How to make hot-process soap

อันนี้ลอกมาจากพันทิปทั้งดุ้นนะคะ แล้วจะเอาไปปักหมุดไว้ข้างบนนะคะ

เป็นไงคะ ดิฉันไปทำงานหลายวันคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า ไม่ได้เข้ามาหลายวันฝีมือการทำสบู่ของแก๊งสบู่นั้นก้าวหน้าไปถึงไหนถึงไหน ดีค่ะ ทำกันไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อเลิกฮิตเลิกทำเสียก่อนล่ะ

เมื่อฝีมือการทำสบู่ซีพีแกร่งกล้ากันโดยถ้วนหน้าแล้ว ก็ต้องมีการท้าทายกันหน่อยสิ ดิฉันว่าเรามาหัดทำสบู่แฮนเมดอีกแบบดีกว่าค่ะ สบู่ที่ว่านั่น ชาวบ้านร้านตลาดเรียกกันว่า Hot-Process Soap หรือสั้นๆว่า สบู่เอชพี

ขอบอกก่อนนะคะว่า ไอ้ที่เอามาตั้งกระทู้วันนี้นั้นเขียนไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้เอามาลงเพราะไม่มีเวลา แต่นางสาวแต้วมังกี้โบนได้กระโดดข้ามขั้นทำไปแล้ว เร็วเป็นลิงเลยสาวแต้วคนนี้

สบู่นี้ทำไว้สองสามปีแล้ว เอารูปมาให้ดูว่าหน้าตาสบู่เอชพีเป็นยังไง





สบู่เอชพีมีข้อแตกต่างกับสบู่ซีพีที่เราทำหลายอย่างมาก ชื่อก็บอกแล้วว่าสบู่เอชพีนั้นใช้ความร้อนเข้ามาช่วยในการเร่งให้เกิดกระบวนการ saponification ให้เสร็จสมบูรณ์ภายในชั่วโมงสองชั่วโมง แต่สบู่ซีพีเราต้องรอถึง 3-4 อาทิตย์ให้กระบวนการเสร็จสมบูรณ์ อยากจะใช้ก็ใช้ไม่ได้ กลัวโซดาไฟกัด

แต่สบู่เอชพีนี้ ทำเช้าเอาไปใช้อาบน้ำตอนบ่ายได้สบายมากค่ะท่านผู้ชมเพราะความร้อนในการทำเร่งกระบวนการสมบูรณ์แล้ว แต่ให้ดีนะ เอาไปเอจสัก 2 อาทิตย์จะดีมากเพื่อให้น้ำระเหยออกมาจากก้อนสบู่ให้มากกว่านี้หน่อย





ข้อดีของสบู่เอชพีมีอยู่ที่

-อย่างที่บอก ทำออกมาเร็วทำเช้าอาบน้ำบ่ายได้ ทำขายก็ได้ตังค์เร็ว ไม่ต้องรอ3-4 อาทิตย์อย่างซีพี

-ดิฉันว่าทำเสวิร์ลออกมาสวยกว่าสบู่ซีพี โอกาสเจ๊งน้อยกว่า ลายเสวิร์ลออกมาชัดเข้มกว่าด้วย

-อันนี้ดิฉันสังเกตเอาเองนะคะว่า สบู่เอชพีฟองเยอะกว่าสบู่ซีพี ทั้งๆที่สูตรเดียวกัน สบู่เอชพีจะมีฟองเยอะกว่าแบบท้วมท้น

-การทำสบู่เอชพีนั้นจะใช้เวลาทำน้อยกว่าสบู่ซีพี ไม่ต้องรอให้โซดาไฟกับน้ำมันเย็นตัวลง แบบผสมโซดาไฟเสร็จให้ละลายจนหมดแล้วเทลงน้ำมันเลย เหมาะกับคนใจร้อนอย่างยิ่ง อ้อ ต้องใช้สากไฟฟ้านะคะงานนี้ ใช้มือไม่รุ่งค่ะ สะใจคนใจร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก

