|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
งานร้านอาหารไทยในเกาหลี
แล้วโชคก็เข้าข้างฉัน หลังจากนอนตกงานอยู่บ้านสามเดือนเต็ม ๆ พี่สาวโทรมาบอกว่ามีคนไทยได้สามีเกาหลี อยากเปิดร้านอาหารไทย เลยชวนพี่สาวฉันออกจากร้านเดิม เพื่อมาเป็นหุ้นส่วนกัน โดยเจ้าของร้านลงทุน ส่วนพี่สาวฉันลงแรง พี่สาวบอกว่าเจ้าของร้านใจดี เมื่อเขารู้เรื่องของฉันสงสารจึงอยากให้ฉันไปทำงานด้วย โดยไปในนามกุ๊กแต่จะให้ไปทำงานเสริฟ เนื่องจากฉันไม่มีความรู้เรื่องทำอาหารเลย จึงต้องไปซื้อใบรับรองการเป็นกุ๊กจากบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
แต่ก่อนไปเจ้าของร้านได้สั่งให้ฉันไปหาซื้อของ พวกถ้วยโถโอชาม แล้วส่งไปให้ที่เกาหลี เมื่อค่าส่งไม่พอ เขาก็ขอยืมฉันก่อน ฉันก็ไม่มี เขาก็บอกให้ฉันหายืมให้ก่อน เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะโอนเงินมาให้ ฉันจึงไปขอยืมเพื่อนซึ่งเพื่อนก็ไม่มีแต่ยังอุตส่าห์ไปยืมจากเพื่อนของเขาอีกทีเพื่อนมาให้ฉันยืมต่อ วันต่อมาไม่เห็นเขาโอนเงินมา ฉันก็โทรตาม แต่เขาก็ผัดผ่อนไป กว่าจะได้เงินมาคืนเพื่อน ฉันต้องทวงแล้วทวงอีก ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยังไม่เริ่มงานก็ได้ทำงาน นอกจากไม่ได้เงินแล้วยังต้องให้เจ้าของร้านยืมเงินอีกด้วย แถมกว่าจะใช้คืนก็ต้องให้ทวงถาม เมื่อเล่าให้พี่สาวฟังเขาก็บอกว่าเขาก็ได้ยืมเงินเพื่อนมาให้เหมือนกัน เพราะเจ้าของร้านบอกว่าเงินลงทุนไม่พอ ก็ยิ่งทำให้ฉันยิ่งหวั่นใจ แต่คิดว่าคงไม่เป็นไร
เมื่อฉันไปถึงเกาหลีปรากฎว่าเขาให้ฉันเป็นกุ๊ก เพราะนอกจากพี่สาวฉันแล้ว เขาหากุ๊กเพิ่มได้คนเดียว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ถือซะว่าหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็อาศัยเรียนรู้งานจากกุ๊กตัวจริงไป ทำงานได้สองวัน พี่สาวฉันก็กลับบ้านหนึ่งสัปดาห์เพื่อไปธุระ เมื่อกลับมาได้อีกสองวัน ปรากฎว่าทะเลาะกันกับเจ้าของร้าน แล้วหนีกลับบ้านไปเสียเฉย ๆ เมื่อเป็นแบบนี้ เจ้าของร้านก็ไม่ต้องการฉัน เขาถามฉันว่าอยากกลับบ้านไหม ฉันบอกไม่อยากกลับ เขาถามว่าถ้าอยู่แล้วจะเป็นเหมือนพี่สาวฉันหรือเปล่า ฉันบอกว่าจะเป็นได้ยังไง มันคนละคนกัน เขาก็บอกว่า แต่ยังไงพวกฉันก็เป็นพี่น้องกัน ความจริงฉันไม่อยากอยู่เพราะรู้แล้วว่าเขาคงไม่ชอบฉันเท่าใหร่ แต่ฉันต้องการทำงานเพื่อจะได้เอาเงินไปใช้หนี้ ฉันจึงต้องทนทำและอยู่ต่อไป
ที่ร้านมีฉันกับกุ๊กทำงานสองคนเท่านั้น สี่เดือนเต็ม ๆ ที่ทำงานกันไม่มีวันหยุดเลย และตลอดเวลาดูเหมือนเจ้าของร้านจะหาเรื่องดุด่าต่อว่าฉันได้ทุกวี่ทุกวัน ทั้งที่ฉันว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว งานยากลำบากแค่ไหนฉันไม่เคยบ่น เวลาเขาใช้ฉันไปซื้อของก็ให้ฉันออกเงินก่อนทุกที ถ้าไม่ทวงก็ไม่คืนให้ ฉันได้แต่ทนและคิดว่าฉันคงแค่ทำอะไรไม่ค่อยถูกใจเขาเท่านั้น แต่เพื่อนกุ๊กทนเห็นฉันโดนโขกสับไม่ไหว จึงบอกความจริงว่าเจ้าของร้านพูดกับเขาว่า เขาจะทำทุกวิถีทางให้ฉันทนอยู่ไม่ได้ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะเกลียดฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนเลย แต่ถึงรู้อย่างนั้นฉันก็ยังทนได้ เพราะความตั้งใจของฉันคือมาทำงานหาเงินเท่านั้น แต่เรื่องที่ฉันทนไม่ได้ก็คือเรื่องเงินเดือน ที่ไม่เคยจ่ายตรงเวลาสักที เขาจะจ่ายให้เมื่อเขาอยากจ่าย ฉันต้องได้ทวงถามทุกเดือน ซึ่งเป็นแผนของเขาหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้
