:::ปฏิบัติต่อความโกรธด้วยความอ่อนโยน:::

        

ในGroup Blogใหม่นี้ ผมจะขอนำคำสอนที่ทรงคุณค่าของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ มาเขียนให้ผู้ที่แวะมาเยี่ยมอ่านBlogได้อ่านกันนะครับ หลายๆท่านอาจจะยังไม่เคยรู้จักหลวงปู่ เอาไว้ผมจะค่อยๆแทรกประวัติท่านลงมาในBlogต่อๆไปเรื่อยๆนะครับ

                         

หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ (Thich Nhat Hanh) เป็นพระภิกษุชาวเวียดนาม ผู้นำเสนอความคิด พุทธศาสนาต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และพุทธธรรม เป็นสิ่งที่สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิธีชีวิตยุคปัจจุบันได้ (Engage Buddhism)  ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ พระอาจารย์เซน พระมหาเถระในพุทธศาสนามหายานผู้สอนการฝึกสมาธิภาวนา เป็นกวี นักเขียน นักต่อสู้เพื่อสันติภาพและเป็นผู้ก่อตั้ง หมู่บ้านพลัม  (Plum Village) ชุมการฝึกสติที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกครับ

   ส่วนตัวผมในอดีตเคยคิดสงสัยอยู่บ้างว่า เราชาวไทยนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท จะไปศึกษามหายานจะแปลกไปรึเปล่า แต่พอผมได้ศึกษาคำสอนของหลวงปู่ก็เหมือนกับได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ได้พบแก่นที่แท้จริงของศาสนาพุทธครับ

  จริงๆเถรวาทและมหายาน(นิกายเซน)นั้นมีแก่นที่มาเหมือนกัน คือมาจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมนึกถึงคำที่ท่านพุทธทาส ซึ่งท่านเองก็เคยศึกษาและชื่นชมงานของท่านติช นัท ฮันห์เช่นกัน ว่าจะศึกษาพุทธศาสนากันจริงๆจะต้องย้อนไปแก่นพุทธศาสน์ คือย้อนกับไปสมัยพุทธกาล ที่ไม่มีการแบ่งนิกาย การแบ่งแยกนิกายนั้นเกิดขึ้นมาภายหลังครับ

                    

 

 

 

                              "สติไม่ได้มีไว้เพื่อต่อสู้กับความโกรธหรือความสิ้นหวัง
                                                หากมีไว้เพื่อรับรู้
                                       การมีสติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็คือ
                      การรับรู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างดำรงอยู่ที่นั่นในปัจจุบันขณะ


                                  สติ คือ ความสามารถที่จะตระหนักรู้ว่า
                                       กำลังเกิดอะไรขึ้นในชั่วขณะนั้น



                                      นี่จึงไม่ใช่การเก็บกดหรือการต่อสู้
                                       ทว่าเป็นการรับรู้ เวลาที่รับรู้โทสะ
                                     เราจะโอบกอดมันไว้ด้วยความระลึกรู้
                                        ด้วยความอ่อนโยนอย่างยิ่งยวด


                           หากห้องของเธอเย็น แล้วเธอเปิดเครื่องทำความร้อน
                                เครื่องก็จะเริ่มปล่อยกระแสลมร้อนออกมา
                            อากาศเย็นไม่ต้องออกไปจากห้องเพื่อให้อบอุ่นขึ้น
                      ทว่ามันจะถูกลมร้อนเข้าโอบล้อมจนอุ่น ไม่มีการต่อสู้ปะทะกัน

                                เราเอาใจใส่ดูแลความโกรธด้วยวิธีเดียวกัน
                          สติจะรับรู้ความโกรธ ตระหนักรู้ถึงการเกิดขึ้นของมัน
                                       ยอมรับและปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้น


                                         สติเปรียบเสมือนพี่ชายคนโต
                                ที่ไม่ได้กดข่มความทุกข์ของน้องชายไว้
                           หากจะบอกว่า "น้องรัก พี่อยู่เคียงข้างน้องที่นี่แล้ว"
                    เธอจะอุ้มน้องไว้ แล้วปลอบประโลม นี่คือวิธีที่เราปฏิบัติจริงๆ

                      ลองนึกถึงแม่ที่กำลังโมโหลูกน้อย และตีลูกเวลาที่เขาร้องไห้
                              "แม่คนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองและลูกคือคนคนเดียวกัน"
                                       เราเป็นแม่ของโทสะในตัวเราเอง
                        และเราต้องช่วยเหลือลูกน้อยหรือความโกรธของตัวเอง
                                               ไม่ใช่ต่อสู้ฟาดฟันมัน

                    "ความโกรธก็คือตัวเรา และความกรุณาก็คือตัวเราด้วย"

                                    การทำสมาธิ ไม่ได้หมายถึงการต่อสู้
                                  การปฏิบัติสมาธิควรเป็นไปเพื่อการยอมรับ
                                    และการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่การห้ำหั่น"

          

 

                      




Create Date : 28 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 1:26:35 น.
Counter : 1977 Pageviews.

7 comments
  
สวัสดีครับ
สติกับความโกธรเป็นของคู่กัน
คิดว่าคำสอนดีๆ ไม่ควรจะมีกรอบที่นิกายนะครับ
มีความสุขในวันหยุดครับ
โดย: moresaw วันที่: 28 ตุลาคม 2555 เวลา:8:02:29 น.
  
สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 วันหยุด




โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 28 ตุลาคม 2555 เวลา:10:47:56 น.
  
"วันธรรมดา......ที่บังเอิญว่าพิเศษ"




. . . ยินดีในสิ่งที่ตนได้ . . .

. . . พอใจในสิ่งที่ตนมี . . .

. . . เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก . . .

*~*~*~*...ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 28 ตุลาคม 2555 เวลา:20:38:24 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ

มหายานมีแนวคิดที่แตกต่างอยู่บ้าง
แต่โดยแก่นแล้ว
ก็ไม่ไ่ด้ต่างจากหินยานเลย

ถ้าอ่านให้ครบทุกด้านมุม
ผมว่าความแตกต่างนี่ล่ะครับ
ที่เป็นเสน่ห์และทำให้เราศึกษาศาสนาพุทธอย่างสนุกสนานเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:6:03:01 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog

ชอบบล็อคครั้งนี้มากเหมือนทุก ๆ บล็อคที่พี่หมออัพค่ะ อ่านแล้วได้อะไรดี ๆ จากสิ่งที่พี่หมอเอามาแชร์ไว้เยอะแยะมากมายเลย
โดย: Enjoy with me วันที่: 30 ตุลาคม 2555 เวลา:12:22:37 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ

ต้องบอกว่าโชคดีมากครับที่ได้ครูแอนเป็นครู
ดูแลหมิงหิมงมาสองปีติดกันเลย

ทั้งบันทึกภาพน่ารักๆของเด็ก
และทั้งยังเขียนบันทึกลงเฟซไว้ตลอดครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:5:22:14 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณหมอ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:6:50:41 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหว่อง
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31