-ที่สำคัญที่สุด ใช้เอฟโอกับอีโอไม่เปลืองเหมือนสบู่ซีพี แบบครึ่งต่อครึ่ง เพราะตอนใส่เอฟโออีโอนั้น เป็นตอนที่น้ำมันกับโซดาไฟได้ saponify เรียบร้อยแล้ว

เพราะสาเหตุนี้ด้วยนะทำให้เราสามารถใช้เอฟโอที่เร่งเทรซในสบู่ซีพีอย่างที่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เอฟโอต่างๆที่ซื้อมาจากฮงฮวดหรือที่อื่นๆแล้วเร่งเทรซใช้ทำสบู่ซีพีไม่ได้ เอามาทำสบู่เอชพีค่ะ อย่าทิ้ง เสียดายตังค์





มาถึงข้อเสียของสบู่เอชพีกันบ้าง

*เนื้อไม่เนียนสวยเหมือนสบู่ซีพีค่ะ ถ้าเทลงพิมพ์ไม่ดี สบู่จะมีรูอากาศเล็กๆอยู่ แต่ถ้าทำไปนานๆแล้วจะเกิดประสบการณ์ บางคนทำสบู่เอชพีนี่ดูไม่รู้เลยนะ

*สบู่เอชพี ถ้าทิ้งไว้นานๆจะมีการหดตัว เพราะเวลาทำไม่มีการลดน้ำเลย จะเสียรูปทรงเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร

*อันนี้ดิฉันสังเกตเองว่า สบู่เอชพีนั้นใช้อาบน้ำแล้วหมดเร็วกว่าสบู่ซีพี อาจจะเป็นเพราะเรื่องไม่ลดน้ำนี่เอง





การทำสบู่เอชพีนั้น ทำได้หลายวิธีค่ะ บ้านใครมีอุปกรณ์แบบไหนใช้แบบนั้นนะคะ ขอรวบยอดนะว่ามีวิธีแบบไหนมั่ง

**OHP หรือ Oven Hot Process คือการทำสบู่ในเตาอบที่เราอบเค้กนี่ล่ะค่ะ นี่คือวิธีที่ดิฉันทำเพราะว่าที่บ้านมีเตาอบอยู่แล้ว แล้วเตาอบประเทศนี้อันใหญ่เท่าบ้าน เอาหม้อสบู่ใส่เข้าไปยังมีที่เหลือเฟือ

คนที่ทำสบู่เอชพีแบบ OHP เก่งที่สุด ดิฉันว่าคือแม่นางโลวิน่า เจ้าหล่อนมีเวบสอนทำสบู่เอชพีที่นี่ ไปดูกันได้เลยนะ

//www.lovenaonline.com/soapmaking/OHPswirl1.html





**DBHP หรือ Double Boiler Hot Process ถ้าที่บ้านคุณไม่มีเตาอบใหญ่พอที่จะใส่หม้อสบู่เข้าไปได้ ทำแบบดับเบิ้ลบอยเลอร์ก็ได้ค่ะ ง่ายๆก็คือ คุณต้องมีหม้อสองหม้อ หม้อใบใหญ่ 1 หม้อ หม้ออีกใบเล็กพอที่จะวางลงในหม้อใบใหญ่ได้อีก 1 หม้อ หม้อใบเล็กนี่เอาไว้กวนสบู่นะคะ ส่วนหม้อใบใหญ่ ใส่น้ำให้เต็มวัดได้สัก4-6นิ้ว แล้วเปิดไฟให้ร้อนแบบเดือดปุดๆนะคะ ไม่ใช่เดือดพล่านนะคะ

