LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่2)

เวลา 3 วันที่ผมได้ทดสอบเจ้า Lexus IS250 ถึงแม้จะสั้นไปสักนิด แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการรอคอยรถยนต์ทดสอบของค่ายหัวลูกศร ที่มีคิวจองยาวเหยียด ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับ VIP ของ Lexus เอง กับสื่อสารมวลชนสายยานยนต์บางสำนัก ที่ยังไม่เคยได้ทดลองขับ นี่คือสปอร์ตซีดานระดับพรีเมี่ยมของ Lexus ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถ IS200 ต้นตระกูลซีดานตัวแรงรุ่นแรกสุดแทบจะทุกมิติ หากคุณเคยชอบเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Dual VVT-i 210 แรงม้าของ IS200 เจ้านี่จะเข้ามาสานต่อความชอบของคุณให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น มันมีเหลี่ยมมุมที่ดูดีขึ้นมาก เมื่อมองจากด้านหน้าของตัวรถ นั่นหมายถึงการจงใจใช้การออกแบบ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับสูงที่ชื่นชอบ รถมาดสปอร์ตซีดาน 4 ประตู ทีมออกแบบของค่าย Lexus ขัดเกลารูปลักษณ์ของ IS250 จนดูสะอาดตาและหมดจรดมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากเสียงตอบรับและยอดขายที่ดีขึ้นทั่วโลก

กุญแจ Intelligent Key ที่ไม่ต้องเสียบลูกกุญแจกันอีกต่อไป กับปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ คืออุปกรณ์ที่จำเป็นของรถหรูในทุกวันนี้ เมื่อผมเดินเข้าใกล้ตัวรถจนเซ็นเซอร์สามารถจับสัญญาณได้ มันจะสั่งให้เปิดไฟใต้กระจกมองข้างทั้งสองฝั่ง เพื่อเพิ่มแสงสว่าง หากเจ้าของรถใช้งานในตอนกลางคืน สีขาวมุกสะอาดตาของ IS250 ส่งประกายความเงางามของเกล็ดมุก เมื่อกระทบกับแสงแดดในช่วงบ่ายแก่ๆ กลางฤดูฝน เมื่อเปิดประตูเข้าไปและหย่อนตัวเองลงไปในตำแหน่งคนขับ เบาะหนังแท้สีดำแบบสปอร์ตที่นุ่มนิ่มรองรับสรีระได้ดี มันให้ทั้งความกระชับและสามารถปรับตั้ง หรือบันทึกตำแหน่งท่านั่งได้ถึง 3 ระดับ เบาะปรับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าของ IS250 ยังมีสวิตช์ซึ่งเป็นระบบให้ความเย็น หรืออุ่นตัวเบาะติดตั้งอยู่เหนือซุ้ม เกียร์ ผมเหยียบแป้นเบรกแล้วกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ แท่งอะลูมิเนียม V6 ขนาด 2.5 ลิตร ใต้ฝากระโปรง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพลังทั้ง 215 แรงม้า ติดขึ้นอย่างง่ายดาย และเงียบกริบจนผมสงสัยว่า เครื่องยนต์มันติดแล้วหรือยัง หากไม่ได้มองไปที่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์

ความ เงียบดังกล่าวภายในห้องโดยสารของ IS250 ยังเกิดจากการใช้วัสดุซับเสียง ยางขอบประตูหนาๆ รวมถึงกระจกทุกบาน ที่มีความหนาเพิ่มขึ้น ปรัชญาการผลิตรถยนต์ โดยมุ่งเน้นไปที่การขับขี่ ความสะดวกสบาย และเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังคงปรากฏอยู่แทบจะทุกส่วนของ IS250 ซึ่งเป็นไปตามหลักการสร้างรถยนต์ของค่าย Lexus ทุกประการ

