นับตั้งแต่ผมก้าวเท้าลงบนสะพานไม้สีแดงที่ทอดยาวราว 700 เมตร ขนานไปกับชายฝั่งทะเล
ก็รู้สึกเหมือนกับก้าวเข้ามาสู่โลกอีกใบหนึ่ง โลกที่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนยังเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
ความเร่งรีบ การแก่งแย่งแข่งขัน และความกดดันของสังคมเมือง
แต่มาตอนนี้กลับหลงเหลือเพียงความเงียบสงบภายใต้อ้อมกอดของท้องฟ้าและผืนน้ำ
จะมีซักกี่นาทีในชีวิตเชียวที่ผมได้กลับมาอยู่กับตัวเองแบบนี้อีกครั้ง
ป้าย จุดชมปลาโลมา ตั้งเด่นหราอยู่ริมถนนพระราม 2 ชี้ทางให้ผมเลี้ยวเลาะเข้ามาตามซอยวัดพันท้ายนรสิงห์
ประมาณ 20 กิโลเมตร มาสุดสายปลายถนนอยู่ริมทะเลปากอ่าวมหาชัยในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาคร
มาตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าบริเวณนี้ในช่วงลมหนาวพัดเข้าสู่อ่าวไทยจะนำพาฝูงโลมาเข้ามาเยี่ยมเยือน
นี่เป็นทริปแรกในรอบหลายเดือน เพราะช่วงที่ผ่านมาผมแทบไม่มีเวลาได้ไปไหนมาไหนเหมือนอย่างแต่ก่อน
เผอิญชีวิตกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจครั้งสำคัญ
ซึ่งมันทำให้ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับความคิดและการฝึกฝนพัฒนาตัวเองอย่างหนัก
หนักถึงขนาดที่ใจยังมาสะกิดเตือนว่า นี่ชีวิตมึงเริ่มจะตึงเกินไปแล้ว
นั่นแหละผมถึงต้องแกะตัวเองออกจากบ้าน ออกไปมองฟ้ามองน้ำ มองโลกที่แตกต่างไปจากทุกวัน
ออกไปให้ธรรมชาติเยียวยารักษาความสมดุลของชีวิต เพราะชีวิตมันไม่ได้มีด้านเดียว
ศาลเจ้าพ่อมัจฉานุอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวประมงก่อนออกทะเล
เป็นจุดเริ่มต้นของสะพานไม้ทาสีแดงตามชื่อของหมู่บ้าน จึงเรียกกันติดปากว่า สะพานแดง
สำนักโยธาและผังเมืองจังหวัดสมุทรสาครได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นจุดชมวิวพ่วงคำโฆษณาด้วยว่านี่คือ จุดชมโลมาริมอ่าวไทย!
ปกตินักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมมากันในช่วงเย็นเพื่อพักผ่อนชมพระอาทิตย์ตก
แต่ผมอยากดูโลมาจึงต้องเลือกมาในตอนเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่มีโอกาสได้เห็นโลมามากกว่าช่วงเวลาอื่น
ผมเดินปล่อยให้ธรรมชาติปรับสมดุลชีวิต
ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปบนสะพานแดงที่ทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตาขนานไปกับแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่น
แนวไม้ไผ่นี้เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำมาแก้ไขปัญหาการพังทลายของชายฝั่ง
และยังเป็นการช่วยเพิ่มตะกอนดินที่ส่งผลบวกต่อการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนอีกด้วย
สายตาของผมยังคอยสอดส่องมองหาโลมาที่อาจจะโผล่มากลางทะเลอยู่เป็นระยะ
ส่วนอีกสายตาก็ต้องคอยระมัดระวังพื้นสะพานบางช่วงที่ชำรุดเสียหาย
มันก็คล้ายๆ กับเส้นทางชีวิตของคนเรา ที่ระหว่างเดินก็คอยมองหาความฝัน ค้นหาเส้นทางไปสู่จุดหมาย
แต่ระหว่างทางมันก็ไม่ได้ราบรื่นเดินสบาย ชีวิตมันต้องเจอกับอุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
อยู่ที่ว่าเรามุ่งมั่นแค่ไหนในการเดินไปให้ถึงฝันของเรา
สุดสายปลายสะพานมองเห็นศาลาพระกลางทะเลหรือศาลาพุทธมหาสมุทรอยู่ลิบๆ
แต่ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของโลมาซักตัว
มันทำให้ผมนึกถึงบทความหนึ่งในเฟซบุ๊ค Civil Trader ที่ผมติดตามอยู่
เค้าเขียนไว้ว่า สัญญาณแรกที่บอกว่าคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จตอนเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ คือ
หนึ่ง คุณหลงรักสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่อย่างสุดหัวใจ
สอง คนส่วนใหญ่ต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ แต่คุณก็เดินหน้าต่อโดยไม่ลดละความพยายาม
แม้วันนี้ผมไม่ได้เห็นโลมา แต่อย่างน้อยผมก็ได้ออกมาตามหา
อย่างน้อยๆ สิ่งที่ผมฝัน ผมก็ได้ลงมือทำ
แม้ตอนนี้มันยังไม่ประสบความสำเร็จ มันยังล้มลุกคลุกคลาน
ผมก็จะไม่ลดละความพยายาม และผมจะต้องไปให้สุด!