ขอบอกก่อนว่าทั้งสองวิธีนี้ ต้องใช้หม้อที่มีก้นค่อนข้างลึกนะคะ แบบหม้อต้มพาสต้า หรือหม้อที่ฝรั่งเรียกว่า stock pot หม้อแขกก้นตื้นๆนี่ทำไม่ได้นะคะเพราะว่าสบู่จะขยายตัวขึ้นมามากๆจนถึงปากหม้อเลยค่ะ ถ้าไม่มีอนุญาตให้ไป”ขอยืม”หม้อในครัวของคุณแม่มาทำได้ เพราะทำไปๆมันก็คือสบู่น่ะค่ะล้างออกสะอาดหมดจด

ใครจะทำแบบนี้ ให้เข้าไปดูที่เวบของเฮเลนนะคะ เจ้าหล่อนทำสบู่เอชพีได้สวยที่สุด ดูแล้วไม่รู้เลยว่าเป็นสบู่เอชพี ดิฉันเคยสว๊าปสบู่กับเจ้าหล่อนมาแล้ว ในเวบของเฮเลนสอนการทำอย่างละเอียด

//www.zensoaps.com/hpsoap.htm





**CPHP หรือ Crock Pot Hot Process คร็อคพอร์ตนี่ก็ slow cooker คือหม้อแบบหนึ่งของฝรั่งขี้เกียจทำกับข้าวทั้งหลาย เป็นหม้อที่มีความร้อนต่ำแต่สามารถตั้งเวลาได้นานๆ แบบว่าเช้าขึ้นมาก่อนไปทำงาน เอาน้ำใส่หม้อหน่อน เอาเนื้อสดใส่ลงไปตามด้วยเครื่องเทศ มันฝรั่งแครอท


แล้วเปิดคร็อคพอร์ตตั้งไว้ 8 ชั่วโมง กลับมาจากทำงานเย็นนั้นก็มีสตูร์เนื้อไว้กินอ่ะค่ะ เมืองไทยมีชื่อเรียกเฉพาะแล้วช่วยบอกด้วยนะคะ ทำสบู่เอชพีในหม้อนี้ได้ค่ะ อาจจะใช้เวลามากกว่าวิธีข้างบนนิดหน่อยเพราะความร้อนที่ตั้งได้จะต่ำกว่า

คนทำ CPHP สวยๆมีไม่มาก เอาเวบนี้ไปละกัน

//gracefruit.blogspot.com/2006/01/cro...p-tutorial.html





เริ่มวิธีทำ OHP เลยนะคะ

*ชั่งน้ำมันทุกตัวลงหม้อตามแบบสบู่ซีพี สูตรสบู่เอชพีเหมือนสบู่ซีพีค่ะ ไม่มีความแตกต่างกัน





*ชั่งน้ำ อันนี้สำคัญมากนะคะ
***ทำสบู่เอชพีไม่ต้องลดน้ำ ไม่ว่ากรณีไหนๆ***

เพราะเวลาเอาสบู่ตั้งในดับเบิ้ลบอยเลอร์หรือเอาเข้าเตา จะสูญเสียน้ำมากกว่าทำสบู่ซีพีค่ะ เอาเป็นว่าอย่าลดน้ำนะ

*ชั่งโซดาไฟแล้วคนให้เข้ากัน ให้แน่ใจว่าละลายจนหมด





*พอละลายโซดาไฟจนหมดแล้ว น้ำมันไม่ต้องร้อนมากนะคะเอาพอน้ำมันละลายเข้าด้วยกันแบบทำสบู่ซีพี เทโซดาไฟลงน้ำมันเลยทั้งๆที่ร้อนๆอย่างนั้นล่ะค่ะ ไม่ต้องรอให้น้ำมันหรือตัวโซดาไฟเองเย็นตัวลง ไม่งั้นเขาจะเรียกว่า Hot process soap เหรอคะ สะใจคนใจร้อนมั้ย

