ตัวถังอะลูมินัมอัลลอย เครื่องยนต์ V8 พร้อมช่วงล่างแบบ Active เบาขึ้น 300 กิโลกรัม หลังคาโลหะพับได้ บนรูปลักษณ์ใหม่หมดจด ที่แบนและยาวมากขึ้นกว่าเก่า...

สัญลักษณ์ SL ย่อมาจากคำว่า Sport Leicht หรือ Sport Lightweight ยานยนต์สองที่นั่งแบบสปอร์ตโรดสเตอร์ เปิดหลังคาน้ำหนักเบาจากค่ายตราดาว ส่วนผสมที่ลงตัวของการเดินทางกับความรื่นรมย์ยามขับขี่ควบคุม สายพันธุ์ของ Sport Model SL เริ่มต้นขึ้นในปี 1953-1955 จากชัยชนะอันงดงามบนสนามแข่งขันรถยนต์ทางเรียบของทีมแข่ง Mercedes Benz ส่งถ่ายจักรกลเปิดหลังคาที่สามารถเชื่อมโยงการขับขี่ด้วยกลไกชั้นเยี่ยมบน สมรรถนะของยนตรกรรมรูปแบบสปอร์ตให้สอดประสานไปกับการเดินทางจากอดีตสู่ ปัจจุบัน นับจากโมเดลแรกสุดมาจนถึงโมเดลล่าสุด ที่ยังคงความเป็นเจ้าแห่ง Sport Roadster เปิดหลังคา 2 ที่นั่งสุดคลาสสิก

1955-1963
Mercedes Benz 190SL R121
Mercedes-Benz นำรถต้นแบบ Model SL มาแสดงเป็นครั้งแรกในงานแสดงรถยนต์นิวยอร์กออโต้โชว์ประจำปี ค.ศ.1954 หลังจากนั้น ความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นทำให้สปอร์ตเปิดหลังคารุ่น 190SL มียอดจำหน่ายที่ดีเป็นประวัติการณ์ ตัวรถมีความใกล้ชิดด้านวิศวกรรมโครงสร้าง การวางเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังคล้ายกับรุ่น 300SL อย่างไรก็ตาม 190SL ไม่ได้ใช้โครงสร้างแบบ Spaceframe เหมือนกับ 300SL R198 ท่อแพลตฟอร์มแบบยกตัวถูกทำให้สั้นลง ส่วนโลหะที่ใช้ทำให้เกิดสนิมได้ง่าย ตัวถังแบบ Monocoque ของ R121 คือแพลตฟอร์มที่ดัดแปลงมาจากรถเก๋งขนาดเล็กในค่ายตราดาวนั่นเอง เครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC ให้กำลัง 120 แรงม้า หรือ 80 กิโลวัตต์ จ่ายเชื้อเพลิงด้วย Twin-Choke Carburetors ของ Solex บล็อกเครื่องยนต์สี่สูบของ 190SL R121 อยู่บนพื้นฐานของเครื่องยนต์หกสูบจาก 300SL R198 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 16,500 เหรียญ ในยุค 1955

1957-1963
Mercedes Benz 300SL R198
Mercedes- Benz300SL ได้รับการเปิดผ้าคลุมในปี 1954 ในรูปแบบสปอร์ตเปิดประทุนสองที่นั่ง โดยเชื่อมโยงเครื่องยนต์และโครงสร้างของรุ่น Coupe ซึ่งใช้การปิด-เปิดประตูแบบปีกนกนางนวลหรือ Gull Wing อันโดดเด่นด้วยดีไซน์ และเป็นรถสปอร์ตที่เร็วติดอันดับต้นๆ ในยุคนั้น ตัวเลข 300 หมายถึงของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียงแคมเดี่ยว SOHC ที่ให้สมรรถนะเป็นเลิศ ปริมาตรความจุ 2,996 ซีซี มีกำลังสูงสุด 215 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 4 สปีด สปอร์ตโรดสเตอร์ 300SL กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการรถสปอร์ตเปิดหลังคา ด้วยการมีรูปทรงที่โดดเด่นงดงามและปราดเปรียวมากในช่วงปลายยุค 50' และถือเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับการฉีดจ่ายเชืื้อเพลิงโดยตรงจากหัวฉีด การผลิตสิ้นสุดลงในปี 1963 ด้วยการเข้ามาแทนที่ในรุ่น 230SL

