ลองขับ "อัลเมร่า" อีโคคาร์ซีดานรุ่นล่าสุดจากนิสสันที่มาพร้อมภายในอันกว้างขวางกับอัตราสิ้นเปลือง 14-15 กม./ลิตร

โดย...พิสันต์ อิทธิวัฒนกุล

หลังจากเจอปัญหาน้ำท่วมทำให้ต้องเลื่อนทริปการทดสอบจากช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นิสสันก็เดินหน้าจัดการทดสอบ นิสสัน อัลเมร่า รถยนต์อีโคคาร์ ซีดาน หรือ 4 ประตูรุ่นแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยแม้จะเป็นรถยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการใช้งานในเมือง แต่ก็เลือกเส้นทางขึ้นเขา ลงห้วย ไปตลอดจนถึงปราณบุรีเป็นเส้นทางทดสอบ เนื่องจากลูกค้าหลายคนอาจจะสงสัยว่ารถคันนี้ออกไปวิ่งต่างจังหวัดได้หรือไม่

ทั้งๆ ที่จริงๆ ถ้าขับเล่นกันอยู่ในเมือง ก็น่าจะได้สถิติต่างๆ ที่ดูสวยหรูกว่า เพราะ อัลเมร่า นั้นถือว่าเป็นรถที่ติดตั้งระบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับรถยนต์ใช้งานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ซีวีทีหรือระบบไอเดิลสต็อป แต่ก็ดีครับ ออกมาขับทางไกลกันให้หายสงสัยกันไปเลยว่ารถเล็กขับทางไกลได้เหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าคนไทยซื้อรถคันเดียวใช้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว

นิสสัน อัลเมร่า เป็นรถที่ออกแบบมาโดยเน้นความคุ้มค่าของการใช้งาน แม้จะเข้าโครงการอีโคคาร์ที่ใช้เครื่องยนต์แค่ 1.2 ลิตร แต่ในแง่การออกแบบตัวรถแล้วถือว่ามีขนาดใหญ่โตเอาเรื่อง เรียกว่าเทียบกับรถยนต์กลุ่มบี-เซ็กเมนต์ อย่างฮอนด้า ซิตี้ หรือโตโยต้า วีออส ได้อย่างสบายๆ หน้าตาออกแบบมาโดยจำลองและย่อส่วนรุ่นพี่อย่าง นิสสัน เทียน่า มา ทำให้ตัวรถดูพยายามจะโอ่อ่าหรูหราอยู่พอสมควร

แต่เอาเข้าจริงๆ โดยความเห็นส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบหน้าตาของอัลเมร่าครับ อันนี้ก็ลางเนื้อชอบลางยากันไป เพราะหลายๆ คนในทริปก็ดูจะหลงรักเหลือเกิน เส้นสายของอัลเมร่าถือว่าสวย มีมัดกล้ามเล็กๆ ทั่วคัน ตัวรถแบบตีโป่ง ยกสูงด้านหน้าและไล่เส้นลาดไปทางเสาซี ทำให้ตัวรถดูเพรียวลม แต่มองเหมือนห้องโดยสารตอนหลังจะเสียพื้นที่ส่วนหัวไปเล็กน้อย

การออกแบบภายในเน้นโทนสีเข้ม มีอุปกรณ์มาตรฐานมาให้มากในสไตล์ของนิสสันอยู่แล้ว ในรุ่นรองท็อปที่ผมขับมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ วิทยุ ซีดี พร้อมปุ่มปรับเครื่องเสียงบนคอพวงมาลัยมาให้ แต่ถ้าอยากเอาให้ครบครัน จ่ายตังค์เพิ่มอีกนิดก็จะได้ระบบสมาร์ตเอนทรี พร้อมปุ่มสตาร์ต-ดับเครื่องยนต์ ติดตั้งมาให้เพิ่มเติม

ผมเปิดประตูด้านหลังของอัลเมร่า พร้อมแอบอุทานในใจ เพราะความกว้างขวางของพื้นที่นั่งด้านหลังถือว่ากว้างมากครับ กว้างกว่าบี-เซ็กเมนต์รุ่นยอดนิยมเสียด้วย แต่ก็แอบคิดว่าทีมงานเลื่อนเบาะขึ้นด้านหน้ามากเกินไป ก็เลยลองเดินไปปรับตำแหน่งการนั่งของผมที่เบาะหน้า แล้วเดินมาดูเบาะหลังอีกที ก็ยังพบว่ามีพื้นที่ให้ผมลงไปนั่งๆ กึ่งนอนที่เบาะหลังได้สบาย โดยที่เข่าไม่ชนเบาะด้านหน้า

