Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ศีลธรรมบนเขายายเที่ยง


ใครที่อ่านชื่อเรื่องแล้วคิดจะได้รับความสะใจจากการถากถางเย้ยหยัน คุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว เพราะนอกจากผมไม่ถากถางเย้ยหยันแล้ว ผมยังออกจะเห็นใจคุณสุรยุทธ์เสียด้วย เนื่องจากคิดว่าผมเข้าใจและเข้าถึงความอ่อนแอด้านนี้ของคุณสุรยุทธ์ได้ดี

และเพราะเห็นใจนี่แหละครับ ที่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แก่สังคมโดยรวม มากกว่านายกรัฐมนตรีบังเอิญไปครอบครองที่ดิน ที่หมิ่นเหม่ว่าอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นับตั้งแต่เริ่มต้น นโยบายพัฒนาของเราเจตนาจะเปิดพื้นที่ป่าสำหรับการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อเอาเงินมาสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ให้แก่ภาคเศรษฐกิจสมัยใหม่ในเมือง และเพราะเราไม่พัฒนาคนในภาคเกษตร อีกทั้งยังมีนโยบายลำเอียงเป็นอริกับภาคเกษตรตลอดมา การทำเกษตรจึงขาดทุน จนต้องถอยร่นไปเปิดพื้นที่ป่าใหม่ตลอดมาด้วย

จำนวนคนที่เข้าไปบุกรุกจับจองพื้นที่ป่าทุกประเภทมีสูงเป็นล้านครัวเรือน เกินกว่าที่รัฐจะสามารถทำอะไรได้ นอกจากปล่อยให้เกษตรกรล้มละลายเหล่านั้นใช้ประโยชน์จากที่ดินที่โดยทฤษฎีแล้วเป็นที่ดินของรัฐต่อไป โดยไม่ออกเอกสารสิทธิ์ถาวรให้ แต่ก็ยังดำเนินนโยบายลำเอียงเป็นอริกับภาคเกษตรต่อไปดังเดิม

จึงไม่แปลกอะไรที่เกษตรล้มละลายเหล่านั้นประสบการล้มละลายใหม่อีก จำเป็นต้องขายที่ดินซึ่งตัวไม่มีกรรมสิทธิ์นั้นแก่คนอื่น ในขณะเดียวกันถนนหนทางก็ตัดออกไปเพิ่มขึ้น ที่ดินเหล่านั้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้ง่ายขึ้น

ที่ดินประเภทนี้มีจำนวนมโหฬารทั้งประเทศ ที่ป่าสงวน, ที่ในเขตลุ่มน้ำชั้นหนึ่งเอ, ที่ดินในความดูแลของกรมเจ้าท่า, ที่ราชพัสดุ, ฯลฯ ซึ่งผู้ครอบครองคือคนในเมือง ซึ่งซื้อต่อมาเพื่อใช้ทำบ้านพักตากอากาศ, รีสอร์ต, ทำสวนปาล์ม, หรือแม้แต่วัด ฯลฯ และอีกจำนวนไม่น้อยก็ได้เอกสารสิทธิ์ถาวรไปแล้ว เมื่อตกอยู่ในมือของคนรวยหรือเจ้าใหญ่นายโต

(และน่าสังเกตด้วยว่า ที่ดินบนเขายายเที่ยงของท่านนายกฯ ยังไม่ได้ถูกทำให้มีเอกสารสิทธิ์ถาวร แม้ว่าผู้ครอบครองเคยเป็นแม่ทัพภาค 2, ผบ.ทบ., ผบ.สูงสุด, และองคมนตรี ดูจะแสดงแง่ดีของผู้ครอบครองมากกว่าแง่เสีย โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงบรรยากาศการช่วงชิงสมบัติกลางของสังคมไทยที่ผ่านมา)

และคนที่ไปซื้อที่ดินประเภทนี้ เพื่อใช้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ถึงเป็นคนรวยหรือเจ้าใหญ่นายโต แต่ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเราเองเลยนะครับ

ถ้าไม่หลอกลวงตัวเอง คนชั้นกลางระดับกลางอย่างเราทุกคนล้วนมีญาติ หรือมิตรที่ครอบครองที่ดินประเภทดังกล่าวทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้าง บางคนที่เราออกจะนับถือว่าเป็นคนดีน่ายกย่องก็ยังมีอยู่กับเขาเหมือนกัน