ถึงตอนนี้ถ้าใครที่เมืองไทยหาซื้อ sodium lactateมาได้ ให้ใส่ในสบู่ประมาณ 15กรัมต่อน้ำมัน 500กรัม ใส่หลังจากเทโซดาไฟลงน้ำมันแล้วนะคะ ที่ใส่ sl ลงไปเพราะมันทำให้สบู่แข็งโป๊กค่ะ เราไม่ได้ลดน้ำเลยใช่เปล่า สบู่ตัดออกมาจะนิ่มสักหน่อย ไม่มีไม่เป็นไรค่ะ เอาไปตากสักสองอาทิตย์ก็แข็งค่ะ





*ถ้ายังไม่สะใจนะ ไปงัดสากไฟฟ้ามาเลย แล้วจัดการปั่น ปั่น ปั่น สบู่จนถึงเฮวี่เทรซ ต้องแน่ใจว่าถึงเฮวี่เทรซจริงๆนะคะให้เป็นสังขยาเลย ปั่นสัก 5-15นาทีค่ะกว่าจะเป็นสังขยา(แล้วแต่ว่าแบชใหญ่แบชเล็กนะคะ) ไม่งั้นพอเจอความร้อนแล้วไม่เวิร์คค่ะ





ปั่นให้เป็นสังขยาอย่างนี้เลยนะ





*ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าคุณทำเอชพีแบบใส่เตาอบเหมือนดิฉันแบ่งสบู่ที่เฮวี่เทรซแล้วออกมาใส่หม้อเล็กที่มีสีเตรียมอยู่แล้ว คนให้เข้ากัน แล้วนำสบู่ทั้งสองหม้อ(หรือสาม ถ้าใส่สีมากกว่า 1 สี) ปิดฝาเสีย(อันนี้สำคัญ)ไปใส่เตาอบซึ่งเปิดไฟเอาไว้ต่ำๆที่ 180-210 ฟาเรนไฮด์แบบเตาใครเตามันนะคะ

180-220 ฟาเรนไฮด์นี่ไฟอ่อนๆไม่ร้อนมากค่ะ ถ้าบ้านคุณเตามีที่ปรับเป็นระบบเซลเซียส ให้เอาฟาเรนไฮด์ไปคอนเวิร์ดก่อนนะ ให้ได้ 180-210 ฟาเรนไฮด์ ถ้าความร้อนต่ำสุดร้อนไปกว่านี้อย่าทำค่ะ เดี๋ยวสบู่เดือดแล้วล้นออกมานอกหม้อ(ในเตาอบ)





ข้างบนแบ่งสบู่ออกมาใส่หม้อเล็กสองหม้อ หม้อหนึ่งใส่สีเขียวอย่างนี้





อีกหม้อใส่สีส้ม อย่างนี้





ปืดฝาหม้อสบู่ทั้งสาม แล้วเอาเข้าเตาเลย





อันนี้นอกเรื่อง ตอนที่ดิฉันสอนคุณแนนนี่ให้เอาสบู่ซีพีเข้าเตาอบให้มันเจล ดิฉันบอกแนนนี่ว่า เปิดเตาอบอุณหภูมิ ต่ำสุดเลยนะแนนนี่ แล้วเอาสบู่เข้าเตา

ปรากฏว่าสบู่คุณแนนนี่สุกคาเตาค่ะพ่อแม่พี่น้อง คุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่า อุณหภูมิต่ำสุดของเตาคุณแนนนี่คือประมาณ 300องศาฟาเรนไฮด์ (เมื่อคอนเวิร์ดแล้วนะเพราะที่บ้านแนนนี่เป็นเซลเซียส) เมื่อเทียบกับเตาบ้านดิฉันที่ปรับได้อุณหภูมิต่ำสุดที่ 170 องศาฟาเรนไฮด์

ถ้าทำแบบดับเบิ้ลบอยเลอร์ อย่าเพิ่งแบ่งสบู่ออกมาใส่สี แล้วให้เอาไปใส่ในหม้อใหญ่ที่มีน้ำเดือดปุดๆรออยู่แล้ว ***ห้ามปิดฝา***

