Love is All Around.
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ลองขับ เลกซัส GS 250

สัปดาห์นี้ ขอพาท่านผู้อ่านโลดแล่นไปกับยนตรกรรมหรูๆ อย่าง โตโยต้า เลกซัส GS 250 กันเสียหน่อยดีกว่า ว่าจะเลิศหรู สมกับแบรนด์ เลกซัส หรือเปล่า

โดย...นิธิ ท้วมประถม

เลกซัส GS 250

จะว่าไปแล้ว เจ้าเลกซัส ในตระกูล GS นี้ถือว่าเป็นโฉมใหม่ล่าสุด ที่มีคำจำกัดความว่า “The Mark of Supremacy” ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของเลกซัส GS ซึ่งเล็กซัส GS นั้นเป็นรถในแบบซีดาน หรือรถ 4 ประตู ที่เน้นความเป็นสปอร์ต ขับขี่สนุก แต่ต้องเต็มไปด้วยความหรูหรา ตามสไตล์ของเลกซัส

จะว่าไปแล้ว รถยนต์เล็กซัส ในตลาดเมืองไทย ก็ได้รับความนิยมจากบรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักไม่น้อยทีเดียว เห็นได้จากยอดขายปีที่แล้วที่ทำได้ถึง 622 คัน เติบโตมากถึง 185% เมื่อเทียบกับยอดขายเมื่อปี 53 แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า “พระเอก” ของเลกซัส เมื่อปีที่แล้วคือ เลกซัส CT200h นั่นเอง
ส่วนในปีนี้ความร้อนแรงของ เลกซัส CT200h ก็ไม่ได้ลดน้อยลงเท่าไหร่ แต่โตโยต้า เองก็ต้องมี “ของใหม่” ลงมาให้วงการไฮโซ ได้ตื่นเต้นเล่นเสียหน่อย
นั่นก็คือการเปิดตัว เลกซัส ในตระกูล GS ถึง 3 รุ่นคือ รุ่น 250 ,350 และ พี่ใหญ่อย่าง 450h (ไฮบริด) นั่นเอง

ผมเองนั้นมีโอกาสได้ลองขับ น้องเล็กคนสุดท้องของ เลกซัสGS นั่นคือ รุ่น 250 ครับ เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นรุ่นที่หลายคนกำลังมองอยู่ เนื่องจากราคาค่าตัวที่ 4.59 ล้านบาท สำหรับรุ่น ลักซัวรี่ และ 4.99 สำหรับรุ่น F-SPORT พร้อมมูนรูฟ ก็ทำให้หลายคนมองได้เหมือนกัน

หน้าตาของ เลกซัส GS 250 นั้นบอกได้คำเดียวว่า ดูแล้วน้ำลายไหล รถอะไรเท่จริงๆ งามมากครับ ให้ความรู้สึกถึงความสปอร์ต และหรูหรา ไปในตัว ดูดุจริงๆ

ความโดดเด่นของหน้าตาเจ้า เลกซัส GS 250 ใหม่นี้ส่วนหนึ่งมาจากกระจังหน้าใหม่แบบ “Spindle Grill” ที่ถือเป็นการสะท้อนเอกลักษณ์ใหม่ของเลกซัส ไฟหน้ามาพร้อมกับไฟ Daytime Running Light ทรง L-Shape ที่ทำให้คุณเท่ ได้แม้ว่าจะขับในเวลากลางวัน

และที่ผมชอบอีกอย่างคือ แนวขอบประตูแบบ silling shot ที่ช่วยให้การเข้าออกห้องโดยสารทำได้ง่ายขึ้น ไม่เหมือนกับรูปร่างที่เป็นเหมือนรถสปอร์ต แล้วจะต้องมุดเข้ามุดออกตัวรถ

