Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
ยูโทเปีย เล่มที่ 2 ทองคำ เงินและวิธีเก็บรักษา

ทองคำ เงินและวิธีเก็บรักษา

ดังนั้นพวกเขาจึงได้สะสมทองและเงินไว้มากจนประมาณมิได้ แต่เขาก็มิได้เก็บมันไว้ในรูปของทรัพย์สมบัติ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะบอกท่านว่าพวกเขาเก็บมันอย่างไร เพราะกลัวว่าท่านจะไม่เชื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเองก็คงจะไม่เชื่อถ้ามีใครมาบอกข้าพเจ้าเช่นนั้น เว้นแต่ว่าข้าพเจ้าได้มาเห็นด้วยตาของข้าพเจ้าเอง เพราะเกือบจะเป็นจริงอยู่เสมอว่ายิ่งสิ่งใดแตกต่างจากที่ผู้คนเคยชินเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะเชื่อเท่านั้น จากความจริงที่ว่าขนบประเพณีของชาวยูโทเปียแตกต่างกับของเราเป็นอย่างมากนี้ ผู้พิจารณาที่ฉลาดจะไม่ประหลาดใจเลยเมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช้เงินและทองอย่างที่เราใช้กัน เนื่องจากพวกเขาเก็บเงินและทองไว้ใช้เฉพาะยามเมื่อคับขันอย่างหนัก พวกเขาจึงระมัดระวังไม่ให้ผู้ใดให้คุณค่าโลหะเหล่านี้มากกว่าที่มันควรจะเป็น อย่างที่เห็นชัดอยู่แล้วว่าเหล็กนั้นมีคุณค่าเหนือกว่าทั้งเงินและทองมาก มนุษย์ไม่อาจขาดเหล็กได้เช่นเดียวกันกับที่มนุษย์ไม่อาจขาดไฟและน้ำ แต่ทองและเงินไม่มีคุณสมบัติที่จำเป็น ความโฉดเขลาของมนุษย์ทำให้มันมีราคาขึ้นมาเพราะมันหาได้ยาก ธรรมชาติก็เฉกเช่นผู้ปกครองที่ฉลาดและโอบอ้อมอารีที่ได้ให้ของที่ดีที่สุดอยู่ทุกหนทุกแห่งและในที่แจ้ง เช่น อากาศ น้ำ และพื้นแผ่นดิน แต่ธรรมชาติซ่อนสิ่งที่ไร้คุณค่าและเปล่าประโยชน์ไว้ในที่ที่ไกลออกไป

ถ้าพวกเขาเก็บทองและเงินไว้ในหอคอยแล้วมีคนเฝ้าคนโง่ๆก็อาจสงสัยว่ากษัตริย์และสภาสูงหลอกลวงประชาชนและมุ่งหวังผลประโยชน์บางอย่างสำหรับพวกตนเอง ถ้าเขาจะทำเป็นจานและเครื่องโลหะชุบทองและเงิน เขาก็คงไม่อยากจะเสียเครื่องใช้เหล่านั้นและละลายเป็นแท่งเพื่อจ่ายให้แก่ทหารรับจ้าง เพื่อแก้ปัญหานี้เขาได้คิดแผนการณ์ซึ่งสอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับขนบธรรมเนียมของเขา แต่ตรงกันข้ามกับของเราแผนการณ์นี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับเรา (เว้นแต่ผู้ที่ฉลาดอย่างยิ่งในหมู่เรา) เพราะเราถือว่าทองมีคุณค่าอย่างยิ่งและเก็บรักษามันอย่างระมัดระวัง กล่าวคือ ในขณะที่เครื่องใช้ไม้สอยในการกินและการดื่มของพวกเขาทำจากกระเบื้องและแก้วที่สวยงามแต่ไม่แพง พวกหม้อปัสสาวะและม้านั่ง ทั้งในตึกสาธารณะและในบ้านกลับทำด้วยทองและเงิน พวกเขาใช้ทองทำโซ่และตรวนสำหรับทาสของเขาด้วย พวกเขาจับคนโทษใส่แหวนทองที่หู ใส่แหวนทองที่นิ้ว สวมปลอกคอทองคำรอบคอ และสวมมงกุฎทองคำบนศีรษะ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพวกเขาถือว่าทองและเงินเป็นสิ่งที่น่าเยาะหยัน

