วันเพ็ญเดือนสิบเอ็ด
เที่ยงของวันเพ็ญเดือนสิบเอ็ดที่ผ่านมา...หลังจากที่ได้หน้าดำคร่ำเครียดกับงานมาครึ่งค่อนวันแล้ว ฉันกับพี่ๆในที่ทำงานก็เกิดอาการอยากพิสูจน์บั้งไฟพญานาคด้วยตัวเอง งานในวันเพ็ญเดือนสิบเอ็ดที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้น บั้งไฟพญานาคที่หนองคาย แต่ถ้าให้เราวิ่งรถไปถึงหนองคายคงจะแย่ อีกงานก็คือ...งานไหลเรือไฟที่นครพนม อันนี้จะให้เราวิ่งรถไปถึงนครพนมในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็แย่เหมือนกัน...พี่คนหนึ่งเอ่ยว่า นี่ๆๆ ที่อุบลฯก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเหมือนกันนะที่โขงเจียมไปกันไหม วันนั้นเลยตัดสินใจได้ว่าเราจะไปกางเต้นท์นอนริมแม่น้ำโขงที่โขงเจียมอุบลฯกัน เมื่อสรุปได้เช่นนั้นเราก็ได้รวบรวมพลพรรคอยากเที่ยวในวันเพ็ญเดือนสิบเอ็ดทันที นับรวมๆแล้วได้แปดคนพอดิบพอดีไม่มีขาดมีเกิน (เอ่อ...ถ้าขาดถ้าเกินจะเป็นไงหว่า แหะๆ) บ่ายสามพลพรรคที่รักการเที่ยวได้หนีงานไปเตรียมตัวเดินทางกัน แล้วรวมพลกันหลังจากนั้น เครื่องดื่มพร้อม อาหารก็พร้อมเช่นเดียวกัน คนก็พร้อมแล้วเราก็ออกเดินทางกันเลย เราเดินทางโดยรถกระบะกัน ตอนแรกจะเอารถไปสองคันคือกระบะหนึ่ง เก๋งหนึ่ง แต่คิดไปคิดมาคนก็แค่นี้ไปคันเดียวก็คงจะพอ คนที่รักการดริงค์เป็นชีวิตจิตใจเลือกที่จะนั่งกระบะหลัง ส่วนฉัน...ไม่ถูกกับ L-ก-ฮ เท่าไหร่เลยเลือกที่จะนั่งข้างหน้า ที่ไปนี่ก็เพียงเพราะอยากเห็นกับตามากกว่าว่าที่เขาร่ำลือกันนั้นเป็นจริงหรือไม่ และเลือกที่จะขบเคี้ยวอย่างอื่นมากกว่า ประมาณสองทุ่มเราเดินทางไปถึงโขงเจียม มุ่งหน้าไปยังที่ๆเค้าบอกว่ามีบั้งไฟพญานาคขึ้น อันนี้เห็นว่าออกโฆษณาทางทีวีด้วย เมื่อใกล้ที่จะถึงนั้น...โอ้ย รถติดมากมาย รถติดยาวเป็นสิบกิโลเลยก็ว่าได้ นึกว่ามีแต่เราที่อยากพิสูจน์เท่านั้น ที่ไหนได้คนเป็นหมื่น! รถค่อยๆกระดึ๊บๆไปทีละนิดๆ กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ปาไปเกือบห้าทุ่มแน่ะ เมื่อไปจับจองพื้นที่ได้เราก็ทำการกางเต้นท์ที่หลับที่นอนกันทันที ปูเสื่อเอาอาหารพร้อมเครื่องดื่มออกมานั่นกินกัน สายตาก็จับจ้องไปที่กลางแม่น้ำโขงเพื่อรอการพิสูจน์... อ้อ...เล่าข้ามไป ตอนเวลารถติดนั้น สาวๆอย่างเราๆเลยลงเดิน พี่ที่ขับรถบอกว่าเดี๋ยวค่อยโทรหากันก็ได้ เราเลยพากันลงเดิน ระยะทางที่เดินประมาณสี่กิโลเลยก็ว่าได้ เราไปถึงจุดชมจุดแรก (ในตรงนั้นจะมีจุดชมห้าจุด แต่ละจุดห่างกันประมาณหนึ่งถึงสองกิโล) เราสี่คนก็นึกว่ามีจุดชมแค่จุดเดียวเลยพากันไปหาที่ทำเลดีๆในการนั่งชม โอ้...