ตัวแข่งทางฝุ่นของทีม Prodriev ทีมแข่งที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับรถแข่งอย่าง Subaru Impreza มาแล้วในอดีต นี่คือ MINI Countryman Cooper S All4 John Cooper Work WRC รถแข่ง World Rally Championship (WRC)

ตัวแข่งทางฝุ่นของทีม Prodriev ทีมแข่งที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับรถแข่งอย่าง Subaru Impreza มาแล้วในอดีต นี่คือ MINI Countryman Cooper S All4 John Cooper Work WRC รถแข่ง World Rally Championship (WRC) ชื่อยาวของค่าย MINI ที่ส่งลงชิงชัยสำหรับการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก ประจำฤดูกาลนี้ (2011) รถแข่งคันนี้ จะเข้ามาสานต่อประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองในการแข่งขันทางวิบาก ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต บนรูปทรงและโครงตัวถังของรถรุ่น Countryman Cooper S All 4 เครื่องยนต์ 4 กระบอกสูบ 16 วาว์ล อัดเทอร์โบ 300 แรงม้าบนชุดส่งกำลังแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

MINI Countryman Cooper S All4 John Cooper Work WRC ถือได้ว่าเป็นน้องใหม่ของวงการ เช่นเดียวกับกฏกติกาใหม่ของ FIA  ผู้ควบคุมดูแลการแข่งขันรายการชิงแชมป์โลกประเภทรถยนต์แรลลี่ มันเป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย MINI ของ BMW วางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาว์ลเทอร์โบ เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ MINI ในแง่มุมของกีฬาท้าความเร็ว ความเร้าใจ ประสิทธิภาพของทีมแข่งและสมรรถนะของตัวรถ ตลอดจนภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ชาย ในรถ MINI เมื่อกว่า 2 ปีก่อน ทีม Prodriev ได้ดำเนินงานออกแบบและพัฒนาตัวรถแข่ง โดยสร้างแบบจากโมเดลจำลองผ่านทางซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ เพื่อค่าข้อสรุปที่แท้จริงก่อนการลงมือสร้าง มันคือรถแข่งทางฝุ่นแบบแรลลี่ ที่ทีม Prodriev มีความถนัด คลอดออกมาเพื่อรองรับกฏกติกาใหม่ของปี 2011 ทั้งความยาว น้ำหนัก แรงม้า ระยะห่างของฐานล้อ จุดศูนย์ถ่วง การทำงานของช่วงล่าง ตำแหน่งการวางเครื่องยนต์และระบบอากาศพลศาสตร์ จากนั้น จึงนำตัวรถ 3 รุ่นมาวิเคราะห์หาข้อสรุป โดยมีรถ 3 รุ่นด้วยกัน คือ Ford Fiesta / Citroen DS3 / MINI Countryman Cooper S All4 หลังจากนั้น ทีมวิศวกรของ Prodriev จึงมุ่งไปที่ตัวรถ Countryman Cooper S All 4 ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่ารุ่น Clubman เนื่องจากมีกลไกขับเคลื่อน 4 ล้อในระบบ All 4 ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ บริษัท MINI เอง ก็อยากเข้าร่วมการแข่งรถประวัติศาสตร์ประกอบกับได้รับการสนับสนุนเงินทุน จาก BMW โครงการสร้างรถแข่งดังกล่าว จึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมี Prodriev รับหน้าที่ในการออกแบบตัวรถและสร้างทีมแข่งขึ้นมา เพื่อรองรับการแข่งขันแรลลี่ทั้ง 6 สนาม ในปี 2011 และลงแข่งเต็มตัวทุกสนามในปี 2012

ภาย ใต้กฏกติการการแข่งขันของฤดูกาล 2011 ต้นทุนในการพัฒนารถแข่งของแต่ละทีม ( Ford / Citroen / MINI) จะลดลงถึงหนึ่งในสาม ทีมแข่งทุกทีมต้องใช้เงินอย่างน้อย 18.6 ล้านบาท ต่อรถ 1 คัน ซึ่งราคานี้จะรวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่และช่างเทคนิคประจำทีม แผนกมอเตอร์สปอร์ตของ Prodriev คาดการว่าจะสร้างรถแข่งขึ้นมาถึง 25 คันในปีแรก ( 2011) สำหรับใช้ส่งลงทำการแข่งขันทั้ง World Rally Championship รวมถึงรายการ Super Production ส่วนเจ้า MINI Countryman Cooper S All4 John Cooper Work WRC เป็นรถเวอร์ชั่นขายจริงที่ถูกนำมาปรับแต่งด้วยการคงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All 4 เอาไว้ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร อัดเทอร์โบกับระบบขับสี่ล้อตลอดเวลา คือ พื้นฐานที่ใกล้เคียงกับตัวแข่งแรลลี่ ภายใต้กฏกติกาใหม่อย่างที่สุดแล้ว เวอร์ชั่นถนนของ Countryman Cooper S All 4 มีแรงม้า 184 ตัว (ในขณะที่รถแข่งแรลลี่ยุคใหม่จะมีเรี่ยวแรงประมาณ 300 แรงม้า) กับน้ำหนักตัวที่ 1,455 กิโลกรัม ที่จะต้องโดนรีดออกให้เหลือแค่ 1,200 กิโลกรัม ตัวแข่งกับรถที่ผลิตออกจำหน่าย ยังคงคล้ายกันที่วัสดุที่ใช้ผลิตตัวถัง (โลหะ) รวมถึงความหนาของเหล็กที่ใช้ ห้องเครื่องปกติจะถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 300 แรงม้าอัดเทอร์โบจะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่ผ่านการรับรองจาก FIA เท่านั้น แถมยังสามารถนำไปแข่งในรายการ Super Touring ได้อีกด้วย เครื่องยนต์ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ระบบ Vavletronic เหมือนอย่างรุ่นที่ผลิตออกจำหน่าย เนื่องจากความได้เปรียบด้านระบบวาว์ล จึงยังคงเป็นแบบแคมชาร์ฟธรรมดา