จะมีข้อเสียเล็กๆ ก็คือตัวเบาะเองไม่ค่อยรับน้ำหนักเท่าที่ควร และเบาะด้านหลังดูสั้นไปเล็กน้อย ไม่รับมาถึงช่วงเข่า ทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าพอสมควรหากเดินทางไกล ขณะที่พื้นที่เฮดรูมด้านหน้าไม่มีปัญหาครับ แต่ด้านหลังนี่ถือว่าต้องคิดหนัก หากเป็นคนตัวสูงๆ ที่คิดจะเดินเข้าไปนั่งที่ห้องโดยสารหลัง อาจจะต้องขยับจัดท่าทางไม่ให้หัวชนสักนิด

กระโดดขึ้นประจำตำแหน่งขับขี่ ปรับตำแหน่งกระจกรอบตัวได้แบบไม่มีปัญหาครับ ระยะการวางตำแหน่งของอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ถือว่าอยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ปุ่มกดมีขนาดใหญ่พอให้กดได้แบบเหลือบตามองนิดเดียว เบาะที่นั่งไม่ค่อยสบายครับ ทั้งสำหรับคนตัวใหญ่แบบผมและคนตัวเล็กหน่อยแบบเพื่อนร่วมทางผม ก็รู้สึกตรงกันว่าไม่สบายเท่าไร

เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ทำงานได้ตามมาตรฐานในช่วงของการออกตัวครับ คือไม่ได้รู้สึกว่าดีเด่นหรือมีจุดด้อยอะไร |น้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นมาจากมาร์ชประมาณ 60 กิโลกรัมนั้น ถือว่าไม่ส่งผลอะไรในเชิงลบต่อการขับขี่ เครื่องยนต์สามารถลากรถให้วิ่งออกไปได้อย่างไม่อืดอาด และความเร็วไหลลื่นต่อเนื่องไปถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไม่มีปัญหา

ในเรื่องของการเร่งแซงที่ความเร็วประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ดี แต่ดูเหมือนในการเร่งแซงจะต้องเค้นกำลังออกจากเครื่องสักเล็กน้อยครับ เสียงเครื่องยนต์อาจจะดูโหยหวนสักเล็กน้อยที่ระดับรอบเกิน 5,000 รอบต่อนาที แต่ก็ยังสามารถวิ่งไปเรื่อยๆ จนทำความเร็วเหนือกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ด้วยรอบที่ไปนิ่งอยู่ที่ 6,500 รอบต่อนาที

เกียร์ซีวีที ก็ยังเป็นอะไรที่ต้องทำความเข้าใจกันอยู่ดีครับ โดยเฉพาะที่รอบสูงๆ นี่ พอปล่อยก็รอบตก กดก็วิ่งจี๋เหมือนเดิม ใครที่ไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบเลย แต่ที่ความเร็วปานกลางไม่ค่อยมีปัญหานะครับ แถมข้อดีคือเนื่องจากแพลตฟอร์มและตัวรถ|ค่อนข้างใหญ่ ทำให้การจัดวางช่วงล่างทำได้นุ่มสบายกว่ามาร์ช แม้ในภาพรวมการขับขี่อาจจะไม่สนุกเท่าก็ตาม

กับสนนราคา 4.29-5.99 แสนบาท ถามโดยภาพรวมก็ต้องถือว่าเป็นรถยนต์ที่ให้ความคุ้มค่าในการเป็นอีโคคาร์ที่ ดีครับ ขนาดตัวถังไม่เป็นรองบี-เซ็กเมนต์ เครื่องยนต์อาจจะขับสนุกไม่เท่า แต่เชื่อเถอะว่าเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของอีโคคาร์อย่างแน่นอน

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้น ดูจากมาตรวัดคอมพิวเตอร์ ในช่วงที่ทำการทดสอบขึ้นเขาลงห้วยนั้น ไมล์โชว์อยู่ประมาณ 12 กม./ลิตรครับ แต่ช่วงขับบนถนนปกติ ความเร็วเฉี่ยวๆ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาตรวัดแสดงอัตราการสิ้นเปลืองประมาณ 14-15 กม./ลิตร ถือว่าไม่เลวร้ายและยอมรับได้สำหรับอัลเมร่า

ถ้าอยากได้อีโคคาร์ไซส์ใหญ่ ก็ลองไปดูคันนี้ด้วยก็แล้วกัน!!!

Create Date : 19 ธันวาคม 2554
Last Update : 19 ธันวาคม 2554 8:46:51 น.		0 comments
Counter : 2599 Pageviews.
Share Tweet