|
|||||
ทางสายกลาง "ทางสายกลาง" ในที่นี้ก็เกี่ยวกับความพยายามในการลดน้ำหนักของตัวเอง ก็เอาประสบการณ์ตรงมาเล่ากันเลยทีเดียว ขอเล่าที่ผ่านมาแล้วลดสำเร็จ แต่มิใช่ทางสายกลาง จิงๆ ก็มีหลายวิธี แต่สำหรับตัวเอง คือ F5 F 5 ทานในเวลาที่จำกัด นอกเวลางด ทุกอย่าง ตามหลักการนี้คือ นอกเวลาที่จำกัดไม่รับประทาน จะทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง "อินซูลิน" จะลด เจ้าตัวนี้ มีหน้าที่ ป้องกันการใช้พลังงานด้วยนะ พอลดลง การป้องกันก็ลดลงด้วย ร่างกายจึงเริ่มดึงพลังงานสะสมมาใช้ ในช่วงนอกเวลา หรือช่วงอดอาหารนั่นเอง อินซูลิน จะหลั่ง ต่อเมื่อร่างกายได้รับพลังงานที่เรียกว่า "คาร์โบไฮเดรต" หรือแป้ง ถ้าลดแป้ง ก็ลดอินซูลิน ... คนที่ทานหวาน หรืออาหารชนิดแป้งมาก จะทำให้อินซูลินในเลือดสูง ทุกสำนัก บอกว่า "ให้ลดแป้ง" ส่วนนึงมาจากเหตุผลว่า อินซูลินในเลือดสูงเมื่อไร ว่าง่ายๆ จะทำให้หิวง่าย หิวเรื่อยๆ อยากเรื่อยๆ แล้วก็อยากหวานขึ้นเรื่อย จะกระตุ้นร่างกายให้หาหวานๆ แล้วจะรู้สึกดี แล้วก็อ้วนขึ้นด้วย สังเกตุ ใครที่ควบคุมแป้ง ได้สักพัก จะไม่ค่อยหิว ร่างกายเริ่มปรับแล้วจะไม่ค่อยหิวง่าย ทำให้การลดน้ำหนักเริ่มเห็นผลมากขึ้น ควบคู้กับการออกกำลังกาย ก็จะเห็นผลได้ดี .... แต่ก็คงไม่ใช่ งด หรืออดไปก่อน ถ้าเป้นการงดเฉพาะกิจ ก็ต้องลดเฉพาะกิจ ..... F 5 ก็ใช้หลักงาน เกี่ยวกับอินซูลิน ในช่วงไม่กิน 19 ชม. จึงเห็นผลผอมเร็วดี .. แล้วมีคำถาม ... เหมือนพระเลย .. ทานเช้า กะเที่ยง ... บางคนไม่เหมือน เพราะเลือกเวลา ทาน 5 ชม. หรือ 17.00 -22.00 เพราะเป็นคนนอนดึก เราเลือกเวลาเหมือนพระ ตอนแรก (ประมาณ ปีกว่า) ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็น ห้าชม. เย็น ก็ไม่ลด แถมอ้วนขึ้น เห่อๆๆ กินแล้วนอน แถม ร่างกายไม่เคยรับพลังงานช่วงเย็น พอมาเปลี่ยนก็ อ้วนขึ้น เพราะไม่เผาพลาญ ต้องรอปรับตัว แล้วใครจะรอหล่ะ อ้วนขึ้นกว่าเดิมอีก ก็กลับมาเป็นพระใหม่ กลุ้ม ..... วิธีที่ผ่านมา ทำให้ผอมได้ แต่ก็มีข้อจำกัด และเชื่อว่าทุกวิธีก็มีข้อจำกัด วันก่อน เราตอบตัวเองว่ารับได้ แต่วันนี้ เราตอบแบบนั้นไม่ได้แล้ว เราจึงต้องรับสภาพ ... ...เราและคนอ้วนทุกคน ชอบรับประทาน แล้วก็รับประทานเยอะ หรือเรื่อยๆ เป็นอะไรที่เฉพาะจิงๆ ยิ่งขนม ยิ่งช๊อบๆๆๆ ... F5 ทำให้เราผอม หรือวิธีสารพัดจะทำให้เราผอม แต่ไม่ได้เปลี่ยนเรา ... ทางสายกลาง ... จะเปลี่ยนเราได้ พระพุทธเจ้าสอนไว้ เราเอามาปรับใช้ ... ทานได้ แต่พอดี .... ออกกำลังกาย แต่พอดี... ความพยายามให้ "พอดี" คือ การมีสติ ไม่ตึง ไม่หย่อน วันไหน ช่วงไหน ไม่กิน ก็ไม่กินนนนนนน = ตึง วันไหน เผลอ ก็ กินนนนน = หย่อน ช่วงขยัน ก็ออกกำลังงงงง = ตึง ช่วงไหน ขึ้เกียจ บวกข้ออ้าง = หย่อน อันนี้ไม่กินนนน กินแต่อันนี้ =ตึง อันนี้กินไม่อ้วน อยู่ในโปรแกรม = หย่อน ทางสายกลาง จะฝึกเราไปเรื่อยๆๆ ลดบ้าง เพิ่มบ้าง ก็เรื่อยๆ สุดท้ายที่ปลายทาง คือหนทางแห่งการมีสุขภาพที่สมดุลย์ แข็งแรง ทั้งกาย และต้องรวมใจเราด้วย ผ่านมาของเรา ผอม และมีความสุขกับรูปร่างใหม่ กับคำชื่มชมของคนรอบข้าง ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก แต่จิงๆ ภายใน ยังไม่เปลี่ยน เพราะยังอยู่ในวิธีการ F5 ผอมด้วยวิธี แต่เราไม่เปลี่ยน F5 ยังครอบเราเอาไว้ ย้อนนิดส์ ในเวลา F5 จะกินได้สบายๆ เรากินทุกอย่าง ขนมเค้ก กินแป้งเยอะเลย ทุกอย่าง แต่นอกเวลาไม่กินเลยนะ คำเดียวก็ไม่แตะ ถามว่าเราเปลี่ยนไม๊ ตอบได้เลย .... ไม่...... การเวลาเปลี่ยนไป ปัจจัยภายนอกก็เริ่มเปลี่ยน อยากจะรักษา F5 ให้เหนียวแน่น ก็ทำไม่ได้ แต่ปัจจัยภายในเหมือนเดิม ...