ถนน ที่ใช้ขับทดสอบ IS250 ในวันนี้เป็นเส้นทางในกรุงเทพมหานครทั้งหมด เนื่องจากฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจซึ่งตกกระหน่ำมาหลายวัน จนทำให้ถนนรอบนอกบางสาย ที่ผมตั้งใจจะไป มีน้ำท่วมขังผิวการจราจร และอาจก่อปัญหาให้กับรถทดสอบราคา 3 ล้านกว่าบาทคันนี้ก็ได้ จึงต้องล้มเลิกความตั้งใจ ที่จะขับทดสอบทางไกลไปโดยปริยาย ภายในที่หรูหราจากการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง ที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ตามแบบฉบับของ Lexus ที่ใส่ใจในเรื่องของคุณภาพในไลน์การประกอบ การจัดวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องโดยสารมีความลงตัวและใช้งานได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเรียนรู้เพียงไม่กี่ครั้ง Sunroof ไฟฟ้า ยังช่วยทำให้ Cockpit ของ IS250 สว่างขึ้นยามที่ท้องฟ้าของกรุงเทพฯ ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆฝนหนาทึบ สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ ระบบเสียงจากเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมเกรดสูงของ Mark Levinson พร้อมด้วยลำโพงทั้ง 14 ดอก ที่ให้เสียงเพลงในระดับทะลุมิติ มันมีทั้งความคมชัด พลังของเบสที่หนักแน่น และเสียงแหลมที่ใสปิ๊ง จนทำให้การขับขี่ไปตามเส้นทางต่างๆ มีสีสันมากยิ่งขึ้น ผมค่อยๆ เติมคันเร่ง เพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถ ก่อนจะอัดหนักๆ บนทางตรง ที่ความเร็วต่ำแถบพหลโยธิน-ลาดปลาเค้า-นวมินทร์-สุขาภิบาล 1 เจ้า IS250 ดูสุขุมนุ่มลึก จนมีบุคลิกคล้ายกับผู้ใหญ่ที่สุภาพ มันเคลื่อนตัวไปอย่างสง่างามและมั่นคง ราวกับถูกโปรแกรมมาเพื่อการขับขี่ โดยเฉพาะระบบรองรับด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบน บวกกับด้านหลังที่เป็นแบบมัลติลิงค์ ซึมซับรอยต่อและคอสะพานดุๆ ได้อย่างหมดจด ส่งถ่ายความรู้สึกที่หนึบแน่น ถึงแม้มันจะใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS-Electronic Power Steering แต่ความรู้สึกที่ส่งตรงจากช่วงล่างมายังพวงมาลัย แทบไม่มีความแตกต่างจากระบบเพาเวอร์สายพาน แถมยังช่วยลดการใช้กำลังจากเครื่องยนต์ได้อีกด้วย

สิ่ง ที่ไม่ชอบใน IS250 คือฟิล์มกันแดดที่เข้มและทึบจนมองจากภายนอกไม่เห็น มันคงจะมีความเข้มมากกว่า 60-70% อย่างแน่นอน และทำให้ต้องระมัดระวังในการเปลี่ยนทิศทางเมื่อใช้ความเร็วสูง ยิ่งช่วงใกล้ค่ำบวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ยิ่งทำให้การมองเห็นแย่ลงมาก ไม่นานนักฝนก็ซาลงจนขาดเม็ด และผมเริ่มขับเข้าสู่พื้นที่ของการใช้ความเร็ว บนทางยกระดับรามอินทรา ที่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางวงแหวนตะวันออก ผมดันก้านเกียร์ออโต้แบบทริปทรอนิกส์ ไปที่ตำแหน่ง S เพื่อเริ่มต้นการชิฟเกียร์ด้วยตัวเอง ในโหมด Manual และเติมความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการใช้นิ้วกระดิกแป้นแพดเดิ้ลชิฟด้านขวามือ ตามสัญญาณไฟ Shift-Light สีแดงบนหน้าปัด เสียงเครื่องยนต์ V6 ที่เคยเงียบงัน ครางขึ้นมาเมื่อรอบเครื่องถูกกวาดขึ้นไปที่ 6,800 รอบต่อนาที มันมาพร้อมกับแรงดึงเล็กๆ ที่พอให้รู้สึกสนุกเมื่อคุณกดคันเร่งไฟฟ้า Drive By Wire ของ IS250 จนจมมิด มาตรวัดความเร็วหมุนกวาดขึ้นจากซ้ายไปขวาที่ 150-170-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนมองเห็นไฟท้ายของรถข้างหน้า ที่ร่นเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกถึงระบบที่ทำการหน่วงน้ำหนักพวงมาลัยที่ความเร็วสูง เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงใกล้เคียงรถซีดานสกุลสูงอย่าง BMW Series 3 E90 325i / Mercedes Benz C250 CGI ที่ผมได้เคยทดสอบเมื่อปีก่อน น่าเสียดายที่ไม่มีทางตรงโล่งๆ พอที่จะให้ขับทดสอบเจ้า IS250 บนสปีดความเร็วสูงสุด แต่การที่วิศวกรของ Lexus เคลมตัวเลขความเร็วสูงสุดไว้ที่ 225.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ไม่เกินความจริงอย่างแน่นอน เมื่อดูจากรอบเครื่องและคันเร่งที่ยังเหลืออีกเพียบ ในย่านความเร็วใกล้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