บางคนก็ซื้อจากเกษตรกรล้มละลายโดยตรง บางคนก็ซื้อจากคนที่ไปเสียเบี้ยบ้ายรายทางจนได้เอกสารสิทธิ์ถาวรมาแล้ว แต่ก็รู้ประวัติของที่ดินนั้นดีว่าชิงมาจากป่าสงวน แต่ถือว่าเมื่อเขาซื้อนั้นถูกกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์เสียแล้ว มโนธรรมแจ่มใสได้เลย

ที่ผมบอกว่าไม่ไกลจากตัวเรานั้น ไม่แต่เพียงญาติมิตรนะครับ ถ้าเราไม่หลอกตัวเองก็ควรถามตัวเองให้ดีด้วยว่า หากเรามีโอกาส (คือรวยและวางใจในอำนาจต่อรองของตนกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง) เราจะเอาด้วยหรือไม่ คนอื่นจะตอบว่าอย่างไรผมไม่ทราบ แต่โดยส่วนตัว ผมไม่กล้าตอบอย่างมั่นใจว่าไม่

ที่ไม่มีกับเขาเลยนั้น ไม่แน่ใจว่าเพราะไม่มีโอกาสหรือไม่มีความโลภ

ที่ดินอันเป็นสมบัติกลางของแผ่นดินจึงถูกครอบครองกันจากทุกคนทุกสถานะ คนจนครอบครองเพราะไม่มีที่ไป คนรวยครอบครองเพราะสวยดี คนชั้นกลางครอบครองเพราะอยากเอาอย่างคนรวยบ้าง หรืออีกหลายกรณีก็ซื้อจากนายทุนบ้านจัดสรรซึ่งสามารถหาเอกสารสิทธิ์ถาวรมาทำกำไรได้

กลายเป็นการกระทำสามัญธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น ผมไม่ต้องการจะพูดว่าความผิดใดที่คนทำกันทั่วไป ย่อมกลายเป็นไม่ผิดนะครับ แต่ผมต้องการจะพูดว่า คนเราทำสิ่งใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เนื่องจากสิ่งนั้นถูกทำให้เป็นสามัญธรรมดา คิดว่าสิ่งนั้นถูก, จริง, ดี, มีประโยชน์, เข้มแข็ง, อ่อนแอ, ก้าวหน้า, ล้าหลัง ฯลฯ ก็เพราะสิ่งนั้นถูกทำให้เห็นว่าสามัญธรรมดาย่อมเป็นเช่นนั้นเอง

ไม่แต่เพียงที่ดินนะครับ เศียรพระพุทธรูป, ศิวลึงค์, ศาลาวัด, หน้าบันโบสถ์วิหาร, พระพิมพ์, ฯลฯ ก็ครอบครองกันโดยไม่มีใครคิดว่าเป็นการขโมย ก็ล้วนควักกระเป๋าซื้อมาทั้งนั้น ซ้ำกรมศิลป์ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน ครอบครองไว้ก็ไม่น่าจะผิดกฎหมาย

ใช่แต่ในบ้านเรือน ออกไปนอกบ้านเมื่อไรก็พบการครอบครองสมบัติกลางเกลื่อนกลาดไปหมด นับตั้งแต่ทางเท้า, ถนน, ระบายของเสียลงทางน้ำสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้าไม่เปิดพื้นที่ของตัวให้แท็กซี่จอด แต่ผลักให้ไปเรียงคิวกันบนถนนหลวง, ฯลฯ การแย่งชิงเอาสมบัติกลางมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวกลายเป็นสามัญธรรมดาสำหรับการดำรงชีวิตในสังคมไทย

หลายคนมองสภาพที่เกิดขึ้นเช่นนี้ว่ามาจากการบังคับใช้กฎหมายในบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นธรรม ซึ่งก็จริงแน่ครับ แต่ผมคิดว่ามีอะไรที่สำคัญกว่าและเป็นพื้นฐานมากกว่ากฎหมายและการบังคับใช้ นั่นคือศีลธรรมซึ่งสามารถกำกับพฤติกรรมของคนได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ากฎหมายหลายเท่าตัว