***สังเกตนะคะว่า ทั้งสองแบบ ยังไม่ต้องใส่เอฟโออีโออะไรทั้งสิ้นค่ะ****
ถึงตอนนี้ตัวใครตัวมันนะคะ ถ้าคุณทำแบบดับเบิ้ลบอยเลอร์ ให้ไปดูที่นี่เลย แม่นางเฮเลนสอนการทำสบู่เอชพีแบบดับเบิ้ลบอยเลอร์ มีรูปและวิธีทำอย่างละเอียด

*ถ้าทำแบบเตาอบ ติ๊ต่างว่าเวลาผ่านไป 20นาทีแล้วที่สบู่อยู่ในเตา เปิดเตาเช็คสบู่ด้วย ถ้าสบู่เริ่มฟ่องฟูขึ้นมาในหม้อ แปลว่าอุณหภูมิร้อนเกินไป ให้ปรับลงมา แล้วปิดเตารออีก

คอยดูหน้าเตาอบเลยนะเพราะถ้ามันร้อนเกินไปมันจะล้นออกมานอกหม้อลงเตาอบนะคะ เบ็ดเสร็จสบู่อยู่ในเตา 45 นาทีเมื่อถึงตอนนี้





*45นาทีผ่านไปแล้ว เปิดเตาดูสบู่เราอีกหน จะเห็นได้ว่าสบู่ตรงขอบๆเริ่มเปลี่ยนสีเป็นใสๆ นั่นล่ะค่ะสบู่เริ่มเจล ถ้าสบู่ใครถึงตอนนี้ยังไม่เจลตรงขอบรอบนอก ให้เพิ่มอุณหภูมินะคะ เอาทัพพีไม้หรือสแตนเลสหรือพลาสติกคนด้วยค่ะ คนให้เข้ากันให้ดีแล้วปิดเตารออีก 25 นาที





*25นาทีผ่านไป สบู่ในหม้อใหญ่ควรจะเปลี่ยนมาเป็นเจลใสๆทั้งหมด มีลักษณะขลุกขลิก บางทีจะมีเหมือนน้ำมันลอยอยู่ข้างบนเล็กๆ ไม่ใช่น้ำมันค่ะ นั่นแหละกลีเซอรีนที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นล่ะ ถ้าสบู่ยังไม่เปลี่ยนเป็นเจลทั้งหมด ปิดเตาแล้วรออีก 20นาทีจนสบู่เจล

*เอาเป็นว่าสบู่ดิฉันเจลหมดแล้วนะคะ เอาออกมาจากเตาเลยค่ะ เอามาวางไว้ข้างนอกให้หายร้อนสักหน่อย สัก 5 นาที แง้มๆฝาของหม้อใหญ่ไว้ก็ได้ เพราะถ้าสบู่ร้อนเกินไปเวลาใส่เอฟโออีโอ จะระเหยไปตามความร้อนหมดค่ะ





*5นาทีผ่านไปแล้ว เอาอีโอเอฟโอที่ชั่งเตรียมไว้แล้วเทใส่แล้วคนเร็วๆให้เข้ากัน อย่ามัวแต่รอช้าเพราะสบู่จะเย็นตัวแข็งก่อนเทลงพิมพ์





เอฟโออีโอที่เทใส่ ไม่ต้องใส่เยอะเหมือนสบู่ซีพีนะคะ (สำหรับสบู่ซีพี ดิฉันใส่ประมาณ.7-1ออนซ์ต่อน้ำมันประมาณ 500 กรัม)ใส่ประมาณ ครึ่งหนึ่งของที่ใส่สบู่ซีพีค่ะ

เหตุผลคือ สบู่ของเราได้ความร้อนสูง กระบวนการsaponification เสร็จสมบูรณ์แล้ว โซดาไฟที่เป็นศัตรูตัวสำคัญของเอฟโออีโอได้กลายเป็นสบู่ไปพร้อมๆกับน้ำมันแล้วค่ะ