1963-1971
Mercedes Benz 230SL W113
Mercedes-Benz แนะนำ 230SL W113 ในปี 1963 โดยตั้งแสดงรถสปอร์ตรุ่นใหม่ของปีนั้น ในงานแสดงรถยนต์เจนีวามอเตอร์โชว์ 230SL W113 เข้ามาแทนที่สองตำนานอย่าง 300SL (W198)และ 190SL (W121) W113SL ได้รับการพัฒนาภายใต้ Mercedes-BenzTechnical โดยหัวหน้าวิศวกรชั้นหัวกะทิ FritzNallinger ทุกรุ่นมาพร้อมกับกระบอกสูบทั้ง 6 กับเครื่องยนต์แบบ Inline Six ด้วยการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบมัลติพอร์ต เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายขนาดความจุ เช่น 230SL 2.3 ลิตร 150 แรงม้า 250SL 2.5 ลิตร 160 แรงม้า และรุ่นสูงสุด 280SL 2.8 ลิตร 175 แรงม้า สปอร์ต 230SL W113 ใช้ฝากระโปรงหน้า, ฝากระโปรงหลัง, สกิ้ดประตูและฝาครอบกระบอกสูบทำจากอะลูมิเนียมทั้งหมด เพื่อลดน้ำหนักตัวให้ได้ตามมาตรฐาน รวมกับช่วงล่างที่ดีเยี่ยม ยางเรเดียลแบบใหม่และมีประสิทธิภาพของการเบรกเทียบเคียงรถแข่ง ไฟหน้าใช้ลักษณะตั้งตรง Fishbowl กระจังโครเมียมครอบงำโดยสัญลักษณ์ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ในแผงจมูก

1971-1989
Mercedes Benz SL R107
ขนาด ที่ใหญ่และยาวขึ้นทำให้ R107 ต้องใช้ส่วนประกอบตัวถังที่มีขนาดกลางร่วมกับ Mercedes-Benz W114 ห้องเครื่องถูกขยายความกว้างเพื่อวางเครื่องยนต์ V8 ขนาดใหญ่จากรุ่น S-Class W116 รถ SL R107 ถูกแปลงสภาพจาก 2 ที่นั่งในรุ่นเปิดประทุนมาเป็นแบบ 4 ที่นั่งในรุ่นหลังคาแข็ง (ที่นั่งผู้โดยสารตอนหลังมีขนาดค่อนข้างเล็ก) ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีดกับเกียร์ออโต้ 4 สปีด ในปี 1980 สายการผลิต R107 ในโรงงานเริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน 1971 ยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือทะลุเพดานในปี 1972 มีรุ่นต่างๆ ให้เลือก เช่น 280SL/350SL/450SL 500SL/Coupe/(SLC Coupe สำหรับรุ่นปี 1973) เครื่องยนต์ V8 ในรุ่น 500SL ใช้ระบบหัวฉีดไฟฟ้าของบ๊อช D-Jetronic ระบบควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงใช้อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาจัดการทั้งหมด รูปแบบของหลังคาที่หลากหลาย ทั้งแบบหลังคาผ้าใบ หลังคาแข็งแบบถอดเก็บได้ และหลังคา Coupe ทำให้รถสปอร์ตรุ่นนี้มียอดขายทั่วโลกสูงมาก

1989-2001
Mercedes Benz SL R129
รูป ทรงที่เน้นเหลี่ยมมุมของ SL Model R129 อยู่บนพื้นฐาน floorpan ที่สั้นลงของโมเดล E-Class จาก Mercedes-Benz E-Class W124 รุ่น 2 ประตู มันคือการรวบรวมจุดเด่น รายละเอียดของนวัตกรรมทางการขับเคลื่อนอันทันสมัยในปี 1990 เช่น เครื่องยนต์และระบบต่างๆ ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ระบบรองรับแบบมัลติลิงก์ที่ทันสมัยและนิ่มนวล เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ชุดแต่งและกลไกของการเปิด-ปิดประทุน เครื่องยนต์ เริ่มจากรุ่น 280SL V6 2.8 ลิตร 204 แรงม้าในรุ่นต่ำสุด ไปจนถึง 600SL V12 6.0 ลิตร 389 แรงม้าในรุ่นสูงสุด

2001-2012
Mercedes Benz SL R230
SL R230 ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกบนสนามแข่งขันรถ Formula 1 ประจำปี 2001 ในรายการเยอรมันกรังด์ปรีซ์ที่สนาม Hockenheim รูปทรงที่ปราดเปรียวสมส่วนดูดีขึ้นในทุกมิติ ไฟหน้ากลมโตสองดวงซ้อนกันและบั้นท้ายที่กลมมน มันยาวขึ้น กว้างขึ้นและแบนเตี้ยจากแนวหลังคาโลหะแบบพับเก็บได้ ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการพับคล้ายกับรุ่น SLK หลังคาโลหะพับได้ยังช่วยทำให้การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารดีขึ้น นับเป็นครั้งแรกที่โมเดล SL นำหลังคาแบบนี้มาใช้งาน ความนิยมในตัวรถรุ่นนี้พุ่งสูงขึ้นทั้งจากสมรรถนะและรูปทรง หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2008 สปอร์ตคาร์ SL รุ่นปรับโมหรือ facelifted ก็ถูกเปิดตัวตามออกมาในงานมอเตอร์โชว์ที่เจนีวาเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 SL ได้รับการออกแบบไฟหน้าและกระจังหน้าใหม่หมด ทำให้หน้าตาของมันดูก้าวร้าวดุดันมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบของ Mercedes Benz สำหรับรถสปอร์ตตัวใหม่ ฝากระโปรงหน้ายาวกระจังหน้าติดตั้งสัญลักษณ์ดาวสามแฉก เครื่องยนต์ V63.5 ลิตร ในรุ่น 350SL มีเรี่ยวแรง 307 แรงม้า หรือ 229 กิโลวัตต์ที่ 6500 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาด 3.5 ลิตร รุ่นเก่า มีกำลังเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 แรงบิด ก็มีการปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นอีก 10 นิวตันเมตร เป็น 370 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ V6 ตัวนี้สามารถหมุนรอบขึ้นไปสูงสุดถึง 7200 รอบต่อนาที ส่วนรุ่น 500SL มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ปริมาตรความจุ 5,461 ซีซี มีม้าท่วมๆ ถึง 388 ตัวกับแรงบิด 530 นิวตันเมตร ที่ 2,800-4,800 รอบต่อนาที หากยังไม่สะใจ ยังมีตัวแรงรุ่น SL 65 AMG Black Series ให้เลือกสำหรับพวกบ้าพลัง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 Bi-Turbo ปริมาตรความจุ 5,980 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผันสี่ตัว พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ มีม้าล้นคอกถึง 670 แรงม้า และแรงบิดระดับนรกแตก 1000 นิวตันเมตร ที่ 2,200-4,200 รอบต่อนาที แต่หลังคาในรุ่น Black Series ไม่สามารถพับเก็บได้และเป็นหลังคาแบบ Coupe เหมาะกับแรงบิดระดับมโหฬาร ที่กระทำกับโครงสร้างของตัวถังมากกว่าหลังคาแบบพับเก็บได้

2012
Mercedes Benz SL R231
ส่วน ผสมที่ลงตัวของ SLK บวก SLS AMG ก่อกำเนิดทายาทแห่งจักรกลสปอร์ตเปิดหลังคาคันล่าสุดรหัส R231 มันมีมิติที่โตขึ้นทั้งความยาวที่เพิ่มขึ้น 5 เซนติเมตร กว้างขึ้นอีก 5.7 เซนติเมตร แต่มีน้ำหนักลดลง 140 กิโลกรัม จากการใช้โครงแซสซีส์ทำด้วยอะลูมินัมอัลลอยทั้งหมด ทรงตัวถังกลับคืนสู่ยุคที่เคยรุ่งโรจน์ในสนามแข่งขัน ด้วยแนวฝากระโปรงหน้าที่ยาวคล้ายกับ SLK ทั้งสันมุมบนฝากระโปรง และช่องระบายอากาศทั้งสองที่ใกล้กับแนวกระจกบังลมหน้า เส้นขอบและสันมุมต่างๆ รอบคัน สื่อให้เห็นถึงพลังของการขับเคลื่อนที่ไม่มีการลดราวาศอกให้กับเหล่ารถ สปอร์ตคู่แข่ง ทั้ง New Series-6 Cabriolet และ Porsche 911 4S Convertible อะลูมิเนียมที่เป็นส่วนประกอบหลักของตัวถังกว่า 89% ทำให้มันมีน้ำหนักเบากว่าโครงสร้างเหล็กแบบเก่าถึง 110 กิโลกรัม ทนทานต่อแรงบิดตัวที่เข้ามากระทำ 19,400 นิวตันเมตรต่อ 1 องศา นับว่าเป็นโครงรถสปอร์ตที่แข็งแกร่งสุดๆ จากเทคโนโลยีการหล่อหลอมโลหะพวกอัลลอย แล้วปั๊มขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีไฮโดรฟอร์มของวิศวกรจากเยอรมนีในสำนักงาน Mercedes Benz

รถ SL รุ่นล่าสุดเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี ก้านใบปัดน้ำฝนแบบ Magic Vision ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ท่ามกลางสายฝนดีขึ้นจากระบบอุ่นใบปัดน้ำฝน ห้องโดยสารมีรูปแบบจำลองบรรยากาศของการขับมาจาก SLS AMG Gullwing Door แทบจะทุกมุมมอง เช่น คอนโซล หน้าปัดและอุปกรณ์พวกจอแสดงผลกับพื้นผิวและโทนสี วัสดุชั้นเลิศถูกนำเข้ามาใช้งานพวกปุ่มสวิตช์ปรับโหมดต่างๆ ที่มอบความหรูหราบนการใช้งานตามภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซุ้มเกียร์กับหัวเกียร์หุ้มหนังแบบทรงเหลี่ยมแปะตราสัญลักษณ์ SL ทำหน้าที่เชื่อมต่อเกียร์อัตโนมัติแบบ 7G-Tronic Plus ลำโพงและ Subwoofer ให้กำลังจากแอมป์ขนาด 600 วัตต์ ระบบเสียงที่สมบูรณ์ของ Harman Kardon Surround Sound มุมมองที่งดงามของนาฬิกาบนคอนโซลแบบ Chronometer มีดีไซน์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว (คล้ายกับนาฬิกาในรถรุ่น SLK250)

All New SL R231 รุ่น 500SL วางเครื่องยนต์เบนซิน V8 ปริมาตรความจุ 4.7 ลิตร รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกำลัง 320 กิโลวัตต์ ให้แรงบิด 700 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลงจากเครื่อง V8 ตัวเก่า 22% เป็นผลจากฟังก์ชั่น Start-Stop ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน อ้ตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ใน 4.6 วินาที เร็วพอๆ กับซุปเปอร์คาร์บางรุ่น ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดตามกฎหมายที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากปลดล็อกกล่องควบคุม เจ้า 500SL R231 คันที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วปลายคันเร่งได้กว่า 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว สปอร์ต 500SL R231 มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมืองเฉลี่ย 12.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนอกเมืองที่ 7.1 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ค่าไอเสีย 214 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ระบบกันสะเทือนแบบใหม่พัฒนาโดยวิศวกรของ Benz มีชื่อว่า Active Body Control - ABC ช่วยซับแรงกระแทกเมื่อต้องวิ่งผ่านสภาพทางที่ไม่เรียบ จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากการออกแบบ รวมถึงค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานอากาศที่ 0.29 ทำให้ให้เกิดความเสถียรเมื่อวิ่งที่ย่านความเร็วสูง