น่าสังเกตด้วยนะครับว่า ข้อโจมตีท่านนายกฯ กรณีที่ดินบนเขายายเที่ยงมักจะเน้นเรื่องศีลธรรม และที่เน้นศีลธรรม ก็เพราะทุกคนรู้ดีว่าบรรยากาศของการครอบครองสมบัติกลางของสังคม กลายเป็นสามัญธรรมดาไปแล้ว บางคนพูดทำนองว่าคนอื่นทำได้ แต่นายกฯ ทำไม่ได้

ผมไม่ทราบว่านายกฯ ลงมาจากสวรรค์หรือไม่ แต่เนื่องจากสวรรค์ไม่ได้อยู่ไกลจากโลกมนุษย์นัก หรือสวรรค์อาจเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง สวรรค์จึงตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความสามัญธรรมดาเดียวกับโลกมนุษย์นี่แหละครับ

ความล้มเหลวทางศีลธรรมจึงเกิดแก่สังคมไทยทั้งหมด ไม่ใช่กับบุคคลคนใดคนหนึ่ง และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องคุณสุรยุทธ์ครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงมากมายนัก

ความล้มเหลวนี้เกิดจากอะไร คำอธิบายง่ายๆ (แต่อาจง่ายเกินไปจนไม่เพียงพอกับการอธิบายอะไรที่ซับซ้อนขนาดนี้) ก็คือศีลธรรมแบบไทยที่เคยมีมาก่อนการปฏิรูปศาสนาใน ร.5 แบ่งหน้าที่กันระหว่างพุทธกับผี พุทธทำหน้าที่ทางศีลธรรมส่วนบุคคล ผีทำหน้าที่ศีลธรรมทางสังคม

ทั้งสองด้านนี้สัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างแยกออกจากกันไม่ได้ เช่น ลักขโมยของเขาก็เป็นบาป ซึ่งทำให้ปัญญามัวหมอง จนไม่อาจมองเห็นพระอริยสัจได้ จะรับผลแห่งปัญญาที่มัวหมองลงอย่างไร ในชาตินี้ชาติหน้าไม่รู้ได้ แต่ที่แน่นอนก็คือผีไม่คุ้มครองและอาจทำร้ายได้ในชาตินี้

การปฏิรูปศาสนาซึ่งได้รับอิทธิพลฝรั่งอย่างมากปฏิเสธผีเพราะกลัวฝรั่งจะหาว่าป่าเถื่อน แต่ก็ไม่ได้สร้างศีลธรรมทางสังคมอย่างอื่นเข้ามาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม, ยืดพระพุทธศาสนามาคลุมให้ถึง, หรือสำนึกใหม่ของคนในรัฐทันสมัย

ศีลธรรมในสังคมไทยในปัจจุบันจึงดูทั้งแคบทั้งตื้นทั้งเฉิ่ม

แคบก็เพราะมันมีศูนย์กลางอยู่ที่เดียวคือตัวบุคคล จึงมองไม่เห็นนัยะของศีลมากไปกว่าการงดเว้นการกระทำทางกาย เช่น ถึงไม่ฆ่าไก่ แต่ก็ทนได้กับอุตสาหกรรมผลิตไก่และไข่ซึ่งทารุณโหดร้ายต่อสัตว์อย่างสุดพรรณนา ส่งเสริมการฆ่า หรือทำทารุณกรรมต่อกลุ่มคนที่ถือว่าเป็นศัตรูของรัฐนับตั้งแต่ผู้ที่ทางการอ้างว่าค้ายาเสพติด ไปจนถึงคนที่ทางการระแวงว่าเป็นผู้ "แยกดินแดน"

ตื้นก็เพราะแม้มีศูนย์กลางที่ตัวบุคคล ก็ไม่นำไปสู่การพัฒนาจิตใจไปสู่เป้าหมายสูงสุดทางศาสนา เช่น กินเหล้าไม่ดีเพราะทำลายสุขภาพตัวเอง, เสียเงินไม่เข้าเรื่อง, อาจได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์หากเมาแล้วขับ ฯลฯ แต่ของมึนเมาทุกชนิดนอกจากจะมีโทษดังกล่าวแล้ว ยังทำให้ขาดสติหรือระลึกรู้ ถามว่าระลึกรู้อะไรบ้าง นอกจากภัยที่จะเกิดแก่ตนแล้ว จิตใจที่ได้รับการพัฒนายังระลึกรู้ถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับคนอื่น ตั้งแต่ระดับแคบๆ ในครอบครัวไปถึงสังคมและโลกทั้งหมด และในขั้นสูงสุดคือระลึกรู้ถึงพระไตรลักษณ์อยู่ทุกขณะจิต จนกระทั่งความทุกข์ไม่อาจกล้ำกรายได้เลย