ในเวลาไม่กี่เดือน ขึ้นเป็น โลๆๆ นี่ออกกำลังกายตลอดนะ .... ... เริ่มใช้เวลากับทางสายกลาง แบบ ทุลักทุเลมาก เพราะเรากินเยอะ ถ้าได้กิน เวลาไม่กิน ก็ไม่กินก็ได้ ซึงมันไม่ใช่วิธีที่ถูก เคยลองทำตามสูตรคนอื่น สารพัด ก็คงเข้า กรอบเดิม เอาวิธีการมาครอบความเป็นเราไว้ .... ตอนนี้เราค่อนข้างปรับตัวได้บ้างแล้ว เราเชื่อในความพอดี ซึ่งจะสอนเราไปเรื่อยๆ กินได้ แต่พอดี .... ความในใจ แบบนี้ เราก็คิด ๆ ออกมาเป็นตัวหนังสือ เผื่อคนอื่นบ้าง ไม่ต้องเชื่อ ถ้าวิธีการลดของคุณยังทำให้คุณผอมได้ แต่ลองถามว่า "พอดี"ไม๊ สิ่งที่จะสามารถทำได้ตลอดชีวิต ต้องมีเรื่องความเชื่อทางพุทธศาสนา เรื่องศีลธรรม เงื่อนไขเรื่องสุขภาพ เป็นแนวทางหลักเช่น " เชื่อเรื่อง บุญ กรรม" มีจริง เช่น ละเว้นเนื้อสัตว์ เป็นมังสวิรัต อันนี้ส่วนใหญ่ ก็ไม่กินตลอดชีวิต หลายคน มีให้เห็น " เรื่องสุขภาพ " เป็นเก๊า กินแล้วอาการกำเริบ แต่ก็ไม่รอด บางคนก็เผลอ เบาหวาน ก็ทำไม่ค่อยได้ก็เยอะ เรื่องออกกำลังกาย อีกอย่าง ถ้าเน้นเรื่องสุขภาพ เห็นทำกันตลอดชีวิต น้อยบ้างมากบ้าง สลับกัน เพราะของเคย แต่ออกกำลังหนักๆ แบบนักกีฬา แบบ อยากผอม อยากเอาชนะ สุดท้ายสังขาร ก็เปลี่ยน ก็ต้องลดลง เรารุ้จัก นักกีฬาหลายคน ครูแอร์โรบิค ตอนนี้ไปเป็นโค้ดแล้ว ครูแอร์โรบิค ก็หัวเข่า ไปก่อน เต้นแรงไม่ได้แล้ว พวกยกเหล็ก ก็มีอาการที่กระดูกหลัง ยกหนักๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ไม่รวมพวกที่บาดเจ็บ ก้ต้องเลิกกันไปเลย ครูโยคะ ก็มาเขียนหนังสือขาย สอนหนักก็ไม่ไหว มาเปิดโรงเรียนโยคะ สอนครู ให้สอนแทนอีกที ครูโยคะ ต้องทำโยคะทั้งวัน พูดด้วยทำท่าโยคะด้วย ไม่เรียกว่าการออกกำลังกายแล้ว เรียกว่า พวกใช้แรงงาน (อันนี้ เขียนเอง แต่รู้สึกโดน จังๆๆ) ... เขียนเพื่อเตือนตัวเองด้วยนะ บางครั้งเราก็อยากเอาน้ำหนักที่เราเคยทำได้กลับมา คือ 64 ซึ่งไม่ได้สวยไร แต่เราก็เคยทำได้ ตอนนี้ทำไม่ได้สักที ก็นึกๆ ๆๆ อยากผอม วิธีการใด เอามาใช้ สารพัด ฯลฯ ... ทางสายกลาง... จะช่วยให้เราสำเร็จแล้วไม่กลับมาอ้วนอีก แล้วไม่ต้องมานั่งกัว โย่ๆๆๆๆ อีก ความสำเร็จข้างหน้าต้องนุ่ม เบา ไม่หนักใจ เราเชื่ออย่างนั้นจิงๆ เป็นกำลังใจเหมือนเดิมค่ะพี่ สู้ ๆ ค่ะ
โดย: jrom วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:17:39 น.
เห็นด้วยนะคะ เดินสายกลางค่ะ ปลาเองครบ 1 ปีก็จะปรับทานแบบสุขภาพค่ะ วางแผนไว้แล้วล่ะ แต่ตอนนี้ต้องให้ครบเวลาก่อน
โดย: peepa2009 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:15:02:36 น.
|
kaikamja
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
Group Blog
All Blog Friends Blog
Link |
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |