<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
18 กุมภาพันธ์ 2559
 

รู้เท่าทันโรคลมชัก

รู้เท่าทันโรคลมชัก

ขอนำเนื้อหาความรู้นี้จากกรุงเทพธุรกิจรายวัน มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา
กรมการแพทย์แนะผู้ใกล้ชิดที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลมชักไม่เอาสิ่งของใดๆ ใส่ปากผู้ป่วยขณะชัก และควรรีบนำผู้ป่วยพบแพทย์ใกล้บ้านที่สุด

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคลมชัก เกิดจากสมองที่ผลิตกระแสไฟฟ้า (คลื่นสมอง) ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น เกร็งกระตุกเหม่อลอย ทำอะไรไม่รู้ตัว เป็นต้น เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น เนื้องอกสมอง เนื้อสมองผิดปกติแต่กำเนิด บาดเจ็บของสมองจากอุบัติเหตุ พันธุกรรม การได้รับสารพิษต่างๆ เป็นต้น

ปัจจุบัน ครึ่งหนึ่งของโรคลมชักยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้จะมีอาการชักบ่อย จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากอุบัติเหตุขณะชัก มีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี เนื่องจากต้องหยุดกิจกรรมต่างๆ ไม่สามารถไปโรงเรียนหรือทำงานได้ โรคลมชักจึงเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและทั่วโลก อุบัติการณ์ประมาณ 20-50 ต่อแสนประชากร ประมาณ 70% ของผู้ป่วยจะอยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี หรืออยู่ในช่วงวัยเด็ก ถึงวัยรุ่น

ผู้ป่วยโรคลมชักมีการเสียชีวิตก่อนอายุขัยมากกว่าคนทั่วไป 2-6 เท่า โดยในปี 2557 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization –WHO) ได้รายงานว่า โรคลมชักเป็นหนึ่งในโรคที่ก่อให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาทอย่างรุนแรงได้บ่อยมากที่สุดและมีผลต่อทุกอายุและโรคลมชักเป็นภาระของโลกที่ต้องการความร่วมมือระดับประเทศเพื่อรับมือกับผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม และความรู้ในระดับสาธารณะ และหากได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม มากกว่า 75% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคลมชักสามารถมีชีวิตเช่นคนปกติปราศจากอาการชัก

อย่างไรก็ตามยังพบว่า 90% ของผู้ป่วยโรคลมชักทั่วโลกที่อาจจะไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาให้ถูกต้องหรือเพียงพอ และข้อมูลสถาบันประสาทวิทยาปี พ.ศ.2555 พบว่าในประเทศไทย 57% ยังมีปัญหาในการเข้าถึงของผู้ป่วยโรคลมชักในการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นสถาบันเฉพาะทางด้านระบบประสาท จึงได้จัดตั้งศูนย์โรคลมชัก เพื่อพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคลมชัก วิจัย ถ่ายทอดวิชาการ สร้างเครือข่าย เป็นศูนย์รับ-ส่งต่อระดับตติยภูมิเป็นแหล่งอ้างอิงและนำเสนอนโยบายด้านโรคลมชักของประเทศ ปัจจุบันสถาบันประสาทวิทยาเป็นศูนย์ผ่าตัดโรคลมชักระดับสูง 1 ใน 5 ศูนย์ของประเทศไทย มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคลมชักที่ดื้อยาและซับซ้อนโดยการผ่าตัด มีผลงานการวิจัยและหลักสูตรถ่ายทอดวิชาการด้านโรคลมชัก เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ องค์กรระหว่างประเทศด้านโรคลมชัก (International League Against Epilepsy) ได้กำหนดวันลมชักโลก (International Epilepsy Day) ขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยกำหนดให้ตรงกับวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี สถาบันประสาทวิทยาจึงร่วมกับสมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทย และสถาบันต่างๆในประเทศไทยที่เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโรคลมชัก จัดงานวันลมชักโลกทั่วประเทศในช่วงเดียวกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจแนวทางในการดูแลรักษาและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคลมชักแก่ประชาชนที่มาร่วมงาน

นายแพทย์อุดม ภู่วโรดม ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคลมชักควรปฏิบัติตัว ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอาการชัก ได้แก่ การอดนอน ดื่มเหล้า ภาวะเครียด การขาดยากันชัก 2.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดอันตรายระหว่างมีอาการชัก เช่น ขับขี่รถยนต์ ว่ายน้ำ ปีนป่ายที่สูง การทำงาน กับเครื่องจักร 3.รับประทานยากันชักสม่ำเสมอ พบแพทย์ตามนัด ไม่หยุดยากะทันหันเพราะอาจเกิดอาการชักรุนแรงได้ สำหรับเด็กวัยเรียนสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ แต่ผู้ปกครองควรแจ้งครูให้ทราบถึงการรับประทานยา และกิจกรรมที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นขณะชัก สำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่เป็นโรคลมชักสามารถแต่งงานมีบุตรได้แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์เพื่อการปรับยากันชักที่เหมาะสมและการดูแลระหว่างตั้งครรภ์ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อแม่และลูกในครรภ์

ทั้งนี้ ผู้ใกล้ชิดในครอบครัว เพื่อน หรือ ครู ควรจะทำความเข้าใจกับโรคลมชักเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคลมชักได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จึงควรรู้จักการช่วยเหลือผู้ป่วยขณะเกิดอาการชัก คือ รีบจับผู้ป่วยนอนตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ไห้สำลักเศษอาหารเข้าปอด ปลดเสื้อผ้าไม่ไห้แน่นเกินไป จัดการสถานที่ให้โปร่งโล่ง หายใจได้สะดวก ไม่เอาสิ่งของใดๆ ใส่ปากเพื่อกันผู้ป่วยกัดลิ้น เพราะทำอันตรายให้กับผู้ป่วยมากกว่า หลังจากนั้นรีบนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ ทั้งนี้ อาการชักส่วนใหญ่นานไม่เกิน 2 นาที กรณีชักนานควรนำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ปัจจุบันการช่วยเหลือผู้ป่วยชักควรให้หยุดชักภายใน 5 นาที มิฉะนั้น จะมีโอกาสชักรุนแรงขึ้นจนทำลายสมองได้/จบ

................................................................................................................................




Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 16:21:58 น. 1 comments
Counter : 506 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาทักทาย สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
 
 

โดย: nokyungnakaa วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:11:17:58 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

justice0009
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add justice0009's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com