อันที่จริง นับตั้งแต่ปฏิรูปศาสนา ผู้นำไทยรังเกียจการระลึกรู้ถึงพระไตรลักษณ์ด้วยซ้ำ กลัวชาติไม่เจริญไปโน่น

เฉิ่มก็เพราะหาหลักยึดไม่ได้ว่าอะไรที่ว่าดีนั้น ดีเพราะอะไร หรือชั่วนั้นชั่วเพราะอะไร ใครที่มีอำนาจบอกว่าอะไรดี ก็ได้แต่ท่องตามๆ กันไป เช่น สามัคคี, สามัคคี และสามัคคี้ ซึ่งได้ยินอยู่ตลอดเวลา โดยไม่มีใครสนใจหาความหมาย ว่าแปลว่าอะไร และในทางปฏิบัติที่เป็นจริงคืออะไร กับคนที่อยู่พวกทักษิณนั้นทำไมถึงสามัคคีด้วยไม่ได้ ก็คนไทยเหมือนกันไม่ใช่หรือ ฉะนั้น สามัคคีที่แท้จริงจะเป็นคุณแก่สังคมคืออะไรกันแน่ ไม่มีความขัดแย้งเลยหรือ เป็นไปได้หรือ ถ้าอย่างนั้นขัดแย้งอย่างไรจึงจะไม่เสียสามัคคี ฯลฯ

ความเฉิ่มทางศีลธรรมครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินจากโฆษกทีวีคือ ขอให้เรามาร่วมกันทำความดีด้วยการสวมเสื้อเหลือง

การปลูกฝังด้านศีลธรรมในเมืองไทย (ในบ้าน, โรงเรียน, วัด และสื่อ) ทอดทิ้งมิติทางสังคมของศีลธรรมไปแทบจะสิ้นเชิง ทำให้การเน้นมิติส่วนบุคคลของศีลธรรมนั้นเป็นสองด้านของเหรียญอันเดียวกัน ตัดด้านใดด้านหนึ่งออกไป ศีลธรรมก็เป็นเพียงกฎเกณฑ์ซึ่งต้องอาศัยการบังคับควบคุมจากภายนอกตลอดไป นับตั้งแต่ผู้ใหญ่, ผู้บังคับบัญชา, ตำรวจ, และปากปลาร้า

ครึ่งหนึ่งซึ่งแยกไม่ออกจากอีกครึ่งหนึ่งของศีลธรรมคือคนอื่น, สัตว์อื่น, และสิ่งอื่นครับ การยึดเอาที่ดินอันเป็นสมบัติกลางไปใช้ประโยชน์แต่ผู้เดียว ไม่ว่าอย่างถูกหรือผิดกฎหมาย คือการหล่อเลี้ยงความโลภในตัวเอง ให้งอกงามจนยับยั้งไม่อยู่ แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ มีคนอีกจำนวนหลายล้านที่ไม่มีที่ทำกิน ผลักให้เขาบุกรุกป่าหนักขึ้นจนแหล่งที่อยู่อาศัยและสืบพันธุ์ของสัตว์ป่าก็หมดไป มีคนอื่น, สัตว์อื่นและสิ่งอื่นที่เราต้องสำนึกถึงในการซื้อที่ดินงามๆ สักผืน

และนี่ก็เป็นศีลธรรมเหมือนกัน

และเพราะศีลธรรมของสังคมไทยปัจจุบันแคบ, ตื้น และเฉิ่มอย่างนี้นี่แหละ ที่ทำให้เราสมยอมต่อการเอารัดเอาเปรียบกันและกัน อย่างเหี้ยมโหด ดังที่เป็นอยู่ ไม่ว่าการปฏิเสธการจำกัดการถือครองที่ดินซึ่งกระทำกันมาอย่างสืบเนื่องยาวนาน, การใช้แรงงานต่างด้าวอย่างทารุณ, การค้าคน, การสนับสนุนรัฐบาลทหารในพม่า, การไม่เปิดโอกาสทางการศึกษา แก่ผู้คนอย่างทั่วถึง, การปิดโอกาสการพัฒนาแก่ผู้ใช้แรงงาน, ฯลฯ