แม่เจ้ารถก็ติดคนก็เยอะ เราไปยืนได้ไม่นานก็มีแสงพุ่งขึ้น โอ้...พระเจ้า คนอื่นเขาแฮเสียงลั่นสนั่น แต่เราสี่คนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า กระซิบกันเบาๆ "เห็น เห็น" ในที่นี้ไม่รู้ว่าที่หนองคายจะเป็นยังไง แต่ที่เราไปดูที่โขงเจียม อุบลฯนั้น ขอไม่กล่าวถึงก็แล้วกันนะ เฮ้อ! ไม่น่าเล้ย... แต่ที่อยากเล่าเพราะตลกก็คือ เมื่อเราไปอยู่ตรงจุดแรกนานพอสมควรแล้ว ก็เลยจะโทรหาคนที่อยู่ในรถเพื่อจะบอกถึงที่ตั้งของเรา แต่...โทรศัพท์ดันไม่มีคลื่น ไม่ว่าจะเป็นของระบบไหนๆก็ตาม ตายๆๆ แล้วคืนนี้เราจะหากันเจอไหมละเนี่ย คนก็เยอะรถก็แยะ พยายามติดต่อกันอยู่นานสองนาน ยังไงก็ไม่ติด พี่ที่อยู่กับรถเลยส่งข้อความมาเพื่อมาบอกว่าตอนนี้รถวิ่งถึงตรงไหน โอ้แม่เจ้าจากที่ๆพี่เค้าส่งข้อความมาบอกกับที่ๆเราอยู่กันนั้นมันคนละที่เลยแย่ละซิ... โทรก็โทรไม่ติดจะหากันเจอไหมละคืนนี้ เราสาวๆสี่คนมองหน้ากันทันที แล้วรีบไปถามเลยว่าที่ๆพี่เค้าส่งข้อความมานั้นอีกไกลไหม ได้รับคำตอบว่า...อีกสี่กิโล โอ้...แม่เจ้า ขออุทานอีกรอบแล้วกัน เรามองหน้ากันเลิ่กลักว่าจะทำยังไงกันดี ในที่สุดก็สรุปได้ว่าเราจะเดินไปแล้วค่อยโบกรถไป แต่ว่า...รถก็ติดเหลือเกินเราจะไปถึงกี่โมงกันละเนี่ย พอโบกรถคันที่หนึ่งได้ นั่งไปสักพัก พอถึงจุดที่สองเค้าก็จอด เราสี่คนก็ลงแล้วโบกรถคันใหม่ พอรถคันที่เราโบกวิ่งไปได้ประมาณหนึ่งกิโลก็จอด ณ จุดที่สาม เราก็โบกรถต่อไปอีกถึงจุดที่สี่รถก็จอดอีก พอโบกอีกคันเพื่อจะไปจุดสุดท้าย พอรถวิ่งไปได้สักพักก็มีพี่สองคนที่อยุ่กับรถวิ่งตามรถคันที่เราสี่คนนั่ง สายตาฉันไวพอสมควรเลยพากันวิ่งลงจากรถคันสุดท้ายไปหาพี่เค้า แต่...เราก็ต้องโบกรถกลับอีกครั้ง เพราะรถของเรานั้นได้จอดไว้จุดที่สาม ห่างจากตรงนั้นประมาณหนึ่งกิโล...คืนนั้นทั้งคืนเราไปโบกรถเล่นกันนั่นเอง 555+ เมื่อไปถึงจุดที่เราจอดรถและทันทีที่หาทำเลตั้งเต้นท์ได้ หลังจากที่จัดการอะไรๆเรียบร้อยแล้ว กินโน่นกินนี่แล้ว ไม่ไหวๆ เที่ยงคืนเลยขอตัวเข้าเต้นท์ทันที พากันพูดหัวเราะสนุกสนานว่า...คิดถึงที่นอนที่บ้านไหมละทีนี้ เอาหน่ะ...คิดซะว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ไปกางเต้นท์นอนริมฝั่งแม่น้ำโขง เหอ-เหอ
คุยกับใจใบเดิม แรม 2 ค่ำ เดือน 11
Create Date : 16 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 22:21:44 น. |
|
25 comments
|
Counter : 431 Pageviews. |
|
|
กล้าหาญฝารถติดไปดูบั้งไฟพญานาคเนี่ยอ่ะนะ แอนไม่เคยไปหรอกแต่ได้ยินเขาว่ารถติดมากๆ อ่านที่คุณเปิ้นเขียนก็รู้แล้วว่าติดแค่ไหน