พอเดือนที่ห้าเขาก็ได้รับกุ๊กใหม่มาทำงาน และเดือนที่หกฉันเบื่อเรื่องการจ่ายเงินเดือนช้าของเขาเต็มที ฉันจึงบอกเขาให้ช่วยจ่ายให้ตรงเวลาหน่อย เขาก็ถามว่า ทำไมล่ะจะรีบใช้หรือไง ฉันก็บอกว่า รีบสิเพราะฉันมีหนี้ต้องใช้ถ้าจ่ายไม่ตรงเวลาฉันก็ต้องเสียดอกเบี้ย อีกอย่างทำให้เสียเครดิต นัดแล้วไม่จ่าย คนเขาไม่เชื่อถือ เขาโกรธจนตัวสั่นรีบเอาเงินเดือนของแต่ละคนซึ่งนับใส่ซองไว้แล้ว ออกมาทำเหมือนว่าจะนับให้ฉัน ฉันก็ยืนรอ แต่สุดท้ายเขาบอกว่าเขาไม่มีสมาธินับไม่ได้ ขอจ่ายเป็นพรุ่งนี้ บางทีนี่อาจจะเป็นแผนยั่วโมโหของเขา ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จ
หลังจากนั้นฉันนึกว่าฉันกับเขาจะไม่คุยกันอีก แต่ปรากฎว่าเขายังคุยดีกับฉันและดูเหมือนจะดีเกินไปเสียด้วย ก่อนสิ้นเดือน เขาให้คนเกาหลีที่พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นหุ้นส่วนของเขา มาไล่ฉันออกอย่างสุภาพ โดยให้เหตุผลว่าขายไม่ดี ก็เลยต้องให้ฉันออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากว่าวีซ่าทำงานฉันยังไม่หมดอายุ เขาจึงให้เลือกว่าจะกลับบ้าน หรือออกไปทำงานที่ร้านอาหารบุพเฟ่เกาหลี ฉันเลือกอย่างหลัง และยังรู้สึกขอบคุณเขาที่ยังให้โอกาสฉัน
วันแรกของการเริ่มงานใหม่ เขานัดฉันไปรอพบหัวหน้าคนใหม่ซึ่งจะขับรถมารับไปทำงานตั้งแต่ตีห้า แต่เมื่อไปถึงที่ทำงานปรากฎว่าเป็นโรงงานทำอาหาร ซึ่งไม่แตกต่างจากโรงงานไก่ที่ฉันเคยทำเลย ฉันจึงปฏิเสธที่จะไม่ทำ โดยให้เหตุผลว่าฉันปวดขาไม่สามารถทำงานที่ยืนทั้งวันได้ ซึ่งความจริงฉันคงปฏิเสธเพราะโดนหลอกมากกว่า มันทำให้ฉันรู้สึกโกรธ เกลียด เจ้าของร้านคนนั้นเป็นอย่างมาก ฉันจึงยอมที่จะไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันกับเจ้าของร้านคนนั้นก็กลายเป็นคนไม่รู้จักกัน และก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย บางทีฉันอยากทำอะไรร้าย ๆ ให้เขาบ้างเป็นการแก้แค้น แต่คิดไปคิดมามันคงไม่มีประโยชน์อะไร เวรควรจะระงับด้วยการไม่จองเวร ไม่ใช่หรือ อีกอย่างถึงเขาจะทำไม่ดีกับฉันอย่างไร เขาก็ยังให้โอกาสฉันทำงานตั้งหกเดือนจนใช้หนี้หมด ฉันต้องขอบคุณเขาถึงจะถูก
และฉันคิดว่า...การให้อภัยคือทานอันยิ่งใหญ่"
Create Date : 21 กันยายน 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2555 5:31:12 น. |
Counter : 8547 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Tahoe 19 พฤศจิกายน 2553 15:21:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ๊กครับ IP: 122.59.103.109 25 ธันวาคม 2554 5:44:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ๊กครับ IP: 122.59.103.109 25 ธันวาคม 2554 5:47:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: 0861088834 IP: 223.205.156.253 13 กุมภาพันธ์ 2555 10:51:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: sky IP: 108.213.37.208 7 มิถุนายน 2555 6:28:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: พิมพ์ IP: 175.205.219.10 17 เมษายน 2556 5:08:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: Thong IP: 61.90.6.145 28 สิงหาคม 2559 18:15:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
อุดรธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
ยินดีต้อนรับค่ะ ในโลกแห่งความจริง บางทีเรื่องที่เราอยากเล่า ก็ไม่มีใครอยากฟัง ดังนั้น ณ ที่แห่งนี้ จึงดีใจมากเสมอ ที่มีคนแวะมาเยี่ยมเยียน
พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจนะคะ
สายลมกระพือปีก โบกบินไปตามทาง ถนนไร้ดอกไม้ดูอ้างว้าง ดอกหญ้าทอดกาย โรยตัวดูพระอาทิตย์ ดวงดาวยังไม่ระบำ เสียงนกยังไม่เห่กล่อม สรรพสิ่งล้วนนิ่งเงียบ สายลมพลิ้วพัดผ่าน สรรพสิ่งขยับกาย ท้องฟ้าดูแจ่มใส เมื่อเชิญจุติ...จุติมา
โดย คุณวัวป่าหลงเงาจันทรา ขอบคุณ สำหรับกลอนเพราะๆ นี้ค่ะ
ขอบคุณ บล็อกป้ามด ที่ทำให้บล็อกนี้เป็นรูปเป็นร่างได้
ขอบคุณ บล็อกคุณญามี่ สำหรับภาพพื้นหลังสวย ๆ ค่ะ
ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|