ด้วยเหตุดังนั้น สังคมไทยจึงมีระเบิดตลอดเวลา เพียงแต่ศีลธรรมที่แคบ, ตื้น และเฉิ่ม ทำให้หูของเราไม่ได้ยิน

นอกจากระเบิดที่อาจทำให้บุคคลแต่ละคนระคายผิวหนังเช่น 8-9 ลูกในวันส่งท้ายปีเก่าเท่านั้น

ที่มา นิธิ เอียวศรีวงศ์ มติชนรายสัปดาห์ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 27 ฉบับที่ 1379 หน้า 28




Create Date : 26 มิถุนายน 2550
Last Update : 26 มิถุนายน 2550 15:31:43 น. 5 comments
Counter : 676 Pageviews.

 
สรุปว่าสุรยุทธ..ผิดหรือถูกครับ..กม.ไม่มีข้อผิดมากผิดน้อยหรือผิดแบบไม่ตั้งใจ..แต่โทษอาจจะลดหย่อนได้โดยความเมตตา..ในทางตรงข้าม..ยังดื้อดึงอวดอ้างไม่ยอมรับ..ก็เพิ่มโทษมากขึ้น..เพราะป็นความชั่วโดยสันดาน..กรณียึดที่ดินเขายายที่แสนสวยไปสร้างที่พักผ่อนโดยไมทำการเกษตรนี้..คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ..ต้องผู้มีอำนาจเท่านั้น..และผู้ที่กระทำแล้ว..ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ลุแก่อำนาจ


โดย: คน กทม. IP: 125.25.84.66 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:28:02 น.  

 
มติ ป.ป.ช. ไม่รับพิจารณาคำร้องของอดีตแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กล่าวหา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้าไปถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยงเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะ ได้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปตั้งแต่ปี 2546
สำนักงาน ป.ป.ช. - 21 มิ.ย. -- เมื่อเวลา 15.00 น.นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษก แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่รับพิจารณาคำร้องของนายสุดชาย บุญไชย อดีตแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่กล่าวหา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 กับพวก เข้าไปถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมิชอบ เนื่องจาก พล.อ.สุรยุทธ์ ได้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปตั้งแต่ปี 2546 ส่วน พ.อ.หญิงท่าน ผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ได้พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไปตั้งแต่ปี 2545 แต่นายสุดชาย เพิ่งยื่นคำกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2550 จึงเป็นคำกล่าวหาที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 84 ประกอบมาตรา 85 ที่ระบุว่าการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดฐาน ทุจริตต่อหน้าที่ ผู้กล่าวหาจะต้องยื่นคำกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพ้นจากการเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เกินสองปี

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า คำกล่าวหาของนายสุดชายนั้นระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 พ.อ.หญิงท่านผู้หญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภริยา และพล.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ได้ถือครองที่ดินบนเขายายเที่ยง โดยได้ที่ดินดังกล่าวมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ เจ้าของที่ดินเดิมได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับผู้จัดสรรที่ดินคนหนึ่งในราคา 700,000 บาท ต่อมาผู้จัดสรรที่ดินคนดังกล่าวได้ขายที่ดินให้กับ พล.อ.สุรฤทธิ์ ในราคาเพียง 50,000 บาท และภายหลัง พล.อ.สุรฤทธิ์ ได้ยกที่ดินบนเขายายเที่ยงให้กับ พ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี โดยเสน่หา ซึ่งน่าสงสัยว่าการขายที่ดินในราคาถูกดังกล่าว สืบเนื่องมาจากที่ผู้จัดสรรที่ดินคนดังกล่าวได้เคยจัดสรรที่ดินขายให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยในกองทัพภาคที่ 2 แต่เกิดปัญหาไม่สามารถออกโฉนดและโอนที่ดินให้ผู้ซื้อได้ จึงได้ขายที่ดินให้ราคาถูกเป็นค่าวิ่งเต้น

