Group Blog All Blog
|
Oohara (Ohara ในภาษาอังกฤษ) : Kyoto เมื่อวานนี้ไปแถบ Oohara ของเกียวโตมาก ถ้าเรียกว่า Oohara เฉยๆ มันจะมีอีกที่หนึ่งด้านตะวันตกของเมือง แต่ที่ไปกันนี้ หมายถึง Oohara ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง เพิ่งจะย้าย Home stay มาเมื่อสามวันก่อน ลูกชายคุณเจ้าของบ้าน (ท่านประธานคะ .. รบกวนด้วยนะคะ) ก็พาไปเที่ยว ตอนแรกที่ว่าจะไป Oohara ก็ว่าจะนั่งรถบัสไป แต่พอดีเขาว่าช่วงบ่ายพอดี ก็เลยว่า ขับรถพาไปดีกว่า เขาเองก็ยังไม่เคยไปด้วย แล้วก็ไปกับคุณ(ว่าที่)ภรรยา (กำลังจะแต่งงาน)ด้วยเลย ขับรถไปกันสามคน ใช้เวลาจาก mansion ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง Oohara เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ท่ามกลางภูเขา นั่งรถขึ้นไปก็หูอื้อเล็กน้อย แต่อากาศไม่ได้ต่างจากในเมืองเท่าไหร่ เย็นกำลังดี และก็อากาศดีมาก ![]() ![]() บ้านบางหลัง ยังมีหลังจากแบบ thatched roof อยู่เลย สวยจัง ![]() ระหว่างทางก่อนถึงวัดจะมีที่จอดรถไว้บริการมากมาย เราจอดกันตั้งแต่เริ่มทางขึ้น เพราะคิดว่าด้านบนที่ใกล้ๆคงจะไม่มีที่จอด ที่ไหนได้ มีที่จอดเหลือเฟือ แถมยังราคาใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ก่อนถึงวัด ใช้เวลาเดินประมาณ 15-20 นาที (ขึ้นเนิน) ระหว่างทางมีป้าย เขียนไว้ว่า บริเวณนี้ มีรูปสลักมากมาย ให้ลองมองหากันดูนะจ๊ะ ![]() บรรยากาศระหว่างทาง ที่นี่มีวัดที่อยู่ใกล้ๆกันหลายแห่ง แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Sanzen-in ก่อนเข้าถึงตัววัด Sanzen- in มีร้านค้ามากมาย ![]() หน้าวัด ![]() ที่นี่มีชื่อเสียงทั้งในเรื่องของสวน และตัวอาคาร (จากที่ Yamamoto sensei บอกมาก) แต่ตัวเราเอง ไม่ค่อยสันทัดเรื่องอาคารเท่าไหร่ ก็เลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีดีอย่างไร รู้แต่ว่า สวนที่นี่ สวยมากๆ คิดว่านี่คงเป็นช่วงที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่า เริ่มมีสีเขียวเต็มเกือบทุกพื้นที่แล้ว ทั้งต้นไม้ และ moss ดอกไม้ก็เริ่มบาน และที่สำคัญ sakura กำลังร่วง ลมพัด ก็ปลิวว่อนไปทั่วสวน แค่เห็นแวบแรกก็แบบว่า ... โอ้ คุ้มมากๆ เขาไปในตัวอาคาร สวนแรกที่จะเห็นคือ tsuboniwa ขนาดเล็ก ![]() เดินไปเรื่อยๆ ก็ไปถึงบริเวณที่ จัดไว้สำหรับให้คัดสอนคำสอนของพระพุทธเจ้า (ไม่มีค่าใช้จ่าย) และขายของที่ระลึก (ขายกันตั้งแต่เริ่มเลยแฮะ) ต่อจากนั้น เดินต่อไปเรื่อยๆ จะเข้าสู่ห้องแบบญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ที่มีวิวมองออกไปยังสวนได้ แต่ก็ยังเป็นสวนแบบมองดู ไม่ใช่สวน stroll garden อันที่จริง แค่ตรงนี้ก็คุ้มแล้ว ถ่ายรูปมาอาจจะดูไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ว่าของจริง สวยมาก ![]() ![]() ตรงตัวอาคาร คนเยอะ มีบางคนที่สั่ง มัตชะและขนมมากินไปก็มองสวนไป ![]() ออกจากห้องนี้เดินไปอีกหน่อย ก็จะถึงตัวอาคารที่มีพระพุทธรูปทองคำอยู่ แต่ว่าส่วนนั้นห้ามถ่ายรูปเข้าทางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปออกมาจากตัวอาคารให้เห็นสวนเท่านั้น ![]() ![]() และสวนตรงนี้แหละที่เราว่าเป็น highlight ของที่นี่ ต้นสนโบราณสูงมาก จนต้องเงยหน้าจนสุดมอง ร่วมกับสวนดอกไม้ สระน้ำเล็กๆ moss และ กลีบ sakura ร่วงหล่น ... เป็นสิ่งที่เคยคิดว่ามีแต่ในจินตนาการเท่านั้น ... ![]() ![]() ![]() สวนตรงนี้เป็นแบบ stroll garden แล้ว มีทางให้เดินไปเรื่อยๆ เดินขึ้นเขาไปอีกหน่อยก็จะเจออาคารอีกส่วนหนึ่ง ![]() ที่ด้านข้างของอาคาร มีสิ่งก่อสร้างเล็กๆ แปลกๆตั้งอยู่ มันคือ ... ![]() ![]() รูปหล่อสำริดเล็กๆที่จัดไว้สำหรับผู้บริจาค (10,000 Y) สลักชื่อ แล้วก็ติดตั้งไว้แบบเคลื่อนย้ายไม่ได้เลย ถาวรคงทนแน่นอน .. ![]() บริเวณนี้ sukara ยังพอมีเหลือให้ได้ชมกัน ![]() และยังมีลานกว้าง มีจุดนั่งดื่มชาด้วย ![]() ![]() บริเวณที่เลยจากตรงนี้ไปจะเป็นสวน stroll เรียบๆ สวนดอก Hydrangea ตอนนี้ยังไม่บาน แต่ถ้าเริ่มบาน ก็คงสวยมากทีเดียว เราเดินก็ต่อไปเรื่อยๆ มีลำธารเล็กๆ ไหลลัดเลาะส่วนต่างๆของสวน เสียงน้ำไหล ฟังแล้วรื่นหูดี ![]() ![]() ในสวน มีพระพุทธรูปสลักหินอายุ 700 ปีอยู่ด้วย ![]() อ่างล้างมือแบบนี้ ก็มีให้อยู่หลายจุด ก็เป็นน้ำจากลำธารที่ไหลมาตั้งแต่ข้างบนเนี่ยแหละ แต่ไม่ต้องกลัว เพราะว่า ลำธารที่นี่ สะอาดมากกกก ยังกะน้ำแร่แน่ะ ![]() ได้เวลาออกจาก Sanzen-in ซะแล้วสิ ![]() ออกจากวัด Sanzen-in เราก็ไปต่อกันที่ Housen-in วัดเล็กๆที่มีชื่อเรื่องสวน ที่เมื่อมองจากในตัวอาคารแล้ว เสาสองต้นของอาคาร จะทำหน้าที่เหมือนกรอบภาพ ดูแล้วเหมือนภาพวาด เป็นสวนที่เขาว่า หากนั่งลงมองแล้ว ยากแก่การลุกจากไปอย่างยิ่ง ระหว่างทางไปยัง Housen-in จะมีอาคารใหญ่ตั้งอยู่ ชื่อว่า Shorin-in แต่เรามองกันแค่ข้างนอกไม่ได้เข้าไป ![]() ![]() เดินเลี้ยวถัดจาก Shorin-in ไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ทางเข้าเล็กๆ ![]() สวนของที่นี่ มีสวนหลักที่ติดกับตัวอาคารใหญ่ มีต้น pine tree โบราณอยู่ สวนเล็กตรงทางเข้าพื้นที่วัด สวนเล็กที่ติดกับตัวอาคาร และสวนหินด้านนอกตัวอาคาร (stroll garden) เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นสวนเล็กแห่งนี้คอยต้อนรับอยู่ ![]() ก่อนเข้าตัวอาคาร มองไปด้านขวา ก็จะเห็นอาคารของ Shorin-in อยู่ในมุมพอดี ![]() เดินเข้าไปในตัวอาคาร ก็มีสวนอีกจุดหนึ่ง ตรงนี้ก็สวย ![]() แต่เข้าไปอีก จะไปยังสวนหลักของที่นี่ ซึ่งมีต้นสน Matsu no ki (Pine tree) อยู่ สนของที่นี่ แปลกกว่าที่อื่นตรงที่ สนชนิดนี้ที่อื่นใบจะแยกออกเป็น 3-4 แฉก แต่ว่าต้นนี้ ใบเป็น 5 แฉก อันนี้ฟังมาจาก sensei อีกที แต่ว่าเราเองไม่ได้เห็นใกล้ขนาดนั้น เพราะว่านี่เป็นสวนแบบนั่งมอง เข้าไปเก็บใบมาดูคงทำไม่ได้ ![]() ![]() ที่ตรงนี้ ค่าตั๋วรวมค่ามัตชะและขนมไว้ด้วยแล้ว พอเราเข้ามานั่ง เขาก็จะเอามาเสิร์ฟให้เลย โดยไม่ต้องสั่งอีก ![]() มีทั้งฝรั่งและคนญี่ปุ่นที่มา มองไปด้านขวามือ สวนตรงนี้จะเป็นต้นไม้ที่เล็กลงมาหน่อยและมีฉากหลังเป็นไผ่ ตรงส่วนนี้จะมีอ่างน้ำ ที่ว่ากันว่า เสียงจากอ่างอันนี้ไพเราะเหมือนเสียงดนตรี จะเป็นว่า เขามีไม้ยาวๆที่ตรงปลายบานๆวางไว้ใกล้ๆตรงนั้น ก็เพื่อให้หยิบมาฟังกันนั่นเอง แต่ตอนที่เราไปนั้น ไม่รู้ ก็เลยไม่ได้ลองฟัง น่าเสียดายจริงๆ ![]() ![]() เดินออกมาด้านนอกตัวอาคาร ยังมีส่วนที่เป็นสวนหินให้ได้ชมกันอีกหน่อย เดินๆ เข้าไปในสวนได้ ![]() กองกรวดเหมือนกับที่ Kamigamo jinja และที่ Ginkakuji เลย ![]() จากตรงใกล้ๆกันนี้ มองไปจะเป็นพุ่มด้านบนของต้นสนใหญ่ที่เหมือนเห็ดเลย น่ารักดี ![]() คนน้อย ค่อนข้างสงบ บรรยากาศดีมาก ออกจาก Housen-in ก็เดินชมวิวระหว่างทางอีกเล็กน้อย เริ่มเย็นพอดี ใครมีเวลาหน่อย ขอแนะนำค่ะ ในการนี้ ขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ Yamamoto family ค่ะ (Kyoto Minsai Japanese Language school และ the Palace Side Hotel, Kyoto //palacesidehotel.co.jp) |
blueschizont
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() รักญี่ปุ่น Friends Blog
|
สวยงามมากครับ อากาศดูจากภาพแล้วหายใจได้เต็มปอดเลยครับ