|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฉะ..แฉ..ฉาว
ที่มา : ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ
"หนุ่มเมืองจันท์"
มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1353
........................
ฉะ แฉ ฉาว
นานปีทีหนที่ผมจะอ่านหนังสือจบรวดเดียว
และนานยิ่งกว่านานที่ผมจะอ่านหนังสือหนา 400 กว่าหน้าจบ
และนานยิ่งกว่าน้าน-นาน ที่ผมจะอ่านหนังสือหนา 400 กว่าหน้าจบรวดเดียว
เพราะความตกใจทำให้ผมต้องเปลี่ยนมาเขียนเรื่องนี้
ทั้งที่เขียนเรื่อง "อะคาเดมี่ แฟนตาเซีย" หรือ AF 3 ไปได้เยอะพอสมควรแล้ว
แต่พอน้องที่สำนักพิมพ์มติชนนำหนังสือใหม่ 6-7 เล่มมาวางบนโต๊ะทำงาน ผมก็อดพลิกดูเล่นๆ ไม่ได้
เล่มอื่นๆ นั้นพลิกผ่าน กะว่าจะอ่านวันหลัง
แต่พอถึง "ฉะ แฉ ฉาว นักการเมืองไทย" ของทีมข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์มติชน
ปรากฏการณ์ที่น่าตกใจก็บังเกิดขึ้น
ผมพลิกอ่านไปเรื่อยๆ จนหนังสือหนา 400 กว่าหน้าหายวับไปกับตา
ขอโทษครับ แวะพักเข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง
ความมันไม่เคยปราณีใครจริงๆ
เห็นชื่อหนังสือมีคำว่า "แฉ" อย่าคิดว่าเป็นเรื่องบนเตียง-ใต้สะดือของนักการเมืองนะครับ
หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทยจากคำบอกเล่า
แต่บังเอิญที่คนเล่าแต่ละคนเป็นคนสำคัญในแต่ละช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ปฏิวัติ 1-3 เมษายน การยึดอำนาจของ รสช. เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนถึงวินาทีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ไปชวน "ทักษิณ ชินวัตร" เข้าสู่เวทีการเมือง
ทุกคนจะเล่าทุกฉากตอนตามกรอบประสบการณ์ของแต่ละคน
บางเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
ที่สนุกที่สุดคือตอนที่ "อาทิตย์ อุไรรัตน์" ประธานรัฐสภาเสนอชื่อ "อานันท์ ปันยารชุน" เป็นนายกรัฐมนตรี
ในขณะที่ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ แต่งชุดขาวรออยู่ที่บ้าน
คำบอกเล่าของ "อาทิตย์" และ "สมบุญ" มีแง่มุมที่แตกต่างกัน
เหมือนหนังเรื่อง "ราโชมอน" เลยครับ
แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ละคนก็เล่าไม่เหมือนกัน
เล่าตามมุมมอง หรือสิ่งที่ตนเองพบเห็น
หรือเบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ 1-3 เมษายน ที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เป็น "กบฏ" เพราะโดน "เพื่อนรัก" ที่ชื่อ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร หลอก
นาทีเด็ดหัว "ก๊อดส์อาร์มี่" จากปากคำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
หนังสือเล่มนี้โดดเด่นมากตรงลีลาการเขียนแบบนักหนังสือพิมพ์
เดินเรื่องเร็ว และไม่น่าเบื่อ
"ความอยากรู้" อาจเป็นตัวดึงให้ผมพลิกหนังสือเล่มนี้อย่างกระหายหิว
แต่สำนวนที่ไม่น่าเบื่อทำให้การอ่านเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งจบเล่มโดยไม่รู้ตัว
ที่ผมชอบที่สุดในเล่มก็คือเรื่อง "วิษณุ เครืองาม" ผู้สัมผัสชีวิต 7 นายกฯ 9 รัฐบาล
เป็นบทสัมภาษณ์ตอนที่ยังเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ยังไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
และยังไม่ได้ลาออก
เขาเล่าถึงประสบการณ์ที่ทำงานกับนายกฯ แต่ละคน
ที่ละเอียดที่สุดคือการทำงานกับ "บรรหาร ศิลปอาชา"
ครั้งแรกที่เจอกัน คือ ตอนที่ "วิษณุ" เข้าไปขอบคุณ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้นที่แต่งตั้งเขาเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ชาติชาย แนะนำ "วิษณุ" ให้ "บรรหาร" รู้จัก
"อาจารย์วิษณุเขามาช่วยเรา"
"บรรหาร" มอง "วิษณุ" ตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ผมเจอมาเยอะแล้ว พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มาทำงานการเมือง อีกสักพักก็เปิดไป"
"วิษณุ" เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นในใจว่า "บรรหาร" ไม่น่าจะพูดกับเขาอย่างนั้นเลย
และเมื่อวันหนึ่ง "บรรหาร" ก้าวขึ้นมาเป็น"นายกรัฐมนตรี" ตอนนั้น "วิษณุ" เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว
นายกฯ คนใหม่เรียกเขาไปพบที่บ้านจรัญสนิทวงศ์เพื่อสั่งงาน พร้อมกับบอกว่า "เลขาฯ...คนในพรรคผมเขาไม่ชอบเลขาฯ นะ ดังนั้น ลองคิดดูแล้วกันว่าจะทำอย่างไร"
"รหัสนัย" ทางการเมืองแบบนี้ "วิษณุ" ตีความออกไม่ยาก
แต่ระหว่างนั้นประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก่อนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เขายังคงต้องทำงานในตำแหน่งนี้
การทำงานร่วมในช่วงนั้นโดยเฉพาะการแต่งตั้งคนเป็นรัฐมนตรีทำให้ "บรรหาร-วิษณุ" เริ่มรู้ใจกันมากขึ้น
"พระท่านว่า วิสสาสา ปรมาญาติ ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างหนึ่ง" เป็นคำคมของ "วิษณุ"
จนถึงวันนี้ "วิษณุ" รู้สึกว่า "บรรหาร" คือนายกรัฐมนตรีที่เขาสนิทที่สุด
"บรรหาร" เป็นนายกฯ ที่โทร.ตามงานตลอดเวลา
2 ทุ่มก็โทร. 5 ทุ่มก็โทร. ถ้านึกอะไรได้ตอนตี 3 ก็โทร.