จาก มาดที่เคยสุขุมนุ่มลึกในย่านความเร็วต่ำ แปรเปลี่ยนมาเป็นนักเลงหัวไม้ที่บ้าดีเดือด ทันทีที่คุณกล้าเติมคันเร่งลงลึก เครื่องยนต์ V6 หมุนตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยปราศจากระบบอัดอากาศใดๆ ทั้งสิ้น มันให้อารมณ์และความรู้สึกที่ดีเยี่ยม ในการควบคุมรถยนต์ที่หายใจเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเทอร์โบเพิ่มความแรง พวงมาลัยไฟฟ้าถูกหน่วงที่ความเร็วสูง จนมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและขยับตัวไป-มา ตามจังหวะของการมุดซ้ายป่ายขวา ที่ผมลองกระทำดูบนทางโล่งๆ แสงไฟสองข้างทางเคลื่อนผ่านเจ้า Lexus IS250 ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ห้องโดยสารของมันเกิดแสงสี ที่แปลกประหลาดในช่วงใกล้ค่ำ นี่คือความสุขสมที่มิอาจบรรยายเป็นตัวอักษรได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ผม อัดมันอีกครั้งเมื่อถนนเริ่มโล่ง และมันก็ตอบสนองเป็นอย่างดีทุกครั้งที่ต้องการเรียกแรงบิด โค้งยาวๆ บนวงแหวนตะวันออกมุ่งหน้าลำลูกกา ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการควบคุมแต่อย่างใดทั้งสิ้น รวมถึงสารพัดโค้งยูเทิร์นลงสะพาน ที่ผมเพียงแค่ลดตำแหน่งเกียร์และความเร็วของมันให้เหมาะสมก่อนเข้าสู่หัว โค้ง นอกจากประสิทธิภาพของช่วงล่างแล้ว ยาง Bridgestone Potenza Run Flat Tires รุ่น RE050 ขนาดต่างไซส์แบบหน้าเล็กหลังโต ที่พวกวัยรุ่นนิยมยังช่วยเติมเต็มสมรรถนะของการยึดเกาะในระดับที่ดี ถึงแม้มันจะมีแก้มยางที่แข็งมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นยางประเภท Run Flat และเมื่อใกล้หมดอายุมันจะส่งเสียงหอน เมื่อบดไปบนถนน แต่ยางทั้ง 4 เส้นของ IS250 คันทดสอบ ยังคงอยู่ในสภาพที่ใหม่เอี่ยมอ่อง จนผมแปลกใจเกิดความสงสัยว่าทีม PR ของ Lexus คงจะเปลี่ยนยางใหม่มาให้อย่างแน่นอน

เบรก ของ IS250 มีตัวช่วยพวก ABS/EBD/BA พร้อมระบบควบคุมการทรงตัว Traction-Control ซึ่งอยู่ในตำแหน่ง On ตลอดเวลาที่ผมขับทดสอบ ช่วยให้การใช้ห้ามล้อมีความมั่นคงและหยุดได้ดั่งใจ มันตอบสนองต่อการกดแป้นเบรกในทุกๆ องศา ชนิดทันทีทันใด และเมื่อผมใช้เบรกหนักๆ ก็จะสัมผัสได้ถึงระบบช่วยเบรก ที่จะเข้ามาแทรกแซงเพิ่มกำลังเบรกอย่างอัตโนมัติ จนสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนและโจ่งแจ้ง รวมถึงการทำงานของ ABS ที่ส่งเสียงปั้บๆ ทุกครั้ง ที่กระทืบเบรกแบบสุดๆ การเบรกที่ความเร็วสูง พร้อมกับการลดตำแหน่งเกียร์ลงต่ำถึง 2 ตำแหน่ง จะเกิด Engine Brake แบบทันทีทันใด ทำให้ผมพร้อมที่จะนำพามันเข้าสู่ทางโค้งดุๆ ได้ดี มวลน้ำหนักที่ถ่ายเทจากหลังมาหน้า ก่อให้เกิดเสียงร้องของยาง Bridgestone Potenza Run Flat บ้างในบางครั้ง ที่ออกแรงกระทำกันอย่างหนักหน่วงในระบบห้ามล้อ สมองกลของ Traction-Control คอยเฝ้าระวังเป็นฉากหลังและจะเข้ามาแทรกแซงทันทีที่มันเห็นว่าองศาของล้อ เริ่มที่จะเสียอาการ มันไวและสื่อสารได้อย่างชัดเจน โดยไม่รั้งรอที่จะเข้ามาลดกำลังเครื่องยนต์ และการหมุนของล้อที่กำลังขาดการยึดเกาะ เปิดมันทิ้งไว้ดีกว่าหากสภาพอากาศไม่เป็นใจแบบนี้

จอแสดง ผลของ IS250 แบบระบบสัมผัส มีมุมมองที่ชัดเจนดีจากความคมชัด แต่ระบบนำทางและกำหนดพิกัดด้วยดาวเทียมยังคงใช้ภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างใช้งาน ยากไปนิด ระบบสัมผัสที่หน้าจอก็มีความรวดเร็ว และแปรเปลี่ยนไปตามนิ้วมือในการสั่งงานได้ดั่งใจ มันออกแบบมาเพื่อใช้งานในชุด DVD/CD/MP3 รวมถึงยังเป็นมอนิเตอร์ของกล้องถอยหลัง ที่มีความคมชัดสูง แถมยังมีระนาบของเส้นสีเหลืองและแดง ซึ่งแสดงการแจ้งเตือนทั้งภาพและเสียง เมื่อคุณถอยเข้าใกล้วัตถุที่กีดขวาง ช่วยให้คุณสุภาพสตรีถอยได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ไปล่อเอากระถางต้นไม้ ฟุตบาท หรือท้ายรถชาวบ้านแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว จอแสองผลยังรวบรวมระบบโทรศัพท์ไร้สายแบบบูลธูท ข้อมูลการปรับตั้งและใช้งานในระบบต่างๆ ของตัวรถ บันทึกความจำบนเส้นทางต่างๆ ที่ต้องเดินทางผ่าน รวมถึงเปิดดูสภาพการจราจรก่อนที่จะเดินทางได้อีกด้วย มันฉลาดและมีความเหมาะสมกับการใช้งาน ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามาช่วยให้การขับขี่รถยนต์ มีความสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนชนิดเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว

นี่ คือยานยนต์สองบุคลิกในหนึ่งเดียว ที่หลอมรวมเป็นรถซีดานสมรรถนะสูง โดยมีความหรูหรา สะดวกสบาย กับพลัง 215 แรงม้า ที่แอบแฝงอยู่ในเรือนร่างอันสง่างาม ระบบต่างๆ ของมันถูกออกแบบให้รองรับการขับขี่ได้ไม่น้อยหน้ารถยนต์ยุโรป ค่าตัวแพง บริษัทที่กำลังก้าวไปอย่างมั่นคง อย่าง Lexus กำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จากผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี IS250 จะมอบการขับขี่ที่ประทับใจอย่างแน่นอน หากคุณสนใจและแบ่งเวลาเพียงน้อยนิด เพื่อไปทดสอบมันก่อนการตัดสินใจควักกระเป๋ากว่า 3.4 ล้านบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับจักรกลสองบุคลิคคันนี้ คุณสามารถคิดถึงรถยนต์คันอื่นๆ ได้อีก แต่ยากที่จะลืมมันเมื่อได้ลองขับ ทั้งหมดทั้งปวงทำให้วิศวกรของ Mercedes Benz และ BMW มีงานที่จะต้องทำมากขึ้น นั่นก็คือเพิ่มความพยายามในการสร้างรถยนต์ที่เหนือกว่า รวมถึงการเพิ่มยอดขาย โดยมีคู่แข่งที่น่ากลัว และมีทุนหนาปึกที่พร้อมจะจ่ายให้กับเทคโนโลยีล่าสุด ที่เพิ่งจะคิดค้นได้อย่าง Lexus อยู่ข้างๆ ตัวเลขยอดขายทั่วโลกของ Lexus IS250 คงจะทำให้ฝ่ายการตลาดของบริษัทแห่งนี้ มีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน ผมส่งกุญแจ IS250 คืนให้กับเจ้าหน้าที่ของ Lexus ด้วยความเสียดาย และหวังว่าสักวันหนึ่ง มันกับผมจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง สิ่งที่ Lexus IS 250 สีขาวมุกคันนี้มอบให้ผมตลอดช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 3 วัน จะยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมไปอีกนานแสนนาน.


Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook //www.facebook.com/chang.arcom

Create Date : 16 กันยายน 2554		4 comments
Last Update : 16 กันยายน 2554 9:11:37 น.
Counter : 3279 Pageviews.
Share Tweet