ผลก็คือเมื่อมีความจำเป็นต้องสละสิ่งเหล่านี้ ซึ่งคนอื่นจะยอมเสียไปด้วยความปวดร้าวราวกับว่าอวัยวะสำคัญในตัวถูกตัดออกไปนั้น จะไม่มีชาวยูโทเปียสักคนที่นึกว่าตนเสียอะไรมากกว่าเหรียญหนึ่งเพนนี พวกเขาพบไข่มุกตามชายฝั่งทะเล เพชร และพลอยตามหินบางแห่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยออกไปค้นหามัน ถ้าเขาพบมันโดยบังเอิญเขาก็จะขัดถูมันและนำมาประดับตัวเด็กเล็กๆ เมื่อยังเป็นเด็กอยู่พวกเขาก็นิยมชมชอบในเครื่องประดับอย่างนั้น แต่เมื่อโตขึ้นก็ไม่สนใจและเห็นว่ามีแต่เด็กๆเท่านั้นที่เล่นกับของเล่นอย่างนั้น นี่เป็นผลมาจากความรู้สึกเรื่องอะไรเหมาะอะไรควรของพวกเขาเอง หาได้เกิดจากคำสั่งบิดามารดาไม่ คือเหมือนกับเด็กๆที่ขว้างลูกนัท เครื่องราง ตุ๊กตาทิ้งไปเมื่อเขาโตขึ้นนั่นเอง

