แสมตป์ ผู้ชายคนนี้มีดี ที่ความรัก ! - หนุ่มฮอต หนุ่มฮิพ
แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องนำวง เซเว่นธ์ ซีน เจ้าของเพลงดัง ความคิด ที่ทำให้เรารู้จักหนุ่มคนนี้ และวันนี้ แสตมป์ กลับมีชื่อเสียงมากขึ้นอีก เมื่อถูกเลือกมาเป็นหนึ่งในโค้ช ของรายการ เดอะวอยซ์ รายการที่มีเรตติ้งสูงที่สุดอีกรายการหนึ่งของทางช่อง 3 และแน่นอนตามคำเรียกร้องของแฟนเพลงหนุ่มคนนี้ ที่อยากจะรู้จักเขาให้มากขึ้น วันนี้เราเลยจัดให้เต็มที่ ยกพื้นที่ตรงนี้ให้หนุ่มแสตมป์
เดอะวอยซ์ ตั้งแต่มาเป็นโค้ช ในเดอะวอยซ์ ข่าวว่าแสตมป์ คิวทองมาก? ช่วงนี้หยุดงานครับ ผมทำแค่เพลงโฆษณา และทำเดอะวอยซ์ สองอันนี้ก็สุด ๆ แล้วครับ และจากเดอะวอยซ์ ทำให้คนรู้จักผมเยอะขึ้น 99 เปอร์เซ็นต์และทำให้เรารู้ว่าที่ผ่านมากับงานเพลงคนไม่รู้จักเราเลยว่ะ ( หัวเราะ ) แต่งานไม่ได้เยอะขึ้นเพราะเราไม่ได้รับ แต่ไปไหนมาไหนมีคนทักมากขึ้น ทำไมถึงตัดสินใจ ที่จะเข้ามานั่งเป็นโค้ชในรายการ? ตัดสินใจเข้าไปเพราะมีพี่ที่รู้จักโทรฯมาชวน ตอนนั้นก็ปฏิเสธทันควันเลย บอกเลยว่าผมทำไม่ได้หรอกครับ ไม่ชอบรายการทีวี เพราะเราแอ๊คติ้งอะไรไม่เป็น แล้วจากนั้นพี่สังข์ โต๊ะกลม ก็โทรฯมาอีกบอกให้เข้าไปดูรายการของอเมริกา ว่ามันไม่ต้องแอ๊คติ้งอะไรเลย แค่ทำสิ่งที่เราทำ และตอนนั้นที่ดูไปมันมีจุดหนึ่งที่ผมชอบมากคือ โค้ช จะได้จัดโชว์ให้ลูกทีม คือทำอะไรก็ได้ ซึ่งผมว่ามันเป็นการฝึกทักษะที่ดีมากที่จะเป็นการแต่งเพลงเป็นโปรดิวเซอร์ต่อไป และมีโอกาสที่ดีมากที่จะทำให้เรารู้กับการเทสต์จากคนทั่วประเทศเลยว่าโชว์ไหนคนชอบไม่ชอบ ก็เลยโอเคทำสนุกดี แล้วตอนแรกไม่คิดอะไรทำก็ทำ แต่พอทางรายการประกาศไปปุ๊บ คนด่าเละ เราก็อะไร ตายแล้ว เรามันช่างต่ำต้อยจริง ๆ ไม่ได้น้อยใจ แต่แบบถ้าเราทำออกมาไม่ดีเราต้องโดนด่าอีกแล้วผู้ใหญ่ที่ดึงเรามาก็จะโดนด่าด้วย ก็เครียดและกดดันมากตอนนั้น แล้วตอนนี้สบายขึ้นไหม? ก็ไม่เครียด ไม่กดดันเท่าตอนแรก เพราะว่าเทปมันออกไปแล้ว ก็เริ่มมีคนรู้จักเราแล้ว ก็โล่งใจ ก็คิดว่าต่อไปเราต้องทำให้ดี ในการนั่งแท่นโค้ช แล้วต้องคัดเขาออก ตรงนั้นแสตมป์ ใช้อะไรในการตัดสินใจ? คือโค้ช 4 คน แต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันไป ชอบไม่เหมือนกัน ผมก็ใช้รสนิยมของผมตัดสิน คือใช้ความรู้สึกง่ะ คือเราฟังเพลงแบบนี้มา เราชอบสไตล์นี้ คือเหมือนเราฟังเพลงที่น้องเขาร้องออกมาแล้วรู้สึกเศร้าจัง หรือว่าพี่คนนี้ร้องออกมาแล้วเรารู้สึกหวั่นไหวจังเลย ตอนที่เราฟังเพลงวิทยุถูกเปิดออกมาแล้วฟังโอ้...เพลงนี้เพราะจัง โดยที่เราไม่รู้จักคนร้องเลย เราก็ใช้ความรู้สึกแบบนั้นในการกด นักดนตรี กลับมาที่ตัวแสตมป์บ้าง รู้ตัวว่าอยากจะเป็นนักดนตรีตั้งแต่ตอนไหน? ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยครับ รู้สึกว่าตัวเองชอบฟังเพลง แต่ว่าตอนนั้นรู้สึกอยากเล่นดนตรีมากกว่าร้องเพลงมาก ๆ ก็เลยฝึกเล่นดนตรี ชิ้นแรกที่หัดเลยคือ คีย์บอร์ด เพราะที่บ้านไม่มีกีตาร์ ขอพ่อให้ซื้อพ่อก็ไม่ซื้อให้ ก็เลยพยายามที่จะหัดเล่นคีย์บอร์ดให้เสียงมันเหมือนกีตาร์ ก็ไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ผ่านไป 3 ปี พ่อถึงจะซื้อกีตาร์ให้ แล้วมาร้องเพลงตอนไหน? ตอนที่มาเป็น เซเว่นธ์ ซีน ครับ ก่อนหน้านั้นผมเป็นนักดนตรีมาตลอดเป็นมือกีตาร์ยืนด้านขวามาตลอด ตอนเด็ก ๆ คิดว่าตัวเองร้องเพลงไม่ดี เป็นนักดนตรีดีกว่า แล้วพอมาออกเทปคนอื่นร้องกันไม่ได้ ผมก็เลยต้องร้องเพราะว่าร้องได้อยู่คนเดียว ซึ่งมันก็ไม่ได้ดีอะไรมาก จนพอมาเจอพี่บอย โกสิยพงษ์ พี่บอยก็สอนหลาย ๆ อย่าง ทำให้ผมเรียนรู้และพัฒนาตัวเองขึ้นมา เวลาที่เราแต่งเพลง แสตมป์หาแรงบันดาลใจมาจากไหน? มันมักจะมามั่ว ๆ บางทีดูหนังแล้ว เจอตัวละครพูดมาประโยคหนึ่งแล้วมันโดน หรือว่ามันไปลิงก์กับเรื่องอื่น ๆได้ หรือว่า มีใครพูดขึ้นมาแล้วเราจำได้ไม่ลืม ตื่นมาก็ยังจำได้อยู่ ก็เอามาแต่งเพลงได้ แต่ถ้าตื่นมาแล้วลืม ก็แสดงว่าไม่โดน ความคิด ช่วงแรกที่ออกเพลงมาแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มีท้อไหม? มีครับ กว่าจะมีเพลง ความคิด ที่เราพอจะหากินได้ เป็นระยะเวลา 4 ปี ที่จนอยู่เหมือนกัน และเกรงใจคุณแม่ เพราะว่าที่บ้านไม่มีใครทำงาน มีผมอยู่คนเดียว ก็เลยคิดอยู่เหมือนกันว่า เราจะไปทำงานอย่างอื่นไหม แต่ว่าช่วงนั้นก็มีอีกแนวคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันคือ ถ้าเราเป็นนักดนตรีแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ทำอย่างอื่นในวงการแล้วกัน คือเป็นนักแต่งเพลงไปอยู่เบื้องหลังไปเพื่อให้มีเงินหล่อเลี้ยง ในระหว่างที่เรารอความฝันของเรา ผมก็หลบไปเป็นนักแต่งเพลงอยู่ 3-4 ปี แล้วในช่วงนั้นเหมือนได้ฝึกตัวเองด้วย แล้วพอมีเพลงที่ฮิตขึ้นมา ชีวิตก็ดีขึ้นนะ มีงานจ้าง มีรายได้เพิ่มขึ้นมา คุณแม่ก็โอเค ตอนนั้นก็มีกำลังใจขึ้นมา และเหนือสิ่งอื่นใด เกือบจะเลิกทำงานวงเพลงแล้ว แล้ววันนี้มีชื่อเสียงแล้ว เรามองและวางตัวเองไว้ตรงไหนกับวงการเพลง? อยู่กับปัจจุบัน วันนี้เราลง พรุ่งนี้เราขึ้น คือเราอยู่กับปัจจุบันไหลไปเรื่อย ๆ แต่เรามีจุดประสงค์หลักคือ เราอยากทำเพลง เพราะว่ามีอยู่ยุคหนึ่งที่มีเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟัง อย่างยุคเบเกอรี่ ยุคนั้นมีเพลงเพราะมาก ๆ และดังมาก ๆ ให้เราฟัง เราก็อยากจะทำให้ได้อย่างพี่เขา ที่มาทำเดอะวอยซ์ ก็คิดว่าถ้าเราได้ทำแล้ว เราก็จะได้ทำไปเรื่อย ๆ และนาน ๆ เมื่อคนรู้จักเรามากขึ้น เมื่อเราทำเพลงแล้วคนจะฟังเพลงเรามากขึ้น