และถ้าคุณซื้อเอฟโอที่เร่งเทรซมา ทำสบู่ซีพีแล้วออกมาสบู่แยกบ้างเทลงพิมพ์ไม่ทันบ้าง เอามาทำสบู่เอชพีเลย ไม่มีการเร่งเทรซ เพราะเทรซไปแล้วเมื่อชาติที่แล้วตอนเราใช้สากไฟฟ้าปั่น จำได้เปล่า





*ถึงตอนนี้ ถ้าคุณทำสบู่เสวิร์ลแบบดิฉัน ให้เอาสบู่ที่ใส่สีไว้ตั้งแต่ตอนแรก มาเทพรวดลงไปในสบู่หม้อใหญ่เลย แล้วใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน คนมากสีก็เข้ากันมา คนน้อยก็เข้ากันน้อย สวยคนละแบบ คนเสร็จแล้วรีบเทใส่พิมพ์เลย กวาดให้หมดนะคะแล้วอย่าช้า สบู่จะเย็นตัวเสียหมด





คนเข้าไป อย่ามัวรอช้า สบู่จะเย็นหมด





*ถึงตอนสำคัญค่ะ พอเทสบู่ใสพิมพ์แล้ว ได้เวลากระแทกพิมพ์กับพื้น กระแทกๆๆๆๆๆหลายๆหนนะคะให้สบู่เซทตัวเหมือนดิฉันเวลาโกรธสามี ชั้นบอกให้ไปซื้อผักชีแล้วทำไมไปซื้อสะระแหน่มาห๊า(นี่เรื่องจริง)

เหตุที่ต้องกระแทกก็เพราะสบู่เอชพีมันเป็นเจลเวลาเทลงพิมพ์ค่ะ ไม่ใช่เป็นน้ำ ถ้าไม่กระแทกจะมีฟองอากาศในสบู่ที่ตัดออกมาเยอะมากๆ

เพราะฉะนั้น ควรจะทำเอชพีในพิมพ์ไม้หรือกล่องแข็งแรงที่พอกระแทกได้นะคะ กล่องพลาสติกบางๆทำเอชพีไม่เวิร์คค่ะเพราะสบู่มันร้อน และจะติดแหง่กในพิมพ์เอาไม่ออก ถ้าเป็นพิมพ์ไม้ต้องหากระดาษข้าวมันไก่รองก่อนนะคะ

ที่เอาพลาสติกแร็ปวางลงบนสบู่ เพราะเวลากระแทกพิมพ์สบู่ร้อนๆจะได้ไม่กระเด็นเข้าหน้าค่ะ พอกระแทกเสร็จแล้วเอาออกนะ





*เสร็จแล้ว ทิ้งสบู่ไว้ในพิมพ์จนเย็น ไม่ต้องหาอะไรมาปิดหน้านะคะ พอเย็นตัวจริงแล้วตัดได้เลยค่ะ ใครอยากอาบน้ำเดี๋ยวนั้นขออัญเชิญเพราะมันคือสบู่สมบูรณ์แล้ว แต่จะให้ดีนะ เอาไปเอจไว้สัก 2 อาทิตย์ เพราะมันมีน้ำอยู่อีกมาก ให้น้ำในสบู่ระเหยไปเสียหน่อย





สบู่เอชพีต่างกับสบู่ซีพีตอนล้างหม้อด้วยค่ะ สบู่ซีพีตอนล้างหม้อ หม้อจะมันแพล่บ (ดิฉันยัดใส่เครื่องล้างจาน ไม่ได้ล้างเอง ขี้เกียจ) แต่สบู่เอชพีนะคะ พอล้างหม้อนะ ฟองจะฟ่อดเลยค่ะ ไม่ต้องใส่ผงซักฟองเป็นข้อพิสูจน์ว่า สบู่เอชพีที่เราทำนั้นเป็นสบู่โดยสมบูรณ์แล้วในระยะเวลาอันสั้น

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551		11 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 22:24:27 น.
Counter : 12093 Pageviews.
Share Tweet