ขนบประเพณีและสถาบันที่แตกต่างกันก่อให้เกิดความคิดและทัศนคติที่แตกต่างกันออกไปอย่างมากมาย นี่เป็นความจริงที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นปรากฏที่ไหนชัดยิ่งไปว่าพฤติกรรมของทูตานุฑูตชาวอะนิโมเลียน5 ซึ่งมายังนครอะมอโรต์ขณะที่ข้าพเจ้ายังอยู่ที่นั่น เพราะเหตุว่าพวกนี้มาเจรจาความสำคัญ พลเมืองสามคนจากแต่ละนครจึงมาจากอะมอโรต์เพื่อพบปะกับเขา บรรดาทูตจากรัฐใกล้เคียง อย่างน้อยที่สุดผู้ที่เคยมาที่นั่นแล้วย่อมรู้ดีว่าเสื้อผ้าสวยๆงามๆไม่ใช่สิ่งที่ชาวยูโทเปียยกย่อง ชาวยูโทเปียเห็นว่าผ้าไหมเป็นสิ่งที่น่าเย้ยหยันและทองคำเป็นของที่น่าอาย พวกนี้จึงมายังยูโทเปียอย่างธรรมดาที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่เมื่อชาวอะนิโมเลียนซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปและไม่ค่อยได้มีความสัมพันธ์กับชาวยูโทเปียเห็นผู้คนแต่งกายอย่างหยาบๆเหมือนกันหมดก็คิดว่าชาวยูโทเปียไม่มีอะไรอื่นที่จะใช้ ชาวอะนิโมเลียนเองเป็นผู้ที่หยิ่งมากกว่าฉลาดจึงตกลงใจที่จะแต่งกายอย่างหรูหราราวกับพระเจ้าและตั้งใจจะทำให้ชาวยูโทเปียผู้ยากจนต้องตาพร่าพรายไปเพราะเครื่องแต่งกายของตน ทูตสามคนเข้าเมืองโดยมีผู้ติดตามร้อยคน ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสี หลายคนใส่ชุดไหม และเนื่องจากพวกนี้เป็นชนชั้นสูงในดินแดนของตน ทูตทั้งหลายจึงสวมเสื้อคลุมทำด้วยผ้าทอง สวมสร้อยคอ ตุ้มหู แหวน ซึ่งทำด้วยทองคำทั้งสิ้น แม้แต่หมวกก็ยังมีสายโซ่ทองคำ ไข่มุก และอัญมณีอื่นๆเรียงรายประดับเต็มไปหมด กล่าวสั้นๆก็คือประดับประดาไปด้วยบรรดาสิ่งซึ่งชาวยูโทเปียเห็นเป็นสัญญลักขณ์ของความเป็นทาส เครื่องหมายของการถูกลงโทษหรือของเล่นสำหรับเด็ก ช่างเป็นภาพที่น่ามองเหลือเกิน เมื่อชาวอะนิโมเลียนชูคอขณะที่พวกเขาเปรียบเทียบเครื่องแต่งกายของตนกับของชาวยูโทเปียเพราะผู้คนพรั่งพรูออกมาจนเต็มถนนไปหมด เป็นเรื่องที่น่าขบขันไม่น้อยที่จะคิดว่าพวกอะนิโมเลียนช่างอยู่ไกลเหลือเกินจากความหวังที่เขาอยากสร้างรอยประทับใจแก่ชาวยูโทเปีย เพราะในสายตาของชาวยูโทเปียนั้น ยกเว้นไม่กี่คนที่เคยไปประเทศอื่นมาแล้ว การวางท่าและความหรูหราเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าอาย ชาวยูโทเปียแสดงความเคารพต่อชนชั้นต่ำที่สุดด้วยคิดว่าเป็นเจ้านาย และไม่สนใจบรรดาทูตเองเลย เหตุว่าสร้อยคอทองคำของพวกเขาทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแต่งกายเยี่ยงทาส และท่านควรจะได้เห็นเด็กๆซึ่งได้ละทิ้งไข่มุก เพชรพลอยไปแล้ว สะกิดให้มารดาของตนดูเมื่อเห็นเพชรพลอยที่ประดับอยู่ที่หมวกของบรรดาทูตและกล่าวว่า “ดูสิแม่ เห็นไหมไอ้โง่ตัวโตนั้นสวมใส่ไข่มุกและเพชรพลอยราวกับว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ !” แล้วมารดาก็จะตอบอย่างเป็นการเป็นงานว่า “เงียบๆไว้ลูก แม่คิดว่าเขาเป็นตัวตลกคนหนึ่งของท่านทูต” คนอื่นๆก็ตำหนิสายโซ่คอทองคำว่าไร้ประโยชน์และเบาบางเสียจนทาสคนใดก็อาจหักได้ และก็หลวมเสียจนบุคคลใดเมื่อปรารถนาก็อาจขยับให้หลุดและหนีไปได้ แต่หลังจากที่ทูตทั้งหลายได้อยู่ที่นั่นวันสองวันและได้เห็นทองถูกๆและเงินจำนวนมากซึ่งถูกเยาะเย้ยโดยชาวยูโทเปียเช่นเดียวกับที่มันถูกเทิดทูนโดยชาวอะนิโมเลียน และเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ว่าทองคำและเงินในโซ่ตรวนของทาสเพียงคนเดียวในยูโทเปียก็มีมากกว่าเครื่องประดับของทูตทั้งสามด้วยแล้วพวกเขาก็หมดความโอหัง เขาละทิ้งเครื่องประดับทั้งหมดที่เขาประดับมาอย่างอายๆแต่ก็อย่างเต็มใจ เมื่อได้สนทนาและเรียนรู้ขนบประเพณีและความคิดของชาวยูโทเปีย


* * * * * * * * *


5 Anemolian มาจากภาษากรีก anemolias ซึ่งแปลว่าลมจัด


Create Date : 08 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2550 0:48:42 น. 0 comments
Counter : 1321 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ende
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




I do my thing and you do your thing.
I am not in this world to live up to your expectations,
And you are not in this world to live up to mine.
You are you, and I am I,
And if by chance we find each other, it's beautiful.
If not, it can't be helped.

(Fritz Perls, 1969)
Friends' blogs
[Add ende's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.