เกาะพะงันหลังวันพระจันทร์เต็มดวง (จ.สุราษฎร์ธานี)
ในค่ำคืนที่เงียบเหงา ขณะผมนอนคิดอะไรเพลินๆ ก็เผอิญเหลือบไปเห็นพระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้านอกหน้าต่าง หลายคนอาจมองพระจันทร์ที่ไหนก็เหมือนๆ กัน แต่หากมองถึงเรื่องความงดงามแล้วแต่ละที่แต่ละตำแหน่งบนโลก ย่อมเห็นพระจันทร์อยู่ใกล้อยู่ไกลทำมุมทำองศาที่แตกต่างกันไป มุมมองของความสวยงามก็ย่อมแตกต่างออกไปเช่นกัน ประเทศไทยก็มีสถานที่ที่ถูกยกย่องว่าเป็นจุดชมพระจันทร์เต็มดวงที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก! หากให้ทายว่าที่ไหน? กว่าร้อยละ 80 ก็คงคิดไปถึงฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน เพราะมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเดียวที่พอจะนึกออกว่าเกี่ยวข้องกับดวงจันทร์ ซึ่งนั่นเป็นคำตอบที่ถูก! “หาดริ้นนอก” ชายหาดที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้นั่นแหละคือจุดชมพระจันทร์ระดับโลก!! แต่เชื่อเถอะว่ากว่าร้อยละ 99 ไม่ได้ไปหาดริ้นนอกเพราะบอกว่าอยากไปดูดวงจันทร์! คงคล้ายๆ กับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเกาะพะงันก็คงตอบเหมือนๆ กันว่า “ไปงานฟูลมูนปาร์ตี้” แวบนั้นภาพแผนการเดินทางสู่เกาะพะงันก็ผุดขึ้นมาในหัว แต่มันไม่ใช่ภาพของเกาะพะงันในวันพระจันทร์เต็มดวง! สองสัปดาห์ถัดมาผมขับรถจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าลงใต้ข้ามไปยังเกาะพะงันเพียงลำพัง
ทันทีที่สะพานเรือเฟอร์รี่เปิดเชื่อมกับท่าเรือท้องศาลาผมก็ทะยานรถมุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกทันที! ค่าจอดรถ 50 บาท! นี่คงเป็นที่มาของชื่อ“น้ำตกแพง” ต้อนรับผู้มาเยือนได้อย่างน่าประทับใจ แถมน้ำก็ไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่
แต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับน้ำตกบนเกาะอยู่แล้ว เพราะการเที่ยวเกาะหากเลือกมาช่วงที่น้ำตกสวยทะเลก็จะไม่สวย ถ้าเลือกเอาทะเลสวยน้ำตกก็แทบจะไม่มีน้ำเป็นธรรมดา
แต่ผมก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว เพราะยังมีทางแยกขึ้นเขาไปชมทัศนียภาพสวยๆ ของจุดชมวิวโดมศิลาเป็นการทดแทน
“หาดริ้น” ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดโด่งดังที่สุดบนเกาะพะงัน หลายคนอาจคุ้นเคยกับภาพในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงอึกทึกครึกโครมของงานฟูลมูนปาร์ตี้ แต่ผมกลับเลือกมาชมหาดริ้นในภาคกลางวัน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะหาดริ้นเป็นชายหาดที่สวยงาม มีทะเลสีครามตัดกับผิวขาวๆ เนียนๆ ในชุดบิกินนี่ เอ้ย!! ตัดกับหาดทรายขาว ผิดๆๆๆ!! ผมเดินทะลุซอยหลังหาดริ้นมายังอีกด้านหนึ่งของเกาะมายัง “หาดลีลา” หรือ “หาดศรีกันตัง” ชายหาดลับอีกแห่งหนึ่งที่ผมเพิ่งเคยรู้จัก รู้จักเพราะมีอีกหนึ่งอันซีนของเกาะพะงันตั้งอยู่ นั่นก็คือสะพานไม้ของไลท์เฮ้าส์บังกะโลที่ทอดยาวลัดเลาะไปตามแนวโขดหินริมทะเลที่อยู่ตรงสุดปลายหาด
นี่ถ้าได้มาเดินเล่นจูงมือใครซักคนชมพระอาทิตย์ตกไปด้วยก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกเอามากๆ
คุณเคยมีหาดในฝันที่อยากจะไปหรือเปล่า? ผมมีชายหาดที่ฝันอยากจะมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน และตอนนี้ผมก็ได้มายืนอยู่บนชายหาดแห่งนี้แล้ว “หาดท้องนายปานน้อย” ชายหาดบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง ซึ่งถูกยกย่องว่ามีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเกาะพะงัน
