที่ว่าไม่มีใครเป็นอะไร

อ้อ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ


โดย: schwazen_wolf วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:10:40:33 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ...
บ้านเมืองที่วุ่นวาย จิตมนุษย์ที่วายวุ่น
ได้แต่แผ่สวนบุญไปครับ...
สัพเพสัตตา
อเวรา
อัพยาปัชชา
อนีฆา
สุขีอัตตานัง ปริหะรันตุ


โดย: พันคม วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:10:41:17 น.  

 
สวัสดีครับ ขอบคุณคร้าฟที่ไปทักทายกัน


อิอิ เลยแวะมาทักทาย ยาม เที่ยงๆนะครับ





โดย: boyalonejang วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:11:51:25 น.  

 
แวะมาขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล๊อคนะคะ

เรื่องขโขยนั้นมีอยู่ทุกที่ค่ะ
ขนาดฮอลแลนด์ว่าน่าอยู่ที่บ้านยังโดนงัดเลยนะคะ
เรื่องนี้ต้องระวังค่ะ
มีความสูขมากๆนะคะ


โดย: Ramaekers วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:12:36:29 น.  

 
แวะมาอ่านเรื่องนี้แล้ว ต้องยกนิ้วให้ว่าเก่งนะ ที่สามารถเอาตัวรอดได้ ลองถ้าเป็นพี่ตกใจเมื่อไหร่ มือไม้อ่อนแรง คงแย่แน่เลย
ยังไงก็ควรจะระวังตัว เผื่อมันจะกลับมาอีก


โดย: pantipngon วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:21:45:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เชิญจุติ
Location :
อุดรธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ยินดีต้อนรับค่ะ
ในโลกแห่งความจริง
บางทีเรื่องที่เราอยากเล่า
ก็ไม่มีใครอยากฟัง
ดังนั้น ณ ที่แห่งนี้
จึงดีใจมากเสมอ
ที่มีคนแวะมาเยี่ยมเยียน

พูดไม่ค่อยเก่ง
แต่รักหมดใจนะคะ

สายลมกระพือปีก
โบกบินไปตามทาง
ถนนไร้ดอกไม้ดูอ้างว้าง
ดอกหญ้าทอดกาย
โรยตัวดูพระอาทิตย์
ดวงดาวยังไม่ระบำ
เสียงนกยังไม่เห่กล่อม
สรรพสิ่งล้วนนิ่งเงียบ
สายลมพลิ้วพัดผ่าน
สรรพสิ่งขยับกาย
ท้องฟ้าดูแจ่มใส
เมื่อเชิญจุติ...จุติมา

โดย คุณวัวป่าหลงเงาจันทรา
ขอบคุณ สำหรับกลอนเพราะๆ นี้ค่ะ

ขอบคุณ บล็อกป้ามด
ที่ทำให้บล็อกนี้เป็นรูปเป็นร่างได้

ขอบคุณ บล็อกคุณญามี่
สำหรับภาพพื้นหลังสวย ๆ ค่ะ

ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ






New Comments
Friends' blogs
[Add เชิญจุติ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.