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า สำหรับกรณีของพล.อ.สุรฤทธิ์ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติที่จะดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องของนายสุดชาย เนื่องจาก พล.อ.สุรฤทธิ์เพิ่งพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในปี 2549 จึงยังอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ที่ จะดำเนินการได้ โดยจะมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 ข้อ 5

ด้านนายสุดชาย กล่าวว่า คิดไว้แต่แรกแล้วว่ากรณีการกล่าวหา พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น จะไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ เพราะไม่เข้าข่าย พ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 84 ประกอบ มาตรา 85 ส่วนที่ ป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวน พล.อ.สุรฤทธิ์ ที่นำที่ดินไปมอบให้กับพ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี โดยเสน่หานั้น ก็ถือว่าคดีนี้มีมูลความผิดแล้ว เพราะมีเหตุน่าสงสัยว่าเหตุใดพ่อค้าที่ดินจึงนำที่ดินที่มีมูลค่า 700,000 บาท มาขายต่อให้ พล.อ.สุรฤทธิ์ เพียง 50,000 บาท และต่อมา พล.อ.สุรฤทธิ์ ก็นำที่ดินไปมอบให้ พ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี โดยเสน่หา ซึ่งถือว่าน่าสงสัยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ที่ดินมาโดยมิชอบจริง แต่ที่รอดตัวมาได้ เพราะพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาเกิน 2 ปี ดังนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จึงควรพิจารณาตัวเองว่าสมควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ ในฐานะที่เคยประกาศว่าเป็นผู้ยึดมั่นในหลักนิติธรรม และความโปร่งใสในการทำงานมาโดยตลอด

สวัสดีประเทศไทย...


โดย: คน กทม.(ข้อมูลแถม) IP: 125.25.84.66 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:37:13 น.  

 
ท่านเป็น พล.อ. ครับ ได้รับพระราชทานยศ ไม่สมควรที่ นายนิธิ เอี่ยวศรีวงค์ เรียก ท่นว่า คุณสุรยุทธ์ เพราะ ยศ พล.อ. มิใช่เป็นของ ท่าน แต่ท่านได้รับพระราชทาน จึงสมควรเรียกได้เหมาะสม เพียงผมเรียก นายนิธิ ยังรู้สึกไม่ดี เลย


โดย: นันท์ IP: 125.24.169.56 วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:01:54 น.  

 
กฏหมายบังคับใช้ไม่ได้กับคนมีตำแหน่ง เป๋นถึงนายก ยังไม่รูว่าอะไรควรไม่ควร


โดย: คน อีสานกู้ชาติ IP: 125.25.156.70 วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:14:40:39 น.  

 
หาใช่วัดที่ฐานันดรไม่ หากแต่วัดที่การกระทำ


โดย: Darksingha วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:11:38:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darksingha
Location :
สมุทรสงคราม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]





Click for use Graphics comment


Darksingha ที่แสดงถึงอำนาจและความมืดมัว ผมให้แทนคำว่า Age of Doubt หรือยุคแห่งความสงสัยก็แล้วกัน ดังนั้นBlogนี้จึงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยหมอกควันแห่งคำถาม และการละเล่น เพื่อแสวงหา ?


TV3 Live CH5 Live CH7 Live Modernine TV Live NBT LIVE - CH11 TPBS - Public Channel ASTV1 New11 - Online News 24 hours Nation Channel DMC.TV - Buddhistic Television ASTV5 - Suvarnbhumi ASTV7 - Buddhistic Television  True New 24 Channel  skynew  cnnibn Channel  cnn Channel  bbcnews_island Channel  cctv  Channel  bfmtv  Channel  ntv  Channel  fox8 Channel  foxnews5 Channel  cspan  Channel  france24 Channel  world_explorer Channel  discovery_channel Channel  nasa  Channel kimeng-channel dmc-channel ebr-channel research-channel utv-channel michigan-channel at-florida-channel islam-channel peace-usa-channel bbc-panorama-channel CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live CH7 Live

music is life

ชุมทางเพลงเพื่อชีวิต

Friends' blogs
[Add Darksingha's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.