Love is All Around.
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
12 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
ลองขับ เบนซ์ ML300CDI


ลองขับ "เมอร์เซเดส-เบนซ์ ML 300 CDI" เอสยูวียักษ์จอมลุยที่มาพร้อมขุมพลังวี6 แต่กินน้ำมันแบบใจดี!!!


โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล


หลังจากที่ไม่ได้แวะเวียนข้องเกี่ยว กับบรรดารถยนต์ทดสอบที่แปะโลโก้ตรา ดาวมานานสักระยะ ทีมงานประชาสัมพันธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ก็กวักมือเรียกให้มารับพี่เบิ้มจอมลุยอย่าง เอ็มแอล-คลาส ไปลองขับเสียบ้าง หลังจากที่ก่อนหน้านี้วนเวียนกับรถยนต์นั่งหลากรุ่นของค่ายนี้มาแล้ว


เอ็มแอล ที่นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ วี6 ซีดีไอ เพียงเครื่องเดียว แต่มีออปชันให้เลือกต่างกันเป็น 2 รุ่นย่อย โดยรุ่นที่นำมาทดสอบเรียกว่าเอ็มแอล 300 ซีดีไอ บลูเอฟฟิเชียนซี เคาะราคาไว้ที่ 5.99 ล้านบาท แต่ถ้าอยากได้แบบพิเศษเพิ่มชุดแต่ง ก็หันไปเลือกรุ่นพรีเมียม เอดิชัน ที่สนนราคา 6.199 ล้านบาทแทนได้



รถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในตระกูลรถยนต์นำ เข้าของค่ายตราดาว ที่ดูราคาจะดุเดือดไปบ้างเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆ รายที่เป็นรถยนต์ประกอบในประเทศ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของโลโก้ตราดาวบนกระจังหน้า ทำให้เราเห็นแฟนพันธุ์แท้ขับรถรุ่นนี้ไปมาอยู่บ้างบนท้องถนนเมืองไทย


ตัวรถขนาดใหญ่โตเอาเรื่อง กับความยาว 4,781 มม. กว้าง 1,911 มม. และสูง 1,815 มม. โดยมีระยะฐานล้อที่ 2,915 มม. ซึ่งเอาจริงๆ ต้องถือว่าเป็นรถที่ให้พื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังค่อนข้างน้อย แต่ที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังใหญ่โตกว้างขวางโอ่อ่า วางของกันได้อย่างเต็มพิกัด


ถือเป็นรถที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะน้ำหนักตัวของรถเปล่าก็ปาเข้าไป 2 ตันกว่าๆ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตทำให้ใส่ถังน้ำมันขนาดใหญ่ถึง 95 ลิตร มาพร้อมล้อ 18 นิ้ว ที่ใช้ยางขนาด 255 ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน



รูปร่างหน้าตาภายนอกออกแบบมาในแนวสวย แอบบึก ด้วยมัดกล้ามเล็กๆ ทั้งบนฝากระโปรงหน้า กันชนหน้า ซุ้มล้อ ไล่ไปจนถึงด้านท้ายของตัวรถ ไฟหน้าแบบไบซีนอน พร้อมโคมไฟส่องทางที่สว่างตามการเลี้ยวของรถ เสริมความเข้มด้วยไฟท้ายแบบรมดำ ที่แม้แต่ตัวถังสีเงินที่นำมาทดสอบ ก็ให้ความรู้สึกแปลกตา


เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปบนตัวรถ อดห่วงผู้โดยสารไซส์เอสไม่ได้ เพราะตัวรถอยู่สูงเอาเรื่อง อาจจะต้องออกแรงปีนป่ายกันเล็กน้อย เข้าประจำตำแหน่งคนขับแล้วปรับกระจกแต่ละตำแหน่ง ก็พบจุดบอดเล็กๆ ที่กระจกมองข้างด้านซ้าย ที่โดยปิดมุมมองด้วยกรอบพลาสติกสีดำไปเล็กน้อย ในจังหวะขับขี่ที่มองไปที่กระจกมองข้าง จะเห็นพลาสติกสีดำบังมุมกระจกเล็กน้อย


ขณะที่ทัศนวิสัยอื่นๆ รอบตัวรถถือว่าไม่มีปัญหาครับ แต่ตัวรถจะดูใหญ่โตบึกบึน พื้นที่ห้องโดยสารด้านหน้าถือว่าไม่มีปัญหา ขณะที่ตอนหลังอาจจะเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังนั่งสบายดี อุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างเข็มขัดนิรภัยก็มีมาให้ครบทุกตำแหน่งที่นั่ง


เบนซ์ เลือกระบบเกียร์ที่เรียกว่า ไดเรกต์ ซีเลกต์ มาติดตั้งในเอ็มแอล พร้อมย้ายตำแหน่งของเกียร์ไปไว้ที่คอพวงมาลัย ทำให้ได้ที่วางแก้วน้ำเพิ่มอีก 2 ตำแหน่งที่ตรงกลางระหว่างผู้โดยสารตอนหน้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มีแพดเดิลชิฟต์ติดตั้งมาให้ถือว่าให้การตอบสนองที่ดี แต่อาจจะเพราะชินกับเกียร์ 7จี ทรอนิกส์ในเบนซ์รุ่นใหม่ๆ เสียแล้ว ทำให้รู้สึกว่าขับแล้วมีอาการตื้อๆ ในบางจังหวะเหมือนกัน



