เด็กกับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
เด็กกับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก | | ขอนำเนื้อหาเรื่องนี้จากผู้จัดการรายวัน มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ในปัจจุบันมีวัคซีนจำเป็นที่สามารถป้องกันโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพหลายชนิด เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก ถือเป็นการลงทุนระยะยาวทางด้านสุขภาพให้แก่พลเมืองของประเทศที่คุ้มค่า ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและป้องกันความเจ็บป่วยหรือพิการอันเกิดจากโรคต่างๆ โดยต้องจัดสรรให้เด็กทุกคนได้รับอย่างทั่วถึง เท่าเทียมโดยไม่ต้องหาซื้อเอง สำหรับเด็กไทยได้รับวัคซีนที่จัดสรรให้แก่เด็ก ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)ได้แก่ คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน(DTP)ตับอักเสบบี (HBV)หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม(MMR) วัณโรค (BCG)ไข้สมองอักเสบเจอี (JE)อีกทั้งยังมีวัคซีนที่ WHO แนะนำสนับสนุนควรต้องให้ในเด็กแข็งแรงทุกคนและทุกประเทศได้แก่ วัคซีนฮิบ (H.influenzae type b: Hib)โรต้าไวรัส(Rota) นิวโมคอคคัส(PCV)มะเร็งปากมดลูก (HPV) ตับอักเสบเอ (HAV) ไอกรนไร้เซล(Acellular pertussis) อีสุกอีใส(VZV)ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) แต่การให้วัคซีนจำเป็นแก่เด็กไทยเพื่อป้องกันโรคดังกล่าว กลับถดถอยลงอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆโดยรอบประเทศไทยโดยวัคซีนที่ควรต้องรีบผลักดันให้เด็กไทยได้รับโดยเร็วที่สุด ได้แก่วัคซีนฮิบ ซึ่งเป็นเพียง 1ใน 2 ประเทศสุดท้ายในโลกนี้ที่ไม่ได้ให้วัคซีนนี้แก่เด็กรวมถึงวัคซีนโรต้าป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กวัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด 2 เข็ม ปัจจุบันให้เพียง 1 เข็มซึ่งเป็นขั้นต่ำสุดตามแผนกวาดล้างโปลิโอของ WHO นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีกหลายชนิดที่เด็กไทยควรได้รับเช่น วัคซีนนิวโมคอคคัสตับอักเสบเอไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนอีสุกอีใสซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาให้ความสำคัญที่จะหาทางจัดสรรมาให้เด็กไทย สำหรับโรคมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papiloma Virus) จากการมีเพศสัมพันธ์ ในปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ได้แล้ว วัคซีนสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกในสตรีได้ดีมาก และมีความคุ้มค่าสูงดังนั้นผู้หญิงทุกคนที่ยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ควรได้รับพิจารณาให้ได้รับวัคซีนตัวนี้ ซึ่งขึ้นทะเบียนให้ใช้ในเด็ก ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนกระทั่งถึงผู้ใหญ่อายุ 26 ปี ในการฉีดวัคซีนถ้าฉีดก่อนอายุ 15 ปีฉีดเพียง 2 เข็ม คือห่างกัน 6 เดือน แต่ถ้าฉีดหลังอายุ 15 ปีต้องฉีด 3 เข็ม ถ้าฉีดวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์วัคซีนนี้จะมีประสิทธิภาพป้องกันได้ดีที่สุดแต่ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็สามารถฉีดได้ แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลงไป ได้ผลดีไม่เท่ากับผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ สำหรับผู้ชาย ก็ควรฉีดด้วย เพราะวัคซีนนี้ยังป้องกันมะเร็งอวัยวะเพศของผู้ชายได้ดีด้วย และยังช่วยลดการติดต่อเชื้อ HPV ไปยังผู้ผญิง สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจมีอาการปวดบวมแดงร้อนบริเวณที่ฉีด เจ็บ มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไม่มีอันตรายใดๆ โดยเหตุที่โรคมะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อHPV จากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นแม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้และแม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกจะมีประสิทธิภาพป้องกันได้สูง 70 - 90% แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องป้องกันโดยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย ได้แก่ การไม่มีคู่นอนหลายคน และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) เป็นระยะ เพราะเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัส HPV เข้าไปแล้ว เชื้อไวรัสจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเซลล์ของปากมดลูกกลายเข้าสู่ระยะมะเร็ง ดังนั้นหากเรามีการตรวจพบระยะที่เซลล์มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราไปจี้ทำลายรอยโรคตรงนั้นก่อนที่จะกลายไปเป็นมะเร็ง ก็จะสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนที่จะให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกกับเด็กผู้หญิง ป.5 ทุกคน โดยจะเริ่มฉีดในปีหน้า ในปัจจุบันนี้โรงเรียนต่าง ๆ เห็นความสำคัญมากขึ้น และมีโครงการของกรุงเทพมหานครให้เด็กวัยรุ่นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ด้วยอย่างไรก็ดี วัคซีนนี้มีความสำคัญมาก ดังนั้นเด็กตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไปควรได้รับวัคซีนนี้ แม้ว่าจะอยู่นอกเหนือโครงการที่จะจัดสรรวัคซีนฟรีให้โดยกระทรวงสาธารณสุขก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรพาบุตรหลานทั้งหญิงและชายที่เป็นวัยรุ่นมาฉีดวัคซีนนี้ *********
Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 21:38:18 น. |
|
1 comments
|
Counter : 760 Pageviews. |
|
|
|
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