Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
ยูโทเปีย เล่มที่ 2 ศาสนาของชาวยูโทเปีย (5)

(ต่อ)


พวกเขาไม่ใช้สัตว์ในการบวงสรวง เพราะคิดว่าพระเจ้าผู้ทรงให้ชีวิตแก่สัตว์เหล่านี้คงจะไม่พอพระทัยกับการฆ่ามัน พวกเขาเผากำยานและพรมน้ำหอมและจุดเทียนขี้ผึ้ง แต่ก็ไม่ได้คิดว่านั่นจะเป็นประโยชน์อะไรต่อองค์ธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ เพราะแม้แต่บทสวดก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรก็พระเจ้า แต่ชาวยูโทเปียเชื่อว่านี่เป็นการบูชาที่ปราศจากอันตราย และเชื่อว่ามนุษย์รู้สึกดีขึ้นด้วยกลิ่น แสง และพิธี และจะเข้าร่วมในการบูชาพระเจ้าด้วยใจจดจ่อยิ่งขึ้น

ภายในวิหารประชาชนสวมชุดขาว ส่วนพระสวมเสื้อคลุมหลากสีซึ่งเป็นผลงานที่ใช้ความสามารถสูงและสวยงามแต่ก็ไม่ได้ทำจากผ้าราคาแพง ไม่ได้ปักสลับด้วยเส้นด้ายทองคำหรืออัญมณีอื่นๆหากแต่แซมด้วยขนนกต่างๆอย่างชำนาญเสียจนคุณค่าของงานฝีมือนั้นไม่มีทางทำให้น้อยค่าลงโดยสิ่งที่มีราคาที่สุดได้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังกล่าวด้วยว่ามีความลึกลับบางอย่างแฝงเป็นสัญญลักษณ์อยู่ในลวดลายของขนนกบนเสื้อคลุมของพระซึ่งมีความหมายที่พวกพระถ่ายทอดต่อๆกันมาอย่างระมัดระวังเพื่อเตือนให้มนุษย์นึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระเจ้าและหน้าที่ของตนที่มีต่อทั้งพระเจ้าและที่มีต่อกันและกัน

ทันทีที่พระสวมเสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องที่ต่อกับวิหาร ประชาชนก็ก้มลงหมอบอยู่กับพื้นด้วยความเคารพและความเงียบ ทำให้เกิดความรู้สึกน่ายำเกรงราวกับว่าพระเจ้าเสด็จลงมาอยู่ที่นั่นจริงๆ หลังจากที่พวกเขาหมอบอยู่พักหนึ่งก็ลุกขึ้นเมื่อพระให้สัญญาณ จากนั้นพวกเขาก็ร้องเพลงสวดประกอบด้วยเสียงจากเครื่องดนตรีซึ่งแตกต่างจากที่เคยเห็นกันในโลกของเรา มีอยู่หลายอย่างที่ไพเราะกว่าของเราแต่บางอย่างก็ด้อยกว่า แต่ของพวกเขาดีกว่าของพวกเราอยู่อย่างหนึ่งแน่นอน คือ ดนตรีของพวกเขาทุกอย่างทั้งเสียงร้องและเครื่องล้วนแต่เลียนแบบและแสดงออกซึ่งความรู้สึกและสำเนียงที่เข้ากันอย่างดีกับโอกาสหรือเรื่องราว ไม่ว่าน้ำเสียงของเพลงสวดจะร่าเริง อ้อนวอน เป็นทุกข์ โศกเศร้าหรือโกรธเคือง ดนตรีนั้นสอดแทรกและดลใจของผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ในตอนท้ายพระและประชาชนก็สวดอย่างเคร่งตามบทซึ่งแต่งในลักษณะที่แม้จะสวดร่วมกันแต่ละคนก็รู้สึกว่าคำสวดนั้นใช้ได้กับตน

ในบทสวดนี้แต่ละคนยอมรับพระเจ้าว่าเป็นผู้สร้าง ผู้ปกครองและผู้กำหนดสรรพสิ่งที่ดีทั้งปวง ทุกคนขอบคุณพระเจ้าที่ประทานผลประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะความเมตตาของพระองค์ ตนจึงได้เกิดมาในรัฐนี้ซึ่งเป็นรัฐที่มีความผาสุกที่สุดและที่ให้เขาเกิดมาในศาสนานี้ซึ่งเขาหวังว่าเป็นศาสนาที่แท้จริงที่สุด ถ้าพวกเขาเข้าใจผิดในเรื่องนี้ คือถ้ามีสังคมใดหรือศาสนาใดซึ่งเป็นที่ยอมรับของพระเจ้ามากยิ่งกว่านี้ พวกเขาก็อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงเปิดเผยให้พวกเขารู้ด้วยน้ำพระทัยเมตตาของพระองค์ เพราะพวกเขาพร้อมที่จะตามไปไม่ว่าพระองค์จะนำพวกเขาไปแห่งใด แต่ถ้าการจัดระเบียบทางสังคมของพวกเขาดีที่สุดแล้วและศาสนาของพวกเขาจริงแท้ที่สุดแล้วพวกเขาก็อ้อนวอนขอให้พวกเขายึดมั่นในสิ่งนี้ และนำมนุษยชาติที่เหลือมาสู่ระเบียบแห่งชีวิตอันเดียวกันและความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน นอกเสียจากว่าโดยเจตนารมณ์อันไม่อาจหยั่งรู้ได้ของพระองค์เองพระองค์จะทรงปรารถนาให้มีศาสนาต่างๆกันอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

จากนั้นพวกเขาก็อธิษฐานว่าหลังจากการตายอันง่ายดายแล้วขอพระเจ้าทรงรับพวกเขาแต่ละคนเข้าไว้กับพระองค์ พวกเขามิได้หาญที่จะกำหนดเวลาว่าพวกเขาควรจะถึงเวลาที่จะต้องจากไปช้าหรือเร็วอย่างไรแต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่อาจเป็นที่ปรารถนาได้โดยไม่เป็นการก้าวร้าวต่อพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาก็ขอตายไปเร็วๆ แม้ว่าจะเป็นการตายแบบยากแค้นยิ่งกว่าจะต้องอยู่ห่างจากพระองค์นานต่อไปแม้กับวิถีชีวิตที่มั่งคั่งที่สุด เมื่อจบบทสวดนี้แล้ว พวกเขาก็โค้งลงกับพื้นอีกครั้ง และจากนั้นอีกเล็กน้อยก็ลุกขึ้น และกลับไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน เวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับการละเล่นและการซ้อมรบ


Create Date : 29 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2550 2:10:17 น. 0 comments
Counter : 741 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ende
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




I do my thing and you do your thing.
I am not in this world to live up to your expectations,
And you are not in this world to live up to mine.
You are you, and I am I,
And if by chance we find each other, it's beautiful.
If not, it can't be helped.

(Fritz Perls, 1969)
Friends' blogs
[Add ende's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.