เรื่อยๆ เปื่อยๆ ในเมือง Leiden
หลังจากที่ไปขับรถ เดินเล่นเที่ยวทุ่งดอกไม้มาจากบล็อก ชิลชิล นอกบ้านกับทุ่งดอกไม้ แบบเหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็เดินเล่นกันต่อ เป็นแบบนี้หลายรอบเราก็เลยคิดว่าคงพอสำหรับการเดินชมทุ่งเป็นนางเอกได้แล้ว ตอนนี้ก็คงจะไปหาอะไรกินกันในเมืองดีกว่า อย่างน้อยกินก่อนแล้วเดินย่อยกันในเมืองต่อเลย หนนี้เมืองไม่ใกล้ไม่ไกลก็คือเมืองไลเดน ( Leiden ) นั่นเอง ... ( ขับรถไปอีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วจากทุ่งดอกไม้ )
ขนาดเมืองเล็กๆ อย่างไลเดนนั้นอย่านึกว่าเป็นเมืองเล็กๆ ไม่มีพิษสง เพราะว่าสำหรับฉันแล้วพิษสงของเมืองนี้อยู่ที่ประวัติศาสตร์ ความเก่าแก่ และความมีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยของประเทศที่ดูเหมือนมีชื่อเสียงกระฉ่อนพอใช้ได้ทางด้านวิทยาศาสตร์ นอกจากนั้นแล้วสำหรับผู้ชื่นชอบศิลปะคงไม่มีใครไม่รู้จัก Rambrant ซึ่งเมืองไลเดนนี้ล่ะเป็นเมืองเล็กที่เป็นเมืองที่ศิลปินใหญ่ก่อกำเนิดเป็นตัวเป็นตน
นอกจากนั้นแล้วการเดินเล่นในเมืองหรือว่า centrum ของเมืองไลเดนเราก็ยังจะเห็นร้านรวงขายของน่ารักเยอะแยะ ของที่ขายก็ล้วนมีหลากหลาย ส่วนราคาก็คงถือว่าโดยเฉลี่ย ไม่แพงกว่าเมืองใหญ่อื่นๆ เท่าไหร่นัก และแน่นอนว่าไลเดนช่วงวันพุธและวันเสาร์ก็จะมีตลาดสดใหญ่ที่จะมีของสดและไม่สดทั้งหลายตั้งร้านขายกันริมคลอง น่าเดินเล่นจัง แต่เสียดายวันที่เราไปดันไม่ได้ไปช่วงวันตลาดเค้าตั้งขายกัน แต่คิดว่ามีโอกาสก็จะแวะไปอีกแน่นอน
Hartebrugkerk หรือ Hartebrug Church
Marekerk
โรงภาพยนต์แก่ของเมือง
วิวงามละแวกรอบๆ
เดินเล่นวนเวียน เวียนวนกันได้นิดหน่อย ก็เลยแวะเข้าร้านขายพวกเนื้อก่อนกลับบ้าน หนนี้คนใกล้ๆ บอกว่า จะลองซื้อเนื้อม้ามากินหน่อยจิว่ามันจะอร่อยยังไง เพราะเห็นเพื่อนแนะว่าน่าซื้อมาลองกินดู ก้ปรากฏว่าได้ฤกษ์พอดีซื้อมาลองกิน ... อ่ะแฮ่ม สำหรับคนลิ้นจระเข้อย่างฉันก็บอกไม่ถูกหรอกว่ามันอร่อยกว่าเนื้อปกติตรงไหน เพราะเอามาทอดเป็นสเต๊กมันก็อย่างนั้นล่ะ แต่คนใกล้ๆ ตัวบอกว่า อร่อยอ่ะ อ่ะ ก็อร่อยของเค้าอ่ะ ส่วนของเราเฉยๆ แล้วกัน
ร้านเนื้อนี้ล่ะได้เนื้อมาปรุงอาหารเย็น
หลังจากนั้นเราก็คิดว่าเดินเหนือยพอประมาณแล้วก็เลยเดินวกกลับไปที่รถดีกว่า ... ที่นี่เลยเราก็เลยได้ผ่านตึกเก่างามๆ อย่างใจตัวเอง คือเก่า ได้ที่แล้วก็ลักษณะน่าอยู่ เย็นๆ อบอุ่น บอกไม่ถูก อาจจะเพราะว่าอยู่ริมคลองด้วยก็ได้มันเลยได้อารมณ์เย็นๆ สบายๆ ตอนนั้นก็เดินไป ถ่ายรูปไป เห็นเก้าอี้ก็ถ่าย หน้าต่างก้ถ่าย เพราะสียวลตาและยวลใจเหลือเกิน ถ่ายๆ ไป ก็มีผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งเดินจูงรถจักรยานเข้ามาหา ตอนแรกยังคิดว่าจะเดินมาว่าอะไรหรือเปล่าเนี่ย เพราะฉันเล่นยืนกลางถนนกดแชะๆ อย่างเดียว แต่ก็ดูแล้วนาว่าไม่มีรถวิ่ง แต่ก็คงกลัวลบไปเฉยๆ นั่นล่ะ เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นเค้าเดินมาแล้วก็มาทักทาย แถมเล่าประวัติของตึกยาวเหยียด พร้อมกับเรื่องของริมคลองของเมืองด้วยแหละ เค้าเห็นว่าเราเป็นเอเซีย หน้าตาแปลกๆ เค้าก็คงใจดีแวะมาเป็นทูตสันทวไมตรีและทูตการท่องเที่ยวให้ฟรีไม่คิดเงินนั่นล่ะ
อากาศดีได้เดินทุ่ง อากาศดีได้เดินเล่นในเมือง แถมได้เนื้อม้ามาลองกินเป็นมื้อเย็น ... นี่ยังไงล่ะ อากาศดีก็เป็นแบบนี้แล
อากาศดีก็เลยเป็นแบบนี้แหละ ขนาดได้เนื้อม้ามากินยังหัวเราะเอิ๊กอ๊าก และ ฮี่ๆๆๆ เหมือนม้าเลย
|
เห็นรองเท้าไม้แล้วนึถถึงเพลงที่เรียนตอนเด็กๆ ที่เกี่ยวกับผู้หญิงชื่อคลาเมนไทน์ ใส่รองเท้าเบอร์ 9 ท่าทางจะหนักน่าดูนะครับ
จขบ. สบายดีนะครับ