สมัยก่อนการเดินทางยากลำบากต้องนั่งเรือหรือไม่ก็เหมารถโฟวีลข้ามภูเขามา แต่เดี๋ยวนี้ถนนหนทางสะดวกสบาย ผมจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องมาค้างที่นี่ให้ได้ แต่ไม่วายที่พักซึ่งพอจะสู้ราคาไหวดันเต็ม ผมก็เลยต้องเลือกไปนอนที่ “หาดท้องนายปาน” ที่อยู่ข้างๆ แทน บรรยากาศก็คล้ายๆ กันแถมยังสบายกระเป๋ากว่ากันเยอะเลย
เกาะพะงันไม่ได้มีแค่ธรรมชาติที่สวยงามหากยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การจดจำ เช้าวันที่สองผมมุ่งหน้าไปตามเส้นทางด้านตะวันออกของเกาะเพื่อเที่ยวน้ำตก 3 แห่ง คือน้ำตกธารเสด็จ น้ำตกพุแดง และน้ำตกพุสามปัน ซึ่งยังพอมีน้ำให้ชื่นชม
และเส้นทางสายนี้ยังเป็นการตามรอยเสด็จประพาสของเสด็จพ่อ ร.5 อีกด้วย ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเกาะพะงันขนาดเสด็จประพาสมาถึง 14 ครั้งด้วยกัน ไม่แค่นั้นรัชกาลที่ 7 และในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็เคยเสด็จประพาสมาที่นี่ โดยมีพระจารึกของทั้ง 3 พระองค์อยู่บนก้อนหินหลังศาลาที่ประทับบริเวณหาดธารเสด็จอีกด้วย
ช่วงบ่ายผมข้ามกลับมาทางฝั่งตะวันตกของเกาะ มาพักทานข้าวกลางวันจิบกาแฟอร่อยๆ ที่ “ร้านฮันเดรดไอร์แลนด์คอฟฟี่บาร์” ร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศน่ารักแถวหาดบ้านใต้ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางเหนือแวะสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดจีน
แล้วขับรถต่อขึ้นไปเที่ยวหาดโฉลกหลำ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงดั้งเดิมแต่เดี๋ยวนี้วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ก่อนจะมาสุดทางที่ “หาดขอม” ชายหาดเงียบๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร แต่ผมกลับประทับใจกับหินสวยๆ น้ำใสๆ ของที่นี่
ส่วนคืนที่สองบนเกาะพะงันผมเลือกไปพักที่หาดแม่หาด ชายหาดอะเมซซิ่งไทยแลนด์ เพราะที่นี่มี “ทะเลแหวก” เป็นสันทรายเชื่อมไปยังเกาะม้าระยะทางราว 300 เมตร
เสียดายช่วงที่มาสันทรายใหญ่ไปหน่อยทำให้ไม่ได้อารมณ์ทะเลแหวกแบบน้ำปริ่มๆ ซักเท่าไหร่ แต่ก็ดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
ถ้าถามถึงสถานที่ดินเนอร์ที่โรแมนติกที่สุดบนเกาะพะงัน ผมต้องยกให้ “เกาะราฮัมเรสเตอร์รอง” ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมหาดสน ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกอันโด่งดัง แต่เวรกรรมดันหาที่จอดรถไม่ได้ ผมก็เลยต้องมาซ่อมเอาในเช้าวันสุดท้าย
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความโรแมนติกของที่นี่ ด้วยสุดยอดแลนด์สเคปดีไซน์ที่ผสมผสานวัสดุจากธรรมชาติมาตกแต่งได้อย่างสวยงามลงตัว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องห้ามพลาดในการมาเยือนเกาะพะงัน
เสียดายเวลาเหลือน้อยเต็มที ผมจะต้องรีบไปขึ้นเรือกลับในรอบบ่ายโมง แม้ยังเก็บที่เที่ยวได้ไม่ครบตามแผนที่วางไว้ แต่ผมก็คิดว่าได้ใช้เวลาในการเดินทางครั้งนี้อย่างคุ้มค่าแล้ว เพราะมันเหมือนกับการได้มารู้จักกับคนๆ หนึ่ง คนที่เราเคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรื่องปาร์ตี้เชิงโลกีย์ แต่พอได้มาคลุกคลีมันกลับทำให้ผมมองเห็นเค้าในอีกด้านหนึ่ง ด้านที่เป็นเสน่ห์ตัวตนของเค้าจริงๆ ที่ชวนให้ผมหลงใหลและยังอยากจะอยู่พูดคุยกับเค้าไปนานๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักเกาะพะงันหลังวันพระจันทร์เต็มดวง” ผมกล่าวลาขณะเรือค่อยๆ หันหลังให้อดีตที่คงเหลือไว้แต่ความทรงจำ แล้วหันหน้ากลับสู่ปัจจุบันเพื่อเตรียมออกเดินทางไปทำความรู้จักกับที่ใหม่ๆ บนโลกใบนี้อีกครั้ง
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2562 |
Last Update : 20 เมษายน 2563 21:01:16 น. |
|
23 comments
|
Counter : 2569 Pageviews. |
|
|