ระบบ เกียร์ของ MINI Countryman Cooper S All 4 John Cooper Work WRC เป็นเกียร์แบบมีแป้นคลัตช์ให้เหยียบ เนื่องจากทาง FIA ผู้ดูแลการแข่งขันไม่อนุญาตให้มีการใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติ กลไกการขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น ก็ยังแตกต่างจากรถถนนอย่างสิ้นเชิง สำหรับ Countryman Cooper S All 4 นั้นใช้เซนเตอร์ดิฟฟ์ที่ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลไฟฟ้า FIA จึงไม่อนุญาตให้ใช้งานในรถแข่ง เพลาหน้าและหลังของตัวแข่งจึงต้องหมุนด้วยความเร็วที่เท่าๆกัน ซึ่งข้อดีของมัน คือ การมีเสถียรภาพมากกว่า เวลาที่นักขับต้องซิ่งผ่านระหว่างทางแคบๆที่อุดมไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ด้วยความเร็วเต็มสปีดบนผิวทางที่เต็มไปด้วยกรวดทรายกับลูกรัง มันยังช่วยทำให้ตัวรถมีความนิ่งมากกว่ารถเดิมๆ แต่กับโค้งแคบๆลึกๆบนทางลาดยาง มันจะออกอาการที่ควบคุมได้ยากกว่า วิศวกรของ Prodriev จึงใส่ตัวยึดที่จะตัดการส่งกำลังของล้อคู่หลัง โดยทำการเชื่อมต่อกับชุดเบรกมือแทน ทำให้การขับเข้าสู่ทางโค้งแคบๆนักขับต้องดึงเบรกมือช่วยแทบทุกครั้ง ส่วนระบบรองรับหรือช่วงล่างแบบมัลติลิ้งค์ในตัวถนนที่นิ่มนวลมากกว่า ถูกถอดออก แล้วแทนที่ด้วยสตรัททั้ง 4 ล้อ สำหรับการลุยแบบไม่ยั้งบนทางที่มีทั้งก้อนหินขนาดใหญ่หรือร่องน้ำ ที่สามารถทำให้รถปกติถึงกับพิการได้ รถแข่ง MINI Countryman Cooper S All4 John Cooper Work WRC จะใช้ยางหน้ากว้าง 18 นิ้วบนเส้นทางลาดยางและจะเปลี่ยนมาเป็นล้อขนาด 15 นิ้วทันทีที่ต้องพบกับทางลูกรังโหดๆ

งาน วิศวกรรมชั้นเยี่ยมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ความสลับซับซ้อนของระบบต่างๆ ยังช่วยให้การดัดแปลงตัวถนนในรุ่น Countryman Cooper S All 4 กลายเป็นรถแข่งแรลลี่ WRC ได้อย่างสบาย ห้องโดยสารแบบปกติถูกดามด้วยโรบาร์เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ช่วงล่างยังคงถูกจัดวางไว้เหมือนเดิม เหล็กกันโครงหน้า-หลังถูกปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรับแรงที่มากระทำได้ มากกว่า น็อตยึดชิ้นส่วนต่างๆก็ยังได้รับการเปลี่ยนให้มีขนาดที่โตขึ้นทุกตำแหน่ง รองรับงานซ่อมที่ต้องกระทำทุกครั้งหลังสิ้นสุดช่วงการแข่งขันต่อวัน ตำแหน่งของการนั่งขับค่อนข้างต่ำและถูกร่นไปทางด้านหลังมากขึ้น เพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี เครื่องยนต์แข็งแกร่งมากพอในการอัดทำเวลาในช่วงทดสอบพิเศษที่อุดมไปด้วยทาง วิบากแบบสุดๆ มันเหนียวแน่นและคงทนจากการปรับเปลี่ยนวัสดุภายในบางชิ้น ที่ต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่ตลอดเวลา หลังจากโดนส่งลงไปแข่งขันขับเคี่ยวกับ Ford Fiesta WRC และ Citroen DS3 WRC มันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 เวลารวมของการแข่งขันในสนามที่ 4 ที่ประเทศเยอรมันซึ่งเป็นสนามล่าสุดของการแข่งรถวิบากทางฝุ่น WRC ในทวีปยุโรป

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook //www.facebook.com//chang.arcom

Create Date : 07 กันยายน 2554
Last Update : 7 กันยายน 2554 9:21:58 น.		1 comments
Counter : 1220 Pageviews.
Share Tweet