เปิดประตูห้องโดยสารเข้าไปก็ต้องบอกว่า แพรวพราวตาเหลือเกิน อุปกรณ์ภายในต้องบอกว่าเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์มากกว่าเป็นอุปกรณ์ภายในรถ โดยเฉพาะจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางนั้นใหญ่โตอลังการเหลือเกิน เพราะมีขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ถือว่าใหญ่ที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งจอนี้จะแสดงผลทั้งระบบนำทาง (เนวิเกเตอร์) จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ วิทยุ และโทรศัพท์ด้วย

จอดูเท่มากครับ แต่น่าเสียดายคือการควบคุมระบบพวกนี้ครับ เพราะแป้นควบคุมนี้ใช้ระบบ Remote Touch Intreface (RTI) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ควบคุมการทำงานฟังก์ชั่นต่างๆ ด้วยแป้นแบนๆ รูปทรง 4 เหลี่ยม ซึ่งอยู่ด้านซ้ายข้างๆ คันเกียร์ ซึ่งเราต้องใช้นิ้วเลื่อนไปเลื่อนมาแบบเคอร์เซอร์ คอมพิวเตอร์ ครับ ซึ่งส่วนตัวผมแล้วต้องขอฝึกหน่อยครับ ยังไม่ชำนาญเลยไม่ค่อยถนัด เลยรู้สึกว่าใช้งานยากพอสมควร ไม่ชอบ ไม่ชอบ

นอกนั้นไม่มีปัญหาครับ ลองกดโน่นกดนี่ ปรับโน่นนิดนี่หน่อย ก็คุ้นแล้วครับ ไม่ซับซ้อนอะไรมากนักสบายๆ

อีกมุมภายใน เท่ๆ

เข้าไปนั่งในห้องโดยสารของ เลกซัส GS 250 สบายจริงๆ กว้างเหมือนกันแฮ่ะทั้งๆที่ดูจากภายนอกแล้วคิดว่าเจ้า เลกซัส GS 250 จะค่อนข้างเล็ก เพราะดูสปอร์ตเหลือเกิน แต่เมื่อเข้ามาในห้องโดยสารแล้วไม่เล็กเลยครับ แม้ว่าความรู้สึกจะดูแคบๆ จากเบาะหนังสีดำ ที่ทำให้ดูทึบๆ ไปก็ตาม แต่เมื่อเข้าไปนั่งแล้วโอ่โถงไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทั้งพื้นที่เหนือศรีษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าที่สูงข้น 30 มม. ส่วนผู้โดยสารตอนหลังสูงขึ้น 20 มม.

นอกจากนี้ ยังไม่มีเสียงรบกวนอะไรเข้ามาให้รำคาญมากนัก เก็บเสียงดีมาก แถมเครื่องเสียงของเจ้านี่สุดยอดจริงๆ เสียงใสนิ้งๆ กับลำโพง 13 ตัว ที่ใส่มาเรียกว่าเพลิดเพลินกันตลอดการเดินทางไม่ว่าจะเป็นทางใกล้ ทางไกล เลยละครับ

มาลองขับกันเลยดีกว่า แน่นอนรถระดับนี้แล้ว ไม่ต้องบิดกุญแจให้เสียบุคลิก กดปุ่มสตาร์ทแบบเท่ๆ ได้ เสียงเครื่อง 2.5 ลิตร แบบ 4GR-FSE 2.5L V6 DOHC VVT-I ครางเบาๆ ออกมาแล้วครับ โหมดการขับขี่แรกของผมกับเจ้า เลกซัส GS 250 นี้คือโหมด ECO หรือโหมดประหยัด ที่ทำให้การขับขี่ค่อนข้างจะสบายๆ แบบไปเรื่อยๆ

พวงมาลัยเบาสบายมือดีครับ ไม่ต้องออกแรงมากมายอะไรกับการหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเลนไปมา ไม่หน่วงมือเหมือนกับรถยุโรป อย่างบีเอ็มดับเบิลยู หรือ เมอร์เซเดส เบนซ์ ซึ่งน่าจะเป็นที่ถูกใจคอรถยนต์เมืองไทย ที่ชอบขับแบบสบายๆ อัตราเร่งในโหมดนี้ ชิล ชิล ครับ พอไปได้แต่ไม่หนักแน่นเท่าไหร่ เรียกได้ว่ามีบุคลิกของความเป็นผู้ดี อยู่สูงไม่น้อยทีเดียว

