โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันมา 3 ปี และยังเป็นสาเหตุของความ
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกันมา 3 ปี และยังเป็นสาเหตุของความพิการอีกด้วย ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆๆจากกรุงเทพธุรกิจรายวัน
ปัจจุบันรายงานภาระโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย พ.ศ. 2554 โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ พบว่า โรคหลอดเลือดสมองยังครองสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของชายและหญิงไทยติดต่อกันมา 3 ปีนับจากปี พ.ศ.2552 และยังเป็นสาเหตุของความพิการอันดับที่ 2 ในผู้หญิงและอันดับที่ 3 ในผู้ชาย ประมาณการว่ามีประชากรไทยป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง 150,000 คนต่อปี หรือ คนไทยเป็นโรคนี้ 1 รายทุก 4 นาที และเสียชีวิต 1 ราย ทุก 10 นาที
นพ.สุรัตน์ บุญญะการกุล ผอ.ศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง รพ. พญาไท 1 เผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองมีความผิดปกติ ทั้งแบบที่หลอดเลือดสมองอุดตัน และแบบหลอด เลือดสมองแตกทำให้สมองหยุดการทำงานไปอย่างเฉียบพลัน จากการที่สมองไม่มีเลือดไปเลี้ยงหรือมีเลือดออกแทรกทับในเนื้อสมอง ความฉับไวเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาอาการหลอดเลือดสมองอุดตัน หากผู้ป่วยได้รับการสแกนสมองและรับยาสลายลิ่มเลือด ที่ตรงกับกลุ่มอาการโดยเร็วที่สุด จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตหรือพิการจากโรคดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาถึงรพ.เกิน 4.30 ชม. ทำให้ไม่สามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้การรักษาผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งมีปัญหาการจราจรติดขัด
อาการสำคัญของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง คือ หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว แขนไม่มีแรง พูดไม่ซัด พูดอ้อแอ้ หรือพูดไม่ออกเลย อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นทันทีและเฉียบพลัน เมื่อเกิดอาการใดอาการหนึ่งในคนเดียวกัน ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มมีอาการ เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากยิ่งผ่านไปนานสมองจะยิ่งขาดเลือด อันเป็นที่มาของการเสียชีวิตและความพิการ หรือที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักประสบคือ การเป็นอัมพาต จึงกล่าวได้ว่าทุกเสี้ยววินาทีของผู้ป่วยสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
นพ.สุรัตน์ แนะนำวิธีการป้องกันจากโรคหลอดเลือดสมอง คือ หลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการงดบุหรี่ งดเหล้า ออกกำลังกายกินอาหารอย่างถูกต้องแล้ว การป้องกันที่สำคัญคือการค้นหาว่าตน เองมีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างและหากเกิดอาการข้างต้น ควรจะไปพบแพทย์ในทันที/จบ ...................................................................................................................................
Create Date : 05 ธันวาคม 2558 |
Last Update : 5 ธันวาคม 2558 9:50:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 742 Pageviews. |
|
|
|