และแต่ละครั้งที่โทร.มาจะมาไม่พูดเรื่องงานก่อน แต่จะถามว่าทำอะไรอยู่ ดูทีวีเรื่องอะไร สนุกไหม
นอกจากนั้นยังเป็นนายกฯ คนเดียวที่ส่งการ์ดอวยพรวันเกิดของ "วิษณุ" ทุกปีไม่เคยขาด
ครับ ความประทับใจของคนเราบางทีก็เกิดขึ้นจากรายละเอียดเล็กๆ เช่นนี้เอง
แ ต่ "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเกิดขึ้นในวันที่นาย กฯ บรรหารนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีไปถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรม าภิไธย
พอเข้าเฝ้าฯ เสร็จ "บรรหาร" เดินมาตบบ่า "วิษณุ"
"เลขาฯ ทำงานกับผมได้หรือไม่"
เขาหัวเราะแล้วบอกว่า "แหม ท่านนายกฯ ไม่มีผู้บังคับบัญชาทีไหนหรอกที่ถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่าจะทำงานด้วยได้หรือ ไม่ เพราะท่านมีอำนาจสั่ง อำนาจปกครอง และอำนาจบังคับบัญชา"
"ไม่ พูดกันอย่างลูกผู้ชายดีกว่าว่าเราทำงานกันด้วยใจได้หรือไม่ อย่าพูดถึงเรื่องหน้าที่"
"บรรหาร" เล่าว่าเมื่อสักครู่นี้ในหลวงทรงรับสั่งว่าท่านนายกฯ ข้าราชการเขาไม่ได้เป็นข้าราชการของพรรคใด หรือของนายกฯ คนใด แต่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งนั้น
ใครมาเป็นนายกฯ เขาก็ทำงานให้ มันเหมือนม้า เราเป็นคนบังคับม้า
ถ้าบังคับเป็นม้าก็เชื่อง แต่ถ้าบังคับไม่เป็น ม้าก็ไม่เชื่อ
เพราะฉะนั้น บางครั้งโทษม้าไม่ได้ ต้องโทษคนบังคับม้าด้วย
นี่คือ สิ่งที่ทรงรับสั่ง
จากนั้น "บรรหาร" ก็ถามว่า "คุณเชื่องไหม"
"ท่านบังคับม้าเป็นไหมล่ะครับ" เขาถามกลับ
"บรรหาร" หัวเราะ จากนั้นก็ไม่มีการพูดกันเรื่องนี้อีกเลย
ครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานประมาณ 10 ปีแล้ว
แต่การเปรียบเปรยเรื่อง "ม้า" กับ "คนบังคับม้า" หรือ "จ๊อกกี้"
ฟังดูคุ้นๆ คล้ายเหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ไหมครับ
นี่คือ ตัวอย่างเล็กๆ น้อยของหนังสือเล่มนี้
ขอแนะนำว่าเป็นหนังสือที่คอการเมืองไม่ควรพลาดเป็นอันขาด
..................
Create Date : 29 กรกฎาคม 2549 |
|
18 comments |
Last Update : 1 สิงหาคม 2549 0:45:27 น. |
Counter : 732 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: รักบังใบ 29 กรกฎาคม 2549 19:14:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: Q.NUH 30 กรกฎาคม 2549 0:30:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดำรงเฮฮา 30 กรกฎาคม 2549 1:52:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: zMee 31 กรกฎาคม 2549 16:20:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณหนูลมหวน (zardamon ) 11 สิงหาคม 2549 12:16:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 14 สิงหาคม 2549 17:04:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: จุนโซ IP: 203.107.142.184 12 กันยายน 2549 19:40:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: tistoo 30 ธันวาคม 2549 20:25:42 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
แพร่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
แม้วันนี้เติบใหญ่ มาได้หลายฝนแล้ว แต่ในใจก็ยังคง เผื่อพื้นที่เล็กๆ ไว้ให้เป็น "เด็กชาย"
ดังนั้น ในบางครั้ง พื้นที่บล็อกนี้ จึงมีพื้นที่ ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และในบางพื้นที่ ยังคงเก็บไว้บ้าง ให้สำหรับ "เด็กชายก้อง"
.................
เพลง Lemon Tree โดย Fools Garden
|
|
|
|
|
|
|
ได้ข่าวมาว่า พิมพ์ครั้งที่ ๑ หมดแล้วครับ
กำลังพิมพ์ครั้งที่ ๒ มาสู่ท้องตลาดอยู่อ่ะครับ
น่าอ่านมากๆ ผมอ่านแล้วล่ะ