นอกจากนี้ ใครที่ยังติดนิสัยเปิดไฟเลี้ยวด้วยมือขวา อาจจะพบว่าการเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเป็นปัญหาสำคัญในการขับขี่ เพราะมันจะกลายเป็นการเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ว่างทันที เรียกว่าต้องเตือนตัวเองตลอด เพราะไฟเลี้ยวถูกนำไปรวมกับก้านปัดน้ำฝนทางด้านซ้ายล่างของพวงมาลัย ขณะที่คันเล็กๆ ด้านซ้ายบนเป็นระบบล็อกความเร็วและครูซ คอนโทรล ที่ใช้งานยากเอาเรื่อง


ขณะที่การถอดแป้นควบคุมสารพัดประโยชน์ ที่ติดตั้งมาในรถยนต์นั่งเกือบ ทุกรุ่นออกไป แล้วเปลี่ยนให้ไปควบคุมทุกอย่างบนแผงคอนโซลหน้าแทน ก็ลดความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ไปสักเล็กน้อย แม้มันจะไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกับปุ่มต่างๆ มากมาย รวมไปถึงบางฟังก์ชันที่ควบคุมได้ที่ก้านพวงมาลัยต่างหาก


เครื่องยนต์ดีเซล ซีดีไอ วี6 ขนาด 2,987 ซีซี ที่ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่มาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,400-2,800 รอบต่อนาที ให้การตอบสนองที่ไม่โดดเด่นในช่วงเริ่มของการขับขี่ ตามสเปกบอกเอาไว้ว่าวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องใช้เวลาถึง 9.8 วินาที เดาว่าเป็นเพราะตัวถังหนัก


แต่ถ้าลองวิ่งให้ติดลมบนไปแล้วสักนิด จะพบว่าเอ็มแอลเป็นรถที่ขับสนุก ช่วงล่างดี สามารถตะลุยไปได้ในท้องถนนทุกสภาพผิวไม่ว่าถนน กทม.จะเลวร้ายขนาดไหนก็ตามที ผมแทบไม่ได้เอื้อมมือไปแตะแพดเดิลชิฟต์เพื่อช่วยในการเร่งแซงเลยครับ เพราะแค่เหยียบคันเร่งลงไป เครื่องยนต์ก็พร้อมจะเดินหน้าปรู๊ดปร๊าดออกมาทันที แพดเดิลชิฟต์เลยมีไว้ช่วยตอนเบรกแรงๆ เป็นหลักเท่านั้น



ความเร็วที่ระดับ 120-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เอ็มแอลให้การตอบสนองที่โดดเด่นและมั่นคงมาก จนแทบไม่น่าเชื่อว่าขับที่ความเร็วระดับนี้ แม้จะไม่ได้ลองไปจนถึงท็อปสปีดที่ว่าไว้ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากมองว่าคงไม่มีโอกาสได้ขับแบบนั้นมากนักก็ตาม
สิ่ง ที่จะบอกว่า เป็นข้อติเพียงเล็กน้อยสำหรับรถรุ่นนี้ก็คือระบบการเก็บเสียงที่ยังเปิดทาง ให้เสียงเครื่องยนต์เล็ดลอดเข้ามาได้บ้าง ขณะที่การเซตช่วงล่างก็ออกมาในแนวของการดูดซับแรงสะเทือนจากท้องถนนขึ้นมา ที่เบาะที่นั่งค่อนข้างมาก เวลาวิ่งผ่านพื้นถนนที่เป็นรอยต่อจะรับแรงสะเทือนค่อนข้างชัดเจน


แต่เมื่อกวาดตามองไปที่อัตราสิ้น เปลืองที่ระบุไว้อย่างชัดเจนบนจอ คอมพิวเตอร์แล้ว ก็ทำให้ลืมๆ ข้อติเหล่านั้นไปได้บ้าง เพราะข้อมูลจากออนบอร์ดระบุว่า จากการขับขี่แบบเมามันของผม รถคันนี้ยังจิบน้ำมันเฉลี่ยที่ประมาณ 9-10 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น เรียกว่าเติมน้ำมันเต็มถังวิ่งกันได้ที่ 800-900 กิโลเมตรสบายๆ โดยเฉพาะคนขับที่เท้าไม่หนักเกินไป


5.99 ล้านบาท แลกกับรถยนต์ที่เพียบพร้อมทุกอย่าง พาคุณไปได้ทุกที่ เศรษฐีคนไหนมีเงินเหลือๆ แล้วเบื่อรถยนต์นั่งที่เจอน้ำท่วมทีก็ต้องสวดมนต์ลุยน้ำกันที คันนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน!!!





Create Date : 12 กันยายน 2554
Last Update : 12 กันยายน 2554 8:51:24 น. 1 comments
Counter : 2370 Pageviews.

 
รอ ML250CDI Grey น่าจะทำราคาได้ราวๆ 4 ล้าน จากเครื่องแค่ 2,200 cc


โดย: coolknott IP: 202.44.4.252 วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:11:00:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poprockcool
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




พื้นที่โฆษณาพิเศษ
Friends' blogs
[Add poprockcool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.