ระบบ บังคับทิศทางแบบ Direct Steer กึ่งไฟฟ้ากึ่งกลไก สอดประสานการควบคุมในทุกระดับความเร็วและการหักเลี้ยวบนทางโค้ง ระบบจะปรับน้ำหนักของพวงมาลัยไฟฟ้าให้มีความสอดคล้องกับสภาพเส้นทางและความ เร็ว รวมถึงองศาของพวงมาลัยไปตลอดการขับขี่ ส่งผลดีกับความคล่องแคล่วปราดเปรียวและกระชับในเส้นทางที่อุดมไปด้วยทางโค้ง ส่งมอบเสถียรภาพของการทรงตัวที่ดี ทั้งยังง่ายต่อการหมุนพวงมาลัยเพื่อเข้าจอดในพื้นที่คับแคบอีกด้วย ส่วนระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มีให้มามากเท่าที่ทีมงานพัฒนาออกแบบจะสามารถคิดและใส่มันลงไปในตัวรถรุ่นนี้ ได้ ตั้งแต่ระบบ Per Safe ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุผ่านระบบ Distronic และระบบช่วยในการจอด Active Parking Assist รวมถึงโปรแกรมที่พัฒนามาเพื่อป้องกันผู้ขับขี่หลับในอย่าง Attantion Assist ที่จะส่งสัญญาณเตือนทันทีที่ระบบสามารถตรวจจับได้ว่า ตัวรถกำลังเบนออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ.

Mercedes Benz SL500 R231 Specifications
แบบ..................................................สปอร์ต 2 ประตู 2 ที่นั่งเปิดประทุนหลังคาโลหะ
ผู้ผลิต................................................Mercedes Benz AG.
เครื่องยนต์.........................................เบนซิน V8 วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง
ปริมาตรความจุ..................................4.5 ลิตร 4,463 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด..............................10.5:1
กระบอกสูบxช่วงชัก............................92.9 มิลลิเมตร x 86.0 มิลลิเมตร
วาล์ว...................................................4 วาล์วต่อ 1 กระบอกสูบ=32 วาล์ว
กำลังสูงสุด..........................................435 แรงม้าที่ 5,850 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด.......................................700 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที
แรงม้าต่อลิตร.....................................92 แรงม้า/ลิตร
แรงม้าต่อน้ำหนัก................................240.34 แรงม้า/ตัน
อัตราเร่ง..............................................0-100 กิโลเมตรใน 4.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด....................................250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง......................................เกียร์อัตโนมัติแบบ 7G-Tronic Plus
ระบบอัดอากาศ...................................เทอร์โบแปรผันทำงานต่างรอบ 2 ตัว
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง...............................direct petrol injection
ระบบบังคับเลี้ยว..................................แรคแอนพีเนียนพร้อม EPS และระบบ Direct Steer
ระบบรองรับ.........................................มัลติลิงก์
ล้อและยาง
ล้อหน้า................................................อะลูมินัมอัลลอยลาย 5 ก้านขนาด 8½J x 18 ET35.5 ยาง 255/40/R18
ล้อหลัง.................................................อะลูมินัมอัลลอยลาย 5 ก้านขนาด 9½J x 18 ET47.5 ยาง 285/35/R18
ระบบเบรค
ด้านหน้า..............................................ดิสเบรก คาร์ลิปเปอร์ 4 พอต จานหน้าขนาด 360 มิลลิเมตร
ด้านหลัง..............................................ดิสเบรก คาร์ลิปเปอร์ 2 พอต จานหลังขนาด 320 มิลลิเมตร
มิติตัวถัง
ความกว้าง..........................................1,877 มิลลิเมตร
ความยาว............................................4,612 มิลลิเมตร
ความสูง..............................................1,315 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง..............................65 ลิตร
น้ำหนัก................................................1,785 กิโลกรัม


Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom

Create Date : 24 เมษายน 2555
Last Update : 24 เมษายน 2555 9:19:04 น.		0 comments
Counter : 1893 Pageviews.
Share Tweet