ลองกดคันเร่งหนัก รถก็ไม่พุ่งไปแบบกระโชกโฮกฮากอะไร แต่เข็มความเร็วก็ขึ้นไปแบบเนียนๆ ครับไม่ต้องกลัวว่าจะเร่งแซง ไม่พ้นหรือไม่ทันใจ เหลือเฟือครับ

พอเริ่มจะคุ้นเคยกับตัวรถสักพัก ผมเริ่มอยากรู้แล้วว่าม้าทั้ง 207 ตัวของ เลกซัส GS 250 จะเป็นม้าหนุ่มหรือม้าแก่ ก็เลยต้องขอปรับโหมดการขับเป็นโหมด Sport S+ ด้วยการเอื้อมมือมาที่คอนโซลกลาง ที่มีปุ่มทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ใต้คันเกียร์ แล้วหมุนมาทางขวา 2 คลิ๊ก โหมดการขับขี่จะปรับเป็นโหมดสปอร์ต ที่มีบุคลิกดุดันทันที

เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลแอลซีดี ที่ปรับสีเป็นสีแดง สร้างความรู้สึกคึกคักให้กับผู้ขับขี่ขึ้นมาทันที แถมด้วยเข็มขัดนิรภัยจะดึงกลับให้กระชับขึ้นไปอีก เหมือนเป็นการเตือนว่า

"เฮ้ยๆ..... กำลังจะซิ่งแล้วน่ะเฟ้ยยยย"

ขณะที่เครื่องยนต์ก็จะเปลี่ยนสไตล์เป็นดุดดันทันที รอบเครื่องยนต์ถูกดันขึ้นไปอยู่ในรอบสูงทันที เพื่อเรียกแรงบิดให้ออกมาเต็มที่
นอก จากรอบเครื่องที่ดีดสูงขึ้นมาแล้ว พวงมาลัย ก็หนักขึ้นมาทันตาเห็น รวมถึงช่วงล่างที่ถูกปรับให้เป็นสปอร์ตมากขึ้น นั้นคือกระด้างมากขึ้น แต่ก็แลกกับความหนึบของช่วงล่าง

เรียกได้ว่า ตอนที่ผมปรับโหมดเป็นโหมดสปอร์ต ม้าทั้ง 207 ตัว ถูกเรียกใช้งานอย่างเต็มที่ และไม่แสดงอาการขี้เกียจให้เห็น รอบเครื่องยนต์ถูกลากไปเกือบ 7,000 รอบต่อนาที ถึงจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ที่สูงขึ้น สนุกครับ บอกได้เลยกับความรู้สึกที่โลดแล่นไปกับยนตรกรรม ที่ “เอาอยู่” จริงๆ

ไม่น่าเชื่อครับว่า เลกซัส GS 250 จะมี 2 บุคลิก ทั้งบุคลิก เรียบร้อยนุ่มลึก และ บุคลิก ที่แสนเร้าใจได้ เพียงแค่หมุนปลายนิ้วเท่านั้น

ชอบครับชอบ แต่ราคาเกินเอื้อมอย่างนี้ เห็นทีได้แค่ฝันเท่านั้นละครับ ที่จะได้ครอบครอง!!


Posttoday




Create Date : 03 พฤษภาคม 2555
Last Update : 3 พฤษภาคม 2555 9:06:25 น. 1 comments
Counter : 2863 Pageviews.

 
รถสวย น่าขับ นะครับ


โดย: **mp5** วันที่: 3 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:41:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poprockcool
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




พื้นที่โฆษณาพิเศษ
Friends' blogs
[Add poprockcool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.