จุดประสงค์หลักที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือ เพื่อจะได้ทำงานที่เรารักต่อเท่านั้นเอง ตอนนี้มีคนรู้จักเรามากขึ้นแล้ว เรียกว่ามีชื่อเสียงมากขึ้น เตรียมตัวรับมันไหมกับการถูกจับตามอง? จริง ๆ ก็บอกตัวเองไว้ว่า จะพยายามทำตัวเองให้ปกติที่สุด ใครจะมาขอถ่ายรูปก็ถ่ายไป แต่เสร็จจากตรงนั้นแล้วเราก็ยังใช้ชีวิตปกติของเราให้มากที่สุด เพราะผมเองไม่ได้ดังขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเรามีชื่อเสียงมากขึ้น เราก็ต้องทำตัวเองให้เท่าเดิมให้ได้ เพราะถึงวันหนึ่งมันต้องเป็นขาลง มันก็จะยังเหมือนเดิมตลอด เคยกลัวตัวเองจะเหลิงไหม? กลัวเหมือนกัน ก็ท่องพยายามท่อง มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมเพราะเวลาลงจะได้ไม่เจ็บ เซนสิทีฟ แสตมป์ตัวจริงเป็นคนโรแมนติกไหม? ตัวจริงไม่ค่อยครับ แต่ผมเซนสิทีฟ เมื่อก่อนเยอะมาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วนะ (หัวเราะ) เมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายต่อทุกสิ่งเร้า ร้องไห้ง่าย โมโหง่าย ใจอ่อนง่าย เดี๋ยวนี้พยายามดีขึ้น ขอถามเรื่องสาว ๆ บ้าง ตอนนี้มีแฟนแล้วยัง? มีแล้วครับ ผมเจอเขาในงานคอนเสิร์ต ตั้งแต่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเลย เขาเป็นเพื่อนของรุ่นพี่ผม แต่เขาอายุน้อยกว่าผม 3-4 ปี เขาเป็นยังไงถึงชนะใจแสตมป์ได้? แรก ๆ ก็มีทะเลาะกันเยอะเหมือนกัน คือใครจะเข้าใจคนอย่างพวกเรา คิดโน่นคิดนี่ เดิน ๆ ไม่คุยด้วยแล้ว หลัง ๆ ผมก็พยายามปรับตัว แต่กว่าจะเข้าใจกันก็นาน มีถึงขั้นที่จะเลิกคบกันหลายครั้ง แต่เวลาทะเลาะกันก็ต่างคนต่างง้อ แล้วก็ปรับความเข้าใจกัน คือผมจะเป็นแบบถ้าเข้าใจแล้วก็เข้าใจเลย ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเลย อย่างผมถ้าเขาเตะได้ถึงจุดที่เข้าใจก็จบเลย อีกอย่างเขาอดทนกับเรามาก ผมก็พยายามที่จะเปิดกับทุกคนนะ แต่ไม่มีใครอดทนจนเข้าใจเราได้ มีแต่เขาที่อดทนจนเข้าใจเรา จะแต่งงานไหม? สักพักหนึ่งครับ คิดว่าไม่น่าจะเกิน 35 หรือเปล่าไม่รู้ แต่ช่วงนี้ผมก็ชอบท่องเที่ยวไปมาอยู่ มาถึงบรรทัดนี้ เราเรียนรู้อย่างหนึ่งว่าผู้ชายคนนี้ มาถึงวันนี้ได้เพราะความรัก เขารักในเสียงเพลง เขารักที่จะแต่งเพลง เขารักในสิ่งที่เขาทำ ทำให้มีแรงใจในการทำงานจนมาถึงวันนี้ และขอบอกว่าเสียดายจริง ๆ ที่พื้นที่ของเราตรงนี้มีจำกัด จริง ๆ เรื่องราวของหนุ่มคนนี้ยังมีอีกเยอะ แต่เชื่อว่าวันหนึ่งโอกาสดี ๆ เราจะเชิญหนุ่มคนนี้มานั่งพูดคุยกับเราอีกครั้งแน่นอน แต่สำหรับเสาร์นี้เราต้องขอเอ่ยคำว่าสวัสดีกันไปก่อนแล้วละจ้า.
กาญจนา สิทธิเม่ง
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 9:02:48 น. |
Counter : 1593 Pageviews. |
|
|
|